ทางด้านหลี่เล่อเยียนเมื่ออี้หยางมาส่ง เธอก็ไม่ได้นอนต่ออีก แต่เดินไปยังในครัวเพื่อทำอาหารเช้า เธอตัวคนเดียวจะทำอะไรก็ได้ไม่เปลืองมากนัก ถือว่าของที่เตรียมมาในมิติกินได้หลายปีเลยทีเดียว
หลี่เล่อเยียนตั้งตารอวันหยุดช่วงสิ้นเดือนแทบจะไม่ไหวอยากจะไประบายของพวกเครื่องปรุงออกบ้าง ขายของในตลาดมืดไม่ค่อยมีคนถามที่มาที่ไปกันหรอก
ส่วนเว่ยอี้หยางระหว่างเดินทาง เขาแกะห่อขนมขึ้นมากิน ขนมนั้นช่างส่งกลิ่นหอมทำให้เขาอดคิดถึงคนทำไม่ได้ มาไกลขนาดนี้แล้ว แต่เหมือนว่าใจของเขานั้นจะลืมไว้ที่สาวเจ้าซะแล้วซิ
เมื่อถึงที่ทำงาน เว่ยอี้หยางแบ่งขนมไปกินที่ทำงานด้วยช่วงพักกลางวัน 2 ชิ้น เป็นอย่างที่เล่อเยียนบอก ว่าขนมที่เธอทำนั้นชิ้นค่อนข้างใหญ่ ช่วงเช้าระหว่างเดินทางเขากินไป 2 ชิ้น ช่วงพักกลางวันเขาแกะขนมออกมา ทำให้เพื่อนร่วมงานที่นั่งข้างๆ กันหันไปมอง เนื่องจากขนมนั้นส่งกลิ่นหอมมาก
"นี่อี้หยาง ขนมอะไรน่ะทำไมถึงได้หอมขนาดนี้ มันเหมือนกลิ่นของดอกกุ้ยฮวาเลยนี่นา" เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเอ่ยทักขึ้น
" ขนมโก๋กุ้ยฮวา " เว่ยอี้หยางตอบสั้นๆ เพราะรำคาญพวกปากหอยปากปู
" อี้หยาง นายมาจากซื้อที่ไหนหรือ ทำไมกลิ่นถึงได้หอมเพียงนี้ หน้าตาน่ากินมาก " จางเหมาจื่อ เพื่อนสนิทสะกิดเอ่ยถามขึ้น อี้หยางที่ยังอิ่มจากการกินขนมเมื่อช่วงเช้า จึงตัดใจแบ่งให้เพื่อนชิมไป 1 ชิ้น เขาทำตามที่รับปากเล่อเยียนไปแล้วไม่ได้ผิดคำพูด เพียงแต่เธอไม่ได้บอกนี่ว่าจะแบ่งให้กี่ชิ้น เขาจึงแบ่งไปเพียงชิ้นเดียว
" ลองชิมดูสิ " อี้หยางยื่นขนมโก๋กุ้ยฮวาให้เพื่อนชิม
" นี่นายให้ฉันหรือ ขอบใจมากนะอี้หยาง " จางเหมาจื่อตาโตเป็นประกายแล้วยิ้มออกมาด้วยความดีใจ จากนั้นเมื่อได้ชิมก็ร้องเสียงดังว่าขนมอะไรทำไมถึงได้ละมุนลิ้นเพียงนี้ ไส้ของมันก็เยอะมาก ไม่เหมือนขนมทั่วไปที่มีแต่แป้ง หาไส้แทบจะไม่เจอ
" อร่อยมาก หวาน หอมสุดๆ ไปเลย ฉันไม่เคยกินขนมที่อร่อยลงตัวเช่นนี้มาก่อนเลยอี้หยาง ความหวานของมันช่างกลมกล่อมเสียจริง " จางเหมาจื่อชมด้วยใจจริง เพราะมันอร่อยมาก ไส้ถั่วที่รับรู้ถึงรสชาติของถั่วจริง ๆ อีกทั้งความหวานของน้ำตาล กลิ่นหอมของดอกกุ้ยฮวานั่นอีก เขาแทบอยากจะกลืนลิ้นตัวเองลงไปด้วย
" นี่อร่อยขนาดนั้นเลยหรือ นายจากซื้อที่ไหนหรือ ฉันอยากจะซื้อไปฝากครอบครัวของฉันตอนสิ้นเดือนที่จะถึงนี้บ้าง " เพื่อนร่วมงานที่นั่งข้างๆ ได้ยินบทสนทนาจึงอยากจะลองซื้อไปฝากคนในครอบครัวบ้าง แถวนี้จะหาของอร่อยตามที่เหมาจื่อพูดเห็นทีคงจะยาก
" คนรัก... เอ่อ น้องที่บ้านเกิดฉันทำมาฝากน่ะ แต่ถ้าเธอสนใจฉันจะลองถามดูให้ แต่ไม่รับปากนะว่าเธอจะทำขายหรือไม่ "
'เพราะเธอตั้งใจทำเป็นขนมแทนใจให้ฉันคนเดียว' ประโยคหลังนั้นเว่ยอี้หยางพูดคนเดียวในใจ
" ได้ๆ ฉันเอา 2 กล่อง " เพื่อนร่วมงานยิ้มอย่างดีใจ นานมากแล้วที่เธอไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้าน เธอคิดถึงลูกๆ จะแย่ หากมีขนมอร่อยๆ ไปฝากพวกเขาคงจะดีใจเป็นแน่
" ถ้าอย่างนั้นฉันเอาด้วย 1 กล่อง " จางเหมาจื่อไหนเลยจะพลาดของอร่อยเช่นนี้ เขาได้กินเพียงนิดเดียว เพราะทนสายตากดดันของเพื่อนร่วมงานที่นั่งข้างๆ ไม่ไหว จำต้องแบ่งให้ชิมคนละนิดคนละหน่อยให้พอรู้รสชาติ
หลังจากนั้นก็มียอดสั่งจองจำนวนมาก อย่างที่บอกของใหม่ใคร ๆ ก็อยากลอง ยิ่งรู้ว่าเป็นของเว่ยอี้หยางหนุ่มหล่อแห่งโรงงานเป็นคนรับยอดสั่งซื้อ พวกเหล่าสาวๆ ก็พากันกรูเข้ามาสั่งเป็นจำนวนมาก
หลังจากที่อี้หยางนับคล่าวๆ แล้วนั้นได้ทั้งหมด 150 กล่อง คิดแล้วก็รู้สึกหนักใจกับยอดสั่งจองนี้ มากถึงเพียงนี้เล่อเยียนจะทำไหวได้อย่างไรกัน เดิมทีเขาแค่รับปากว่าจะลองถามดูให้ ไม่ได้บอกว่าจะขายเสียหน่อย แต่ไม่รู้มันผิดพลาดตรงไหน ถึงได้กลายมาเป็นยอดจองถล่มทลายเพียงนี้
ทั้งหมดนี้คงต้องยกความดีความชอบให้กับเพื่อนสนิทอย่างจางเหมาจื่อ เขานั้นคาดการณ์ไว้แล้วว่าน้องที่ว่านี้คงเป็นคนสำคัญของอี้หยางแน่นอน เพราะลำพังน้องสาวแท้ๆ ของเขานั้นหล่อนคงไม่ลงมือทำอะไรแบบนี้แน่นอน ฮึ ๆ เจ้าเสือปากหนักในที่สุดก็จะมีคนมาอุ่นเตียงแล้วสินะ
ใกล้ถึงกำหนดส่งขนมตามที่นัดกันเอาไว้แล้ว ทั้งสามคนเริ่มตามแผนการคือ เล่อเยียนแกล้งป่วยขอลางาน หมี่เมี่ยนขอลาด้วยให้เหตุผลว่าไม่มีคนดูแลเล่อเยียน ส่วนหม่ายวี่ไท่ลากเหมยเหมยและฮุ่ยหลินออกจากบ้านพักตั้งแต่เช้า ก่อนที่เสียงระฆังจะเตือนให้ลงพื้นที่ด้วยซ้ำจากนั้นเล่อเยียนเริ่มขนอุปกรณ์ รวมถึงวัตถุดิบออกมาจากห้อง พร้อมทั้งบอกหมี่เมี่ยนว่าซื้อมาตั้งแต่ติดเกวียนของลุงในหมู่บ้านเข้าเมือง หมี่เมี่ยนถามเล่อเยียนว่าไม่กลัวเธอจะขโมยสูตรไปทำขายบ้างหรือ" ถ้าเธออยากทำขายฉันก็ไม่ขัดหรอก ขอแค่อย่าแย่งลูกค้ากันก็พอ " แต่ความจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ หมี่เมี่ยนจะทำขายได้ เพราะทุกอย่างต้องใช้เงินลงทุน อาศัยเพียงแค่สูตรอย่างเดียวไม่มีทางเป็นไปได้ทั้งสองช่วยกันอย่างขยันขันแข็ง กลิ่นของขนมโก๋ช่างหอมยั่วยวนเหลือเกิน กลิ่นมันหอมไปทั่วบริเวณบ้าน เพราะพวกเธอทำในปริมาณที่มาก วันแรกผ่านไปด้วยดีทั้งสองคนช่วยกันทำจัดขนมใส่กล่องเวลาในการทำขนมแต่ละครั้งใช้เวลานึ่งประมาณ 45 นาที นึ่งครั้งหนึ่งได้ประมาณครั้งละ 6 ชิ้น เมื่อนับแล้ววันนี้ทำขนมได้ทั้งหมด 50 กล่อง เป็นแบบนี้ทำไม่ทันแน่นอนเพราะเธอทำได้แค่เฉพาะกลางวันเพ
เมื่อจัดการทุกอย่างที่บ้านหลี่เรียบร้อยแล้ว หยางหมิงเฉิงก็ต้องเข้ากรมแลกวันหยุดกับเพื่อน เพื่อที่จะเดินทางไปหาหลี่เล่อเยียนอีกครั้ง ครั้งนี้เขามั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าคนที่เจอที่ร้านบะหมี่คือเธอแน่นอน แต่อาจจะต้องสืบอีกทีว่าเธออยู่ที่หมู่บ้านไหนเขาได้เรียนรู้แล้วว่าการที่เขาเงียบไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทุกอย่าง อย่างน้อยที่สุดตอนนี้พ่อของเล่อเยียนก็เข้าใจลูกสาวแล้ว และเสียใจกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดในครั้งนี้ หลี่ฮ่าวตูอาสาจะเป็นคนไปแทนเล่อเยียน แล้วให้น้องสาวของเขากลับมามีชีวิตที่ดี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยว่าจะทำได้ส่วนสองแม่ลูกหนูนั้นก็ถูกคาดโทษ เพราะการกระทำของคนเป็นแม่ เธอสารภาพว่าแผนการทุกอย่าง เธอนั้นลงมือทำเองคนเดียว ลูกสาวอย่างหรูฟางเซียนนั้นไม่รู้เห็นเรื่องนี้กับเธอด้วยกล่าวตามที่แม่เลี้ยงหรูรับสารภาพ ว่าเธอทำเรื่องน่าอายในงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งใหม่ของ หยางหมิงเฉิงและซุยเถาหยวน ทั้งสองมาเลี้ยงฉลองที่บ้านของตระกูลหลี่ เพราะมีข่าวแว่วมาว่าทางการจะเกณฑ์พวกนักศึกษาจบใหม่ หรือที่กำลังเรียนอยู่นั้นไปเข้าค่ายชนบทห่างไกล เพื่อทำงานแลกแต้มค่าแรงว่ากันตามตรงคือคนที่เหมาะสมที่สุดคงหนีไม่พ้นหลี่
" อืม ฉันจะไปคุยกับคุณลุงเอง " หยางหมิงเฉิงคิดตำหนิตัวเองที่ไม่ยอมทำอะไรให้ชัดเจน ปล่อยให้เรื่องราวเลวร้ายจนทำลายชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งรอจนเวลาพลบค่ำ หลี่ฉินผู้เป็นพ่อของหลี่เล่อเยียนก็กลับมาถึงบ้าน ทันทีที่เขาเจอกับหยางหมิงเฉิงก็ตกใจไม่น้อยเพราะระหว่างเขาและหมิงเฉิงนั้นมีสัญญาใจกันอยู่ แต่จะให้เขาทำเช่นไรได้ล่ะ เพราะลูกสาวของตนเป็นคนไม่ดีเอง เขาผู้เป็นคนกลางจึงต้องให้ความยุติธรรมที่สุด" สวัสดีครับคุณลุง ไม่เจอกันนานสบายดีนะครับ " หยางหมิงเฉิงเป็นฝ่ายกล่าวทักทายผู้ใหญ่ก่อน พ่อของเล่อเยียนดูผอมลงเล็กน้อยเหมือนคนที่พักผ่อนไม่เพียงพอ" นั่งสิ กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ " หลี่ฉินตั้งสติได้ก็เริ่มบทสนทนา ท่าทางสุขุมของเขาที่ต้องทำงานพบปะผู้คนมากมาย พอจะช่วยลดอาการประหม่า เวลาที่เจอกับผู้ชายตรงหน้าเขาได้ รังสีของชายชาติทหารมันแผ่ออกมาโดยที่หยางหมิงเฉิงนั้นไม่ต้องทำอะไรเพียงแค่นั่งเฉยๆ ก็ดูน่าเกรงขาม" ครับ พึ่งมาถึงเมื่อคืนผมเห็นว่าดึกแล้วน่ะครับเลยไม่ได้มาหาคุณลุงก่อน " หลี่ฉินพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะถอนหายใจแล้วเข้าเรื่อง" เธอไปแล้วล่ะ ฉันขอโทษที่ทำตามสัญญาไม่ได้ " หลี่ฉินเอามือประสานกั
กล่าวถึงนายทหารหนุ่มที่ร้อนใจขออนุญาตผู้บังคับบัญชา มุ่งหน้ากลับสู่เมืองหลวงก่อนกำหนดเดิม โดยรายงานว่ามีเหตุจำเป็นสำคัญ นายทหารยศใหญ่เดิมทีชอบในฝีมือและผลงานของเขา อีกทั้งยังหมายตาให้เป็นว่าที่ลูกเขย จึงพยายามที่จะสนับสนุนเต็มที่ ครั้งนี้จึงไม่มีปัญหาในการขอลากิจด่วน อีกอย่างภารกิจก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่มีอะไรน่ากังวลหยางหมิงเฉิงเดินทางโดยรถไฟ ถึงแม้ว่าการเดินทางจะยากลำบากไปบ้าง แต่เพื่อให้หายขับข้องใจถึงอย่างไรเขาต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในเมืองชนบทเขาพยายามตามหาเธอจนทั่วทุกที่ที่เขาคิดว่าเธอจะไป แม้กระทั่งในค่ายชนบทของเหล่าปัญญาชน เขาไม่แน่ใจว่าเธอจะอยู่ในค่ายนั้นหรือไม่ เพราะคิดว่าครอบครัวของเธออย่างไรก็คงไม่ปล่อยให้มาเป็นแน่เธอมีพี่ชายที่ทั้งรักและหวงแหนเธอดั่งแก้วตาดวงใจขนาดนั้น เขาจะทนให้เธอมาลำบากได้อย่างไรกัน แต่เขาคิดไม่ตกสำหรับผู้หญิงที่เจอที่ร้านบะหมี่ ทำไมเขาถึงไม่เดินไปหาเธอให้รู้เรื่องกันนะ ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงไม่ต้องมานั่งร้อนใจ เพราะเป็นห่วงเช่นนี้ระยะเวลา 3 วัน 3 คืน ที่เขานั้นเดินทางมา ในที่สุดก็ถึงปักกิ่ง แต่ขอบอกว่าเวลานี้นั้น ปักกิ่งไม่น่าอยู่เลยสักนิด ม
อี้หยางที่นั่งนิ่งๆ ตักข้าวกินไปด้วยพร้อมกับสังเกตเล่อเยียนไปด้วย เขารู้สึกสงสารเธอจับใจ นี่มันแร้งลงโต๊ะกินข้าวหรืออย่างไรกัน ทำไมถึงเป็นกันได้เพียงนี้ ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัวของเขา นี่พวกเขาอดอยากกันมากถึงเพียงนี้เชียวหรือแม่เฒ่าเว่ยเก็บอาการโมโหไว้ในใจ ลำพังพวกบรรดาลูกสะใภ้หล่อนจัดการสั่งสอนทีหลังได้ แต่แม่หนูฟ่านเหมยเหมยนี่อะไรกัน หล่อนเป็นหมูมาเกิดหรืออย่างไร ทำไมถึงได้กินมูมมามเสียงดังเพียงนี้ ทั้งยังกินแต่จานเนื้อ ไม่สนใจใครเลยด้วยซ้ำ หนูเล่อเยียนรึหล่อนหยิบแต่จานผัก อาหารที่หล่อนนำมาเธอยังไม่เห็นว่าที่ลูกสะใภ้แตะมันเลยแม้แต่น้อย"นี่พวกเธอไปอดอยากจากที่ไหนมากัน ไม่อายแขกของฉันกับอี้หยางบ้างเลยหรืออย่างไร " สุดท้ายแม่เฒ่าเว่ยก็ทนไม่ไหว จำต้องแสดงด้านโหดออกมาให้เล่อเยียนเห็น" เหลือไว้ให้คนอื่นเขากินบ้าง อาหารในปากก็เคี้ยวให้หมดเสีย ก่อนที่มันจะติดคอเพราะยัดไม่เลือก" แม่เฒ่าเว่ยโมโหจนตัวสั่น อีกทั้งเธอยังว่ากระทบฟ่านเหมยเหมยอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่กล้าว่าต่อหน้าก็ตาม" ไม่เป็นไรค่ะ ทุกคนกินกันเลยค่ะ ฉันไม่ค่อยชอบเนื้อเท่าไหร่ " หลี่เล่อเยียนตอบออกมายิ้มแบบฝืนๆ ใจจริงเธออยากจะบอ
เมื่อไปถึงบ้านเว่ย แม่เฒ่าเว่ยก็ออกมารอต้อนรับอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว วันนี้เธอจะต้องได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ให้ได้เธอให้ลูกสะใภ้ทั้งสองเตรียมอาหารเนื้อชุดใหญ่ เพราะลูกชายเธอเป็นคนซื้อเนื้อมาเอง ถึงแม้ว่าเว่ยอี้หยางจะยังไม่แยกบ้าน แต่เขาก็พอมีเงินเก็บส่วนตัวบ้าง ไม่ได้ส่งให้แม่ไปจนหมดเผื่อกรณีฉุกเฉินจะได้ไม่ลำบากเมื่อทั้งสามคนไปถึง อาหารก็ขึ้นโต๊ะพร้อมกินได้แล้วสมาชิกบ้านเว่ยมีทั้งหมด 10 คน ผู้ใหญ่ 7 คน เมื่อหลี่เล่อเยียนและฟ่านเหมยเหมยมาร่วมกินด้วย เด็ก ๆ จึงแยกโต๊ะ รวมถึงลูกสาวคนเล็กคนเดียวของบ้านเว่ยด้วย แม้ว่าเธอจะมีอายุเท่ากับเล่อเยียนก็ตาม" กับข้าววันนี้พี่เขาซื้อมาจากในเมือง หนูเล่อเยียนกินให้อร่อยนะจ๊ะ""จริงสิแล้วนี่ใครกันหรือ ป้าเหมือนจะเคยเห็นหน้า แต่ไม่รู้จักชื่อเพื่อนของหนูเล่อเยียนเองหรอกหรือจ๊ะ" แม่เฒ่าเว่ยว่าจะถามตั้งแต่เข้ามาในบ้าน แต่ก็มัวลืมรีบพาเล่อเยียนไปนั่งที่โต๊ะอาหาร กลัวว่าหล่อนจะลุกวิ่งหนีไปอีกเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา"หนูชื่อฟ่านเหมยเหมย เป็นเพื่อนของเล่อเยียนค่ะคุณป้า เอ่อ..พอดีหนูมาเป็นเพื่อนเธอน่ะค่ะ ให้เล่อเยียนมาคนเดียวเห็นจะดูไม่เหมาะสัก