แชร์

บทที่ 31 หรงมามา

ผู้เขียน: BigM00N
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-22 22:38:48

เมื่อส่งสุ่ยฮูหยินแล้วโม่ชิงเยว่ก็เดินกลับเรือนหลัก แต่เมื่อเห็นเงาของคนผู้หนึ่งอยู่แถวเรือนของนาง นางก็หันไปโบกมือไล่สาวใช้ที่ติดตามนางมาให้จากไปแล้วจึงได้เดินเข้าไปหาเขา

“ท่านกลัวว่าผู้อื่นจะไม่รู้ว่าท่านกลับมาแล้วเช่นนั้นหรือ เหตุใดจึงได้มาวนเวียนอยู่ที่นี่ดุจภูตผีที่มาขอส่วนบุญเล่า” คำถามของโม่ชิงเยว่ทำให้คนของซ่งเหวินจิ้งลอบสบตากันแล้วก็พากันล่าถอยออกไป

“ข้าก็แค่เป็นห่วงเจ้า กลัวว่าเจ้าจะไม่ทันเล่ห์ของคนสกุลสุ่ย ช่วงนี้สกุลสุ่ยมีความประพฤติที่ไม่ดีเท่าใดนัก คบหากับคนที่ไม่ควรจะคบหาทำให้ฝ่าบาทกำลังจับตามองพวกเขาอยู่ หากเป็นไปได้เจ้าอย่าได้ข้องแวะกับพวกเขา” คำพูดของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่ขมวดคิ้ว

“คนไม่ดีที่ท่านเอ่ยถึงใช่ท่านหรือไม่” คำถามของนางทำให้ซ่งเหวินจิ้งจ้องมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอึดอัดนางจึงได้เอ่ยต่อเพื่ออธิบายความข้องใจของตนเอง

“องค์ชายรองประสูติจากองค์ฮองเฮาที่มาจากสกุลสุ่ย ท่านเป็นคนขององค์ชายรองมิใช่หรือนั่นไม่เท่ากับว่าท่านก็ข้องเกี่ยวกับคนสกุลสุ่ยมิใช่หรือ ยังไม่นับคนรักของท่านที่ยามนี้ถูกคุมขังอยู่ที่ศาลบรรพชนนั่นอีก” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งได้แต่ทอดถอนใจออกมา เขามองคนของเขาแวบหนึ่งเมื่อเห็นว่าล่าถอยไปกันจนหมดแล้ว เขาจึงได้เอ่ยกับนางตามตรง

“อันที่จริงข้าก็อยากจะอธิบายเรื่องของสุ่ยอี้โหรวให้เจ้ารับรู้ แต่เจ้ากลับไม่เคยคิดจะฟังข้าเลย ทีนี้เจ้าจงฟังข้าให้ดี ข้าไม่เคยชอบนาง ที่นางแต่งเข้ามาข้าไม่รู้เรื่องเลยสักนิดทุกอย่างเป็นการจัดการของท่านแม่ของข้า” เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ทำสีหน้าราวกับไม่อยากจะเชื่อเขาจึงได้เอ่ยต่อ

“ข้าทำงานรับใช้ฝ่าบาท กลับจวนน้อยมากแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปทำความรู้จักกับสุ่ยอี้โหรว ตอนเด็กเคยเป็นสหายกันก็จริงแต่นั่นมันก็ตอนที่อายุเพียงแค่เจ็ดแปดขวบ เจ้าคิดว่าข้าจะเป็นเด็กแก่แดดแก่ลมชอบสตรีตั้งแต่ยังไม่แตกเนื้อหนุ่มได้อย่างไร ยังไม่นับที่ตอนนั้นสุ่ยอี้โหรวยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงที่ฟันน้ำนมหลุดไปจนเกือบหมดปากแถมฟันแท้ก็ยังขึ้นไม่ครบ เจ้าคิดว่ายามนั้นนางจะมีสิ่งใดมาดึงดูดใจข้าได้กันเล่า” คำพูดของเขาทำให้โม่ชิงเยว่จ้องมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม เขาจึงได้เอ่ยต่อ

“ข้าสาบานเลย ข้าไม่เคยได้นอนร่วมห้องกับนางเลยสักครั้ง อย่าว่าแต่นางเลยกับเจ้าข้าก็แทบจะไม่ได้กลับมานอนร่วมห้องกับเจ้า ภารกิจในยามนั้นของข้าอยู่กับคมหอกคมดาบทุกวัน กว่าจะได้อยู่กับเจ้าได้ก็เป็นตอนที่ข้ายินดีที่จะยกทัพไปเข่นฆ่าหม่าป๋อซางให้ฝ่าบาทแล้ว” เมื่อซ่งเหวินจิ้งเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่จึงได้พยักหน้า

“อ่อ ถ้ามีเวลาเพียงพอยามนี้ท่านกับนางก็คงจะได้ร่วมหอกันไปนานแล้วสินะ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็ส่ายหน้า

“ไม่ใช่แบบนั้น ที่ข้าอยากจะบอกกับเจ้าก็คือสกุลสุ่ยมียาปลุกกำหนัดที่ไร้รสไร้สีและไร้กลิ่น ขนาดข้าที่ถูกฝึกมาอย่างดีก็ยังเคยพลาดมาแล้ว” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางชี้ไปในเรือนที่ซ่งจื่อเหยาและซ่งจื่อเยว่พำนักแล้วเอ่ยออกมาเสียงเบา

“คืนนั้นที่ลูกของพวกเราถือกำเนิดก็เพราะข้าถูกสุ่ยอี้โหรววางยา ข้าควบคุมตนเองไม่ได้ก็เลยรีบไปหาเจ้า” เขาเอ่ยโดยไม่สบตานาง ใบหูที่แดงก่ำอย่างกะทันหันของเขาทำให้โม่ชิงเยว่ขมวดคิ้ว

“อ่อ ท่านจะบอกว่าหากไม่ใช่เพราะฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดท่านก็จะไม่ร่วมหอกับข้าเช่นกันใช่ไหม” เมื่อโม่ชิงเยว่เอยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็ส่ายหน้า

“ใช่ที่ไหนกันเล่า! ถ้าข้าไม่อยากร่วมหอกับเจ้าข้าจะขอพระราชทานสมรสกับเจ้าทำไม เฮ้อ...อย่ามัวเอ่ยถึงเรื่องนั้นข้าไม่มีเวลามากแล้ว โม่ชิงเยว่! ที่ข้ามาหาเจ้าก็เพื่อจะบอกกับเจ้าว่าให้ระวังสกุลสุ่ย ที่จริงแล้วสกุลสุ่ยไม่น่ากลัวหรอกแต่ที่น่ากลัวก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังสกุลสุ่ยต่างหาก ยามนี้ข้ากับองค์ชายรองกำลังสืบหาหลักฐานความเกี่ยวพันของพวกเขาอยู่ ทั้งสกุลสุ่ย ฉินอ๋องและสกุลหม่าของแคว้นต้าเป่ย” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยแล้วก็จ้องมองนางด้วยสีหน้าอึดอัด

“ที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นความลับที่ไม่อาจจะเปิดเผยแต่ข้ามาบอกกับเจ้าก่อนด้วยกังวลถึงความปลอดภัยของเจ้า” เมื่อซ่งเหวินจิ้งเอ่ยเช่นนี้มาชิงเยว่ก็พึมพำออกมาเพื่อทบทวนความทรงจำของตนเอง

“สกุลหม่าของแคว้นต้าเป่ย ท่านพ่อของข้าเคยเอ่ยถึง” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า

“ข้าลักลอบกลับเมืองหลวงมาเพื่อมาสืบเรื่องนี้ เมื่อได้ยินว่ายามนี้สกุลสุ่ยพุ่งความสนใจมาที่เจ้าข้ากังวลว่าพวกเขาอาจจะมีแผนการกับเจ้า ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องได้รับความเดือดร้อนเพราะข้าอีกแล้ว” คำพูดของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่พยักหน้า

“ข้าเองก็ไม่อยากจะปล่อยให้ตนเองต้องได้รับความเดือดร้อนเพราะท่านเช่นกัน แต่จะว่าไปแล้วสกุลสุ่ยก็มีพิรุธจริงๆ ไม่คิดจะช่วยเหลือบุตรสาวกลับไปอีกทั้งไม่เอ่ยถึงนางเลยด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้ยังส่งคนมาทวงถามถึงนางอยู่บ้างแต่ยามนี้ราวกับว่าตัดขาดนางออกจากสกุลสุ่ยแล้ว” โม่ชิงเยว่เอ่ยพึมพำออกมาแล้วก็จ้องมองซ่งเหวินจิ้ง เขาก็ส่ายหน้า

“ข้าไม่เข้าใจการต่อสู้ของสตรีในเรือนหลังเท่าใดนัก ทำได้แค่เพียงเตือนเจ้าให้ถอยห่างจากคนเหล่านั้นเพียงเท่านั้น ก่อนหน้านี้ข้าปกป้องเจ้าไม่ได้ตอนนี้ก็ยังไม่อาจจะออกหน้าปกป้องเจ้าอย่างเต็มที่ได้ ยามนี้สิ่งที่พอจะทำได้ก็แค่เพียงหาคนที่สามารถช่วยเหลือเจ้าได้ในเรื่องที่เจ้าไม่ถนัดเพียงเท่านั้น” เข้าเอ่ยพลางหันไปส่งสัญญาณให้คนของเขาพาคนผู้หนึ่งออกมา

“นี่คือหรงมามา นางเคยเป็นอดีตข้าหลวงในวังข้าไปเชิญนางมาเพื่อให้นางคอยติดตามเจ้า ทั้งเรื่องกฎระเบียบของสตรีในเรือนหลัง การวางตัวและการแต่งกาย ที่สำคัญข้าคิดว่านางอาจจะช่วยเหลือเจ้าในเรื่องการรับมือกับบรรดาสตรีในเรือนหลังได้” คำพูดของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่หันไปสำรวจมามาผู้นั้นอย่างละเอียด อายุของหรงมามาไม่ได้น้อยไปกว่าฮูหยินผู้เฒ่าสกุลซ่งผู้เป็นแม่สามีของนาง แต่สีหน้าและแววตาของหรงมามากลับทำให้รู้สึกว่ามามาผู้นี้ผ่านร้อนผ่านหนาวและผ่านประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมาแล้วอย่างโชกโชน และที่สำคัญบุคลิกของมามาผู้นี้ทำให้โม่ชิงเยว่รู้สึกว่าน่าเคารพนบนอบมากกว่าแม่สามีของนางเสียอีก

“ชิงเยว่ เจ้าอาจจะรู้สึกว่าข้าไม่ใช่สามีที่ดี ไม่ใช่คนที่สมควรจะฝากชีวิตแล้ว แต่สิ่งหนึ่งข้าอยากจะให้เจ้ารู้ก็คือข้าหวังดีต่อเจ้าเสมอ เพียงแต่ที่ผ่านมาเป็นเพราะข้าโง่เขลาคิดอ่านไม่รอบคอบ และที่สำคัญคิดไม่ถึงว่าท่านแม่และน้องสาวของข้าจะคิดรังเกียจเจ้าจนถึงขั้นนี้” คำพูดของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่ส่ายหน้า

“นี่ไม่ใช่เวลามาแก้ตัว ที่ข้าอยากรู้ก็คือเหตุใดท่านจึงได้คิดว่าหรงมามาผู้นี้จะสามารถช่วยข้าได้” คำถามของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งตอบออกมาอย่างระมัดระวัง

“เรื่องวรยุทธ์ป้องกันตัวเจ้ายังพอมีติดกายอยู่บ้าง แต่เรื่องการต่อสู้ในเรือนหลังข้าคิดว่าเจ้ายังต้องการความช่วยจากผู้มากประสบการณ์” เมื่อซ่งเหวินจิ้งเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็พลันส่ายหน้า

“คงไม่ใช่ว่าท่านคิดอยากจะส่งคนมาคอยสอดแนมข้ากระมัง” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งยิ้มออกมา

“ถ้าหากข้าอยากจะส่งคนมาสอดแนมเจ้าคงไม่จำเป็นต้องไปเชื้อเชิญหรงมามาหรอก” คำพูดของเขาทำให้โม่ชิงเยว่ร้อง ฮึ! ออกมา ส่วนหรงมามาที่พอจะเข้าใจสถานการณ์ของสองสามีคู่นี้มาแล้วถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้มประดับอยู่

“นิ่งอันโหวฮูหยินโปรดวางใจ บ่าวได้รับมอบหมายให้มาคอยช่วยเหลือท่านเพียงเท่านั้นและที่สำคัญบ่าวรับปากกับนิ่งอันโหวแล้วว่าจะรับคำสั่งของท่านแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นต่อไปหากนิ่งอันโหวออกคำสั่งที่ขัดต่อความเห็นของท่าน บ่าวจะไม่ยินยอมทำตามคำสั่งของนิ่งอันโหวเจ้าค่ะ” คำพูดของหรงมามาทำให้ซ่งเหวินจิ้งชะงักไปแต่เมื่อคิดได้ว่าตอนที่ไปเชิญนางรับปากกับเขาเช่นนี้จริงๆ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะโต้แย้งคำพูดของหรงมามาได้

“ถ้าเช่นนั้นต่อไปข้าคงต้องรบกวนมามาแล้ว” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางยิ้มออกมาแล้วจึงได้หันไปมองซ่งเหวินจิ้งด้วยสายตาของผู้ที่อยู่เหนือกว่า

“ถ้าเช่นนั้นต่อไปนี้หรงมามาคือคนของข้า ขอให้ท่านทำความเข้าใจในจุดนี้ด้วย” โม่ชิงเยว่รู้สึกถูกชะตากับมามาผู้นี้ แต่นางไม่อยากจะใช้คนร่วมกับซ่งเหวินจิ้งดังนั้นเรื่องการใช้คนจึงต้องมีการแบ่งแยกกันให้ชัดเจน

“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ข้าต้องไปแล้ว” เมื่อเอ่ยจบเขาก็พยักหน้ากับหรงมามาแล้วจึงได้รีบเร้นกายออกจากจวนโดยมีคนของเขาติดตามออกไปด้วย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 32 แผนการในใจ

    ยามที่ชุ่ยเหมยได้พบกับหรงมามาเดิมทีนางก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใดด้วยรู้ดีว่าโม่ชิงเยว่ต้องการคนที่สามารถไว้ใจได้มาคอยช่วยดูแลอยู่ข้างกาย แต่เมื่อได้รู้ว่าหรงมามาได้รับการแนะนำมาจากผู้ใดทำให้นางอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้จนต้องสอบถามโม่ชิงเยว่ออกมาตามตรง“ในเมื่อนางเป็นคนที่ท่านโหวพามา แล้วฮูหยินก็ยังยินดีที่จะให้นางมาอยู่ข้างกายอีกหรือเจ้าคะ” คำถามของชุ่ยเหมยทำให้โม่ชิงเยว่พยักหน้า“เขาจะมาไม้ไหนข้าเองก็อยากจะรู้ อีกไม่กี่วันข้าก็ต้องไปที่สกุลสุ่ยแล้ว ข้ากำลังขาดคนข้างกายที่จะคอยแนะนำเรื่องการคบค้าสมาคมกับบรรดาสตรีที่อยู่ในเรือนหลังของบรรดาขุนนางชั้นสูงพอดี เจ้าก็รู้ว่าเมื่อก่อนเพราะท่านแม่ชาติกำเนิดไม่สูง อีกทั้งท่านพ่อก็ไม่ได้ถือกำเนิดในแวดวงเดียวกันกับชนชั้นสูงเหล่านั้น ข้าจึงแทบจะไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของบรรดาสตรีที่เป็นชนชั้นสูงของแคว้นเหลียนดังเช่นบุตรสาวของแม่ทัพคนอื่นๆ เลย” โม่ชิงเยว่เอ่ยออกมาพลางจ้องมองด้านนอกหน้าต่างด้วยรอยยิ้มแล้วจึงได้เอ่ยต่อ“คนสกุลสุ่ยมีแผนการเช่นไรกับข้า ตัวข้าเองก็อยากจะรู้เช่นกัน คิดจะเหยียบย่ำข้าเพื่อแก้แค้นให้สุ่ยอี้โหรวหรือว่าคิดจะใช้ข้าเป็นข

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 31 หรงมามา

    เมื่อส่งสุ่ยฮูหยินแล้วโม่ชิงเยว่ก็เดินกลับเรือนหลัก แต่เมื่อเห็นเงาของคนผู้หนึ่งอยู่แถวเรือนของนาง นางก็หันไปโบกมือไล่สาวใช้ที่ติดตามนางมาให้จากไปแล้วจึงได้เดินเข้าไปหาเขา“ท่านกลัวว่าผู้อื่นจะไม่รู้ว่าท่านกลับมาแล้วเช่นนั้นหรือ เหตุใดจึงได้มาวนเวียนอยู่ที่นี่ดุจภูตผีที่มาขอส่วนบุญเล่า” คำถามของโม่ชิงเยว่ทำให้คนของซ่งเหวินจิ้งลอบสบตากันแล้วก็พากันล่าถอยออกไป“ข้าก็แค่เป็นห่วงเจ้า กลัวว่าเจ้าจะไม่ทันเล่ห์ของคนสกุลสุ่ย ช่วงนี้สกุลสุ่ยมีความประพฤติที่ไม่ดีเท่าใดนัก คบหากับคนที่ไม่ควรจะคบหาทำให้ฝ่าบาทกำลังจับตามองพวกเขาอยู่ หากเป็นไปได้เจ้าอย่าได้ข้องแวะกับพวกเขา” คำพูดของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่ขมวดคิ้ว“คนไม่ดีที่ท่านเอ่ยถึงใช่ท่านหรือไม่” คำถามของนางทำให้ซ่งเหวินจิ้งจ้องมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอึดอัดนางจึงได้เอ่ยต่อเพื่ออธิบายความข้องใจของตนเอง“องค์ชายรองประสูติจากองค์ฮองเฮาที่มาจากสกุลสุ่ย ท่านเป็นคนขององค์ชายรองมิใช่หรือนั่นไม่เท่ากับว่าท่านก็ข้องเกี่ยวกับคนสกุลสุ่ยมิใช่หรือ ยังไม่นับคนรักของท่านที่ยามนี้ถูกคุมขังอยู่ที่ศาลบรรพชนนั่นอีก” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 30 ตอบรับคำเชิญ

    หลังจากทำการคารวะและเยี่ยมเยียนผู้อาวุโสที่จวนสกุลเจียงเรียบร้อยแล้วโม่ชิงเยว่ก็พาลูกๆ ของนางกลับจวน แม้ว่าเด็กทั้งสองจะรบเร้าขอให้นางพาพวกเขาไปนั่งรถม้าเล่นรอบเมืองแต่เพราะวันนี้นางทิ้งจวนออกมาข้างนอกนานแล้วจึงกังวลว่าภายในจวนจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น จึงได้แต่สัญญากับลูกๆ ว่าวันหน้านางจะหาโอกาสพาพวกเขาออกไปเที่ยวเล่นซึ่งพวกเขาก็ยินยอมรับคำสัญญาด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังเมื่อกลับไปถึงจวนนิ่งอันโหวแล้วโม่ชิงเยว่ก็สั่งให้ชุ่ยเหมยพาซ่งจื่อเหยาและซ่งจื่อเยว่กลับเรือนพักไปก่อน ส่วนนางก็ไปสะสางบัญชีกับผู้คุมบัญชีที่ห้องหนังสือก่อน หลังจากที่สะสางบัญชีเสร็จเรียบร้อยแล้วนางก็ตั้งใจว่าจะกลับเรือนไปกินอาหารร่วมกับลูกๆ แต่ยังไม่ทันออกจากห้องบัญชีกลับมีสาวใช้ผู้หนึ่งเดินเข้ามารายงานนางด้วยน้ำเสียงระมัดระวังเข้าเสียก่อน“ฮูหยินเจ้าคะ สุ่ยฮูหยินมาขอเข้าพบฮูหยินเจ้าค่ะ” คำพูดประโยคนี้ของสาวใช้ทำให้โม่ชิงเยว่พลันเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ“เจ้าหมายถึงสุ่ยฮูหยินผู้เป็นภรรยาเอกของท่านเจ้ากรมพิธีการสุ่ยน่ะหรือ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยถามเช่นนี้สาวใช้ผู้นั้นก็พยักหน้า“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ยามนี

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 29 นับญาติกับสกุลพ่อค้า

    แม้ว่าจะรู้สึกเห็นใจมารดาของตนแต่เมื่อคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเจียงเองก็เป็นมารดาเช่นเดียวกันย่อมจะรักและเป็นห่วงลูกมากเป็นธรรมดา เพียงแต่การแสดงออกอาจจะรุนแรงเกินไปหน่อยทำให้พลาดพลั้งเอ่ยคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจออกมา ส่วนมารดาของนางก็เป็นคนอ่อนแอที่ไม่กล้าทำตามที่ใจของตนคิด สิ่งที่ท้าทายที่สุดในชีวิตก็คือการเลือกแต่งกับคนที่ครอบครัวไม่เห็นด้วย พอถูกมารดาเอ่ยวาจาตัดขาดก็เศร้าเสียใจจนทำสิ่งใดไม่ถูก พอคิดได้ก็สายไปเสียแล้ว ก่อนที่เจียงหวั่นหว่านผู้เป็นมารดาจะตายความปรารถนาสุดท้ายก็คืออยากจะขอขมาฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเจียง นางในฐานะบุตรสาวจึงได้ทำตามความปรารถนาสุดท้ายของมารดาด้วยตนเอง“เดิมทีตอนที่ท่านพ่อได้เป็นแม่ทัพใหญ่แล้ว ท่านแม่ก็เคยคิดว่าจะมาขอขมาท่านยายด้วยตนเอง แต่เพราะเกิดล้มป่วยขึ้นมาเสียก่อนจึงไม่ได้มีโอกาสมาขอขมาท่าน ยามนี้ข้าจึงขอเป็นตัวแทนท่านแม่มาขอขมาท่านยายแทนท่านแม่นะเจ้าคะ” เมื่อเอ่ยจบโม่ชิงเยว่ก็เดินไปคุกเข่าลงตรงหน้าฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเจียงแล้วโขกศีรษะเพื่อขอขมานางอย่างเต็มพิธีการ“ต้องโทษที่ก่อนหน้านี้หลานโง่เขลา ไม่รู้จักมาขอขมาตามความตั้งใจของท่านแม่ ทำให้ท่านยายยังคงขุ่นเคือ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 28 จวนสกุลเจียง

    เมื่อจวนนิ่งอันโหวอยู่ในความสงบเรียบร้อยดีแล้วโม่ชิงเยว่จึงได้จัดเตรียมของขวัญและของกำนัลหลายคันรถเพื่อนำไปเป็นของกำนัลให้แก่คนสกุลเจียง ในฐานะที่นางเป็นฮูหยินแต่กลับถูกคนในจวนโหวกดขี่มานานถึงสามปีข้าวของเหล่านี้นางจึงถือว่าเป็นของชดเชยที่นางควรจะได้รับ ในเมื่อเป็นของที่นางควรจะได้รับนางก็มีสิทธิ์ที่จะนำไปมอบให้แก่ผู้ใดก็ได้ ดังนั้นวันต่อมานางจึงได้พาลูกทั้งสองไปคารวะเยี่ยมเยียนเหล่าผู้อาวุโสในจวนสกุลเจียงด้วยตนเองพร้อมด้วยของกำนัลอีกหลายคันรถยามที่นางลงจากรถม้าซุนต้าเหนียงผู้เป็นฮูหยินใหญ่ของสกุลเจียงเป็นผู้มารอรับนางด้วยตนเอง แม้ว่าโม่ชิงเยว่จะไม่เคยพบหน้าแต่เมื่อได้เห็นสัญญาณที่ชุ่ยเหมยส่งมาให้นางก็รีบพาลูกๆ ไปคารวะซุนต้าเหนียงในทันที“โม่ชิงเยว่คารวะท่านป้าสะใภ้ใหญ่เจ้าค่ะ” ซุนต้าเหนียงรีบเบี่ยงกายหลบการคารวะของนางแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความยกย่องอย่างเต็มที่“ข้าเป็นแค่เพียงสตรีจากสกุลพ่อค้าจะรับการคารวะจากนิ่งอันโหวฮูหยินได้อย่างไร แค่ท่านยินดีมาเป็นแขกที่จวนสกุลเจียงของข้าก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติข้าและสกุลเจียงแล้ว” เมื่อซุนต้าเหนียงเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ส่ายหน้า“ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 27 ได้เวลาตอบแทน

    หลังออกจากจวนโหวมาแล้วซ่งเหวินจิ้งก็เร่งรุดไปที่บ้านหลังหนึ่ง สถานที่แห่งนั้นแม้ว่าจะตั้งอยู่ในกำแพงของเมืองหลวงแต่กลับเปลี่ยวร้างและห่างไกล บ้านที่เขาเดินเข้าไปสภาพภายนอกบ้านทั้งเก่าและทรุดโทรมแต่เมื่อเดินเข้าไปด้านในกลับแตกต่างจากสภาพด้านนอกเป็นอย่างมาก สภาพเรือนด้านในทั้งสะอาดสะอ้านเครื่องเรือนที่ใช้ประดับตกแต่งล้วนเป็นของใหม่ แม้ว่าจะดูเรียบง่ายและเน้นการใช้งานอย่างแท้จริงแต่เมื่อสังเกตดีๆ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าล้วนเป็นของดีที่หาซื้อได้ยาก“เป็นอย่างไรบ้าง! เจ้าสะสางเรื่องส่วนตัวเรียบร้อยแล้วหรือ” คำถามขององค์ชายรองที่ประทับอยู่ด้านในทำให้ซ่งเหวินจิ้งทอดถอนใจออกมาด้วยความหนักใจ“ยังไม่นับว่าเรียบร้อยพ่ะย่ะค่ะ แค่กระหม่อมยืดเวลาที่จะแตกหักออกไปเพียงเท่านั้น คนเช่นนางถ้าได้ลองตัดสินใจแล้วต่อให้เป็นท่านแม่ทัพโม่ผู้เป็นพ่อตาของกระหม่อมลุกขึ้นมาจากหลุมด้วยตนเองก็ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนใจของนางได้” คำพูดของซ่งเหวินจิ้งทำให้องค์ชายรองทรงส่ายพระพักตร์“ข้าไม่รู้ว่าสมควรจะเห็นใจเจ้าหรือว่าควรจะสมน้ำหน้าเจ้าดี เอาเป็นว่าข้าพูดได้คำเดียวว่า…ข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว” เมื่อองค์ชายรองทรงตรัสเช่นนี้ซ่ง

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 26 ขอหย่า

    เรื่องราวความวุ่นวายของเรือนหลังในจวนนิ่งอันโหวถูกเอ่ยถึงอย่างแพร่หลาย โม่ชิงเยว่ไม่คิดจะปกปิดข่าวลือใดๆ แถมยังให้ชุ่ยเหมยนำเงินบางส่วนไปมอบให้แก่ชาวบ้านที่พูดถึงเรื่องนี้อย่างลับๆ และกำชับไปว่าเรื่องที่พวกเขากำลังเอ่ยถึงเหล่านี้ฮูหยินของจวนนิ่งอันโหวเช่นนางล้วนเป็นผู้ถูกกระทำ เรื่องราวที่นางถูกส่งไปอยู่เรือนเหมันต์และถูกรังแกสารพัดถูกเอ่ยถึงอย่างแพร่หลายอีกทั้งยังแพร่กระจายออกไปในหมู่ชาวบ้าน แน่นอนว่าความยากลำบากที่ชาวบ้านเหล่านั้นเอ่ยถึงล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น ซึ่งนางเชื่อว่าข่าวลือเหล่านี้ย่อมจะทำให้คนผู้หนึ่งนั่งไม่ติดแน่และจะต้องมาหานางในเร็ววันนี้เป็นแน่หลังจากที่นางย้ายออกจากเรือนเหมันต์เข้ามาอยู่ในเรือนหลักก็มีเรื่องราวมากมายให้ต้องจัดการ ทั้งการกำจัดข้ารับใช้ที่ไว้ใจไม่ได้ทั้งพยายามรวบรวมอำนาจการดูแลจวนทั้งหมดมาไว้ในมือ แน่นอนว่าเรื่องการดูแลจวนไม่ใช่เรื่องที่นางถนัด ดังนั้นนางจึงต้องส่งชุ่ยเหมยไปขอยืมคนที่สามารถไว้ใจได้มาจากสกุลเจียงให้คอยช่วยเหลือนาง แต่ถึงกระนั้นนางก็พยายามที่จะศึกษาและเรียนรู้พลางคิดถึงความฝันที่ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำทำโม่ชิงเยว่ไม่คิดจะถอดใจ นางเอ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 25 ยั่วยุ

    โม่ชิงเยว่จ้องมองสีหน้าที่เต็มไปด้วยโกรธแค้นและชิงชังบนใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าด้วยความพึงพอใจ ยามนี้สิ่งที่นางต้องการก็คือทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ามีโทสะมากที่สุดยิ่งมีโทสะมากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลดีต่อนางมากเท่านั้น“เหตุใดข้าจึงจะไม่กล้าเล่าเจ้าคะ ข้าทนเสแสร้งมาถึงสามปี ประสบกับความยากลำบากมาตั้งเท่าไหร่ท่านย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ข้าเคยป่วยจนเกือบตายมาแล้วเสียด้วยซ้ำก็เพราะอยากจะเอาชนะใจท่าน แต่ยามนี้ข้ารู้แล้วว่าตัวข้านั้นโง่เขลา หวังใช้ความดีเอาชนะใจสามี ใช้ความกตัญญูขอความเมตตาจากท่าน แต่พอใกล้ตายขึ้นมาข้าจึงพึ่งจะคิดได้ว่าข้าคิดผิด เหตุใดจะต้องเอาชนะใจเขาด้วยเล่าในเมื่อข้าเองก็ไม่ได้มีใจให้เขา เหตุใดจะต้องขอความเมตตาจากท่านในเมื่อต่อให้ข้าตายไปท่านก็ไม่มีวันที่จะมอบความเมตตาให้” โม่ชิงเยว่เอ่ยออกมาตามที่ใจคิดแล้วจึงได้เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“ยามนี้โอกาสของข้ามาถึงแล้ว ในเมื่อท่านและบุตรสาวของท่านคิดจะเล่นงานข้าให้ถึงตาย ข้าก็ควรจะตอบแทนท่านให้มากสักหน่อย” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็ร้อง เฮอะ! แล้วส่ายหน้า“เจ้าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้ จำที่ท่านผู้บัญชาการเยี่ยเอ่ยเตือนเจ้าไม่ได้

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 24 ไล่ออกจากเรือนฝูโซ่ว

    ยามที่ฮูหยินผู้เฒ่าตื่นขึ้นมาแล้วได้ยินว่าซ่งเหวินหนิงถูกจับตัวไปที่กรมอาญาแล้วนางก็เป็นลมหมดสติไปอีกครั้ง พอฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้งนางก็บอกกับเฉินมามาว่านางจะไปตีกลองร้องทุกข์ที่กรมอาญา แล้วประกาศให้ผู้คนภายนอกรู้ว่าบุตรชายและสะใภ้ของนางนั้นเป็นคนอกตัญญู..“หากฮูหยินผู้เฒ่าทำเช่นนั้นไม่ใช่แค่เพียงท่านโหวจะได้รับความยุ่งยาก แม้แต่ตัวท่านเองก็อาจจะถูกผู้คนภายนอกหัวเราะเยาะด้วยนะเจ้าค่ะ ยังไม่นับคนสกุลสุ่ยอีกหากพวกเขารู้ว่าเกิดข้อพิพาทระหว่างฮูหยินและท่านโหว พวกเขาจะต้องหาช่องว่างเพื่อโจมตีท่านกลับแน่เจ้าค่ะ” คำพูดของเฉินมามาทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง“แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรจะทำเช่นไรดี ถ้าโม่ชิงเยว่ยึดอำนาจการปกครองเรือนไปแล้วข้าจะอยู่อย่างไร ยังมีหนิงเอ๋อของข้าอีก ยามนี้ชีวิตของนางป่นปี้แล้วข้าควรจะทำเช่นไรดี” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามด้วยสีหน้าสับสน ดวงตาอันล่องลอยของนางทำให้เฉินมามาได้แต่ทอดถอนใจออกมา นางอยู่กับฮูหยินผู้เฒ่ามาตั้งแต่สาวจนแก่ชรา นี่นับเป็นครั้งแรกที่ฮูหยินผู้เฒ่ามีท่าทางอับจนหนทางเช่นนี้“เรื่องนี้ข้าเองก็จนปัญญาเจ้าค่ะ” เฉินมามาเอ่ย

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status