เสียงเครื่องยนต์เบาๆ ดังขึ้นเป็นจังหวะ ภาคินัยขับรถออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้าตรู่ ปลายฝันนั่งอยู่ข้างๆ เขามองวิวทิวทัศน์สองข้างทางที่ค่อยๆ เปลี่ยนจากตึกสูงระฟ้าไปเป็นทุ่งนาเขียวขจีและภูเขาที่โอบล้อม อากาศบริสุทธิ์ยามเช้าพัดเข้ามาทางหน้าต่างรถที่เปิดแง้มไว้ สร้างความสดชื่นให้กับร่างกายและจิตใจ
ภาคินัยหันมามองปลายฝันชั่วครู่ "เหนื่อยไหม" เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ปลายฝันส่ายหน้ายิ้มๆ "ไม่เหนื่อยเลยค่ะ คุณภีม" เธอตอบ พลางหันกลับไปมองวิวข้างทางอีกครั้ง "นานแล้วนะคะที่เราไม่ได้ออกมาเที่ยวแบบนี้"
ใช่...นานมากแล้วจริงๆ นับตั้งแต่เหตุการณ์วุ่นวายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของพวกเขา ทั้งเรื่องทิชา เรื่องงานของภาคินัย และชีวิตส่วนตัวที่ต้องเจอเรื่องราวมากมาย การเดินทางครั้งนี้เป็นเหมือนการพักผ่อนอย่างแท้จริง เป็นช่วงเวลาที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันอย่างเต็มที่ ปราศจากความกังวลใดๆ
ปลายฝันรู้สึกถึงความสุขที่เอ่อล้นอยู่ในใจ มันเป็นความสุขที่เรียบง่าย แต่กลับเติมเต็มหัวใจของเธอได้อย่างน่าประหลาด เธอหันไปมองภาคินัยอีกครั้ง ใบหน้าของเขาดูผ่อนคลาย ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดจากงาน ดูอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด การได้เห็นเขามีความสุขแบบนี้ ทำให้ปลายฝันรู้สึกมีความสุขไปด้วย
จุดหมายปลายทางของพวกเขาคือรีสอร์ตเล็กๆ กลางหุบเขา ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เมื่อไปถึง อากาศที่นั่นเย็นสบายกว่าในเมืองมาก มีหมอกจางๆ ปกคลุมยอดไม้ สร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและโรแมนติก
ภาคินัยจองห้องพักที่เป็นกระท่อมส่วนตัว มีระเบียงที่มองเห็นวิวน้ำตกที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงชัน และมีเสียงน้ำตกที่ดังแว่วมาเบาๆ ช่วยขับกล่อมให้รู้สึกผ่อนคลาย
เมื่อก้าวเข้าไปในห้องพัก ปลายฝันถึงกับต้องร้องว้าว ห้องพักตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ดูอบอุ่น มีเตียงนอนขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง และมีหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดรับวิวธรรมชาติได้อย่างเต็มที่
"คุณภีมเลือกที่พักได้สวยมากเลยค่ะ" ปลายฝันบอกด้วยรอยยิ้มกว้าง
ภาคินัยยิ้มบางๆ "แค่คุณชอบ ผมก็ดีใจแล้ว" เขาพูด พลางเดินไปที่ระเบียงห้องพัก มองออกไปที่วิวน้ำตกที่สวยงาม ปลายฝันเดินตามเขาไปยืนอยู่ข้างๆ สัมผัสได้ถึงลมเย็นๆ ที่พัดโชยมาปะทะใบหน้า
"อากาศดีจังเลยนะคะ" ปลายฝันพูด "รู้สึกเหมือนได้มาพักผ่อนจริงๆ"
ภาคินัยหันมามองปลายฝัน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง เขาเอื้อมมือไปโอบเอวของเธอเบาๆ ดึงเธอเข้ามาชิดตัว "ใช่...เราได้มาพักผ่อนจริงๆ" เขากระซิบเสียงแผ่ว "พักผ่อนจากเรื่องวุ่นวายทุกอย่าง และใช้เวลากับคนที่ผมรัก"
คำพูดของภาคินัยทำให้หัวใจของปลายฝันเต้นแรง ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา แววตาของภาคินัยเต็มไปด้วยความรักและความอ่อนโยนที่ทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างประหลาด
ภาคินัยค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมาใกล้ ปลายฝันหลับตาลงรับสัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปากของเธอ การจูบนั้นอ่อนโยน แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ทำให้หัวใจของปลายฝันเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน มีเพียงแค่เธอและเขาอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน
ตลอดทั้งวัน ภาคินัยกับปลายฝันใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างเต็มที่ พวกเขาเดินป่าชมธรรมชาติ ปีนเขาขึ้นไปชมวิวมุมสูงที่สวยงามน่าทึ่ง ธามคอยจับมือปลายฝันไว้ตลอดทาง กลัวว่าเธอจะล้ม หรือพลาดท่าใดๆ
เมื่อเดินมาถึงจุดที่สวยงามที่สุด ภาคินัยก็หยุดเดิน เขาหันมามองปลายฝัน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมและรักใคร่
"สวยจังเลยนะคะคุณภีม" ปลายฝันพูด พลางมองไปรอบๆ
"ใช่...สวยมาก" ภาคินัยตอบ แต่สายตาของเขาไม่ได้มองวิวทิวทัศน์เลยแม้แต่น้อย เขากำลังมองปลายฝันอยู่
ปลายฝันหันมาสบตาเขา หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง ภาคินัยเอื้อมมือไปปัดเส้นผมที่ปรกหน้าของเธอออกเบาๆ สัมผัสที่ปลายนิ้วของเขาทำให้ปลายฝันรู้สึกถึงความอ่อนโยนที่เขามีให้
"ผมมีความสุขมากเลยนะที่ได้มาเที่ยวกับคุณ" ภาคินัยกระซิบ
ปลายฝันยิ้ม "ฉันก็เหมือนกันค่ะคุณภีม" เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน
ภาคินัยดึงเธอเข้ามากอดอย่างแผ่วเบา ปลายฝันซบหน้าลงกับอกของเขา สัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่ดังระรัวของเขา เช่นเดียวกับหัวใจของเธอเอง
ในยามเย็น พวกเขานั่งจิบชาสมุนไพรอยู่ที่ระเบียงห้องพัก มองดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นสีส้มอมชมพูสวยงามจับตา
"คุณภีมคะ" ปลายฝันเอ่ยขึ้น "ฉันมีความสุขมากเลยนะคะ"
ภาคินัยหันมามองเธอ "ผมก็มีความสุขครับ" เขาตอบ "ความสุขที่ได้อยู่กับคุณ"
เขาเอื้อมมือไปจับมือของปลายฝัน บีบเบาๆ ปลายฝันรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมาจากมือของเขา เธอรู้ว่านี่คือความสุขที่แท้จริง ความสุขที่ไม่ได้มาจากการครอบครอง หรือการแข่งขันใดๆ แต่เป็นความสุขที่เกิดจากความรักและความเข้าใจซึ่งกันและกัน
ภาคินัยลุกขึ้นยืน เขาเดินไปหยิบกีตาร์ที่วางอยู่มุมห้อง แล้วเดินกลับมานั่งลงข้างๆ ปลายฝัน
"ผมอยากจะร้องเพลงให้คุณฟัง" ภาคินัยบอกด้วยรอยยิ้ม
ปลายฝันยิ้มกว้าง "คุณภีมเล่นกีตาร์เป็นด้วยเหรอคะ" เธอถามอย่างประหลาดใจ
ภาคินัยยิ้ม "นิดหน่อยครับ" เขาเริ่มบรรเลงเพลงช้าๆ ทำนองเพลงที่คุ้นเคย คลอไปกับเสียงร้องที่อบอุ่นและทุ้มนุ่มของเขา เพลงรักที่ภาคินัยร้องออกมาจากใจจริง ทำให้หัวใจของปลายฝันเต้นระรัว เธอรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอกำลังถูกเติมเต็มไปด้วยความรักอย่างไม่รู้จบ
ปลายฝันมองดูภาคินัยที่กำลังเล่นกีตาร์และร้องเพลงให้เธอฟัง แสงอาทิตย์ยามเย็นที่สาดส่องลงมาบนใบหน้าของเขา ทำให้เขาดูอบอุ่นและโรแมนติกอย่างน่าประหลาด ปลายฝันเอนตัวซบไหล่ของภาคินัย ปล่อยให้เสียงเพลงขับกล่อมหัวใจของเธอให้ล่องลอยไปในห้วงแห่งความรัก
ค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างช้าๆ ภาคินัยกับปลายฝันใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างเงียบๆ พวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต เรื่องราวในอดีต ความฝันในอนาคต และความรักที่พวกเขามีให้กัน
ภาคินัยเล่าถึงความรู้สึกที่เขามีต่อปลายฝัน ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเธอ ความประทับใจในความสดใส ร่าเริง และจิตใจที่ดีของเธอ เขาบอกว่าปลายฝันคือคนที่ทำให้เขามีความสุข ทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตนี้มีคุณค่า และเป็นคนที่เขาอยากจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วย
ปลายฝันฟังด้วยรอยยิ้ม น้ำตาคลอเบ้า เธอเองก็สารภาพความรู้สึกที่มีต่อภาคินัย เธอเล่าถึงความรู้สึกที่เธอเคยมีให้เขามาตลอด ความผิดหวังในอดีตที่ทำให้เธอพยายามจะตัดใจจากเขา แต่สุดท้ายหัวใจของเธอก็ยังคงเป็นของเขาเสมอ
"ฉันรักคุณนะคะคุณภีม" ปลายฝันบอกด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
ภาคินัยดึงปลายฝันเข้ามากอดอย่างแน่นหนา "ผมก็รักคุณครับปลายฝัน" เขากระซิบ "รักมากที่สุด"
ในอ้อมกอดของภาคินัย ปลายฝันรู้สึกถึงความปลอดภัยและความอบอุ่น เธอรู้ว่านี่คือที่ที่เธอควรจะอยู่ ที่นี่คือที่ที่เธอเป็นของเธอจริงๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ ภาคินัยกับปลายฝันก็รู้สึกใจหายเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้น หัวใจของพวกเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความทรงจำดีๆ ที่จะไม่มีวันลืม
ระหว่างทางกลับกรุงเทพฯ ภาคินัยขับรถไปเรื่อยๆ โดยมีปลายฝันนั่งอยู่ข้างๆ เธอหันไปมองภาคินัยที่กำลังขับรถอย่างสบายๆ แววตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความสุขและอ่อนโยน
ปลายฝันรู้ดีว่าชีวิตของพวกเขายังต้องเผชิญกับเรื่องราวต่างๆ อีกมากมาย อาจจะมีอุปสรรคเข้ามาทดสอบความรักของพวกเขา แต่เธอเชื่อมั่นว่าตราบใดที่พวกเขายังคงมีความรักและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็จะสามารถผ่านพ้นทุกสิ่งไปได้อย่างแน่นอน
แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาในรถ ทำให้ใบหน้าของภาคินัยดูสว่างสดใส ปลายฝันเอื้อมมือไปจับมือของเขาเบาๆ ภาคินัยหันมายิ้มให้เธอ แล้วบีบมือเธอกลับเบาๆ เป็นสัญญาณว่าเขารับรู้ถึงความรักที่เธอมีให้
ปลายฝันมองออกไปนอกหน้าต่าง มองดูวิวทิวทัศน์ที่กำลังเคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความสุข ความรัก และความหวัง บทเพลงรักในใจของปลายฝันยังคงบรรเลงต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ