Home / รักโบราณ / ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์ / บทที่ 6 ความเหน็ดเหนื่อยของท่านโหว

Share

บทที่ 6 ความเหน็ดเหนื่อยของท่านโหว

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-20 12:15:24

อากาศในเมืองหลวงเริ่มอบอุ่นแล้วแต่อากาศทางชายแดนกลับยังคงหนาวเหน็บ การบุกโจมตีครั้งสุดท้ายได้เริ่มขึ้น ซ่งเหวินจิ้งควบม้าควงดาบนำทัพเข้าฟาดฟันศัตรูอย่างไม่หวั่นเกรง ช่วงสองปีมานี้การศึกยืดเยื้อสิ้นเปลืองทั้งเสบียงและกำลังพลเป็นอย่างมาก หากสงครามยังยืดเยื้อต่อไปเช่นนี้ล้วนไม่ส่งผลดีต่อขวัญและกำลังใจของคนในกองทัพ คืนนี้เขาจึงวางแผนการใหญ่ใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อหวังให้ทัพของข้าศึกมาติดกับ

ยามนี้ทัพของข้าศึกน่าจะติดกับดักที่เขาวางเอาไว้แล้ว ทหารของข้าศึกที่มาโอบล้อมเขาและคนของเขาไว้ต่างก็มีสีหน้าฮึกเหิมและลำพอง ยามที่หม่าป๋อซางแม่ทัพใหญ่ของแคว้นต้าเป่ยขี่ม้าเดินหน้าเข้ามาหาเขาสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ

“ผู้ใดฆ่าแม่ทัพใหญ่แคว้นเหลียนได้ ข้าจะตกรางวัลให้เป็นอย่างงาม” คำพูดของหม่าป๋อซางทำให้คนของเขาต่างพากันโห่ร้องออกมาอย่างคึกคะนองทุกสายตาต่างจ้องมองมาที่ซ่งเหวินจิ้ง เขาแค่เพียงยิ้มออกมายามนี้หม่าป๋อซางยินยอมออกมาเผชิญหน้ากับเขาแล้วย่อมหมายความว่าการศึกในครั้งนี้กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว

“ปัง!” เสียงพลุไฟส่งสัญญาณในมือของซ่งเหวินจิ้งถูกส่งออกไปส่วนตัวเขานั้นดีดตัวออกจากหลังม้าทะยานร่างไปยังทิศที่ม้าของหม่าป๋อซางกำลังยืนอยู่ ความปราดเปรียวและความว่องไวของเขาทำให้คนที่ใช้ตนเองเป็นเกราะกำบังให้หม่าป๋อซางไม่อาจจะโจมตีเขาได้ เมื่อเห็นว่าคนของตนร่วงหล่นลงไปจากหลังม้าราวกับใบไม้ที่ปลิดปลิว หม่าป๋อซางก็ยกลำทวนของตนเองขึ้นตั้งใจว่าจะเด็ดหัวของซ่งเหวินจิ้งให้ได้ในการสะบัดทวนเพียงครั้งเดียว

“ควับ!” เสียงการฟาดฟันของทวนที่ทั้งหนักและรุนแรงเฉียดศีรษะของซ่งเหวินจิ้งไปเพียงเฉียดฉิวเขาพลิกลำตัวหลบอย่างว่องไวแล้วใช้ดาบใหญ่ที่ถือมาฟันเข้าไปที่ท่อนแขนที่ถือทวนด้ามนั้นแล้วใช้ความว่องไวตวัดดาบอีกครั้งตัดศีรษะของหม่าป๋อซางได้ในทันที ทันทีที่ตัดศีรษะของศัตรูได้เขาก็คว้าศีรษะของทัพของข้าศึกแล้ว๙ขึ้นเหนือศีรษะในทันที

“แม่ทัพของพวกเจ้าแพ้แล้ว พวกเจ้าเองก็เช่นกันหากไม่อยากตายก็จงทิ้งดาบเสียแล้วคนของข้าจะยินยอมไว้ชีวิต” แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้นแต่จะมีผู้ใดกล้าเชื่อคำพูดของเขากันเล่า แม่ทัพตายขวัญและกำลังใจย่อมท้อถอย เหล่าทหารของแคว้นต้าเป่ยก็ต่างพากันแยกย้ายหลบหนีอย่างไม่เป็นกระบวน แต่กองกำลังที่โอบล้อมเข้ามากลับไม่คิดจะปล่อยให้ถอยหนี เสียงต่อสู้เสียงกรีดร้องและกลิ่นอายของความตายตลบอบอวลไปทั่ว ซ่งเหวินจิ้งจ้องมองคนของเขาที่ยามนี้กำลังต่อสู้อย่างได้เปรียบด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ เสียงลูกธนูที่พุ่งเข้ามาทำให้เขาต้องรีบขยับตัวหลบปลายศรอย่างเฉียดฉิว แต่กลับหลบคมดาบที่ฟาดฟันเข้ามาไม่พ้น..

“เจ้าฆ่าพ่อของข้า ข้าก็จะข้าเจ้า” หม่าเหลียงซานบุตรชายคนเล็กของหม่าป๋อซางตะโกนออกมาพลางฟาดฟันดาบเข้ามาที่ร่างของซ่งเหวินจิ้งอีกครั้ง แต่คราวนี้เขากลับหลบได้แล้วใช้ดาบของตนเองแทงทะลุร่างของเด็กหนุ่มผู้นั้นด้วยสายตาอันเยือกเย็น เด็กหนุ่มอายุน่าจะไม่เกินสิบห้าปีจ้องมองเขาภายใต้คมดาบด้วยสายตาอันแค้นเคือง แต่ซ่งเหวินจิ้งกลับจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา

“หากข้าไม่ข้าพ่อของเจ้า คนที่ต้องตายก็คงจะเป็นข้า เจ้าเองก็เช่นกันเดิมทีข้าคิดจะปล่อยเจ้าไป แต่ในเมื่อเจ้ารนหาที่ก็จงตายภายใต้คมดาบของข้าเถอะ” เมื่อเอ่ยจบเขาก็ดึงดาบของตนเองออกมาแล้วมองเด็กหนุ่มตรงหน้าสิ้นใจล้มลงไปบนพื้น

“ท่านแม่ทัพท่านได้รับบาดเจ็บนี่” เสียงของจ้าวหานทำให้ซ่งเหวินจิ้งก้มลงมามองที่ตนเอง คมดาบที่ฟาดฟันเขามาทำให้ต้นแขนของเขาได้รับบาดแผลฉกรรจ์ หากเมื่อครู่นี้เขาช้าไปอีกนิดส่วนที่ถูกฟันก็คงจะเป็นคอของเขาแทน

“เก็บกวาดทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วประกาศชัยชนะของพวกเราออกไป” เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทุกทิศ ลูกน้องใต้อาณัติของเขาต่างก็โห่ร้องด้วยความยินดี ชัยชนะที่ได้มาในครั้งนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่าแม่ทัพของพวกเขาต้องเอาชีวิตของตนเองเข้ามาเสี่ยงโดยใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อ หากพลาดพลั้งไปคนที่ตายก็คือท่านแม่ทัพผู้นี้และบรรดาคนสนิทของเขา ยามนี้กองทัพได้รับชัยชนะแล้วและแม่ทัพของพวกเขาก็ยังคงมีชีวิตอยู่ข่าวดีเช่นนี้พวกเขาจะไม่รู้สึกยินดีได้อย่างไร

หลังได้รับชัยชนะกองกำลังแดนใต้ของซ่งเหวินจิ้งก็ยังคงต้องตรึงกำลังรักษาความสงบอยู่ที่นี่ คนที่ได้รับบาดเจ็บหากสามารถเดินทางกลับบ้านได้เขาก็จะส่งตัวกลับ ส่วนคนที่ล้มตายก็จัดการส่งค่าตอบแทนและค่าทำขวัญกลับไปให้ครอบครัวของพวกเขาอย่างสมน้ำสมเนื้อ ส่วนซ่งเหวินจิ้งที่ได้รับบาดเจ็บก็ยังคงรักษาร่างกายอยู่ในกระโจมที่พัก ยามนี้เมื่อเว้นว่างจากการทำศึกแล้วเรื่องแรกที่เขาคิดถึงก็คือเรื่องของที่บ้าน

“ฮูหยิน ไม่ได้ส่งข่าวคราวอะไรมาถึงข้าบ้างเลยหรือ” คำถามของเขาทำให้จ้าวหานนิ่งเงียบไป

“ไม่มีขอรับ มีเพียงจดหมายสอบถามด้วยความเป็นห่วงจากฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูและสุ่ยอี๋เหนียงเพียงเท่านั้น” คำพูดของจ้าวหานทำให้ซ่งเหวินจิ้งขมวดคิ้ว

“แล้วเรื่องที่บอกว่านางมีชายอื่น นั่นมันเรื่องอะไรกันมีพยานหลักฐานแล้วหรือจึงได้เชื่อกันว่านางมีชายอื่น”

“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้ขอรับ รอท่านแม่ทัพกลับจวนไปก็น่าจะรู้เรื่องเอง” เมื่อจ้าวหานเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็ส่ายหน้า

“ข้าจะกลับไปได้อย่างไร ในเมื่อที่นี่ยังยุ่งเหยิงเช่นนี้” เขาเอ่ยพลางทอดถอนใจออกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย

ก่อนจะนำทัพออกรบเขากับมารดาขัดแย้งกันด้วยเรื่องของโม่ชิงเยว่ นางเป็นบุตรสาวของอดีตผู้บัญชาการของเขา ความเอาแต่ใจตนเองของนางย่อมจะมีมากสักหน่อย อีกทั้งยังมีเรื่องที่เขาแต่งสุ่ยอี้โหรวเข้าจวนไปพร้อมกันกับนางอีกเรื่องนี้นางไปถือโทษโกรธเคืองเขาก็นับว่าดีมากแล้ว การที่นางยังคงไม่ตอบโต้การกระทำของมารดาของเขาก็นับว่านางใช้ความอดทนอย่างถึงที่สุดแล้วเช่นกัน

ส่วนสุ่ยอี้โหรวนั้นเขาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดนางจึงอยากจะแต่งเข้าจวนเขาให้ได้ นางเคยเป็นสหายในวัยเด็กของเขาก็จริงแต่ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น แต่ไม่รู้ว่านางไปพูดกับที่บ้านของเขาเช่นไรจึงทำให้มารดาของเขาแต่งนางเข้าจวนมาในฐานะอนุของเขา คุณหนูใหญ่สกุลสุ่ยจะมาเป็นอนุได้อย่างไรแถมมารดาของเขายังจงใจแต่งนางเข้าจวนมาวันเดียวกับที่เขาแต่งภรรยาเอกอีก เรื่องนี้หากถึงพระเนตรพระกรรของฝ่าบาทจะไม่เท่ากับว่าจวนโหวของเขาจงใจดูหมิ่นราชโองการหรือ เขาต้องวิ่งวุ่นเข้าวังไปถวายรายงานอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้กับฝ่าบาทไม่ได้หลับไม่ได้นอนเกือบทั้งคืนพอกลับจวนมาก็พบว่าทั้งมารดาและน้องสาวกำลังจะลงไม้ลงมือกับโม่ชิงเยว่แล้ว

นางเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านแม่ทัพโม่เหิง หากนางลงมือตอบโต้ขึ้นมาแม้แต่บุรุษภายในจวนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง ด้วยกังวลว่ามารดาจะถูกทำร้ายเขาจึงรีบเข้าไปห้ามเอาไว้คิดไม่ถึงว่ามารดาของเขาจะเข้าใจว่าเขาไม่โปรดปรานนาง ทำให้นางกลายเป็นที่รังเกียจของทุกคนภายในจวน เขาเคยพยายามจะแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ แต่รู้สึกว่ายิ่งทำก็ยิ่งแย่ส่วนโม่ชิงเยว่นั้นนางก็ทำตัวไม่เหมือนกับโม่ชิงเยว่ที่เขาเคยรู้จัก เก่งงานบ้านงานเรือน พยายามเอาอกเอาใจแม่สามี พยายามเอาอกเอาใจเขา เรื่องวรยุทธ์นางไม่เคยสนใจเลยสักนิด.... ไม่สนใจกับผีนะสิ แม้แต่เขาก็ยังเคยพ่ายแพ้ให้นาง แล้วนางจะไม่สนใจเรื่องวรยุทธ์ได้อย่างไร

ยามนี้ที่บ้านส่งข่าวมาบอกเขาว่านางมีสัมพันธ์ลับกับบุรุษอื่น เขาก็ยังสงสัยว่าบุรุษที่ไหนจะไปต้องตานางเข้า เท่าที่เขารู้นอกจากชุ่ยเหมยผู้งดงามแล้วนางก็ไม่เคยข้องแวะกับผู้ใด แม้แต่เขาผู้เป็นสามีนางยังเฉยชาต่อเขาเลยและดูเหมือนว่านางจะจำเขาไม่ได้ด้วยว่าเขาเคยอยู่ที่จวนของนางมาก่อน แค่เห็นนางมีชุ่ยเหมยอยู่เคียงข้างเขาก็รู้สึกอึดอัดใจและคับข้องใจมากแล้วหากนางมีบุรุษอื่นจริงเขาคงไม่ต้องถือดาบไปสู้กับนางหรือ.. เพียงแต่ตอนนี้เขาคงต้องสะสางเรื่องทางนี้ก่อน เมื่อกลับบ้านไปแล้วค่อยสะสางเรื่องยุ่งเหยิงที่บ้านอีกที.. แต่ตอนนี้หลายสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ช่างทำให้เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยหัวใจเหลือเกิน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 10 การหย่าร้าง

    ในขณะที่ทางฝั่งเรือนใหญ่กำลังชำระความกับสุ่ยอี้โหรว โม่ชิงเยว่ก็กำลังนั่งดื่มด่ำกับน้ำชาที่ชุ่ยเหมยพึ่งจะชงเสร็จ ส่วนเด็กๆ ในยามนี้กำลังนั่งเล่นหุ่นกระบอกไม้ที่ชุ่ยเหมยซื้อมาอย่างเพลิดเพลินเป็นอย่างยิ่ง“ฮูหยิน จะไม่ให้บ่าวไปสืบดูหน่อยหรือว่าเฉินมามาผู้นั้นคุ้มค่ากับเงินที่ท่านจ่ายไปหรือไม่” เมื่อชุ่ยเหมยถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ส่ายหน้า“สถานการณ์ชี้นำขนาดนั้นถ้านางไม่ลงมือก็โง่เต็มทีแล้ว เฮ้อ เพียงแต่เงินที่หามาได้ต้องนำมาใช้จ่ายเพราะเรื่องนี้ข้าล่ะอดรู้สึกปวดใจไม่ได้จริงๆ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ชุ่ยเหมยก็ทอดถอนใจออกมา“ไม่ได้การ บ่าวขอไปดูให้แน่ชัดว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะหูหนวกตาบอดหลงเชื่อคำแก้ตัวของสุ่ยอี๋เหนียงหรือไม่” เมื่อพูดจบชุ่ยเหมยก็รีบเร้นกายออกจากไปในทันที ทำให้โม่ชิงเยว่จำต้องส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจกับนิสัยที่พอคิดได้ก็ลงมือทำเลยของชุ่ยเหมย นิสัยเช่นนี้จะว่าดีก็ถือว่าดีจะว่าแย่ก็ถือว่าแย่ จะทำอะไรหากไม่คิดให้รอบคอบเสียก่อนผลลัพธ์ที่ตามมาก็มักจะเลวร้ายเสมอชุ่ยเหมยหายตัวไปนานกว่าที่คาดไว้แต่โม่ชิงเยว่กลับไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิด ด้วยรู้ดีว่าคนของนางมีไหวพริบที่ดีแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 9 ลงทัณฑ์

    เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของสาวใช้ทำให้สุ่ยอี้โหรวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง เมื่อคืนนี้นางเฝ้ารอให้คนของนางกลับมารายงานผลแต่ก็ไม่มีผู้ใดกลับมา อีกทั้งทางเรือนเหมันต์ก็เงียบกริบราวกับไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น นางไม่อาจจะเข้าไปสอบถามความเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยได้จึงทำได้แค่รอเพียงเท่านั้น เพราะความกังวลใจทำให้นางนอนไม่หลับพลิกตัวไปมาด้วยความกังวลใจแต่แล้วนางหลับใหลไปในยามใดก็สุดรู้ แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเหล่าสาวใช้ ท่าทีแตกตื่นตกใจของพวกนางทำให้นางรีบก้มลงสำรวจตนเองในทันที“กรี๊ด” เสียงร้องของนางทำให้บรรดาผู้คุ้มกันเรือนรีบเข้ามา แต่เมื่อเห็นว่าสภาพร่างกายของนางไม่เรียบร้อยอีกทั้งสาวใช้บางคนเริ่มมีสติแล้วช่วยกันขับไล่พวกเขาให้รีบลงจากเรือน คนที่พอจะมีสติอยู่บ้างรีบห้ามปรามไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในเรือนในทันที“อี๋เหนียง! อี๋เหนียงเจ้าคะ” เสียงของตงฮวาผู้เป็นสาวใช้คนสนิทช่วยเรียกคืนสติของสุ่ยอี้โหรวให้กลับคืนมา ยามนี้ร่างกายของนางนั้นเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์มาปกปิด คราบเลือดที่เปรอะเปื้อนตามลำตัวทำให้เนื้อตัวของนางสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น ชายหนุ่มที่นอนบนเต

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 8 เล่นงานคน

    ยามที่ชุ่ยเหมยกลับมาก็เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว เมื่อนางพบว่ามีศพนอนรออยู่สามศพนางก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด“ฮูหยินเจ้าคะ ทางเรือนใหญ่ลงมือกับท่านอีกแล้วหรือเจ้าคะ” เมื่อนางถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็พยักหน้า“เป็นสุ่ยอี้โหรวน่ะ เพียงแต่คราวนี้ข้าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้แล้ว” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยจบก็ยื่นถุงสมุนไพรในมือให้ชุ่ยเหมย ยามที่เงินไม่ขาดมือชีวิตช่างดีนัก จะซื้อสมุนไพรมาตุนไว้สักเท่าใดก็ไม่เดือดร้อน ตอนที่ท่านพ่อของนางสิ้นจวนสกุลโม่มีทรัพย์สินเหลืออยู่ไม่มากเท่าไหร่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสินเดิมที่เหลืออยู่ของท่านแม่ของนาง นางจึงต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด พอแต่งเข้าจวนโหวแม้ว่าสามีจะมั่งคั่งแต่ในเมื่อแม่สามีไม่โปรดปรานเงินทองที่จะใช้สอยย่อมไม่มีตกมาถึงมือ นางจะไปแบมือขอกับแม่สามีก็ไม่ได้ ส่วนสามีแค่ได้พบหน้าก็ยังจะไม่พบ พอได้เจอหน้ากันนางจะอ้าปากถามเรื่องเงินก็ใช่ที่ มาตอนนี้พอมีเงินที่หามาได้ด้วยตนเองแล้วนางย่อมจะมือเติบอยู่บ้างเป็นธรรมดา“ผงสมุนไพรนี้ แค่โปรยไปในอากาศจะทำให้คนที่สูดดมหลับใหลไม่ได้สติ เจ้าใช้อย่างระมัดระวัง เอาศพของสามคนนี้ไปโยนไว้บนเตียงของสุ่ยอี้โหรว ในเมื่อนางอยากยุแยงใ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 7 หมายปองชีวิต

    ในขณะที่ทางชายแดนยังคงสะสางปัญหาไม่สิ้น แต่ทางจวนโหวนั้นกลับราบรื่นเป็นอย่างยิ่ง เพื่อประจบเอาใจน้องสามีสุ่ยอี้โหรวจำต้องกัดฟันควักเงินถึงแปดสิบตำลึงเพื่อซื้ออาภรณ์ที่ตัดเย็บจากผ้าปักของสกุลเจียง ส่วนทางด้านฮูหยินผู้เฒ่านั้นขอแค่เพียงนางยกยอมากขึ้นสักหน่อย ยอมทำท่าทางนอบน้อมให้มากๆ และยังคงรักษาท่วงท่าของคุณหนูสกุลใหญ่อยู่ก็ย่อมจะได้รับความเอ็นดูมากขึ้นแล้วหญิงชราผู้นี้เอาใจไม่ยาก ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนที่ชอบยกย่องผู้ที่สูงศักดิ์กว่าและชอบเหยียบย่ำผู้ที่ต่ำศักดิ์กว่า ในฐานะที่สุ่ยอี้โหรวเป็นถึงคุณหนูรองสกุลสุ่ยซึ่งเป็นสกุลเดิมของฮองเฮา แต่กลับยินยอมลดฐานะมาเป็นแค่เพียงอนุในจวนโหว ย่อมถือว่าเป็นการให้หน้าแก่ฮูหยินผู้เฒ่าจวนนิ่งอันโหวเป็นอย่างมาก ดังนั้นยามที่นางเอ่ยปากถึงสิ่งใดก็ย่อมจะได้รับการเห็นดีด้วยจากฮูหยินผู้เฒ่าแทบจะทุกครั้ง ยิ่งถ้านำโม่ชิงเยว่มาเปรียบเทียบกับนาง ฐานะคุณหนูสกุลสุ่ยของสุ่ยอี้โหรวย่อมจะต้องดูดีกว่าฐานะของโม่ชิงเยว่ที่เป็นแค่เพียงบุตรสาวกำพร้าของอดีตแม่ทัพที่ตายไปนานแล้วอย่างแน่นอน“ข้าให้พวกเจ้าคอยคุ้มกันจวนให้ดี อย่าให้สาวใช้นางนั้นเล็ดลอดออกจากจวนไปได้ แล้วทำไมนา

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 6 ความเหน็ดเหนื่อยของท่านโหว

    อากาศในเมืองหลวงเริ่มอบอุ่นแล้วแต่อากาศทางชายแดนกลับยังคงหนาวเหน็บ การบุกโจมตีครั้งสุดท้ายได้เริ่มขึ้น ซ่งเหวินจิ้งควบม้าควงดาบนำทัพเข้าฟาดฟันศัตรูอย่างไม่หวั่นเกรง ช่วงสองปีมานี้การศึกยืดเยื้อสิ้นเปลืองทั้งเสบียงและกำลังพลเป็นอย่างมาก หากสงครามยังยืดเยื้อต่อไปเช่นนี้ล้วนไม่ส่งผลดีต่อขวัญและกำลังใจของคนในกองทัพ คืนนี้เขาจึงวางแผนการใหญ่ใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อเพื่อหวังให้ทัพของข้าศึกมาติดกับยามนี้ทัพของข้าศึกน่าจะติดกับดักที่เขาวางเอาไว้แล้ว ทหารของข้าศึกที่มาโอบล้อมเขาและคนของเขาไว้ต่างก็มีสีหน้าฮึกเหิมและลำพอง ยามที่หม่าป๋อซางแม่ทัพใหญ่ของแคว้นต้าเป่ยขี่ม้าเดินหน้าเข้ามาหาเขาสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ“ผู้ใดฆ่าแม่ทัพใหญ่แคว้นเหลียนได้ ข้าจะตกรางวัลให้เป็นอย่างงาม” คำพูดของหม่าป๋อซางทำให้คนของเขาต่างพากันโห่ร้องออกมาอย่างคึกคะนองทุกสายตาต่างจ้องมองมาที่ซ่งเหวินจิ้ง เขาแค่เพียงยิ้มออกมายามนี้หม่าป๋อซางยินยอมออกมาเผชิญหน้ากับเขาแล้วย่อมหมายความว่าการศึกในครั้งนี้กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว“ปัง!” เสียงพลุไฟส่งสัญญาณในมือของซ่งเหวินจิ้งถูกส่งออกไปส่วนตัวเขานั้นดีดตัวออกจากหลังม้าทะยานร่างไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 5 ผ้าปักสกุลเจียง

    เมื่อกำลังใจดีมียาให้ดื่ม อาการล้มป่วยของโม่ชิงเยว่ก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ แม้จะพูดว่าการขายผ้าปักคือการขอความช่วยเหลือจากสกุลเจียง แต่โม่ชิงเยว่กลับพิถีพิถันและลงมือปักผ้าอย่างประณีตบรรจง ลวดลายที่นางออกแบบล้วนเป็นลวดลายที่กำลังได้รับความนิยมในเมืองหลวง นางนำมาดัดแปลงโดยใช้ลายเส้นในรูปแบบเฉพาะของสกุลเจียง แน่นอนว่าสาวใช้ผู้มากไหวพริบของนางก็คือคนที่ออกไปสำรวจความนิยมของผู้คนในเมืองหลวงมาให้ เนื้อผ้าและเส้นไหมที่ใช้ปักนางล้วนเลือกใช้ของชั้นดีสีสันและลายปักจึงดูล้ำค่าเหมาะสมกับราคาที่สกุลเจียงจ่ายมาให้พอมีเงินแล้วชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีขึ้น มีอาหารให้กินจนอิ่มท้องมีที่นอนที่มีความอบอุ่นเพียงพอเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับสี่ชีวิตในเรือนเหมันต์ พออากาศอบอุ่นมากขึ้นชุ่ยเหมยก็มักจะพาเด็กๆ ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านทั้งชักชวนเด็กๆ ให้ช่วยทำแปลงปลูกผักแปลงเล็กๆ ไว้กิน ทั้งฝึกสอนวรยุทธ์ขั้นพื้นฐานให้กับเด็กๆ เพื่อเอาไว้ใช้ป้องกันตัว ทำให้โม่ชิงเยว่มีสมาธิในการออกแบบลวดลายและลงมือปักผ้าได้อย่างเต็มที่ส่วนทางเรือนใหญ่แม้ว่าจะไม่ได้ส่งสิ่งของมาให้แต่ก็มักจะส่งคนมาคอยสอดแนมเป็นระยะ แต่โม่ชิงเยว่ไม่ค

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 4 บำรุงร่างกาย

    ยามที่โม่ชิงเยว่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเช้าวันใหม่แล้ว เพราะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ไม่ได้ลุกขึ้นมาไอกลางดึกอีกทำให้นางหลับรวดเดียวมาจนถึงเช้า กลิ่นหอมของอาหารทำให้นางยิ้มออกมา เสียงเด็กสองคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ด้านนอกพร้อมด้วยเสียงของชุ่ยเหมยที่คอยห้ามปรามพวกเขาไม่ให้ซุกซน ทำให้บรรยากาศด้านนอกเต็มไปด้วยความสดใส โม่ชิงเยว่จึงค่อยๆ ขยับกายลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องนอนของตนไปหาพวกเขา“ฮูหยิน! ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” ชุ่ยเหมยเอ่ยทักทายด้วยความยินดี การที่เจ้านายของนางลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยตนเองได้ทำให้นางโล่งใจ แม้ว่าอากาศภายนอกเรือนจะยังคงหนาวเย็นอยู่ แต่เพราะได้กระถางไฟคอยให้ความอบอุ่นทำให้สีหน้าของทุกคนสดชื่นแจ่มใส ชุ่ยเหมยรีบกุลีกุจอไปช่วยพยุงเจ้านายของตนมานั่งที่โต๊ะอาหาร แล้วตักโจ๊กข้าวขาวเนื้อข้นให้เจ้านายของตนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม“บ่าวต้มโจ๊กเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ทั้งคุณหนูและคุณชายก็ต่างพากันชื่นชมว่าฝีมือของบ่าวดีขึ้นมาก” เมื่อชุ่ยเหมยเอ่ยเช่นนี้เด็กๆ ทั้งสองก็ต่างพยักหน้าพร้อมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “อร่อย!”โม่ชิงเยว่ใช้ช้อนคนโจ๊กเนื้อเนียนหอมกรุ่นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 3 ชุ่ยเหมยสาวใช้ผู้ภักดี

    ยามที่ชุ่ยเหมยกลับมาก็เป็นเวลาที่เย็นมากแล้ว สิ่งที่นางนำกลับมานอกจากยารักษาโรคแล้วยังมีอาหารทั้งที่ปรุงสำเร็จมาแล้วและวัตถุดิบสำหรับทำอาหารจำนวนมาก เด็กทั้งสองตื่นเต้นกันใหญ่ที่จะได้กินอาหารร้อนๆ อันหอมกรุ่น ส่วนโม่ชิงเยว่นั้นนางหมดความอยากอาหารไปนานแล้ว แต่นางก็พยายามกินเพื่อให้ร่างกายมีกำลังเพียงพอที่จะต้านทานอาการป่วยไขช่วงหลายปีมานี้นางมีความเป็นอยู่อย่างอัตคัด ยิ่งหลังจากที่คลอดเด็กแฝดทั้งสองนางก็ยิ่งอ่อนแอลง เงินทองที่เคยมีได้ถูกใช้จ่ายออกไปจนเกือบหมด เริ่มแรกล้วนหมดไปกับการพยายามส่งจดหมายไปหาสามี แต่เมื่อนานวันเข้านางก็คิดได้ว่าสิ่งที่ทำลงไปล้วนสิ้นเปลืองมิสู้รอให้เขากลับมาน่าจะดีกว่าตอนที่นางคลอดลูกแม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะรังเกียจนางมากเพียงใด แต่ก็ยังคาดหวังว่าลูกที่นางอาจจะคลอดออกมาจะเป็นเด็กผู้ชาย พอว่าเห็นว่าเด็กที่คลอดออกมาเป็นเด็กผู้หญิงคนของฮูหยินผู้เฒ่าก็พากันกลับไปอย่างโล่งใจและกลับไปประกาศอย่างเปิดเผยว่านางคลอดลูกชู้ออกมาเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง โดยไม่ได้รู้เลยสักนิดว่านางจะคลอดเด็กผู้ชายตามหลังมาอีกคนในภายหลัง แต่ในเมื่อประกาศไปแล้วว่าลูกของนางคือลูกชู้ ดังนั้นแม่สามี

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 2 ดูแลตนเองและลูก

    เสียงร้องไห้ของเด็กสองคนปลุกให้โม่ชิงเยว่ลืมตาตื่นขึ้นมาได้อีกครั้ง นางค่อยๆ พยุงตนเองให้เดินไปที่ประตูห้องแล้วเดินตรงไปยังห้องที่เด็กๆ นอนอยู่ เพราะร่างกายนี้ล้มป่วยมานาน ยามนี้ยังมีไข้รุมเร้าดังนั้นความเร็วในการก้าวเดินของนางจึงช้ายิ่งกว่าเต่า แต่เพราะความเป็นห่วงลูก ทำให้นางค่อยๆ เกาะผนังห้องแล้วเดินไปหาลูกๆ ของนางได้ในที่สุด“เด็กดี ไม่ต้องร้องนะ อีกสักครู่ พี่ชุ่ยเหมยของพวกเจ้าก็จะกลับมาแล้ว” เสียงของนางช่วยปลุกปลอบความหวาดหวั่นของพวกเขาได้ พวกเขาต่างลุกขึ้นมานั่งแล้วจ้องมองนางด้วยดวงตาอันกลมโตแล้วทำท่าว่าจะโผเข้ามาหานาง“แม่ยังมีอาการไข้อยู่ พวกเจ้าอย่าได้เข้ามาใกล้มากไป ประเดี๋ยวจะติดไข้แม่เอาได้”“ท่านแม่!” เสียงเล็กๆ ของเด็กทั้งสองทำให้โม่ชิงเยว่ยิ้มออกมา ลูกสาวและลูกชายของเธอเป็นเด็กที่เข้าใจอะไรได้ง่ายแม้ว่าจะมีอายุแค่เพียง 2 ขวบแต่กลับพูดจาเป็นประโยคยาวๆ ได้แล้ว แม้ว่าจะมีบางคำที่ยังพูดไม่ชัดอยู่บ้างแต่ก็สามารถเข้าใจได้“แม่อยู่ตรงนี้พวกเจ้าไม่ต้องกลัว” เมื่อโม่ชิงเยว่พูดเช่นนี้พวกเขาก็พยักหน้าแล้วจ้องมองแม่ของเขาด้วยความเป็นห่วง“ท่านแม่ลุกขึ้นมาเดินได้แล้วหรือ” เสียงเล็ก

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status