Home / รักโบราณ / ฮูหยินสายลุย / บทที่8 การค้านอกแคว้น

Share

บทที่8 การค้านอกแคว้น

        ซุนหงเอ่ยขอตามฮูหยินน้อยที่กำลังจะออกไปข้างนอก แต่ก็ไม่ได้ติดตามไป ด้วยไม่ได้รับอนุญาติ นายหญิงบอกเพียงว่าไว้คราวหน้าที่มีเวลามากกว่านี้จะพานางออกไปเปิดหูเปิดตา เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ได้ 

         ซุนหงไม่รู้เลยว่า นางช่างโชคดีเพียงใดที่นายหญิงผู้นี้เมตตาเอ็นดูยิ่งนัก  ถ้าเป็นคนอื่นอย่างสถานเบาอาจจะโดนเฆี่ยนและขายออกไปแล้วก็ได้ 

        โจวฟางหลินเดินทางมาถึงก็ได้ให้นำเกลือที่ต้มไว้กรองจนขาวสะอาดไปไว้ในรถม้า วันนี้จะไปที่คฤหาสน์ของนายท่านเหล่าหลาน ราคาหนึ่งหมื่นตำลึงทองที่จ่ายค่าข้าวสาร วันนี้นางต้องได้กลับคืนมาอย่างน้อยต้องห้าพันตำลึงทองอย่างแน่นอน 

        หนานกงได้ไปแจ้งกับทางนายท่านเหล่าหลานเอาไว้แล้วว่านายหญิงจะไปพบในวันนี้  และเมื่อรถม้าไปจอดหน้าคฤหาสน์อันใหญ่โต ก็มีชายร่างสูงผอมเข้ามาต้อนรับด้วยความนอบน้อม ด้วยได้ยินนายท่านพูดคุยกับนายท่านเหลียวยามไปเยี่ยมเยียนว่าเวลานี้ได้บาดเจ็บจนไม่สามารถเดินเหินได้สะดวก เขาที่ไปยืนเฝ้าประตูจึงได้ยินมาบ้างถึงจะไม่ทั้งหมด แต่รู้เพียงอย่างเดียวสตรีตรงหน้ามีความสำคัญเพียงใด

        “เชิญนายหญิงเข้าไปด้านใน นายใหญ่กำลังรออยู่ขอรับ”

ชายสูงผอมก้มลงจนต่ำด้วยเกรงว่าสตรีตรงหน้าจะไม่พอใจหากชักช้า

        โจวฟางหลินมองท่าทางที่เกรงอกเกรงใจจนเกินพอดีของชายร่างสูงตรงหน้า รู้สึกแปลกใจแต่สีหน้ายังเรียบนิ่งเช่นเดิม ชุดสีแดงอมดำคลุมด้วยผ้าบางปักลายสวยงามพริ้วไหวยามก้าวเดิน อดทำให้ผู้คนมองตามเสียมิได้

        “ฮูหยินเชิญนั่งก่อน วันนี้เอาเกลือมาให้ดูด้วยใช่รึไม่”

        ชายร่างท้วม นายใหญ่ในที่แห่งนี้เอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เห็นเกลือบริสุทธิ์ เพราะสามารถทำกำไรให้เขาได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว แต่ท่วงท่าการทักทายกับดูเกรงใจผิดกับคราวก่อน ที่ดูจะมีการไว้ตัวมากกว่านี้

        ร่างบางนั่งลงตรงฝั่งตรงข้าม หนานกงที่รูุ้งานดีอยู่แล้วหลังจากติดตามนายหญิงมาสักพัก ได้วางโถกระเบื้องเคลือบที่มีลวดลายสวยงามไว้ที่โต๊ะอย่างระมัดระวังและออกไปยืนด้านข้างของนายหญิง มือเรียวบางได้เปิดฝากระเบื้องเคลือบที่มีลวดลายสวยงามออกพร้อมกับหยิบเกลือออกมาวางกลางฝ่ามือเรียวสวย 

        “นายท่านเหล่าหลานนี่คือเกลือขาวสะอาดท่านพอใจรึไม่” 

        “โอ้ .จริงรึข้าไม่เคยเห็นเกลือขาวสะอาดเช่นนี้มาก่อน”

        ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้นและหยิบเกลือขาวสะอาดมาชิม เกลือไม่มีความขมติดลิ้น ความเค็มที่ละมุนลิ้น จึงพยักหน้าด้วยความพอใจเป็นอย่างยิ่ง

        “แล้วฮูหยินจะคิดราคาอย่างไรกับกาารค้าครั้งนี้”

เหล่าหลานเริ่มรู้แล้วว่า สตรีตรงหน้าหาใช่ลูกพลับนิ่ม นางทำการค้าข้าวสารกับเขาแต่สามารถมาเอาเงินกลับไปได้โดยเอาเกลือขาวสะอาดมาแลกเงินกลับไป และการเจรจาครั้งนี้ต้องตรงไปตรงมา เพราะนายท่านเหลียวได้เอ่ยเตือนมาแล้วว่าอย่าใช้เล่ห์กลกับนางเป็นอันขาด ถึงนายใหญ่เหล่าหลานจะไม่คิดเล่นเล่ห์กับสตรีตรงหน้าเพราะเป็นบุตรสาวของผู้มีพระคุณมาก่อน แต่ด้วยนิสัยพ่อค้าก็จะไม่ยอมขาดทุนเป็นแน่ 

         “เกลือขาวบริสุทธิ์เช่นนี้มีอยู่สามร้อยกระสอบ ถ้าท่านนำไปขายย่อมได้เกินหนึ่งหมื่นตำลึงแน่นอน ข้าขอเพียงห้าพันตำลึงและข้าวสารอีกห้าสิบเกวียน ท่านเห็นเป็นเช่นไร”

        โจวฟางหลินรู้ว่าต้องขายได้มากกว่านั้น แต่นางยังไม่มีเครือข่ายมากถึงเพียงนั้น จึงต้องให้คนที่มีอำนาจในตอนนี้เป็นผู้จำหน่ายออกไป และเกลือขาวสะอาดแบบนี้มีนางเป็นผู้จำหน่ายเพียงผู้เดียว เพราะอีกเกือบสามสิบปีถึงจะมีคนค้นพบวิธีง่ายๆเช่นนี้ กว่าจะถึงวันนั้นนางก็ร่ำรวยมหาศาลแล้ว 

         นายท่านเหล่าหลานครุ่นคิดคำนวนเห็นจะจริงตามที่สตรีตรงหน้าได้เอ่ยมา นึกชื่นชมความฉลาดเฉียวของนางที่ให้คนที่มีอำนาจในการกระจายสินค้า ดีกว่านำไปขายเองจะขายหมดตอนไหนก็ไม่รู้ สู้จับเงินโดยเร็วเสียดีกว่า 

        “ได้ ตกลงตามที่ฮูหยินเสนอมาข้ายินดีจ่ายห้าพันตำลึงกับข้าวสารขาวอีกห้าสิบเกวียน”

        “ข้ายินดีที่ได้ทำการค้ากับท่านเช่นกัน”

ร่างบางยกยิ้มบางๆที่การค้าเป็นไปตามที่ต้องการ ที่ไม่เอาเป็นเงินทั้งหมด คนที่พึ่งจะได้เงินไปหมื่นตำลึงย่อมเสียดายถ้าจะจ่ายย้อนกลับมาเพียงระยะเวลาอันสั้น

เกลือเหล่านี้มันมีต้นทุนน้อยมากสำหรับนาง ด้วยเอาคนไปทำนาเกลือเสียเองแล้วค่อยนำมาทำให้สะอาดส่งขายในราคาสูงกว่าถึง3เท่า

        นัดส่งเกลือให้อีกสองวันข้างหน้า ก่อนจะขอตัวกลับ จะแวะไปเยี่ยมนายท่านเหลียวเสียหน่อย เพียงนางเอ่ยปากออกมา

         นายท่านเหล่าหลานถึงกับมองใบหน้าเย็นชาของนางด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่พูดอันใดออกมา เพียงมองตามแผ่นหลังตั้งตรงเดินออกไป นางช่างต่างกับบิดายิ่งนัก อดีตแม่ทัพโจวถึงจะเป็นแม่ทัพแต่ก็ไม่ได้เย็นชาโหดเหี้ยมเช่นบุตรสาวเช่นนี้

         คำว่าเยี่ยมเยียนอาจฟังดูธรรมดาแต่หนานกงย่อมรู้ถึงความหมายของมันดี เมื่อขึ้นรถม้าจึงบังคับม้าไปอีกเส้นทางในทันที

         เมื่อมาถึงคฤหาสน์ที่กว้างขวางใหญ่โตของนายท่านเหลียวที่บัดนี้ยังนั่งรถเข็น แต่เมื่อเห็นสตรีตรงหน้าเยื้องกายเข้ามาด้านใน ใจรู้สึกสั่นไหวลึกๆ ตั้งแต่วันนั้นเขาก็จดจำมาตลอด ถ้าอยากมีชีวิตที่สุขสบายต่อไปเพียงทำตามคำสั่งก็พอ อย่าได้คิดทรยศอีก ถึงจะรู้สึกอับอายที่ต้องมาพ่ายแพ้ต่อสตรีที่มีอายุคราวลูกคราวหลาน แต่ในโลกนี้ใครแข็งแกร่งที่สุดคนนั้นคือผู้ชนะมันคือกฏธรรมชาติมิใช่รึ

         “ขออภัยที่ต้อนรับท่านได้ไม่ดี” ชายร่างสูงเอ่ยขึ้นมาอย่างเกรงใจ

         “ไม่ต้องกังวล ข้ามาในวันนี้เพียงแต่จะให้ท่านทำงานให้เสียหน่อย” ร่างบางเอ่ยเนิบนาบแต่เน้นขัดทุกถ้อยคำ

         “มีอะไรสั่งมาได้เลยข้ายินดีทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง”ชายร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว

          โจวฟางหลินยกยิ้มบางเบา พอใจในการแสดงออกของชายวัยกลางคนตรงหน้า

         “ข้ารู้มาว่าท่านรู้จักกับแม่ทัพน้อยของแคว้นหานใช่รึไม่” 

         “ก็ใช่ ท่านสงสัยอะไรรึ”

         ชายกลางคนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เพราะเขาแค่รู้จักแต่ไม่ได้ค้าขายด้วย แคว้นหานอยู่ตรงกลางของแคว้นใหญ่ๆ เพียงรู้จักที่นานๆครั้งจะได้ต้อนรับแม่ทัพนัอยยามมาเยือนแคว้นเว่ยเพียงเท่านัั้น

 

        “ข้าไม่ได้ให้ค้าอาวุธในครั้งนี้ แต่จะไปเจรจาการค้าเรื่องข้าวสารและเกลือ ส่วนอาวุธ คงจะไม่นานคงได้เจรจากันแน่นอน”

        โจวฟางหลินในชาติก่อนได้รู้มาว่าแคว้นเยี่ยนจะหันไปเปิดศึกกับแคว้นหาน ซึ่งแคว้นหานที่อยู่อย่างสงบมาตลอด จะเน้นเรื่องการปกครองและทำมาหากินเสียเป็นส่วนใหญ่

        เมื่อแคว้นเยี่ยนที่ชอบทำสงครามเปิดศึกด้วยจึงทำให้พ่ายแพ้ได้โดยง่าย และที่จะให้เอาข้าวสารส่งไปขาย ด้วยแคว้นหานปลูกพืชผลทางการเกษตรถึงจะอุดมสมบูรณ์แต่จะขาดแคลนข้าวสารที่สุด ด้วยส่วนพื้นที่ที่ไว้ปลูกข้าว ดินที่ปลูกแข็งและเป็นหินเสียเป็นส่วนใหญ่จึงทำให้ผลิตข้าวได้ไม่ค่อยดีนัก เรื่องราวเหล่านี้ได้มาจากชาติก่อนทั้งสิ้น

        “ข้าจะติดต่อและจะไปแจ้งให้ทราบ ท่านไม่ต้องเป็นกังวล”

นายท่านเหลียวบัดนี้ไม่ต่างจากคนพิการเอ่ยอย่างนอบน้อม ถึงเขาจะออกไปไม่สะดวกเหมือนก่อนแต่มือเท้าของเขาในด้านการค้ามีไม่น้อย เรื่องแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา

        “ข้าได้ยินมาว่า ทางทิศตะวันออกมีหมอเทวดาสามารถรักษาได้ สู้ส่งคนออกไปตามหาจะดีกว่า”

ร่างบางเอ่ยขึ้นจากความทรงจำเดิมพลางเหลือบสายตาไปที่ขาของชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนรถเข็น ว่าทางทิศตะวันออกจะมีหมอเท้าเปล่าที่สามารถรักษาได้ทุกโรค จนมีชื่อเสียงขึ้นมาไม่น้อย

         นายท่านเหลียวกล่าวขอบคุณ มองใบหน้างดงามที่เอ่ยแนะนำด้วยความหวังดีน้ำตาแทบตกใน ที่ข้าเป็นเช่นนี้ก็เพราะท่านมิใช่รึ เอ่ยขึ้นมาเหมือนไม่ได้เกี่ยวข้องในการพิการของเขาเสียอย่างนั้น 

        “ข้าคงต้องกลับเสียที”

        โจวฟางหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ราวกับว่าไม่เคยมีสิ่งใดมาก่อน ก่อนจะเดินออกไปเพื่อขึ้นรถม้ากลับไปที่จวน ด้วยตอนนี้ก็เกือบเย็นย่ำแล้วเช่นกัน

        ร่างบางรู้สึกทำไมหนึ่งวันถึงได้หมดไปอย่างรวดเร็ว เพียงจัดการธุระไม่กี่อย่างก็แทบหมดเวลาเสียแล้ว พลางนึกสงคราม ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ จะมีชาวเผ่านอกด่านร่วมด้วยเหมือนครั้งท่านพ่อของนางรึไม่

        หลังจากโจวฟางหลินกลับไปได้ไม่นาน นายท่านเหลียวก็ได้ส่งจดหมายไปที่แม่ทัพน้อย คาดว่าการเจรจาน่าจะสำเร็จไม่น่าเกินสิบวัน ถ้าทำงานสำเร็จเขาเองก็คงอยู่ในสถานะเดิม ที่ยังมีอำนาจและเครือข่ายค้าอาวุธต่อไปได้

ถ้าคิดจะหักหลังสตรีผู้นั้นอีกครั้งถ้าสำเร็จก็จะสิ้นเสี้ยนหนาม

        แต่ถ้าพลาดนั่นหมายความความตายคงหนีไม่พ้นแน่นอน มันคือการตัดสินใจว่ามันคุ้มค่าและโอกาสสำเร็จมีพอรึไม่ พลันนึกถึงความโหดร้ายของนางชายวัยกลางคนถึงกับหลับตาถอนหายใจเฮือกใหญ่ สตรีผู้นี้ช่างต่อกรยากเสียจริง

        “นายใหญ่ ท่านทำไมถึงต้องทำตามคำสั่งของนางด้วยขอรับ” บ่าวรับใช้คนสนิทถามด้วยความสงสัย

        “เจ้าคิดว่าข้าอยากจะทำตามรึ นางโหดเหี้ยมกว่าที่พวกเจ้าคิด”ชายกลางคนเอ่ยพร้อมกับถอนหายใจ

        “นายใหญ่ท่านก็มีอำนาจยิ่งนัก เครือข่ายก็ไม่ธรรมดาถ้าเรา_”

        พ่อบ้านเอ่ยไม่ทันจบก็ต้องหยุดลงเมื่อนายท่านได้โบกมือให้หยุดเอ่ยวาจาอะไรที่มันอาจจะนำความเดือดร้อนมาให้

         นายท่านเหลียวไม่กล้าบุ่มบ่าม ด้วยเคยมีบทเรียนที่หลับตาคราใดต้องสะดุ้งตื่นทุกครา 

         “เจ้านำจดหมายนี้ไปส่งให้ถึงมือแม่ทัพน้อยแคว้นหาน”

         แม่ทัพน้อยผู้นี้มีศักดิ์เป็นถึงพระนัดดาของฮ่องเต้แคว้นหาน ความที่ชอบการต่อสู้จึงได้รับอาสามาอยู่ในกองทัพตั้งแต่อายุได้สิบห้าปีบัดนี้คงมีอายุยี่สิบสองปีแล้วกระมัง

        ในระหว่างเดินทางกลับจวน โจวฟางหลินได้สั่งการให้หนานกงเดินทางไปเผ่าเซียนเป่ยเพื่อเจรจาการค้าอย่างรวดเร็วการขยายการค้าต้องรีบทำอย่างเร่งด่วนด้วยสงครามที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบกับการค้าภายในแคว้นได้ การติดต่อค้าขายนอกแคว้นไปด้วยย่อมดีกว่า

        “หนานกงเจ้าเดินทางไปเจรจาการค้าข้าวกับเผ่าเซียนเป่ย เริ่มออกเดินทางได้เลย”

         จากนั้นจึงได้บอกรายละเอียดต่างๆว่าการค้าครั้งนี้จะต้องเจราจาอย่างไรถึงจะสำเร็จ เพราะเซียนเป่ยมักขาดแคลนข้าวสารและเกลือ การออกไปปล้นเสบียงในบางครั้งก็เพียงต้องการเอาชีวิตรอดเท่านั้น

        เผ่าเซียนเป่ยมักจะไม่ค่อยได้ร่วมทำศึกสงครามกับชยงหนู ถึงจะไม่ค่อยทำศึกแต่ก็มีนักรบเก่งกาจหลายคน นางต้องการทำการค้ากับคนนอกแคว้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องอาศัยพึ่งพาก็มีข้อแลกเปลี่ยนได้ง่าย

        การที่จะไปค้าขายภายในแคว้นยิ่งกับราชสำนักที่มีฮ่องเต้คอยแต่จะหวาดระแวง และการฉ้อราษฏร์บังหลวง ยิ่งมากมายวุ่นวายจนน่าปวดหัว 

       ที่กล่าวว่าฮ่องเต้ทรงหวาดระแวงว่าแม่ทัพแต่ละหัวเมืองจะมีอำนาจจนสั่นคลอนบัลลังก์ ก็จะทรงตัดรากฐานเสียร่ำไป เหมือนกับเฉินโม่เหยียนรักษาชายแดนทิศตะวันตก พระองค์ยังโยนสมรสพระราชทานมาให้แต่งงานกับนาง ที่เป็นเพียงบุตรสาวของแม่ทัพโจวผู้ร่วงลับ ด้วยหวังว่าทหารในแดนเหนือจะควบคุมยากจนเฉินโม่เหยียนไม่สามารถชนะใจทหารจนทำให้รากฐานไม่มั่นคงอีกต่อไป

        โจวฟางหลินไม่ตัองการทำความเข้าใจในการปกครองเช่นนี้ว่าจะดีหรือไม่ รู้เพียงแค่หากหวาดระแวงจนขับไล่คนซื่อสัตย์จนหมดไป บัลลังก์ก็คงหมดเสถียรภาพ สั่นคลอนจนหมดสิ้นเช่นกัน

 

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่44 กงล้อแห่งโชคชะตา

    ทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล มาลียา จากสตรีสูงศักดิ์เมื่อได้ถูกส่งกลับด้วยชื่อเสียงที่อื้อฉาว มือเรียวที่บัดนี้ไม่ได้อ่อนนุ่มเช่นเดิมอีกแล้ว ท่าทีที่หยิ่งยะโสไม่มีให้เห็นเช่นแต่ก่อน บัดนี้ต้องมาทำงานทุกอย่างภายในบ้านที่บิดาส่งนางแต่งงานกับพ่อค้าที่มักจะเดินทางมารับหนังสัตว์บ่อยๆ ตั้งแต่เดินทางมาถึงบิดาที่รักใคร่นางเมินเฉยเย็นชาไม่ใส่ใจสักนิดว่านางจะเป็นเช่นไร จึงได้กระจ่างแจ้งรู้ว่าบุตรสาวก็เป็นเพียงสิ่งที่เอาแลกกับผลประโยชน์ถ้าหมดประโยชน์ก็จะโยนทิ้งไปเสียลายาแม่นมที่เลี้ยงดูมาลียาก็ถูกโบยจนตายด้วยไม่สามารถสั่งสอนนางให้ทำตามแผนการได้สำเร็จ โชคชะตาก็เป็นเช่นนี้สินะโจวฟางหลินได้ฟังเรื่องราวผ่านพ่อค้าผู้หนึ่งที่เคยรับรู้ว่า องค์หญิงผู้นี้เคยแต่งเข้ามาเป็นภรรยารองของตระกูลเฉิน ได้เล่าเรื่องราวที่ได้รับรู้มาให้ได้ฟัง นางไม่ได้สงสารผู้ใด ทำสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้นจะผิดก็เพียงแค่ องค์หญิงเป็นเพียงหมากที่หมดประโยชน์แล้วก็เท่านั้น ถ้านางทำสำเร็จความรุ่งโรจน์ ก็จะเกิดกับนาง แล้วตนเองเล่าจะเป็นเช่นไรถ้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ชุนหงได้เขียนจดหมายมาหาได้บอกเล่าถึงเรื่องที่นางตั้งท้องได้สามเดือนแล้ว หนานกงก็ดู

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่43ความพ่ายแพ้ที่มิอาจยอมรับ

    ลายาบ่าวผู้ภักดีถึงกับอ้าปากค้าง ด้วยไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ แล้วผู้ใดที่อยู่กับองค์หญิงของนางทั้งคืน ซ้ำเสียงน่าอายนี้ก็ได้ยินกันทั่ว แล้วจะแก้สถานการณ์นี้ได้อย่างไร“กรี๊ด” เสียงกรีดร้องของสตรีที่ยังมีเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยกลิ่นโลกีย์ยังคละคลุ้งอบอวลอยู่ในห้อง บัดนี้นางได้สติแตกจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่างด้วยยังรับกับเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้ นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด แผนการทุกอย่างพังลงไม่เป็นท่า ต่อให้กลับไปเผ่าหลี่เจียงบิดานางยังจะโปรดปรานนางอยู่รึ “องค์หญิงใจเย็นก่อนเพคะ” ลายาเข้าไปโอบกอดร่างงามที่เวลานี้ไม่สามารถระงับอารมณ์ตนเองได้อีกเนื้อตัวสั่นระริกด้วยความตื่นกลัวมาลียาพลางเหลือบไปมองชายที่ลุกขึ้นมาจากเตียงที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับท่านแม่ทัพมาก จึงได้โผไปจะทำร้ายชายตรงหน้าด้วยความเคียดแค้นที่ทำให้นางมามีสภาพน่าสมเพชเช่นนี้“ข้าจะฆ่าเจ้าใยถึงมาอยู่ที่เตียงข้าได้ เจ้ามันน่าขยะแขยงสิ้นดี” ร่างบอบบางได้โผเข้าไปดึงทึ้งและทุบตีด้วยความแค้นใจ“เมื่อคืนไม่เห็นจะเอ่ยวาจาเช่นนี้มีแต่เร่งเร้าให้ข้าต้องหมดแรงตลอดทั้งคืน”ชายร่างสูงกำยำได้ลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ยเหยียดหยาม ค่ำคืนกับร้

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่43 องค์หญิงนอกด่านรึจะสู้

    สองสามีภรรยาถึงเวลาเดินทางกลับจวนเสียที หลังได้จัดการการค้าทุกอย่างได้เรียบร้อยคงถึงเวลาได้กลับมาเก็บกวาดปัญหาเสียที นางเป็นเพียงองค์หญิงนอกด่านที่ยังไม่ได้เห็นโลกกว้าง การใช้เล่ห์กลที่สตรีนิยมใช้กันทั่วไปเพื่อผูกมัดบุรุษส่วนมากไม่ได้ผลเท่าใดนัก ถึงจะได้ร่วมอภิรมย์แต่ก็หาได้ใจบุรุษไม่ แผนการทุกอย่างของนางได้ถูกรายงานมาตั้งแต่วันแรกที่วางแผนกันแล้ว บางทีโจวฟางหลินก็นึกสงสัยว่า นางเป็นถึงกุนซือของกองทัพนับแสน มีกลศึกที่โจมตีศัตรูที่มีจำนวนคนมหาศาลจนแตกพ่าย ใยจึงคิดได้ว่าจะมาพ่ายแพ้ต่อเล่ห์กลเด็กๆ เช่นนี้ได้ ดูถูกกันจนเกินไปรึไม่องค์หญิงมาลียาที่แกล้งป่วยโดยกินยาที่ทำให้ร่างกายร้อนผ่าวราวกับจับไข้ ถึงมีหมอมาตรวจก็เชื่อว่าได้มีไข้เป็นแน่ และนอนด้วยท่าทางหมดเรี่ยวแรงรอเวลาสามีกลับเข้ามาในจวนจะได้รวบรัดทำตามแผนการเสียทีฮูหยินผู้เฒ่าได้มาเยี่ยมเยียนพร้อมกับฮูหยินใหญ่เฉามารดาของสามี ได้เข้ามาในห้องเพื่อดูอาการป่วยไข้ของสะใภ้รอง ด้วยให้หมอมาตรวจแล้วว่าเป็นความจริงถ้าไม่มาเสียเลยจะดูแล้งน้ำใจ ชาวบ้านจะนำไปนินทาได้ ว่ากลั่นแกล้งสะใภ้ใหม่จนป่วยไข้“เป็นอันใดบ้างทุเลาลงบ้างรึไม่”ฮูหยินผู้เฒ่าเ

  • ฮูหยินสายลุย   ที่41 ลองดี

    สารทฤดูที่มีอากาศอบอุ่นขึ้นใบไม้ร่วงหล่นจนแลดูคล้ายพรมหลากสีสัน สามีภรรยาที่พักผ่อนด้วยเหนื่อยอ่อนจากความวุ่ยวายในงานแต่งงานรับภรรยารองเข้ามา ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความสดใสเมื่อได้พักผ่อนมาทั้งคืน ต่างจากอีกฟากของห้องหอที่มีบรรยากาศอึมครึมแต่เช้าตรู่ ที่ร่างงดงามพึ่งจะได้หลับตาลงเพียงไม่ถึงสองชั่วยามจะต้องตื่นขึ้นมาตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวแคว้นเว่ยด้วยจะต้องไปยกน้ำชาให้กับผู้หลักผู้ใหญ่รวมถึงภรรยาเอกด้วย“ออกไปให้พ้นข้าจะนอนอย่างมารบกวนข้า” ร่างงดงามตวาดออกไปด้วยความหงุดหงิดนางพึ่งจะได้นอนก็มาปลุกเสียแล้ว“องค์หญิงท่านต้องไปยกน้ำชานะ มันคือธรรมเนียมของแคว้นเว่ยถ้าไม่ทำจะดูไม่ดีนะเพคะ” ลายาเอ่ยเตือนองค์หญิงที่นางรักใคร่เหมือนบุตรสาวด้วยนางเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด“ประเพณีอันใดที่เผ่าของเราไม่เห็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนี้น่าเบื่อเสียจริง” นางยังแค้นที่เจ้าบ่าวมาทิ้งให้นางต้องนอนเดียวดายในห้องหอ เช่นนี้แล้วนางยังจะมีอำนาจอันใดในจวนแห่งนี้ การแสดงออกของสามีย่อมแสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่าไม่ได้ให้ความสำคัญใดๆ กับนาง บ่าวไพร่จะดูถูกนางถึงเพียงไหน“เราต้องคำนึงถึงว่าเรามาที่นี่เพราะเรื่องอันใดนะเพค

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่40 เจ้าหญิงชนเผ่านอกด่าน

    ภายในรถม้าที่ตกแต่งอย่างสมเกียรติมีสตรีที่มีใบหน้างดงามราวปีศาจจำแลง ทรวดทรงองค์เอวช่างมีส่วนเว้าส่วนโค้งงดงาม ผิดกับนิสัยที่เย่อหยิ่งจองหอง ด้วยเติบโตมาในทุ่งหญ้าที่มีแต่คนพะเน้าพะนอ ยกยอปอปั้นจนนางมั่นใจว่าไม่มีสตรีใดจะงดงามไปกว่านางอีกแล้ว การที่จำต้องเดินทางมาแต่งเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นใหญ่อย่างแคว้นเว่ย และเป็นเพียงภรรยารองจึงได้แต่อาละวาดมาตลอดทางด้วยต้องการระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัว นางเป็นถึงองค์หญิงของเผ่าหลี่เจียงที่เป็นเผ่าที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้กลับต้องมาแต่งเป็นภรรยารอง เพียงเพราะมหาข่านที่เป็นเสด็จพ่อของนางได้ตัดสินใจแล้วว่าต้องเป็นนางถึงจะทำให้แผนการครั้งนี้สำเร็จได้โดยง่ายโดยที่ไม่ต้องเปิดศึกรบ เพียงทำให้แม่ทัพใหญ่เฉินโม่เหยียนของแดนเหนือ รักใคร่หลงใหลในตัวนางก็จะสามารถชักจูงให้ยอมรับเปิดทางให้เผ่าหลี่เจียงได้แทรกซึมเข้าไปยึดดินแดนในรอบนอกได้ง่ายๆ และที่สำคัญการค้าในมือตระกูลเฉินมีมูลค่ามหาศาล ถ้ายึดมาเป็นของเราได้ก็จะยิ่งส่งเสริมกำลังทั้งในด้านอาวุธและเงินทองไปด้วย ใยจะไม่คุ้มค่ากับการแต่งงานในครั้งนี้เล่า“องค์หญิงจะต้องมัดใจท่านราชบุตรเขยให้ได้นะเพคะ ครั้งนี้ถ้าทำสำเร็จมห

  • ฮูหยินสายลุย   บทที่38 เตรียมตัวเดินทางเข้าเมืองหลวงอีกครั้ง

    โจวฟางหลินครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ในเรื่องที่มีราชโองการมาแบบนี้ และส่วนหนึ่งที่พยายามสุมไฟกองนี้ให้ใหญ่ขึ้นย่อมเป็นโอรสสวรรค์ผู้นี้เป็นแน่ นางไม่คิดว่าฝ่าบาทจะมารักใคร่นางจนต้องการครอบครองถึงเพียงนั้น แต่อำนาจและเงินตราในมือนางต่างหากเล่าที่พระองค์ต้องการ“จริงๆ แล้วการที่เผ่าหลี่เจียงนำองค์หญิงผู้นี้มาแต่งเชื่อมสัมพันธ์ย่อมเป็นเพียงหมากที่ส่งมาเพียงเท่านั้น” โจวฟางหลินเริ่มวิเคราะห์ถึงความเป็นจริงในเรื่องนี้“อย่างไรรึ” ฮูหยินใหญ่เฉาได้เอ่ยปากเป็นครั้งแรกหลังจากยังตระหนกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น“เผ่าหลี่เจียงอยู่ไกลจากแคว้นเว่ยมากนัก แต่ทำไมถึงมุ่งเป้ามาที่ท่านพี่ คงมีความคิดว่าถ้าได้แต่งมาเป็นภรรยารองและสามารถทำให้ท่านพี่หลงในในตัวนางได้_”เอ่ยไม่ทันจบสามีก็ร้อนรนเสียแล้ว“ข้าไม่มีทางจะแตะต้องนางเป็นแน่ข้าขอสาบานต่อเจ้า”เฉินโม่เหยียนรีบเอ่ยออกมาอย่างตกใจกับการคาดเดาของภรรยา“ท่านพี่นี่คือการคาดการณ์เพียงเท่านั้น ถ้านางสามารถทำสำเร็จก็จะสามารถสร้างความวุ่นวายและให้ท่านพี่และข้าได้หย่าขาดจากกัน เผ่าหลี่เจียงคงจะอยากได้สมาคมการค้าที่อยู่ในมือข้าเพื่อไปสนับสนุนเผ่าของตนเอง และท่านเองก็ม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status