ช่วงบ่ายของวัน ภายในห้องพักฟื้นของคนไข้วีไอพี ได้ต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยียน พร้อมกับใบหน้าเย้ยหยันกับสภาพของคนป่วยที่เห็นตรงหน้า
“สวัสดีครับ ผมมาเยี่ยมครับ”
“มาเยี่ยมหรือมาดูว่าฉันตายหรือยัง” นายพินิจเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ทำไมพูดอย่างนั้นละครับ ที่ผมมาวันนี้ผมมีเรื่องสำคัญที่จะบอกคุณอีกเรื่องนึงครับ”
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องลูกสาวสุดที่รักคุณยังไงละครับ”
“พระพาย”
“ใช่ ลูกสาวสุดที่รักของคุณ”
“มีเรื่องอะไร นายทำอะไรพระพาย”
“นี่คุณไม่เคยสงสัยเลยเหรอที่ลูกสาวคุณหายไปไหนมาไหนบ่อยๆ น่ะ ว่าหายไปกับใคร”
“หมายความว่าไง”
“รู้อะไรไหมลูกสาวคุณน่ะมันทั้งจืดชืด ไม่มีเสน่ห์ อยู่ด้วยแล้วน่าเบื่อที่สุด เวลาที่ผมอยู่กับลูกสาวคุณน่ะผมทั้งเกลียดทั้งขยะแขยง แต่ผมก็ต้องทำเป็นรักทั้ง ๆ ที่ในใจผมน่ะแสนจะเกลียดลูกสาวคุณ ลูกสาวคุณน่ะมันทั้งโง่ ทั้งซื่อบื้อ พูดดีด้วยหน่อย ทำดีด้วยหน่อย ก็หลงรักผมหัวปักหัวปร่ำ ถึงขนาดยอมขึ้นเตียงกับผมง่ายๆ แต่ก็นะมีของฟรีมาให้เอามีหรือที่ผู้ชายจะปฏิเสธ แต่สำหรับลูกสาวคุณน่ะเอาแค่ครั้งสองครั้งผมก็เบื่อแล้ว แต่ถ้าจะเอาไปใส่ตะกร้าล้างน้ำก็น่าจะได้อยู่เพราะผมใช้งานไม่หนัก” พูดจบชายหนุ่มก็ยกยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นท่าทางของนายพินิจที่ช็อกไปกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่
“ทำแบบนี้ทำไม” นายพินิจพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆ ไหลออกมาจากทางหางตา แล้วคิดว่านี่มันคงเป็นเวรกรรมที่เขาทำไว้ แต่ทำไมคนที่รับกรรมต้องเป็นลูกสาวที่แสนจะบอบบางของเขาด้วย
“คุณควรจะถามตัวเองมากกว่านะครับว่าทำแบบนี้ทำไม คุณโกงพ่อผมทำไม ทั้ง ๆ ที่คุณกับพ่อผมก็เป็นเพื่อนรักกัน คุณทำได้ยังไงคุณหักหลังพ่อผมได้ยังไง คุณรู้ไหมว่าผมกับแม่ต้องตกระกรำลำบากขนาดไหน ต้องนอนข้างถนน ขอข้าววัดกิน แต่คุณกลับอยู่สุขสบายบนกองเงินกองทองที่โกงครอบครัวผมไป” ชายหนุ่มตะคอกกลับไปด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด พร้อมกับแววตาที่เคียดแค้นคนตรงหน้าและพร้อมจะทำลายให้ย่อยยับ
“ฉันขอโทษ ฉันผิดเองตอนนั้นฉันหน้ามืดเอง ฉันอยากได้ของของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ทำให้ฉันทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นกับเพื่อนรักไป” นายพินิจยอมรับด้วยน้ำตาอาบหน้าที่ทำเรื่องเลวร้ายกับครอบครัวของชายหนุ่ม
“มันสายไปแล้วที่จะมาขอโทษ ต่อไปก็เตรียมชดใช้กรรมที่ตัวเองก่อเถอะ” พูดจบชายหนุ่มก็เดินออกมา เมื่อเปิดประตูห้องก็เจอกับหญิงสาวที่ตนเองเอ่ยถึงอยู่ในห้องเมื่อสักครู่ โดยที่บนใบหน้าของหญิงสาวนั้นอาบไปด้วยน้ำตา และมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาเจ็บปวด
“ที่พี่รันพูดมันไม่จริงใช่ไหมค่ะ พี่รันโกหกใช่ไหมค่ะ พี่รันโกรธอะไรพายหรือไม่พอใจอะไรพายพี่รันบอกมาได้เลยนะค่ะ พายพร้อมจะปรับปรุงตัว พายรักพี่รันนะค่ะ” พระพายพยายามทำใจให้ไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยินมากับหูเมื่อครู่นี้ พร้อมกับเดินเข้าไปกอดชายหนุ่มไว้แน่นแนบหน้ากับอกกว้างที่เคยให้ไออุ่นกับเธอ ขอแค่ชายหนุ่มบอกว่ามันเป็นเรื่องโกหกเธอก็พร้อมจะเชื่อเขาอย่างหมดหัวใจ
“ทั้งหมดมันคือเรื่องจริง ที่ฉันทำไปทั้งหมดก็เพื่อแก้แค้นพ่อของเธอ ฉันไม่เคยรักเธอเลย สักนิดก็ไม่เคยรัก รู้อะไรไหมเวลาที่ฉันนอนกับเธอฉันรู้สึกขยะแขยงจนอยากจะอ้วก ทุกครั้งที่ฉันจูบเธอฉันโคตรจะขยะแขยงเลย แต่ฉันก็ต้องทนเพื่อที่ฉันจะได้แก้แค้นพ่อเธอ และตอนนี้ฉันก็ทำสำเร็จแล้ว” หลังจากชายหนุ่มพูดจบมือที่กอดชายหนุ่มไว้ก็ร่วงลงมาข้างลำตัวอย่างหมดแรง พระพายเงยหน้าขึ้นไปสบตากับชายหนุ่มตรงหน้าซึ่งเขาก็มองลงมาเช่นกัน ในแววตาของชายหนุ่มนั้นไม่มีความรักความเสน่หาอยู่เลย มันมีแต่สายตาแห่งความโกรธเกลียดความเครียดแค้นที่อัดแน่นเต็มอยู่ในดวงตาคู่นั้น เมื่อเห็นแบบนั้นพระพายก็ก้าวถอยหลังออกมาหนึ่งก้าวพร้อมกับถามชายหนุ่มว่า
“ถ้าไม่มีความแค้นมาเกี่ยวข้องพี่รันจะรักพายไหมค่ะ”
“.....” ชาหนุ่มนิ่งเงียบไม่ตอบคำถามหญิงสาวตรงหน้า มีเพียงแววตาที่วูบไหวอยู่ชั่วพริบตา ซึ่งพระพายไม่ทันได้เห็นเนื่องจากดวงตาคู่สวยนั้นมีน้ำตาเอ่ออยู่เต็มหน่วยตา
“พายก็ไม่น่าถามคำถามโง่ๆ ออกไปเลยนะค่ะ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้คำตอบอยู่แล้ว” พระพายเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่มันเจือไปด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส หลังจากหญิงสาวพูดจบชายหนุ่มก็เดินหันหลังออกไปทันทีโดยไม่ได้หันกลับมามองหญิงสาวที่ทรุดตัวลงไปนั่งร้องไห้กับพื้นราวกับจะขาดใจ หลังจากที่ร้องไห้จนพอใจหญิงสาวก็เดินเข้าไปในห้องพักฟื้นที่พ่อของเธอนอนอยู่
“คุณพ่อ” พระพายเรียกนายพินิจด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“พายลูกพ่อ พ่อขอโทษ พ่อผิดเอง พ่อมันเลว” นายพินิจเอ่ยบอกกับหญิงสาวพร้อมกับรั้งลูกสาวสุดที่รักเข้ามากอด
“เรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไงค่ะ เล่าให้พายฟังได้ไหมค่ะ” พระพายตัดสินใจถามนายพินิจทั้งน้ำตา โดยที่นายพินิจนั้นได้หลับตาลงพร้อมกับผ่อนลมหายใจเบาๆ จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมาแล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้หญิงสาวฟัง
“เรื่องทั้งหมดพ่อเป็นคนผิดเอง พ่อมันโลภอยากได้ของคนอื่น สิ่งที่พ่อทำมันทำให้ใครหลายคนต้องเดือดร้อนโดยเฉพราะนวลปรางกับภารัน แล้วกรรมทั้งหมดก็มาตกอยู่ที่พาย พ่อขอโทษ” นายพินิจเอ่ยออกมาทั้งน้ำตานองหน้า
“คุณพ่ออย่าโทษตัวเองเลยนะค่ะ เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว และอีกอย่างผู้ชายคนนั้นก็ได้ทุกอย่างคืนไปแล้ว เขาคงไม่มายุ่งกับเราอีกแล้วค่ะ” พระพายได้แต่ปลอบใจนายพินิจไป ด้วยกลัวว่าถ้าพ่อของเธอคิดมากอาการจะกำเริบ โดยที่นายพินิจนั้นยังไม่ได้บอกกับหญิงสาวไปว่าตอนนี้ครอบครัวของเรานั้นไม่เหลืออะไรเลย ทุกสิ่งทุกอย่างตกเป็นของชายหนุ่มทั้งหมดแล้ว
ห้องทำงานชั้นบนสุดของโรงแรมหรู ชายหนุ่มยืนมองออกไปนอกกระจกที่เห็นทิวทัศน์ยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานครเมืองที่ไม่เคยหลับไหล โดยที่ในมือข้างหนึ่งนั้นได้ถือบรั่นดีไว้
ก๊อก ก็อก ก๊อก
“คุณรันครับ ผมให้ทนายจัดการเรื่องทรัพย์สินของนายพินิจเรียบร้อยแล้วนะครับ”
“อืม” เมื่อได้ฟังดินแดนพูดจบชายหนุ่มก็เพียงขานรับในลำคอพร้อมกับกระดกบรั่นดีในมือจนหมดแก้ว
“คุณรันจะกลับเลยไหมครับ”
“อือ” หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เดินออกมาจากห้องทำงานแล้วตรงไปยังรถที่จอดรออยู่
“เอ่อ..คุณรันครับเรื่องค่ารักษาพยาบาลคุณพินิจคุณรันจะเอายังไงครับ”
“นายก็จัดการให้เรียบร้อยสิ จะมาถามทำไม” หลังจากที่ฟังชายหนุ่มพูดจบดินแดนก็ทำหน้า งง ไหนบอกเกลียดอยากให้เขาตายแต่ทำไมถึงยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่แสนจะแพงให้ และก่อนที่ดินแดนจะพูดอะไรออกไปชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาก่อน
“ที่ฉันยอมจ่ายให้นายอย่าเข้าใจผิด ฉันจะถือว่ามันเป็นค่าตัวของผู้หญิงคนนั้นที่ปรนเปรอฉันตอนไปภูเก็ต” ชายหนุ่มรีบหาข้อแก้ตัวหลังจากเห็นสีหน้าของดินแดน
“ครับ” ถึงจะตอบไปแบบนั้นแต่ดินแดนที่อยู่กับชายหนุ่มมานานทำไมจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มนั้นคิดอะไร
“วันนี้คุณรันจะไปนอนที่ไหนครับ”
“บ้านแม่” หลังจากตอบคำถามไปแล้วชายหนุ่มก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ซึ่งเขาก็ไม่แน่ใจว่าที่เขารู้สึกเหนื่อยตอนนี้มันเหนื่อยกายหรือเหนื่อยใจกันแน่ หลังจากเห็นน้ำตาของหญิงสาวเมื่อตอนบ่ายทำไมใจเขาถึงว้าวุ่นนักก็ไม่รู้
“คุณแม่ยังไม่นอนอีกหรือครับ” เมื่อเห็นไฟในห้องโถงเปิดอยู่ชายหนุ่มก็เดินตรงไปทันทีแล้วคิดว่าแม่เขาน่าจะยังไม่นอนซึ่งก็เป็นจริง
“แม่ยังไม่ง่วงจ๊ะ ว่าแต่ดื่มเหล้ามาเหรอ กลิ่นหึ่งเชียว” เมื่อคุณนวลปรางพูดจบชายหนุ่มก็เดินเข้ามานอนหนุนตักทันที พร้อมกับหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน คุณนวลปรางเห็นท่าทางแบบนั้นของลูกชายก็ลูบศีรษะชายหนุ่มเบาๆ แล้วถามว่า
“รันมีเรื่องอะไรไม่สบายใจบอกแม่ได้นะ” คุณนวลปรางเอ่ยออกไปอย่างอ่อนโยน
“รันไม่ได้เป็นไรครับ แค่รู้สึกเหนื่อยๆ” ชายหนุ่มตอบกลับไปพร้อมกับลืมตาตื่นขึ้นมา
“รันทุกวันนี้เราก็มีทุกอย่างแล้ว ถ้างานมันหนักรันก็เพลาๆ บ้างนะ แม่เป็นห่วง”
“ครับ งั้นผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ คุณแม่ก็รีบขึ้นนอนนะครับมันดึกแล้ว”
“จ๊ะอีกพักแม่ก็จะขึ้นนอนเหมือนกัน”
“ฝันดีนะครับแม่” พูดจบก็ก้มลงไปหอมแก้มคุณนวลปรางแล้วรีบผละออกไปทันที ด้วยกลัวว่าตัวเองนั้นจะแสดงอะไรออกมาให้แม่เขาจับได้
“จ๊ะฝันดีเหมือนกัน” หลังจากชายหนุ่มเดินออกไปแล้วคุณนวลปรางก็คิดว่าลูกชายของเธอต้องมีอะไรปิดบังตัวเธออยู่แน่นอนและคนที่จะตอบคำถามเธอได้คงมีแต่ดินแดนเท่านั้นเพราะสองคนนี้อยู่ด้วยกันตลอดมีหรือที่ดินแดนจะไม่รู้ว่าลูกชายเธอเป็นอะไร
ฝากกดใจ ฝากติดตามนิยาย ฝาก comment เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรด้วยนะค่ะ
ขอบคุณค่าา
หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์คุณหมอก็อนุญาตให้นายพินิจกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้แต่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด“วันนี้คุณพ่ออยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมค่ะ” พระพายเอ่ยถามบิดาของเธอระหว่างที่พามานั่งรับลมที่สวนหลังบ้าน“อะไรก็ได้ พ่อกินได้หมด” นายพินิจตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“งั้นคุณพ่อนั่งเล่นอยู่ตรงนี้ก่อนนะค่ะ เดี๋ยวพายไปเตรียมอาหารให้คุณพ่อก่อน” คล้อยหลังลูกสาวสุดที่รักนายพินิจก็ต่อสายหาใครบางคนทันที“สวัสดีครับ ผมภารันพูดครับ”“นี่ลุงเองนะ”“บอกแล้วไงครับว่าผมไม่นับคุณเป็นลุง” ชายหนุ่มหน้าตึงทันทีที่รู้ว่าปลายสายเป็นใคร“คือฉัน”“มีอะไรก็รีบพูดมาเถอะครับ อย่าทำให้ผมเสียเวลา”“เรื่องพระพายฉันอยากให้นายคิดใหม่อีกที พระพายรักนายมากนะ” เมื่อได้ยินแบบนั้นชายหนุ่มก็เงียบไปพร้อมตอบกลับไปว่า“ผมก็บอกไปแล้วไง ว่าผมไม่เคยรักลูกสาวคุณ”“ถือว่าฉันขอร้องได้ไหม”“น่าสมเพชนะครับ นี่คุณไม่มีศักดิ์ศรีเลยเหรอถึงได้มาขอร้องให้ผมรักลูกสาวคุณ” ชายหนุ่มตอบกลับไปอย่างเย้ยหยัน“ฉันแค่อยากทำเพื่อพระพายเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนตายฉันอยากให้ลูกสาวฉันมีความสุข และมีคนคอยดูแลต่อจากฉัน พระพายเป็นเด็กน่าสงสารแกเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก
ช่วงบ่ายของวัน ภายในห้องพักฟื้นของคนไข้วีไอพี ได้ต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยียน พร้อมกับใบหน้าเย้ยหยันกับสภาพของคนป่วยที่เห็นตรงหน้า“สวัสดีครับ ผมมาเยี่ยมครับ”“มาเยี่ยมหรือมาดูว่าฉันตายหรือยัง” นายพินิจเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง“ทำไมพูดอย่างนั้นละครับ ที่ผมมาวันนี้ผมมีเรื่องสำคัญที่จะบอกคุณอีกเรื่องนึงครับ”“เรื่องอะไร”“ก็เรื่องลูกสาวสุดที่รักคุณยังไงละครับ”“พระพาย”“ใช่ ลูกสาวสุดที่รักของคุณ”“มีเรื่องอะไร นายทำอะไรพระพาย”“นี่คุณไม่เคยสงสัยเลยเหรอที่ลูกสาวคุณหายไปไหนมาไหนบ่อยๆ น่ะ ว่าหายไปกับใคร”“หมายความว่าไง”“รู้อะไรไหมลูกสาวคุณน่ะมันทั้งจืดชืด ไม่มีเสน่ห์ อยู่ด้วยแล้วน่าเบื่อที่สุด เวลาที่ผมอยู่กับลูกสาวคุณน่ะผมทั้งเกลียดทั้งขยะแขยง แต่ผมก็ต้องทำเป็นรักทั้ง ๆ ที่ในใจผมน่ะแสนจะเกลียดลูกสาวคุณ ลูกสาวคุณน่ะมันทั้งโง่ ทั้งซื่อบื้อ พูดดีด้วยหน่อย ทำดีด้วยหน่อย ก็หลงรักผมหัวปักหัวปร่ำ ถึงขนาดยอมขึ้นเตียงกับผมง่ายๆ แต่ก็นะมีของฟรีมาให้เอามีหรือที่ผู้ชายจะปฏิเสธ แต่สำหรับลูกสาวคุณน่ะเอาแค่ครั้งสองครั้งผมก็เบื่อแล้ว แต่ถ้าจะเอาไปใส่ตะกร้าล้างน้ำก็น่าจะได้อยู่เพราะผมใช้งานไม่หนัก” พูด
หลังกลับมาจากภูเก็ต พระพายก็เริ่มมีความรู้สึกว่าแฟนหนุ่มของตัวเองนั้นเปลี่ยนไป ไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ โทรไปก็บอกติดงานตลอด พักนี้เธอไม่ค่อยได้เจอกับชายหนุ่มเลย จนทำให้เธอเริ่มกระวนกระวายใจเป็นอย่างมากตูดดดด“ทำไมพี่รันไม่รับสายนะ” พระพายโทรหาแฟนหนุ่มอยู่พักใหญ่ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมรับสายเธอเลย“คุณรันไม่รับโทรศัพท์หน่อยเหรอครับ” ดินแดนเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นสายโทรเข้ามาหลายครั้งแต่เจ้านายของเขาก็ไม่รับปล่อยให้สายมันตัดไป“วันนี้คุณแม่จะถึงสนามบินกี่โมง” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องโดยที่ยื่นมือไปคว่ำหน้าโทรศัพท์ลงกับโต๊ะทำงาน“เอ่ออ 4 โมงเย็นครับ”“อืม”“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”“เดี๋ยวก่อน ตอนนี้เรื่องนายพินิจจัดการไปถึงไหนแล้ว”“ทุกอย่างของนายพินิจ ตอนนี้เป็นของคุณรันทุกอย่างแล้วครับ”“อืม นายกลับไปทำงานได้แล้ว”“ครับ” หลังจากดินแดนเดินออกไปแล้ว โทรศัพท์ของชายหนุ่มก็มีสายเรียกเข้า เป็นสายที่เขาหลีกเลี่ยงไม่รับมาตั้งแต่กลับจากภูเก็ตแล้ว ชายหนุ่มคิดว่าถึงเวลาที่เขาจะจัดการขั้นเด็ดขาดสักที16.00 น สนามบินสุวรรณภูมิ มีชายหนุ่มรูปหล่อมายืนรอรับผู้โดยสารขาเข้าจากต่างประเทศ ทำให้บรรดาสาวๆ ต่างมองมา
แสงแดดที่ส่องมาในช่วงสายของเช้าวันใหม่ ทำให้หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงต้องพลิกตัวหนีเนื่องจากรบกวนการนอนของเธอ ชายหนุ่มที่นอนซ้อนด้านหลังเธออยู่นั้นก็เผลอยิ้มออกมา เมื่อหญิงสาวนั้นพลิกตัวหันหน้ากลับมาทางเขา“อืออ” หญิงสาวส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ หลังจากได้รับการรบกวนจากอะไรสักอย่างที่คลอเครียอยู่ที่หน้าอก หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ทำให้เห็นกลุ่มผมสีดำที่อยู่บนหน้าอกของเธอ“พี่รัน” หญิงสาวเรียกชายหนุ่มที่กำลังดูดเลียหน้าอกของเธออย่างดูดดื่มด้วยใบหน้าสีแดงระเรื่องด้วยความเขินอาย“ครับ” ชายหนุ่มเงยหน้าจากหน้าอกของหญิงสาวพร้อมกับขานรับอย่างหน้าตาย พร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้หญิงสาวตรงหน้าที่นอนหน้าแดงกร่ำอยู่“พี่รันทำอะไรค่ะ”“กินนมตอนเช้าไงครับ ร่างกายจะได้แข็งแรง” หลังจากชายหนุ่มพูดจบหญิงสาวก็อายเข้าไปใหญ่ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะพูดออกมาอย่างนี้“มันต้องกินจากกล่องไม่ใช่เหรอค่ะ”“กินจากกล่องพี่เบื่อแล้ว ตอนนี้พี่อยากกินจากเต้ามากกว่า” หลังจากพูดจบชายหนุ่มก็ก้มหน้าลงไปดูดนมหญิงสาวทันที ทำให้หญิงสาวเผลอเปล่งเสียงครางออกมาอย่างเสียวซ่าน“พี่รันอย่าค่ะ พายเสียวว” ถึงพูดออกไปอย่าง
สนามบินนานาชาติภูเก็ต สองหนุ่มสาวเดินจูงมือกันออกจากสนามบินด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข โดยที่ชายหนุ่มได้จูงมือหญิงสาวไปขึ้นรถที่เขาได้ทำการเช่าไว้ก่อนที่จะเดินทางมา“พี่รันเช่ารถไว้ด้วยเหรอค่ะ”“ครับ”“พี่รันรอบคอบจัง” แล้วชายหนุ่มก็พาหญิงสาวมาที่โรงแรมที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของบรรยากาศติดอันดับต้นๆ ของภูเก็ต“โอ้โห วิวสวยมากเลยค่ะ แต่ว่าที่นี่แพงมากเลยนะค่ะ ความจริงพี่รันไม่น่าจะเช่าโรงแรมที่แพงขนาดนี้เลย เปลืองเงินพี่รันเปล่าๆ”“พี่อยากทำให้พายประทับใจมากที่สุดและพี่ก็อยากให้พายจดจำเรื่องของเราไว้ตลอดไป ต่อให้แพงกว่านี้พี่ก็พร้อมจ่ายเพื่อพายของพี่” พูดจบชายหนุ่มก็เดินมาสวมกอดหญิงสาวไว้จากทางข้างหลัง พร้อมกับเอาคางเกยไว้ที่ไหล่ของหญิงสาว หลังจากชื่นชมธรรมชาติและความสวยงามของท้องทะเล ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวลงไปหาอะไรกินในส่วนของร้านอาหารของโรงแรมที่อยู่ติดกับชายหาด“พายอยากกินอะไรสั่งได้เต็มที่เลยนะ” หญิงสาวยิ้มรับพร้อมกับหันไปสั่งอาหารกับพนักงานที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่ โดยอาหารส่วนใหญ่ที่สั่งเป็นอาหารที่ชายหนุ่มชอบทั้งนั้น ซึ่งเมื่อเห็นอาหารที่มาเสิร์ฟชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมามองหญิ
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์หลังจากที่นัดคุยเรื่องสถานที่ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่ทางตัวแทนจะติดต่อกลับมา ทำให้แสนหวานรู้สึกกังวลใจเนื่องด้วยกลัวว่าจะไม่ได้เช่าสถานที่ ทำให้แสนหวานตัดสินใจติดต่อสโรชาไป แต่สิ่งที่สโรชาตอบกลับมากลับทำให้แสนหวานถึงกับกุมขมับ“หวานต้องติดต่อนายดิน...เอ่อคุณดินแดนโดยตรงเหรอค่ะ”“ใช่ค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ” สโรชาตอบปลายสายไปตามที่ผู้ช่วยหนุ่มหล่อบอกเธอ โดยตอนแรกเธอก็ยัง งง ว่าชายหนุ่มรู้ได้ไงว่าแสนหวานจะต้องติดต่อมา และก็ติดต่อมาจริงๆ หรือว่าสองคนนี้จะมีอะไรนอกเหนือจากเรื่องเช่าสถานที่โรงแรม แต่เธอก็ไม่กล้าถามเพราะดินแดนเป็นถึงคนสนิทเจ้าของโรงแรมที่เธอทำงานอยู่“ไม่เป็นไรค่ะ เดียวหวานติดต่อคุณดินแดนเองค่ะ ขอบคุณนะค่ะ” หลังจากวางสายหญิงสาวก็ได้แต่ถอนหายใจว่าทำไมมันซวยอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอคิดว่าจะไม่ต้องติดต่อไอ้บ้านั่นหลังจากทำเรื่องซ่อมรถเสร็จแล้วแท้ๆเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ดินแดนต้องเงยหน้าขึ้นจากเอกสารตรงหน้า แต่พอเห็นชื่อที่ปรากฏก็อมยิ้มทันที แต่แทนที่ชายหนุ่มจะรีบรับกลับปล่อยให้สายมันตัดไป โดยที่เขามั่นใจว่ายังไงปลายสายต้องโทรมาอีกรอบแน่และมันก็เป็นแบบนั้นจริง