เช้าตรู่ของวันถัดมา หลี่เล่อเยียนตื่นตั้งแต่ 04.30 น. จากนั้นเธอลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟัน นำขนมออกมาอุ่นอีกรอบจึงเดินไปยังบ้านของแม่เฒ่าเว่ย เมื่อไปถึงก็เห็นเว่ยอี้หยางยืนรออยู่ตรงหน้าบ้านแล้ว
' ดีนะที่มาทันหากช้ากว่านี้คงไม่ทันพี่อี้หยางแน่นอน'
" เล่อเยียน ทางนี้ " อี้หยางรีบเดินมาทางหลี่เล่อเยียน ในใจเขานั้นรู้สึกปีติยินดีมากที่เธอมาส่งเขาไปทำงาน ชายหนุ่มจินตนาการว่าหากมีเธอมาส่งตัวเองไปทำงานทุกเช้ามันจะดีแค่ไหนกัน
" ฉันไม่ได้ทำให้พี่รอใช่ไหมคะ " หลี่เล่อเยียนกลัวว่าจะทำให้เขาไปทำงานสาย เพราะระยะทางค่อนข้างไกลพอสมควร
" ไม่หรอกพี่ไม่ได้รีบขนาดนั้นยังพอมีเวลาหนะ " อี้หยางรีบปฏิเสธ เป็นตัวเขาเองที่ตื่นเต้นอีกทั้งยังคิดถึงใบหน้าของเธอตลอดทั้งคืน
" นี่ขนมที่บอกค่ะ ชิ้นมันค่อนข้างใหญ่พอสมควรฉันตัดแบ่งไว้แล้วให้พี่กินระหว่างทาง แต่ถ้าพี่กินไม่หมดพี่สามารถแบ่งเพื่อนที่ทำงานทานได้นะคะ " หลี่เล่อเยียนยื่นห่อขนมให้เขาลึกๆ แล้วเธออยากจะบอกว่านี่คือขนมตัวอย่างแต่ก็ไม่กล้าพอ
จะบอกอย่างไรดีล่ะ เพราะเธอเพิ่งจะเจอเขาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ใครจะกล้าใช้เขาเป็นเครื่องมือหากิน เธอได้แต่หวังว่าเขาจะมีน้ำใจ แค่ก!! แบ่งขนมให้กับเพื่อนร่วมงานได้ชิมบ้างเนื่องจากพอแบ่งขนมออกมาแล้วได้ถึง 8 ชิ้นด้วยกัน
" ขนมที่น้องตั้งใจทำให้พี่ พี่จะกล้าแบ่งให้คนอื่นได้อย่างไรกัน พี่สัญญาว่าพี่จะกินคนเดียวให้หมด" อี้หยางรีบพูดเขาไม่มีวันที่จะแบ่งขนมนี้ให้ใครแน่นอน
" ไม่ๆ ขนมนี่เก็บไว้นานคงไม่ดีแน่ อีกอย่างฉันห่อให้พี่เยอะมาก แบ่งเพื่อนบ้างคงไม่เป็นไรหรอก สายแล้วพี่รีบเดินทางเถอะค่ะ "
' ให้ตายสิพ่อหนุ่มรูปหล่อคนนี้นี่ จะมางกเก็บไว้กินคนเดียวไม่ได้นะ อย่างนี้ทุกอย่างที่อุตส่าห์ลงทุนทำมาก็เสียเปล่าหนะสิ ' หลี่เล่อเยียนเริ่มแสดงสีหน้ากังวลออกมา
" ได้ ไม่ต้องห่วง สัปดาห์หน้าพี่จะหาทางมาเจอเธออีกแน่นอน รีบกลับบ้านเถอะเดี๋ยวพี่เดินไปส่ง " หลี่เล่อเยียนไหนเลยจะรู้ว่าอี้หยางเห็นสีหน้าเป็นกังวลของเธอ เขาก็คิดไปไกลว่าเธอคงไม่อยากให้เขานั้นกลับ ชายหนุ่มจึงได้แต่รับปากว่าจะหาทางกลับมาหาเธออีกแน่นอน ช่วยไม่ได้รักระยะไกลคงต้องมีสักคนที่เสียสละ
" ดีค่ะ ถ้าพี่ไปถึงอย่าลืมแบ่งขนมให้กับเพื่อนๆ นะคะ คือฉันอยากรู้หนะค่ะว่าพอจะสู้ขนมขึ้นชื่อของที่นี่ได้หรือไม่ " หลี่เล่อเยียนไม่ลืมกำชับเรื่องแบ่งขนมให้กับเพื่อนร่วมงานของอี้หยาง เขาจะเก็บไว้กินคนเดียวไม่ได้นะ
" อืม " อี้หยางชักจะเริ่มหวงขนมห่อนี้ซะแล้วซิ ทำไมเธอถึงอยากให้เขาแบ่งให้คนอื่นนักนะ
จากนั้นอี้หยางจึงเดินย้อนไปส่งหลี่เล่อเยียนก่อนที่ตัวเขานั้นจะเดินทางกลับ แต่ระหว่างที่ทั้งสองคุยกันหน้าบ้านนั้น ไม่รู้เลยว่ามีคนแอบลอบสังเกตการณ์อยู่
แม่เฒ่าเว่ยตื่นเช้าขึ้นมา ตั้งใจจะออกมาส่งลูกชาย แต่บังเอิญเห็นว่าลูกชายยืนคุยกับใครอยู่ จึงได้แต่ยืนฟังอย่างลับๆ เมื่อรู้ว่าเป็นใครเธอแทบจะอยากเดินไปจูงมือว่าที่ลูกสะใภ้มารอลูกชายกลับบ้านเพื่อเข้าหอ
เธอคิดไม่ผิดจริง ๆ หลี่เล่อเยียนคนนี้เอาลูกชายเธอซะอยู่หมัด พ่อหนุ่มก้อนน้ำแข็งไม่เคยสนใจหญิงคนไหน ตอนนี้กลับมายืนรอสาวไปส่งทำงาน ช่างเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก
ใกล้ถึงกำหนดส่งขนมตามที่นัดกันเอาไว้แล้ว ทั้งสามคนเริ่มตามแผนการคือ เล่อเยียนแกล้งป่วยขอลางาน หมี่เมี่ยนขอลาด้วยให้เหตุผลว่าไม่มีคนดูแลเล่อเยียน ส่วนหม่ายวี่ไท่ลากเหมยเหมยและฮุ่ยหลินออกจากบ้านพักตั้งแต่เช้า ก่อนที่เสียงระฆังจะเตือนให้ลงพื้นที่ด้วยซ้ำจากนั้นเล่อเยียนเริ่มขนอุปกรณ์ รวมถึงวัตถุดิบออกมาจากห้อง พร้อมทั้งบอกหมี่เมี่ยนว่าซื้อมาตั้งแต่ติดเกวียนของลุงในหมู่บ้านเข้าเมือง หมี่เมี่ยนถามเล่อเยียนว่าไม่กลัวเธอจะขโมยสูตรไปทำขายบ้างหรือ" ถ้าเธออยากทำขายฉันก็ไม่ขัดหรอก ขอแค่อย่าแย่งลูกค้ากันก็พอ " แต่ความจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ หมี่เมี่ยนจะทำขายได้ เพราะทุกอย่างต้องใช้เงินลงทุน อาศัยเพียงแค่สูตรอย่างเดียวไม่มีทางเป็นไปได้ทั้งสองช่วยกันอย่างขยันขันแข็ง กลิ่นของขนมโก๋ช่างหอมยั่วยวนเหลือเกิน กลิ่นมันหอมไปทั่วบริเวณบ้าน เพราะพวกเธอทำในปริมาณที่มาก วันแรกผ่านไปด้วยดีทั้งสองคนช่วยกันทำจัดขนมใส่กล่องเวลาในการทำขนมแต่ละครั้งใช้เวลานึ่งประมาณ 45 นาที นึ่งครั้งหนึ่งได้ประมาณครั้งละ 6 ชิ้น เมื่อนับแล้ววันนี้ทำขนมได้ทั้งหมด 50 กล่อง เป็นแบบนี้ทำไม่ทันแน่นอนเพราะเธอทำได้แค่เฉพาะกลางวันเพ
เมื่อจัดการทุกอย่างที่บ้านหลี่เรียบร้อยแล้ว หยางหมิงเฉิงก็ต้องเข้ากรมแลกวันหยุดกับเพื่อน เพื่อที่จะเดินทางไปหาหลี่เล่อเยียนอีกครั้ง ครั้งนี้เขามั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าคนที่เจอที่ร้านบะหมี่คือเธอแน่นอน แต่อาจจะต้องสืบอีกทีว่าเธออยู่ที่หมู่บ้านไหนเขาได้เรียนรู้แล้วว่าการที่เขาเงียบไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทุกอย่าง อย่างน้อยที่สุดตอนนี้พ่อของเล่อเยียนก็เข้าใจลูกสาวแล้ว และเสียใจกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดในครั้งนี้ หลี่ฮ่าวตูอาสาจะเป็นคนไปแทนเล่อเยียน แล้วให้น้องสาวของเขากลับมามีชีวิตที่ดี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยว่าจะทำได้ส่วนสองแม่ลูกหนูนั้นก็ถูกคาดโทษ เพราะการกระทำของคนเป็นแม่ เธอสารภาพว่าแผนการทุกอย่าง เธอนั้นลงมือทำเองคนเดียว ลูกสาวอย่างหรูฟางเซียนนั้นไม่รู้เห็นเรื่องนี้กับเธอด้วยกล่าวตามที่แม่เลี้ยงหรูรับสารภาพ ว่าเธอทำเรื่องน่าอายในงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งใหม่ของ หยางหมิงเฉิงและซุยเถาหยวน ทั้งสองมาเลี้ยงฉลองที่บ้านของตระกูลหลี่ เพราะมีข่าวแว่วมาว่าทางการจะเกณฑ์พวกนักศึกษาจบใหม่ หรือที่กำลังเรียนอยู่นั้นไปเข้าค่ายชนบทห่างไกล เพื่อทำงานแลกแต้มค่าแรงว่ากันตามตรงคือคนที่เหมาะสมที่สุดคงหนีไม่พ้นหลี่
" อืม ฉันจะไปคุยกับคุณลุงเอง " หยางหมิงเฉิงคิดตำหนิตัวเองที่ไม่ยอมทำอะไรให้ชัดเจน ปล่อยให้เรื่องราวเลวร้ายจนทำลายชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งรอจนเวลาพลบค่ำ หลี่ฉินผู้เป็นพ่อของหลี่เล่อเยียนก็กลับมาถึงบ้าน ทันทีที่เขาเจอกับหยางหมิงเฉิงก็ตกใจไม่น้อยเพราะระหว่างเขาและหมิงเฉิงนั้นมีสัญญาใจกันอยู่ แต่จะให้เขาทำเช่นไรได้ล่ะ เพราะลูกสาวของตนเป็นคนไม่ดีเอง เขาผู้เป็นคนกลางจึงต้องให้ความยุติธรรมที่สุด" สวัสดีครับคุณลุง ไม่เจอกันนานสบายดีนะครับ " หยางหมิงเฉิงเป็นฝ่ายกล่าวทักทายผู้ใหญ่ก่อน พ่อของเล่อเยียนดูผอมลงเล็กน้อยเหมือนคนที่พักผ่อนไม่เพียงพอ" นั่งสิ กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ " หลี่ฉินตั้งสติได้ก็เริ่มบทสนทนา ท่าทางสุขุมของเขาที่ต้องทำงานพบปะผู้คนมากมาย พอจะช่วยลดอาการประหม่า เวลาที่เจอกับผู้ชายตรงหน้าเขาได้ รังสีของชายชาติทหารมันแผ่ออกมาโดยที่หยางหมิงเฉิงนั้นไม่ต้องทำอะไรเพียงแค่นั่งเฉยๆ ก็ดูน่าเกรงขาม" ครับ พึ่งมาถึงเมื่อคืนผมเห็นว่าดึกแล้วน่ะครับเลยไม่ได้มาหาคุณลุงก่อน " หลี่ฉินพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะถอนหายใจแล้วเข้าเรื่อง" เธอไปแล้วล่ะ ฉันขอโทษที่ทำตามสัญญาไม่ได้ " หลี่ฉินเอามือประสานกั
กล่าวถึงนายทหารหนุ่มที่ร้อนใจขออนุญาตผู้บังคับบัญชา มุ่งหน้ากลับสู่เมืองหลวงก่อนกำหนดเดิม โดยรายงานว่ามีเหตุจำเป็นสำคัญ นายทหารยศใหญ่เดิมทีชอบในฝีมือและผลงานของเขา อีกทั้งยังหมายตาให้เป็นว่าที่ลูกเขย จึงพยายามที่จะสนับสนุนเต็มที่ ครั้งนี้จึงไม่มีปัญหาในการขอลากิจด่วน อีกอย่างภารกิจก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่มีอะไรน่ากังวลหยางหมิงเฉิงเดินทางโดยรถไฟ ถึงแม้ว่าการเดินทางจะยากลำบากไปบ้าง แต่เพื่อให้หายขับข้องใจถึงอย่างไรเขาต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในเมืองชนบทเขาพยายามตามหาเธอจนทั่วทุกที่ที่เขาคิดว่าเธอจะไป แม้กระทั่งในค่ายชนบทของเหล่าปัญญาชน เขาไม่แน่ใจว่าเธอจะอยู่ในค่ายนั้นหรือไม่ เพราะคิดว่าครอบครัวของเธออย่างไรก็คงไม่ปล่อยให้มาเป็นแน่เธอมีพี่ชายที่ทั้งรักและหวงแหนเธอดั่งแก้วตาดวงใจขนาดนั้น เขาจะทนให้เธอมาลำบากได้อย่างไรกัน แต่เขาคิดไม่ตกสำหรับผู้หญิงที่เจอที่ร้านบะหมี่ ทำไมเขาถึงไม่เดินไปหาเธอให้รู้เรื่องกันนะ ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงไม่ต้องมานั่งร้อนใจ เพราะเป็นห่วงเช่นนี้ระยะเวลา 3 วัน 3 คืน ที่เขานั้นเดินทางมา ในที่สุดก็ถึงปักกิ่ง แต่ขอบอกว่าเวลานี้นั้น ปักกิ่งไม่น่าอยู่เลยสักนิด ม
อี้หยางที่นั่งนิ่งๆ ตักข้าวกินไปด้วยพร้อมกับสังเกตเล่อเยียนไปด้วย เขารู้สึกสงสารเธอจับใจ นี่มันแร้งลงโต๊ะกินข้าวหรืออย่างไรกัน ทำไมถึงเป็นกันได้เพียงนี้ ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัวของเขา นี่พวกเขาอดอยากกันมากถึงเพียงนี้เชียวหรือแม่เฒ่าเว่ยเก็บอาการโมโหไว้ในใจ ลำพังพวกบรรดาลูกสะใภ้หล่อนจัดการสั่งสอนทีหลังได้ แต่แม่หนูฟ่านเหมยเหมยนี่อะไรกัน หล่อนเป็นหมูมาเกิดหรืออย่างไร ทำไมถึงได้กินมูมมามเสียงดังเพียงนี้ ทั้งยังกินแต่จานเนื้อ ไม่สนใจใครเลยด้วยซ้ำ หนูเล่อเยียนรึหล่อนหยิบแต่จานผัก อาหารที่หล่อนนำมาเธอยังไม่เห็นว่าที่ลูกสะใภ้แตะมันเลยแม้แต่น้อย"นี่พวกเธอไปอดอยากจากที่ไหนมากัน ไม่อายแขกของฉันกับอี้หยางบ้างเลยหรืออย่างไร " สุดท้ายแม่เฒ่าเว่ยก็ทนไม่ไหว จำต้องแสดงด้านโหดออกมาให้เล่อเยียนเห็น" เหลือไว้ให้คนอื่นเขากินบ้าง อาหารในปากก็เคี้ยวให้หมดเสีย ก่อนที่มันจะติดคอเพราะยัดไม่เลือก" แม่เฒ่าเว่ยโมโหจนตัวสั่น อีกทั้งเธอยังว่ากระทบฟ่านเหมยเหมยอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่กล้าว่าต่อหน้าก็ตาม" ไม่เป็นไรค่ะ ทุกคนกินกันเลยค่ะ ฉันไม่ค่อยชอบเนื้อเท่าไหร่ " หลี่เล่อเยียนตอบออกมายิ้มแบบฝืนๆ ใจจริงเธออยากจะบอ
เมื่อไปถึงบ้านเว่ย แม่เฒ่าเว่ยก็ออกมารอต้อนรับอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว วันนี้เธอจะต้องได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ให้ได้เธอให้ลูกสะใภ้ทั้งสองเตรียมอาหารเนื้อชุดใหญ่ เพราะลูกชายเธอเป็นคนซื้อเนื้อมาเอง ถึงแม้ว่าเว่ยอี้หยางจะยังไม่แยกบ้าน แต่เขาก็พอมีเงินเก็บส่วนตัวบ้าง ไม่ได้ส่งให้แม่ไปจนหมดเผื่อกรณีฉุกเฉินจะได้ไม่ลำบากเมื่อทั้งสามคนไปถึง อาหารก็ขึ้นโต๊ะพร้อมกินได้แล้วสมาชิกบ้านเว่ยมีทั้งหมด 10 คน ผู้ใหญ่ 7 คน เมื่อหลี่เล่อเยียนและฟ่านเหมยเหมยมาร่วมกินด้วย เด็ก ๆ จึงแยกโต๊ะ รวมถึงลูกสาวคนเล็กคนเดียวของบ้านเว่ยด้วย แม้ว่าเธอจะมีอายุเท่ากับเล่อเยียนก็ตาม" กับข้าววันนี้พี่เขาซื้อมาจากในเมือง หนูเล่อเยียนกินให้อร่อยนะจ๊ะ""จริงสิแล้วนี่ใครกันหรือ ป้าเหมือนจะเคยเห็นหน้า แต่ไม่รู้จักชื่อเพื่อนของหนูเล่อเยียนเองหรอกหรือจ๊ะ" แม่เฒ่าเว่ยว่าจะถามตั้งแต่เข้ามาในบ้าน แต่ก็มัวลืมรีบพาเล่อเยียนไปนั่งที่โต๊ะอาหาร กลัวว่าหล่อนจะลุกวิ่งหนีไปอีกเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา"หนูชื่อฟ่านเหมยเหมย เป็นเพื่อนของเล่อเยียนค่ะคุณป้า เอ่อ..พอดีหนูมาเป็นเพื่อนเธอน่ะค่ะ ให้เล่อเยียนมาคนเดียวเห็นจะดูไม่เหมาะสัก