“ข้าคงประมาทเจ้าเกินไป” ฮูหยินสามแค่นเสียง ดวงตาฉายแววเกลียดชัง “ส่งเสริมให้เจ้าแต่งนายท่านหลันยังไม่สำนึก กล้าเเว้งกัดข้า”
คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อย อีกฝ่ายกำลังทวงบุญคุณกับนางอย่างนั้นหรือ ทั้งที่ยามนั้นบีบจนนางต้องยินยอมแท้ๆ “ข้าก็เรียนรู้มาจากฮูหยินสามอย่างไรเล่า วิธีการใช้ร่างกายให้เป็นเครื่องมือออดอ้อนบุรุษ”
หลายคนตกใจในคำพูดเปิดเผยนั้นจนต้องเงยหน้าขึ้นมอง บางคนถึงกับเบือนหน้าหลบด้วยความอาย แต่พอหลิงจีปรายตาปรามก็ไม่มีใครกล้ามองมาอีก
“แพศยา เจ้ายอมรับแล้วสินะว่าใช้มารยาล่อลวงพี่หลันชิง”
อวิ๋นหานลุกพรวด ชี้หน้าด่าทอด้วยดวงตาแดงก่ำ
อวิ๋นซือพลันหัวเราะขบขัน น้องสาวนางไร้หัวคิดเพราะใช้ชีวิตสบายเกินไปหรืออย่างไรกัน อีกฝ่ายลืมไปแล้วกระมังว่านางกับหลันชิงเป็นอะไรกัน จะทำอันใดเกี่ยวอะไรกับตัวเอง “น้องรอง เจ้าไม่ทำความเคารพพี่สาวผู้นี้ก็ไม่ถือ แต่คำเรียกขานพี่เขยเจ้าเมื่อครู่ข้าถือ เจ้าเองก็ไม่ใช่เด็กแล้ว รักษากิริยาหน่อย คนจะได้ไม่เอาไปว่าว่าอยากได้ผู้ชายของข้าจนตัวสั่น”
“อวิ๋นซือ เจ้าอย่าทะนงไปนะว่าเจ้าเป็นฮูหยินสกุลหลันแล้วจะมาโอหังกับพวกข้าได้” ฮูหยินสามบันดาลโทสะไม่น้อยเมื่อเห็นสีหน้าจวนจะร้องไห้ของบุตรสาวตัวเอง น้ำเสียงเกรี้ยวกราดและกิริยาทุบโต๊ะที่โอหังถูกแสดงออกมาให้เห็น
อวิ๋นซือมองพลางแค่นเสียง ฮูหยินสามผู้หนึ่งถึงกับแสดงท่าทางเช่นนี้ต่อภรรยาเอกและบุตรสาว ต้องบอกว่าหลิงจีผู้นี้มีความกล้าหรือมารดาของนางอ่อนแอเกินไปดี อำนาจอยู่ในมือยังไม่กล้าใช้ นางคิดพลางปรายตาไปยังสตรีที่นั่งก้มหน้าอยู่ตรงหัวโต๊ะ เห็นท่าทางค้อมไหล่จนหน้าจะจดพื้น อวิ๋นซือก็พลันรู้สึกอ่อนล้าวูบหนึ่ง นั่นสินะ นางคิดหวังอะไรอยู่อีก นับจากอดีตจวบจนถึงตอนนี้ สตรีตรงหน้าหาได้เคยปกป้องตนอย่างจริงจังไม่
นางในอดีตต้องเผชิญหน้ากับความเย็นชาของบิดา ถูกทำร้ายจากผู้หญิงของอีกฝ่ายจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ทว่าสิ่งเหล่านั้นยังไม่กรีดใจเท่ากับภาพมารดายืนก้มศีรษะขออภัยทั้งที่นางไม่ผิด
‘เคยสักครั้งไหมท่านแม่... ที่ท่านจะคิดยืนหยัดเพื่อปกป้องข้า’
สายตาผิดหวังจากบุตรสาวทำให้จางซื่อได้แต่ก้มหน้าลงต่ำ ทว่าแม้จะรู้สึกผิดเพียงใด เจ้าตัวก็ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาตอบแม้แต่น้อย หญิงสาวหลับตาลงก่อนจะกะพริบตาถี่ๆ นางยังคาดหวังอะไรอีกนะ ทั้งที่รู้ดีมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วแท้ๆ เห็นฮูหยินสามและอวิ๋นหานมองมาด้วยสีหน้าสะใจ อวิ๋นซือก็ทำเพียงส่งรอยยิ้มที่ปกปิดความรู้สึกออกมา
“ท่านก็ไม่ได้โง่นะแม่สาม ควรจะรู้ได้แล้วกระมัง ตราบใดที่ข้าอวิ๋นซือยังเป็นฮูหยินใหญ่สกุลหลัน ตำแหน่งเมียเอกที่ใฝ่ฝันของท่านก็เป็นได้แค่เรื่องตลกเท่านั้นละ น่าเสียดายนะถ้าเป็นบุตรสาวท่านที่มัดใจหลันชิงได้ มีหรือมารดาของข้าจะยังอยู่ดีแบบนี้”
เรียวปากบางอมยิ้มหวาน สายตาพราวระยับราวกับส่งคำท้าทาย ทว่ามีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่าตนเองกำลังบอกใบ้อีกฝ่าย ‘เร็วสิ รีบใช้บุตรสาวท่านให้เป็นประโยชน์เสีย ตราบใดที่ข้ายังเป็นฮูหยินใหญ่ตระกูลหลัน ฮูหยินผู้เฒ่ากับหลันชิงย่อมไม่ยอมให้ฝันนั้นเป็นจริงแน่ เพราะอย่างนั้นจงรีบใช้บุตรสาวที่พวกท่านภูมิใจผูกใจชายผู้นั้นเสีย!’
ร่างบางขยับลุกขึ้นยืน บางอย่างที่ไม่น่าพิสมัยก็ไม่ชวนให้นึกอยากอาหาร นางกลับไปนั่งกินคนเดียวที่เรือนตัวเองยังดีเสียกว่า แน่นอนว่าไร้เสียงเรียกรั้งให้กลับไป อวิ๋นซือก้าวเท้าออกจากห้องนั้นโดยมีสาวใช้คนสนิทคอยประคอง จวบจนนางเดินจากมาไกลโข หูก็ยังไร้เสียงเรียกขานของมารดา
มารดาผู้อ่อนแอและงมงายของนางวันนี้ก็ยังคงไร้ปากเสียงเช่นเดิม...
เมื่อเดินมาถึงด้านหน้าโถงรับแขก ร่างบางก็พลันหยุดชะงักเล็กน้อย เช่นเดียวกับผู้ที่เดินสวนเองก็หยุดยืนมองมายังนาง อวิ๋นซือส่งรอยยิ้มพร้อมเรียกขานอีกฝ่ายเสียงหวาน
“ท่านพ่อ”
ใต้เท้าอวิ๋นขมวดคิ้วอย่างเคร่งขรึม ในอดีตบุตรสาวคนนี้เรียกได้ว่าไม่เคยมีตัวตนในสายตาเขา หากไม่เพราะฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหลันยืนกรานว่าต้องเป็นนางที่เป็นบุตรสาวจากภรรยาเอก เขาคงเลือกส่งหานเอ๋อร์ไปแทนแล้ว ทว่าวันนี้บุตรสาวที่เคยมองว่าไร้ค่ากลับสามารถสร้างความลำบากให้เขาได้ นับว่านางปกปิดตัวเองได้หมดจดยิ่งนัก
“เรื่องเปลี่ยนฮูหยินที่สกุลหลันยื่นมือเข้ามาสอด... เป็นเพราะเจ้าสินะ”
รอยยิ้มยังคงไม่จางหาย ใบหน้าเล็กก้มน้อยๆ ยามเอ่ยคำตอบรับ “เจ้าค่ะ”
ความโกรธของอวิ๋นจั้นแทบจะพุ่งสูงเทียมฟ้า นังลูกอกตัญญูผู้นี้นี่เองที่เป็นสาเหตุให้หลันชิงยื่นข้อเสนอเพื่อบีบบังคับเขา สารเลวยิ่ง! ช่างน่ารังเกียจไม่ต่างจากมารดาของนางแม้แต่น้อย
อวิ๋นซือมองข้ามท่าทีที่มีโทสะของบิดา และยังคงกล่าวต่ออย่างไม่แยแส
“ตราบใดที่ลูกยังเป็นฮูหยินใหญ่สกุลหลัน ตำแหน่งของท่านแม่จะเปลี่ยนมือไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจำนวนเงินที่มอบให้ท่านนำไปอุดส่วนที่โกงของหลวงมาจะหายไปทันที ท่านพ่อที่เป็นคนฉลาดย่อมรู้จักเลือกก็ลองตรองดูเอาเถิด ต่อให้ท่านไม่เปลี่ยนฮูหยินใหญ่ น้องชายก็ยังสืบทอดวงศ์สกุลได้อยู่ดี”
กล่าวจบร่างบางก็ก้าวเท้าเดิน บิดาหาใช่คนโง่งมเกินเยียวยา เขาย่อมรู้ดีว่าระหว่างผู้หญิงบนเตียงกับความช่วยเหลือจากหลันชิงอะไรสำคัญกว่ากัน นางก้าวออกมาพร้อมอีกฝ่าย เอ่ยคำร่ำลาก่อนจากมา ทว่าไร้เงาคนบางคนตามมาส่ง เรียวปากบางยกยิ้มหยันทว่างดงาม
บางครั้งมารดาของนางก็เลือดเย็นไม่น้อย ข้ามสะพานยังไม่ทันสุดก็ไม่สนใจกันเสียแล้ว
คืนนั้นที่คฤหาสน์สกุลหลัน ฮูหยินใหญ่ต้องลมเย็นหลังกลับไปเยี่ยมบ้านเดิม จำต้องให้นายท่านไปค้างยังเรือนอื่น และผู้ที่โชคดีก็คืออนุเจียว เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้กันทั่ว
ทว่าในเรือนเสวี่ยของฮูหยินใหญ่กลับปรากฏร่างบอบบางที่นั่งอิงแอบเก้าอี้ ผู้ที่ใครต่างก็นึกว่าป่วยจนล้มหมอนนอนเสื่อนั้น ยามนี้กำลังเหม่อมองท้องฟ้า ขณะที่มือก็ถือจอกสุราแต่เพียงผู้เดียว
ใต้หล้านี้ทั้งกว้างและยิ่งใหญ่ เหตุไฉนกลับมิมีที่ให้ข้ายืน...