" ไม่เป็นไรพี่ไม่ถือ " ตายแล้ว....ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงตีเนียน ทำราวกับว่าสนิทสนมกับเธอมานานแล้วล่ะ เธอยังไม่ชินเท่าไหร่หรอกนะ
ถึงแม้ว่าหลี่เล่อเยียนในโลกก่อนจะอายุ 25 ปี แต่เธอไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นอะไร อีกอย่างในหัวของเธอคือเงิน จึงไม่คิดที่จะมีแฟนหรือพูดง่ายๆ ว่าไม่มีคนมาจีบ ก็เลยจะรู้สึกหวั่นไหวบ้างก็คงไม่แปลก เธอไม่มีภูมิต้านทานในเรื่องพวกนี้
" มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ พี่อาจจะไม่ได้กลับมาบ้านบ่อยนัก แต่ช่วงนี้คิดว่าคงได้กลับมาบ่อยขึ้นแล้วล่ะ " เว่ยอี้หยางพูดพร้อมกับจ้องใบหน้าหลี่เล่อเยียนแบบไม่หลบสายตา
" ขอบคุณค่ะ " หลี่เล่อเยียนตอบออกไปเพียงแค่นั้น เธอใจเต้นแรงจะตายอยู่แล้วจ้องอยู่ได้ ถ้าเป็นปลากัดเธอคงท้องไปแล้วล่ะ
" จริงสิขนมที่แม่เอาไปให้อร่อยไหม หายากมากเชียวนะ คนที่โรงงานจ้องจะแย่งกันซื้อ บางคนก็ซื้อไม่ทัน " อี้หยางเปลี่ยนเรื่องคุยน่าแปลกที่พอได้คุยแล้ว เขากลับมีเรื่องที่อยากจะถามเธอมากมาย
" มันอร่อยขนาดนั้นเลยหรือคะ ฉันยังไม่ได้ชิมหรอกค่ะพอดีเดินมาส่งคุณป้าสะก่อน " เล่อเยียนตอบไปตามความจริง
" ก็ไม่อร่อยอะไรมากหรอก เพียงแต่เป็นขนมที่แปลกใหม่ คนเลยเห่อกันเท่านั้นเอง " หืม แปลกใหม่หรือมีอะไรแปลกกันก็แค่ขนมเปี๊ยะ
" คนก็แค่เห่อของใหม่ พอนาน ๆ เข้าก็คงเลิกเห่อไปเองที่โรงงานกำลังซื้อค่อนข้างเยอะกว่าคนที่ทำนา" เป็นเรื่องจริงที่คนทำงานจะมีกำลังซื้อมากกว่า แต่ชาวนาดีที่เขาไม่ต้องใช้เงินซื้อทุกอย่าง
ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้จากเว่ยอี้หยางในหัวของเธอเหมือนมีพลุนับหมื่นนัดปะทุขึ้นมาในหัว
' ใช่แล้ว ทำไมเธอคิดไม่ได้นะ แหล่งโรงงานมีกำลังคนและกำลังเงินมากกว่าเป็นไหน ๆ’
เมื่อหลี่เล่อเยียนเห็นหนทางในการทำเงิน โดยที่เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับวันและเวลาในการออกไปขายของในตลาดมืดแล้ว นอกจากนั้นเธอยังสามารถทำขนมให้ออกมารสชาติเยี่ยมกว่าเป็นไหน ๆ เพราะในมิติเธอมีแป้งชั้นดีแถมยังมีวัตถุดิบสำหรับทำไส้ขนมได้หลายไส้ อีกทั้งยังมีน้ำตาลที่จะเพิ่มรสชาติด้วย แค่คิดก็ทำให้หุบยิ้มไม่ได้แล้ว
" พี่คะ พี่จะกลับโรงงานวันไหนหรือคะ " หลี่เล่อเยียนลืมความกระอักกระอ่วนก่อนหน้านั้นไปจนหมด เหลือไว้เพียงความตื่นเต้นที่จะหาลู่ทางหาเงินเท่านั้น
" พรุ่งนี้เช้ามืดก็คงกลับแล้วล่ะ เพราะต้องไปให้ทันทำงานพี่เข้างานตอนเช้าน่ะ" เว่ยอี้หยางถึงแม้จะตกใจกับท่าทางดีใจกับอะไรสักอย่างซึ่งเขาก็ไม่รู้ได้ของเล่อเยียน ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกคุยกับเขายังเกร็งๆ อยู่เลย
" ถ้าอย่างนั้นพี่รอฉันก่อนได้ไหมคะ ฉันจะกลับบ้านไปทำขนมให้พี่เอากลับไปชิมที่โรงงาน ฝากบอกป้าเว่ยด้วยว่าวันหลังฉันจะมาทำกับข้าวชดเชยให้แน่นอน วันนี้ฉันติดธุระจริงๆ " หลี่เล่อเยียนพูดรัวและเร็ว จากนั้นก็รีบวิ่งตรงกลับไปยังบ้านพักทันที ไม่ได้อยู่ทานข้าวเย็นตามที่รับปากแม่เฒ่าเว่ยไว้ตั้งแต่ตอนแรก
อาจจะดูเสียมารยาทสักหน่อย แต่เอาไว้ค่อยแก้ตัววันหลังแล้วกัน เพราะเธอไม่มีเวลาแล้ว เว่ยอี้หยางจะกลับพรุ่งนี้เช้า ถ้าจะต้องกลับให้ทันเวลาเข้างานเขาคงต้องออกจากบ้านประมาณช่วง 04.00 หรือไม่ก็ 05.00 เพราะฉะนั้นเธอจะต้องทำขนมตัวอย่างให้เสร็จภายในคืนนี้เท่านั้น
กินข้าวน่ะกินเมื่อไหร่ก็ได้ แต่โอกาสที่เธอจะหาลูกค้าทีละมาก ๆ แบบนี้นั้นไม่ได้มีมาบ่อย ๆ แน่นอน กว่าที่เว่ยอี้หยางจะกลับบ้านมาสักครั้ง ใช่ว่าจะทำได้บ่อยเธอต้องอาศัยโอกาสนี้ทำให้ดีที่สุด
ส่วนทางด้านเว่ยอี้หยาง ที่พอรู้ว่าหลี่เล่อเยียนวิ่งกลับบ้านเพื่อที่จะไปทำขนมให้เขาเอาไว้กินระหว่างทางถึงกับใจเต้นกับท่าทางรีบร้อนของเธอ นี่เธอเป็นห่วงเขาขนาดไม่กินข้าวเย็นเลยหรือนี่ สงสัยว่าอีกไม่นานเห็นทีเขาคงได้มีคนมาอุ่นเตียงไม่ต้องทนเหงาในห้องพักของโรงงานอีกต่อไปแล้ว
ใกล้ถึงกำหนดส่งขนมตามที่นัดกันเอาไว้แล้ว ทั้งสามคนเริ่มตามแผนการคือ เล่อเยียนแกล้งป่วยขอลางาน หมี่เมี่ยนขอลาด้วยให้เหตุผลว่าไม่มีคนดูแลเล่อเยียน ส่วนหม่ายวี่ไท่ลากเหมยเหมยและฮุ่ยหลินออกจากบ้านพักตั้งแต่เช้า ก่อนที่เสียงระฆังจะเตือนให้ลงพื้นที่ด้วยซ้ำจากนั้นเล่อเยียนเริ่มขนอุปกรณ์ รวมถึงวัตถุดิบออกมาจากห้อง พร้อมทั้งบอกหมี่เมี่ยนว่าซื้อมาตั้งแต่ติดเกวียนของลุงในหมู่บ้านเข้าเมือง หมี่เมี่ยนถามเล่อเยียนว่าไม่กลัวเธอจะขโมยสูตรไปทำขายบ้างหรือ" ถ้าเธออยากทำขายฉันก็ไม่ขัดหรอก ขอแค่อย่าแย่งลูกค้ากันก็พอ " แต่ความจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ หมี่เมี่ยนจะทำขายได้ เพราะทุกอย่างต้องใช้เงินลงทุน อาศัยเพียงแค่สูตรอย่างเดียวไม่มีทางเป็นไปได้ทั้งสองช่วยกันอย่างขยันขันแข็ง กลิ่นของขนมโก๋ช่างหอมยั่วยวนเหลือเกิน กลิ่นมันหอมไปทั่วบริเวณบ้าน เพราะพวกเธอทำในปริมาณที่มาก วันแรกผ่านไปด้วยดีทั้งสองคนช่วยกันทำจัดขนมใส่กล่องเวลาในการทำขนมแต่ละครั้งใช้เวลานึ่งประมาณ 45 นาที นึ่งครั้งหนึ่งได้ประมาณครั้งละ 6 ชิ้น เมื่อนับแล้ววันนี้ทำขนมได้ทั้งหมด 50 กล่อง เป็นแบบนี้ทำไม่ทันแน่นอนเพราะเธอทำได้แค่เฉพาะกลางวันเพ
เมื่อจัดการทุกอย่างที่บ้านหลี่เรียบร้อยแล้ว หยางหมิงเฉิงก็ต้องเข้ากรมแลกวันหยุดกับเพื่อน เพื่อที่จะเดินทางไปหาหลี่เล่อเยียนอีกครั้ง ครั้งนี้เขามั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าคนที่เจอที่ร้านบะหมี่คือเธอแน่นอน แต่อาจจะต้องสืบอีกทีว่าเธออยู่ที่หมู่บ้านไหนเขาได้เรียนรู้แล้วว่าการที่เขาเงียบไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทุกอย่าง อย่างน้อยที่สุดตอนนี้พ่อของเล่อเยียนก็เข้าใจลูกสาวแล้ว และเสียใจกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดในครั้งนี้ หลี่ฮ่าวตูอาสาจะเป็นคนไปแทนเล่อเยียน แล้วให้น้องสาวของเขากลับมามีชีวิตที่ดี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยว่าจะทำได้ส่วนสองแม่ลูกหนูนั้นก็ถูกคาดโทษ เพราะการกระทำของคนเป็นแม่ เธอสารภาพว่าแผนการทุกอย่าง เธอนั้นลงมือทำเองคนเดียว ลูกสาวอย่างหรูฟางเซียนนั้นไม่รู้เห็นเรื่องนี้กับเธอด้วยกล่าวตามที่แม่เลี้ยงหรูรับสารภาพ ว่าเธอทำเรื่องน่าอายในงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งใหม่ของ หยางหมิงเฉิงและซุยเถาหยวน ทั้งสองมาเลี้ยงฉลองที่บ้านของตระกูลหลี่ เพราะมีข่าวแว่วมาว่าทางการจะเกณฑ์พวกนักศึกษาจบใหม่ หรือที่กำลังเรียนอยู่นั้นไปเข้าค่ายชนบทห่างไกล เพื่อทำงานแลกแต้มค่าแรงว่ากันตามตรงคือคนที่เหมาะสมที่สุดคงหนีไม่พ้นหลี่
" อืม ฉันจะไปคุยกับคุณลุงเอง " หยางหมิงเฉิงคิดตำหนิตัวเองที่ไม่ยอมทำอะไรให้ชัดเจน ปล่อยให้เรื่องราวเลวร้ายจนทำลายชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งรอจนเวลาพลบค่ำ หลี่ฉินผู้เป็นพ่อของหลี่เล่อเยียนก็กลับมาถึงบ้าน ทันทีที่เขาเจอกับหยางหมิงเฉิงก็ตกใจไม่น้อยเพราะระหว่างเขาและหมิงเฉิงนั้นมีสัญญาใจกันอยู่ แต่จะให้เขาทำเช่นไรได้ล่ะ เพราะลูกสาวของตนเป็นคนไม่ดีเอง เขาผู้เป็นคนกลางจึงต้องให้ความยุติธรรมที่สุด" สวัสดีครับคุณลุง ไม่เจอกันนานสบายดีนะครับ " หยางหมิงเฉิงเป็นฝ่ายกล่าวทักทายผู้ใหญ่ก่อน พ่อของเล่อเยียนดูผอมลงเล็กน้อยเหมือนคนที่พักผ่อนไม่เพียงพอ" นั่งสิ กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ " หลี่ฉินตั้งสติได้ก็เริ่มบทสนทนา ท่าทางสุขุมของเขาที่ต้องทำงานพบปะผู้คนมากมาย พอจะช่วยลดอาการประหม่า เวลาที่เจอกับผู้ชายตรงหน้าเขาได้ รังสีของชายชาติทหารมันแผ่ออกมาโดยที่หยางหมิงเฉิงนั้นไม่ต้องทำอะไรเพียงแค่นั่งเฉยๆ ก็ดูน่าเกรงขาม" ครับ พึ่งมาถึงเมื่อคืนผมเห็นว่าดึกแล้วน่ะครับเลยไม่ได้มาหาคุณลุงก่อน " หลี่ฉินพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะถอนหายใจแล้วเข้าเรื่อง" เธอไปแล้วล่ะ ฉันขอโทษที่ทำตามสัญญาไม่ได้ " หลี่ฉินเอามือประสานกั
กล่าวถึงนายทหารหนุ่มที่ร้อนใจขออนุญาตผู้บังคับบัญชา มุ่งหน้ากลับสู่เมืองหลวงก่อนกำหนดเดิม โดยรายงานว่ามีเหตุจำเป็นสำคัญ นายทหารยศใหญ่เดิมทีชอบในฝีมือและผลงานของเขา อีกทั้งยังหมายตาให้เป็นว่าที่ลูกเขย จึงพยายามที่จะสนับสนุนเต็มที่ ครั้งนี้จึงไม่มีปัญหาในการขอลากิจด่วน อีกอย่างภารกิจก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่มีอะไรน่ากังวลหยางหมิงเฉิงเดินทางโดยรถไฟ ถึงแม้ว่าการเดินทางจะยากลำบากไปบ้าง แต่เพื่อให้หายขับข้องใจถึงอย่างไรเขาต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในเมืองชนบทเขาพยายามตามหาเธอจนทั่วทุกที่ที่เขาคิดว่าเธอจะไป แม้กระทั่งในค่ายชนบทของเหล่าปัญญาชน เขาไม่แน่ใจว่าเธอจะอยู่ในค่ายนั้นหรือไม่ เพราะคิดว่าครอบครัวของเธออย่างไรก็คงไม่ปล่อยให้มาเป็นแน่เธอมีพี่ชายที่ทั้งรักและหวงแหนเธอดั่งแก้วตาดวงใจขนาดนั้น เขาจะทนให้เธอมาลำบากได้อย่างไรกัน แต่เขาคิดไม่ตกสำหรับผู้หญิงที่เจอที่ร้านบะหมี่ ทำไมเขาถึงไม่เดินไปหาเธอให้รู้เรื่องกันนะ ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงไม่ต้องมานั่งร้อนใจ เพราะเป็นห่วงเช่นนี้ระยะเวลา 3 วัน 3 คืน ที่เขานั้นเดินทางมา ในที่สุดก็ถึงปักกิ่ง แต่ขอบอกว่าเวลานี้นั้น ปักกิ่งไม่น่าอยู่เลยสักนิด ม
อี้หยางที่นั่งนิ่งๆ ตักข้าวกินไปด้วยพร้อมกับสังเกตเล่อเยียนไปด้วย เขารู้สึกสงสารเธอจับใจ นี่มันแร้งลงโต๊ะกินข้าวหรืออย่างไรกัน ทำไมถึงเป็นกันได้เพียงนี้ ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัวของเขา นี่พวกเขาอดอยากกันมากถึงเพียงนี้เชียวหรือแม่เฒ่าเว่ยเก็บอาการโมโหไว้ในใจ ลำพังพวกบรรดาลูกสะใภ้หล่อนจัดการสั่งสอนทีหลังได้ แต่แม่หนูฟ่านเหมยเหมยนี่อะไรกัน หล่อนเป็นหมูมาเกิดหรืออย่างไร ทำไมถึงได้กินมูมมามเสียงดังเพียงนี้ ทั้งยังกินแต่จานเนื้อ ไม่สนใจใครเลยด้วยซ้ำ หนูเล่อเยียนรึหล่อนหยิบแต่จานผัก อาหารที่หล่อนนำมาเธอยังไม่เห็นว่าที่ลูกสะใภ้แตะมันเลยแม้แต่น้อย"นี่พวกเธอไปอดอยากจากที่ไหนมากัน ไม่อายแขกของฉันกับอี้หยางบ้างเลยหรืออย่างไร " สุดท้ายแม่เฒ่าเว่ยก็ทนไม่ไหว จำต้องแสดงด้านโหดออกมาให้เล่อเยียนเห็น" เหลือไว้ให้คนอื่นเขากินบ้าง อาหารในปากก็เคี้ยวให้หมดเสีย ก่อนที่มันจะติดคอเพราะยัดไม่เลือก" แม่เฒ่าเว่ยโมโหจนตัวสั่น อีกทั้งเธอยังว่ากระทบฟ่านเหมยเหมยอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่กล้าว่าต่อหน้าก็ตาม" ไม่เป็นไรค่ะ ทุกคนกินกันเลยค่ะ ฉันไม่ค่อยชอบเนื้อเท่าไหร่ " หลี่เล่อเยียนตอบออกมายิ้มแบบฝืนๆ ใจจริงเธออยากจะบอ
เมื่อไปถึงบ้านเว่ย แม่เฒ่าเว่ยก็ออกมารอต้อนรับอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว วันนี้เธอจะต้องได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ให้ได้เธอให้ลูกสะใภ้ทั้งสองเตรียมอาหารเนื้อชุดใหญ่ เพราะลูกชายเธอเป็นคนซื้อเนื้อมาเอง ถึงแม้ว่าเว่ยอี้หยางจะยังไม่แยกบ้าน แต่เขาก็พอมีเงินเก็บส่วนตัวบ้าง ไม่ได้ส่งให้แม่ไปจนหมดเผื่อกรณีฉุกเฉินจะได้ไม่ลำบากเมื่อทั้งสามคนไปถึง อาหารก็ขึ้นโต๊ะพร้อมกินได้แล้วสมาชิกบ้านเว่ยมีทั้งหมด 10 คน ผู้ใหญ่ 7 คน เมื่อหลี่เล่อเยียนและฟ่านเหมยเหมยมาร่วมกินด้วย เด็ก ๆ จึงแยกโต๊ะ รวมถึงลูกสาวคนเล็กคนเดียวของบ้านเว่ยด้วย แม้ว่าเธอจะมีอายุเท่ากับเล่อเยียนก็ตาม" กับข้าววันนี้พี่เขาซื้อมาจากในเมือง หนูเล่อเยียนกินให้อร่อยนะจ๊ะ""จริงสิแล้วนี่ใครกันหรือ ป้าเหมือนจะเคยเห็นหน้า แต่ไม่รู้จักชื่อเพื่อนของหนูเล่อเยียนเองหรอกหรือจ๊ะ" แม่เฒ่าเว่ยว่าจะถามตั้งแต่เข้ามาในบ้าน แต่ก็มัวลืมรีบพาเล่อเยียนไปนั่งที่โต๊ะอาหาร กลัวว่าหล่อนจะลุกวิ่งหนีไปอีกเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา"หนูชื่อฟ่านเหมยเหมย เป็นเพื่อนของเล่อเยียนค่ะคุณป้า เอ่อ..พอดีหนูมาเป็นเพื่อนเธอน่ะค่ะ ให้เล่อเยียนมาคนเดียวเห็นจะดูไม่เหมาะสัก