Accueil / รักโบราณ / ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์ / บทที่ 6 ความเหน็ดเหนื่อยของท่านโหว

Share

บทที่ 6 ความเหน็ดเหนื่อยของท่านโหว

Auteur: BigM00N
last update Dernière mise à jour: 2025-05-20 12:15:24

อากาศในเมืองหลวงเริ่มอบอุ่นแล้วแต่อากาศทางชายแดนกลับยังคงหนาวเหน็บ การบุกโจมตีครั้งสุดท้ายได้เริ่มขึ้น ซ่งเหวินจิ้งควบม้าควงดาบนำทัพเข้าฟาดฟันศัตรูอย่างไม่หวั่นเกรง ช่วงสองปีมานี้การศึกยืดเยื้อสิ้นเปลืองทั้งเสบียงและกำลังพลเป็นอย่างมาก หากสงครามยังยืดเยื้อต่อไปเช่นนี้ล้วนไม่ส่งผลดีต่อขวัญและกำลังใจของคนในกองทัพ คืนนี้เขาจึงวางแผนการใหญ่ใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อหวังให้ทัพของข้าศึกมาติดกับ

ยามนี้ทัพของข้าศึกน่าจะติดกับดักที่เขาวางเอาไว้แล้ว ทหารของข้าศึกที่มาโอบล้อมเขาและคนของเขาไว้ต่างก็มีสีหน้าฮึกเหิมและลำพอง ยามที่หม่าป๋อซางแม่ทัพใหญ่ของแคว้นต้าเป่ยขี่ม้าเดินหน้าเข้ามาหาเขาสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ

“ผู้ใดฆ่าแม่ทัพใหญ่แคว้นเหลียนได้ ข้าจะตกรางวัลให้เป็นอย่างงาม” คำพูดของหม่าป๋อซางทำให้คนของเขาต่างพากันโห่ร้องออกมาอย่างคึกคะนองทุกสายตาต่างจ้องมองมาที่ซ่งเหวินจิ้ง เขาแค่เพียงยิ้มออกมายามนี้หม่าป๋อซางยินยอมออกมาเผชิญหน้ากับเขาแล้วย่อมหมายความว่าการศึกในครั้งนี้กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว

“ปัง!” เสียงพลุไฟส่งสัญญาณในมือของซ่งเหวินจิ้งถูกส่งออกไปส่วนตัวเขานั้นดีดตัวออกจากหลังม้าทะยานร่างไปยังทิศที่ม้าของหม่าป๋อซางกำลังยืนอยู่ ความปราดเปรียวและความว่องไวของเขาทำให้คนที่ใช้ตนเองเป็นเกราะกำบังให้หม่าป๋อซางไม่อาจจะโจมตีเขาได้ เมื่อเห็นว่าคนของตนร่วงหล่นลงไปจากหลังม้าราวกับใบไม้ที่ปลิดปลิว หม่าป๋อซางก็ยกลำทวนของตนเองขึ้นตั้งใจว่าจะเด็ดหัวของซ่งเหวินจิ้งให้ได้ในการสะบัดทวนเพียงครั้งเดียว

“ควับ!” เสียงการฟาดฟันของทวนที่ทั้งหนักและรุนแรงเฉียดศีรษะของซ่งเหวินจิ้งไปเพียงเฉียดฉิวเขาพลิกลำตัวหลบอย่างว่องไวแล้วใช้ดาบใหญ่ที่ถือมาฟันเข้าไปที่ท่อนแขนที่ถือทวนด้ามนั้นแล้วใช้ความว่องไวตวัดดาบอีกครั้งตัดศีรษะของหม่าป๋อซางได้ในทันที ทันทีที่ตัดศีรษะของศัตรูได้เขาก็คว้าศีรษะของทัพของข้าศึกแล้ว๙ขึ้นเหนือศีรษะในทันที

“แม่ทัพของพวกเจ้าแพ้แล้ว พวกเจ้าเองก็เช่นกันหากไม่อยากตายก็จงทิ้งดาบเสียแล้วคนของข้าจะยินยอมไว้ชีวิต” แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้นแต่จะมีผู้ใดกล้าเชื่อคำพูดของเขากันเล่า แม่ทัพตายขวัญและกำลังใจย่อมท้อถอย เหล่าทหารของแคว้นต้าเป่ยก็ต่างพากันแยกย้ายหลบหนีอย่างไม่เป็นกระบวน แต่กองกำลังที่โอบล้อมเข้ามากลับไม่คิดจะปล่อยให้ถอยหนี เสียงต่อสู้เสียงกรีดร้องและกลิ่นอายของความตายตลบอบอวลไปทั่ว ซ่งเหวินจิ้งจ้องมองคนของเขาที่ยามนี้กำลังต่อสู้อย่างได้เปรียบด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ เสียงลูกธนูที่พุ่งเข้ามาทำให้เขาต้องรีบขยับตัวหลบปลายศรอย่างเฉียดฉิว แต่กลับหลบคมดาบที่ฟาดฟันเข้ามาไม่พ้น..

“เจ้าฆ่าพ่อของข้า ข้าก็จะข้าเจ้า” หม่าเหลียงซานบุตรชายคนเล็กของหม่าป๋อซางตะโกนออกมาพลางฟาดฟันดาบเข้ามาที่ร่างของซ่งเหวินจิ้งอีกครั้ง แต่คราวนี้เขากลับหลบได้แล้วใช้ดาบของตนเองแทงทะลุร่างของเด็กหนุ่มผู้นั้นด้วยสายตาอันเยือกเย็น เด็กหนุ่มอายุน่าจะไม่เกินสิบห้าปีจ้องมองเขาภายใต้คมดาบด้วยสายตาอันแค้นเคือง แต่ซ่งเหวินจิ้งกลับจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา

“หากข้าไม่ข้าพ่อของเจ้า คนที่ต้องตายก็คงจะเป็นข้า เจ้าเองก็เช่นกันเดิมทีข้าคิดจะปล่อยเจ้าไป แต่ในเมื่อเจ้ารนหาที่ก็จงตายภายใต้คมดาบของข้าเถอะ” เมื่อเอ่ยจบเขาก็ดึงดาบของตนเองออกมาแล้วมองเด็กหนุ่มตรงหน้าสิ้นใจล้มลงไปบนพื้น

“ท่านแม่ทัพท่านได้รับบาดเจ็บนี่” เสียงของจ้าวหานทำให้ซ่งเหวินจิ้งก้มลงมามองที่ตนเอง คมดาบที่ฟาดฟันเขามาทำให้ต้นแขนของเขาได้รับบาดแผลฉกรรจ์ หากเมื่อครู่นี้เขาช้าไปอีกนิดส่วนที่ถูกฟันก็คงจะเป็นคอของเขาแทน

“เก็บกวาดทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วประกาศชัยชนะของพวกเราออกไป” เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทุกทิศ ลูกน้องใต้อาณัติของเขาต่างก็โห่ร้องด้วยความยินดี ชัยชนะที่ได้มาในครั้งนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่าแม่ทัพของพวกเขาต้องเอาชีวิตของตนเองเข้ามาเสี่ยงโดยใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อ หากพลาดพลั้งไปคนที่ตายก็คือท่านแม่ทัพผู้นี้และบรรดาคนสนิทของเขา ยามนี้กองทัพได้รับชัยชนะแล้วและแม่ทัพของพวกเขาก็ยังคงมีชีวิตอยู่ข่าวดีเช่นนี้พวกเขาจะไม่รู้สึกยินดีได้อย่างไร

หลังได้รับชัยชนะกองกำลังแดนใต้ของซ่งเหวินจิ้งก็ยังคงต้องตรึงกำลังรักษาความสงบอยู่ที่นี่ คนที่ได้รับบาดเจ็บหากสามารถเดินทางกลับบ้านได้เขาก็จะส่งตัวกลับ ส่วนคนที่ล้มตายก็จัดการส่งค่าตอบแทนและค่าทำขวัญกลับไปให้ครอบครัวของพวกเขาอย่างสมน้ำสมเนื้อ ส่วนซ่งเหวินจิ้งที่ได้รับบาดเจ็บก็ยังคงรักษาร่างกายอยู่ในกระโจมที่พัก ยามนี้เมื่อเว้นว่างจากการทำศึกแล้วเรื่องแรกที่เขาคิดถึงก็คือเรื่องของที่บ้าน

“ฮูหยิน ไม่ได้ส่งข่าวคราวอะไรมาถึงข้าบ้างเลยหรือ” คำถามของเขาทำให้จ้าวหานนิ่งเงียบไป

“ไม่มีขอรับ มีเพียงจดหมายสอบถามด้วยความเป็นห่วงจากฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูและสุ่ยอี๋เหนียงเพียงเท่านั้น” คำพูดของจ้าวหานทำให้ซ่งเหวินจิ้งขมวดคิ้ว

“แล้วเรื่องที่บอกว่านางมีชายอื่น นั่นมันเรื่องอะไรกันมีพยานหลักฐานแล้วหรือจึงได้เชื่อกันว่านางมีชายอื่น”

“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้ขอรับ รอท่านแม่ทัพกลับจวนไปก็น่าจะรู้เรื่องเอง” เมื่อจ้าวหานเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็ส่ายหน้า

“ข้าจะกลับไปได้อย่างไร ในเมื่อที่นี่ยังยุ่งเหยิงเช่นนี้” เขาเอ่ยพลางทอดถอนใจออกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย

ก่อนจะนำทัพออกรบเขากับมารดาขัดแย้งกันด้วยเรื่องของโม่ชิงเยว่ นางเป็นบุตรสาวของอดีตผู้บัญชาการของเขา ความเอาแต่ใจตนเองของนางย่อมจะมีมากสักหน่อย อีกทั้งยังมีเรื่องที่เขาแต่งสุ่ยอี้โหรวเข้าจวนไปพร้อมกันกับนางอีกเรื่องนี้นางไปถือโทษโกรธเคืองเขาก็นับว่าดีมากแล้ว การที่นางยังคงไม่ตอบโต้การกระทำของมารดาของเขาก็นับว่านางใช้ความอดทนอย่างถึงที่สุดแล้วเช่นกัน

ส่วนสุ่ยอี้โหรวนั้นเขาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดนางจึงอยากจะแต่งเข้าจวนเขาให้ได้ นางเคยเป็นสหายในวัยเด็กของเขาก็จริงแต่ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น แต่ไม่รู้ว่านางไปพูดกับที่บ้านของเขาเช่นไรจึงทำให้มารดาของเขาแต่งนางเข้าจวนมาในฐานะอนุของเขา คุณหนูใหญ่สกุลสุ่ยจะมาเป็นอนุได้อย่างไรแถมมารดาของเขายังจงใจแต่งนางเข้าจวนมาวันเดียวกับที่เขาแต่งภรรยาเอกอีก เรื่องนี้หากถึงพระเนตรพระกรรของฝ่าบาทจะไม่เท่ากับว่าจวนโหวของเขาจงใจดูหมิ่นราชโองการหรือ เขาต้องวิ่งวุ่นเข้าวังไปถวายรายงานอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้กับฝ่าบาทไม่ได้หลับไม่ได้นอนเกือบทั้งคืนพอกลับจวนมาก็พบว่าทั้งมารดาและน้องสาวกำลังจะลงไม้ลงมือกับโม่ชิงเยว่แล้ว

นางเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านแม่ทัพโม่เหิง หากนางลงมือตอบโต้ขึ้นมาแม้แต่บุรุษภายในจวนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง ด้วยกังวลว่ามารดาจะถูกทำร้ายเขาจึงรีบเข้าไปห้ามเอาไว้คิดไม่ถึงว่ามารดาของเขาจะเข้าใจว่าเขาไม่โปรดปรานนาง ทำให้นางกลายเป็นที่รังเกียจของทุกคนภายในจวน เขาเคยพยายามจะแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ แต่รู้สึกว่ายิ่งทำก็ยิ่งแย่ส่วนโม่ชิงเยว่นั้นนางก็ทำตัวไม่เหมือนกับโม่ชิงเยว่ที่เขาเคยรู้จัก เก่งงานบ้านงานเรือน พยายามเอาอกเอาใจแม่สามี พยายามเอาอกเอาใจเขา เรื่องวรยุทธ์นางไม่เคยสนใจเลยสักนิด.... ไม่สนใจกับผีนะสิ แม้แต่เขาก็ยังเคยพ่ายแพ้ให้นาง แล้วนางจะไม่สนใจเรื่องวรยุทธ์ได้อย่างไร

ยามนี้ที่บ้านส่งข่าวมาบอกเขาว่านางมีสัมพันธ์ลับกับบุรุษอื่น เขาก็ยังสงสัยว่าบุรุษที่ไหนจะไปต้องตานางเข้า เท่าที่เขารู้นอกจากชุ่ยเหมยผู้งดงามแล้วนางก็ไม่เคยข้องแวะกับผู้ใด แม้แต่เขาผู้เป็นสามีนางยังเฉยชาต่อเขาเลยและดูเหมือนว่านางจะจำเขาไม่ได้ด้วยว่าเขาเคยอยู่ที่จวนของนางมาก่อน แค่เห็นนางมีชุ่ยเหมยอยู่เคียงข้างเขาก็รู้สึกอึดอัดใจและคับข้องใจมากแล้วหากนางมีบุรุษอื่นจริงเขาคงไม่ต้องถือดาบไปสู้กับนางหรือ.. เพียงแต่ตอนนี้เขาคงต้องสะสางเรื่องทางนี้ก่อน เมื่อกลับบ้านไปแล้วค่อยสะสางเรื่องยุ่งเหยิงที่บ้านอีกที.. แต่ตอนนี้หลายสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ช่างทำให้เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยหัวใจเหลือเกิน

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status