จากวันนั้นอารญาก็ไม่ได้พบหน้าธีรเดชอีกเลย มีข่าวเขาควงนางเอกสาวออกงานสังคมให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ภาพบาดตาบาดใจที่ปรากฏตามสื่อโซเชียลทำให้เธอเลิกเล่นโซเชียล เก็บตัวเงียบ กระทั่งถึงช่วงที่จะขึ้นมหา’ลัยปีสอง อารญาก็ได้ยินข่าวจากเพื่อนร่วมคณะ ว่าธีรเดชได้ประกาศจะหมั้นหมายกับมนธิราอย่างเป็นทางการ การหมั้นของทั้งคู่ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเป็นที่กล่าวขวัญว่าพวกเขาเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก
ทุกชีวิตย่อมมีทางเดินของตัวเอง อารญาย้ายออกจากคอนโดมาเช่าหอพักแถวหน้ามหาวิทยาลัย เพื่อลดค่าใช้จ่าย อีกทั้งรับทำงานพิเศษเพิ่ม เพื่อที่ตัวเองจะไม่ได้เป็นภาระของบิดา
ทันทีที่มาถึงร้านอาหารกึ่งผับดังที่อยู่ไม่ไกลจากหน้ามหาวิทยาลัย อารญาก็เดินเข้าไปทักทายเจ้าของร้านที่ออกมารอรับ เพราะเป็นห่วงว่าเธอจะถูกพวกขี้เมาลวนลามเหมือนในคราแรกที่เธอมาเหยียบที่นี่
“พี่พีท หวัดดีค่ะ” อารญายกมือไหว้
“หวัดดีครับน้องอาย วันนี้มาเร็วนะ”
พลช เมฆาพยัคฆ์ เอ่ยทักทายสาวน้อยหน้าใสด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม แน่นอนว่าอารญามองคนออก ภายใต้ท่าทางใจดีนั่นย่อมซ่อนคมเขี้ยว และพิษสงเอาไว้ไม่น้อย
“พรุ่งนี้อายมีเรียนเช้า ก็เลยอยากขอกลับเร็วหน่อยค่ะ” อารญาเอ่ยตอบไปตามความเป็นจริง
“แล้วกินอะไรมายัง”
“ก่อนมาอายไปกินข้าวกับเพื่อนมาแล้วค่ะ”
“โอเค งั้นขึ้นไปข้างบนกันดีกว่า”
ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินนำไปยังห้องหนึ่งที่อยู่บนชั้นสองของร้าน
“ถ้าน้องอายทำไม่เสร็จก็เอาไว้วันหลังก็ได้นะ จะกลับเมื่อไหร่ก็ไปเคาะห้องข้างๆ เดี๋ยวพี่จะให้คนไปส่ง”
คนที่ภายนอกดูนุ่มนวลแต่ทว่ามีมุมเถื่อนๆ เอ่ยบอก หลังจากขนบัญชีที่เธอทำไม่เสร็จเมื่อคราวที่แล้วออกมาให้สะสางต่อ ที่ไม่ให้เธอเอากลับไปทำที่หอเพราะกลัวข้อมูลจะรั่วไหล
พลชล็อกประตูให้ แล้วปล่อยให้เธอทำงานของเธอไปแบบไม่ให้ใครเข้ามารบกวน อารญานั่งทำบัญชีด้วยท่าทางขะมักเขม้น แต่ผ่านไปราวยี่สิบนาทีปากอิ่มก็เริ่มอ้าออกหาวหวอดๆ
“โอยยยย…ง่วงจังเลย”
เสียงเนือยๆ โอดครวญด้วยสภาพตาจะปิดอยู่รอมร่อ ทนไม่ไหวก็ซบหน้าลงไปกับโต๊ะที่มีโน้ตบุ๊ค เครื่องคิดเลข และแฟ้มวางเรียงรายตั้งอยู่ตรงหน้า แล้วพึมพำด้วยความหงุดหงิดให้ตัวเอง
“ไม่น่ากินยาแก้แพ้เลย ให้ตายสิ!”
หลังจากหลับตาไปสักพัก อารญาก็งัดตัวเองขึ้นมานั่ง สะบัดศีรษะขับไล่ความง่วงที่กำลังเล่นงานอย่างหนัก แล้วพยายามเพ่งสายตาไปยังตัวเลขที่หน้าจอโน้ตบุ๊ค แต่ไม่ถึงสองนาทีเธอก็ทำท่าจะหลับกลางอากาศ เมื่อทนไม่ไหว ต่อให้นั่งต่อก็ทำงานไม่ไหว ร่างบางจึงลุกขึ้น แล้วเดินไปล้มตัวลงนอนบนโซฟายาวที่อยู่ทางด้านหลัง
แอ๊ด!!!
เสียงผลักประตูให้เปิดออก และปิดลงในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้คนที่สติเลือนรางเพราะตกอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นปรือเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นอย่างยากลำบาก สายตาพร่าเลือนพยายามเพ่งมองฝ่าความมืดมิด เพราะหูได้ยินเสียงผู้เข้ามาใหม่กดปิดสวิชต์ไฟ แต่แล้วก็ต้องทอดถอนใจด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน หลับตาลงอย่างไม่อาจฝืน ตอนนี้ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลาย หรือแม้แต่เกิดไฟไหม้เธอก็ไม่มีปัญญาแม้กระทั่งจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากโซฟาได้ ฤทธิ์ยาแก้แพ้ที่กินเข้าไปตามคำแนะนำของหมอที่คลินิก เพราะแพ้ขนหนอนบุ้ง กำลังเล่นงานเธออย่างหนัก อีกทั้งช่วงนี้เธอยังเอาแต่ทำงานพิเศษจนมีเวลาพักผ่อนน้อย ทำให้ร่างกายแทบไม่ไหว
“โทษทีนะ ฉันไม่ชอบเปิดไฟ”
เสียงพูดของผู้ชายที่ดังอยู่ใกล้ๆ แทบจับใจความไม่ได้ เพราะเสียงเพลงด้านนอกดังกระหึ่มกลบ แน่นอนการถูกคุมคามแบบนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องดี เธอพยายามจะเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ทว่าทำไม่สำเร็จ จึงได้แต่นึกอึดอัด ใจเต้นระทึกด้วยความหวาดกลัว เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาทุกขณะจิต ก่อนจะรับรู้ได้ว่ามีร่างที่หนาและหนักอึ้งทาบทับลงมาบนตัว ขนกายของเธอลุกเกรียวในวินาทีที่เสียงแหบเจือเซ็กซี่กระซิบข้างหู
“แค่โซฟาตัวเดียวก็เหลือเฟือ…ว่าไหม”
“มะ…ไม่ อย่า…”
เสียงห้ามปรามกลายเป็นอึกอักในลำคอ เมื่อปากร้อนจัดฉกลงมาดูดปากอิ่มอย่างดุดัน ครั้นเธอผวาเฮือกท่ามกลางความมืด เสียงหัวเราะกลั้วลำคอด้วยความพึงใจก็ดังแว่วขึ้น รับรู้ได้ว่ามือของเขากำลังยุ่มย่ามกับกระดุมเสื้อของเธอในลักษณะรีบเร่งจนเกือบเป็นลนลาน ร่างน้อยที่แทบไม่มีแรงยังฮึดสู้ด้วยการดิ้นรน แต่ท่าทางขัดขืนเหมือนไม่ประสา หรือทำพอเป็นพิธีเพื่อเรียกอรรถรสนั้นทำให้เขาหัวเราะอีกครั้ง
ความเสียวแล่นวาบในวินาทีที่ริมฝีปากซึ่งมีตอเคราขึ้นนิดๆ ซุกลงมาตรงซอกคอระหง แล้วไซ้ด้วยท่าทางคล้ายลุ่มหลงมัวเมา ผิวเนียนนุ่มหอมกรุ่นทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะขบเม้มหนักสลับเบาอย่างหยอกเย้า ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะจูบหรือเล้าโลมผู้หญิงชั่วคราว แต่วันนี้ทุกอย่างกลับเหนือการควบคุม เขาเมา แถมยังขาดสติ เพราะโดนน้องสาวของคู่ค้ารายสำคัญวางยาปลุกเซ็กส์ จนต้องให้ผู้จัดการร้านหาผู้หญิงให้สักคน
มือใหญ่เคลื่อนมากอบกุมหน้าอกนุ่มหยุ่นที่ยังคงมีบราเซียร์ห่อหุ้ม ขณะที่ปากเริ่มไล้เล็มซอกคอหอมกรุ่นลงมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงเนินอกสล้างจึงได้กระชากปราการชิ้นน้อยขว้างทิ้งอย่างไม่ไยดี แล้วแทนที่ด้วยริมฝีปากผ่าวระอุ วินาทีที่ปลายถันถูกดูดกลืนร่างบางก็สะดุ้งวาบ ตาที่ปิดพยายามจะลืมขึ้น แต่ไม่เป็นผล เธอไม่อาจต้านทานความปรารถนาที่อีกฝ่ายป้อนให้ ทำได้เพียงดิ้นอึกอัก และส่ายหน้าอย่างท้อแท้
น่าแปลก!
ที่ความรู้สึกภายในของอารญาย้อนแย้งกันให้วุ่น เธอนึกหวาดกลัว อยากต่อต้าน อยากขัดขืน แต่ทำได้ไม่เต็มที่ เพราะแขนขาเหมือนหนักอึ้งและไม่มีแรง ทว่าพอโดนอีกฝ่ายแตะต้องเล้าโลมกลับร้อนรุ่ม เหมือนร่างกายพร้อมจะเตลิดได้ทุกเมื่อ เหมือนเขามีเวทมนต์กล่อมประสาท ให้เธอเผลอไผลไร้การควบคุม
นี่เป็นฤทธิ์ของยาแก้แพ้จริงหรือ?
หกปีหลังจากนั้น เด็กหญิงนีลาญาก็กลายเป็นพี่ใหญ่ของบ้าน มีน้องน้อยเพิ่มมาอีกสี่คน คนที่หนึ่งชื่อเด็กชายธีราภัทร หรือน้องธาม คนที่สองเป็นผู้หญิงชื่อเด็กหญิงนีลาภา หรือน้องนีน ส่วนคนที่สามและสี่เป็นแฝดชายหญิง ชื่อเด็กหญิงนารีญา หรือน้องนิ่ม ส่วนแฝดน้องชื่อเด็กชายธงไทย หรือน้องไทน์ ห้าพี่น้องต่างรักใคร่กลมเกลียว และซนระดับพระกาฬ โดยเฉพาะสี่หน่อที่เกิดไล่เลี่ยกัน หากอยู่บ้านก็ทำเอาคนแก่ทั้งวังรื่นฤดีปวดเศียรเวียนเกล้าไปตามๆ กัน “อาบจ๋า นีนอยากกินลูกชุบ” หนูน้อยนีลาภาวัยสี่ขวบเอ่ยฉะอ้อนแม่นมวัยดึกอย่างน่ารักน่าชัง ตากลมแป๋วที่ล้อมกรอบด้วยแพขนตายาวดกดำเหมือนตุ๊กตาจ้องลูกชุบสีสวยในถาดไม่กะพริบ “คุณหนูนีนของแม่อาบ จะกินรูปผลไม้อันไหนคะ เดี๋ยวแม่อาบจะหยิบให้ค่ะ” คนแก่ที่หลงเด็กน้อยเสียเหลือเกินเอ่ยอย่างเอาใจ ก่อนจะถือโอกาสก้มลงหอมแก้มป่องๆ อย่างมันเขี้ยว “มะม่วงค่า”นิ้วป้อมๆ ชี้ไปยังลูกชุบสีเขียวอมเหลืองที่ถูกปั้นเป็นรูปมะม่วง แม่อาบยิ้มกริ่ม แล้วหยิบลูกชุบส่งให้ เด็กน้อยพนมมือไหว้อย่างน่าเอ็นดู แล้วยัดลูกชุบใส่ปาก ก่อนจะเคี้ยวด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย “ปี้นีน! ปี้นีน!”เ
คนที่เพิ่งกลับขึ้นมาบนห้องนอน หลังจากหนีลงไปรดน้ำผักที่สวนครัวหลังวังรื่นฤดีตั้งแต่เช้าตรู่ เห็นสามีนั่งกอดอกทำหน้าตึงอยู่ปลายเตียงก็ถึงกับกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม แต่ทำทีเป็นไม่สนใจ เดินนวยนาดไปเปิดประตูเชื่อมสู่ห้องนอนลูก ครั้นเห็นเด็กน้อยกับแมวนอนกอดกันหลับปุ๋ยก็อมยิ้มด้วยความเอ็นดู ก่อนจะค่อยๆ งับประตูลงอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็เดินมาหยุดลงตรงหน้าสามีที่กำลังเรียกร้องความสนใจแบบซึนๆ “วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ”“ไป แต่ไม่มีคนอาบน้ำให้” น้ำเสียงราบเรียบ และท่าทางมึนตึง แต่ความหมายของคำพูดทำให้คนฟังมองค้อนด้วยความหมั่นไส้เธอไม่น่าอาบน้ำให้เขาจนเขาเสียนิสัยแบบนี้เลย ให้ตาย! “ถ้าจะอาบก็ตามมาค่ะ”อารญาเอ่ยสั้นๆ แล้วเดินนำไปยังห้องน้ำ ยังไม่ง้อคนที่กำลังน้อยใจ หากเดาไม่ผิดก็คงเพราะเธอหนีไปรดน้ำผักตั้งแต่เช้า ทิ้งเขาไว้เพียงลำพังที่ห้องนอน ธีรเดชเป็นอย่างนี้เสียทุกครั้งหากตื่นมาไม่เห็นเธอก็จะงอน และคนที่ง้อก็มักเป็นเธออยู่ร่ำไป วันนี้ก็คงเป็นเช่นนั้น เพราะรู้ว่าเขามีประชุมสำคัญที่บริษัทในช่วงสาย “มาค่ะ อายถอดเสื้อผ้าให้”มือเรียวคว้าเข้าที่ข้อมือใหญ่ แล้วลากร่างทรงพลังไปยืนพิงเ
เวลาผ่านไปแต่ละวินาทีช่างเชื่องช้าและยาวนานเหลือเกิน ธีรเดชรู้สึกเหมือนมันเป็นระเบิดเวลา ในหัวเขาอัดแน่นไปด้วยความตึงเครียดจนถึงขีดสุด ในใจมีแต่ความหวาดหวั่นและวิตกกังวลสารพัด การรอคอยช่างสุดแสนทรมานแทบขาดใจ ร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างเดินไปเดินมาไม่หยุด กระทั่งในที่สุดประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก เขาถลาไปหยุดลงตรงหน้าหัวหน้าทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างหมอปริญ แล้วถามไถ่ด้วยความร้อนใจ “ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ” “ขอแสดงความยินดีด้วยครับ การผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ภรรยาของคุณปลอดภัย แต่ต้องแอดมิดดูอาการก่อน เผื่อมีผลข้างเคียงอะไร”นายแพทย์หนุ่มเอ่ยบอกไปตามสถานการณ์ ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อคุณชายหมอที่ขึ้นชื่อเรื่องความสุขุมเยือกเย็นละล่ำละลักขอบคุณเขา “ดีใจด้วยนะคะ”ปานระพีเอ่ยอย่างยิ้มๆ“ขอบคุณมากครับหมอแพร”ธีรเดชเอ่ยขอบคุณปานระพีด้วยความซาบซึ้งใจ คล้อยหลังอีกฝ่ายร่างใหญ่ก็เดินไปทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ตรงหน้าห้องผ่าตัด แล้วถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปยาวนานเท่าใด อารญาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งบรรยากาศข้างนอกที่มองผ่านกระจกหน้าต่างก็ปกคลุมไปด้วยความมืดมิดเสียแล้ว
หนึ่งสัปดาห์ก่อนผ่าตัด ธีรเดชก็พาอารญากับลูก รวมทั้งแมวอ้วน มาเที่ยวที่บ้านพักตากอากาศส่วนตัวบนดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย บรรยากาศหน้าหนาวของที่นี่ในตอนเช้าๆ สวยจับตา เธอตื่นแต่เช้าออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ บนชานเรือนไม้สองชั้นที่ตั้งอยู่บนเนินเขา มองเห็นวิวทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตา ด้านบนม่านสายหมอกปกคลุมไปทั้งอาณาบริเวณ ต่ำลงมาก็จะเป็นแปลงชาที่ทอดตัวยาวลงไปเกือบจรดตีนเขา รอบๆ ตัวบ้านมีแปลงดอกไม้รายล้อมอยู่รอบนอกในลักษณะวงกลม ถัดเข้ามาก็จะจัดสรรค์พื้นที่เป็นแปลงผัก และแปลงสตรอว์เบอร์รี กั้นบริเวณลานหน้าบ้านส่วนหนึ่งสำหรับสนามเด็กเล่น มีเครื่องเล่นที่ลูกเธอชอบอย่างครบครัน บนกองทรายมีของเล่นแมวอยู่สองสามอย่าง ใต้ต้นพญาเสือโคร่งที่กำลังออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งมีชิงช้าไม้ ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าเขาเตรียมทุกอย่างไว้เพื่อเธอกับลูก รวมทั้งแมวอ้วนด้วย ช่างเป็นสามี เป็นพ่อ และเป็นทาสแมว ที่ประเสริฐเสียจริง เจ้าของนัยน์ตากลมโตทอดมองทุกสิ่งที่อยู่ในครรลองสายตา แล้ววกกลับมาสำรวจแปลงผักเขียวขจีด้วยความชอบใจ ปากอิ่มคลี่ยิ้มบางๆ ร่างอ้อนแอ้นที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อกันหนาวไหมพรมสีส้มอิฐพลันสะดุ้งน้
“ให้มันรู้ซะบ้าง ว่านี่เมียใคร” ธีรเดชยักคิ้วเย้ย จากนั้นก็ก้มลงหอมแก้มนวลฟอดใหญ่อย่างหน้าตาเฉย ท่าทางเปิดเผยความรู้สึกที่คงจุกอกมาเนิ่นนานของไอ้หนุ่มคลั่งรัก ทำให้พลชระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ไม่นานเอวาก็ยกอาหารออกมาเสิร์ฟ ทันทีที่เห็นอารญาก็ทำท่าดีใจยกใหญ่ เธอจึงดึงอีกฝ่ายมากระซิบกระซาบว่าจะไปหาที่ครัว ส่วนพลชก็เอ่ยขอตัว เพราะไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอ จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มลงมือทานมื้อค่ำ เสียงเพลงคลอเบาๆ ทำให้เธอเจริญอาหารมากยิ่งขึ้น แต่อยู่ๆ ไฟทั้งผับก็ดับพรึ่บลง มีเสียงดนตรีสุดโรแมนติกดังขึ้น พร้อมไฟสปอร์ตไลต์ส่องลงมาที่โต๊ะของทั้งคู่ทันใดนั้นคุณชายธีรเดชก็ผุดลุกขึ้น ทำให้เธอพลอยลุกขึ้นยืนไปด้วยโดยอัตโนมัติ เพราะไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะตาโต อ้าปากค้าง หัวใจเต้นคร่อมจังหวะ เมื่อเห็นอีกฝ่ายค่อยๆ คุกเข่าลงต่อหน้า เสียงเพลงเงียบลง พร้อมกับที่เขาหยิบแหวนที่อกเสื้อออกมา แล้วเงยหน้าเอ่ยกับเธออย่างนุ่มนวล“น้องอายครับ ได้โปรดแต่งงานกับพี่นะครับ” คนถูกคุกเข่าขอแต่งงานแบบไม่ทันตั้งตัว ถึงกับยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกตะลึง และดีใจจนพูดไม่ออก เพราะคาดไม่ถึงว่าชั่วชีวิตน
หลังจากเรื่องเลวร้ายทุกอย่างจบลง พร้อมกับการตายของดาริกา ส่วนมารตีถูกศาลตัดสินให้ประหารชีวิต อารญากับลูก รวมทั้งแมว ก็ต้องย้ายไปอยู่กับสามีที่วังรื่นฤดี ส่งคืนบ้านเช่าที่ตัวเองทั้งรักและผูกพันเพราะอยู่มานานให้เจ้าของ เนื่องจากไม่อาจทนอยู่ในบ้านที่มีคนตายได้ ถึงแม้จะยังอาลัยอดีตอันแสนสุขที่เคยอยู่ร่วมกันกับลูกและแมว ทำใจยากที่จะจากต้นไม้และพืชผักสวนครัว แต่ธีรเดชก็เอาใจและชดเชยความรู้สึกของเมียรัก ด้วยการอนุญาตให้เธอปลูกพืช และผักสวนครัว ได้ตามแต่ใจต้องการ ไม่ว่าเธอจะปรารถนาสิ่งใดเขาย่อมประเคนให้อย่างไม่เกี่ยง ยกเว้นก็แต่เรื่องที่เธออ้อนขอไปทำงาน ธีรเดชปฏิเสธอย่างไม่มีอ่อนข้อ เพราะเป็นห่วงเรื่องกระสุนที่ฝังอยู่ในศีรษะของเธอ ซึ่งอารญาทำเพียงงอนนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจแหละว่าเขาเป็นห่วง พร้อมกับรับปากว่าหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างจริงจัง หากจะเป็นอะไรไปเธอก็ไม่ต้องห่วงแล้วว่าลูกจะไม่มีคนดูแล วันนี้ธีรเดชพาอารญามาปรึกษานิวโรศัลย์เรื่องการผ่าตัด ซึ่งหมอก็ลงความเห็นว่าจะต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด ไม่เกินภายในระยะเวลาสองอาทิตย์ และครั้งนี้เธอตอบตกลงอย่างไม่ลังเล “