Masukตอนที่ 10 ต้องแย่งมาให้ได้
ฝั่งด้านไป๋หงเทียน
เขากลับมาที่บ้านหลังจากส่งเหมยหลินที่บ้านของเธอ ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาห้องโถงใหญ่ ไป๋ซินหย่าเดินตามหลังมาพร้อมพูดเรื่องที่เธอเจอกับอวี้หรานในวันนี้
“ไป๋หงเทียนวันนี้ลูกเจอกับนังอวี้หรานหรือไม่ ? ไม่คิดเลยว่าจะเจอเธอที่งานวันนี้แถมยังทำท่าทางหยิ่งผยองใส่อีก แม่ละอยากจิกหัวนังอวี้หรานมาตบสั่งสอนจริง ๆ แต่มีผู้ชายคนหนึ่งมาช่วยเธอเอาไว้ก่อน”
“วันนี้คุณเจอลูกสะใภ้เก่าหรือแล้วหลานชายของเราล่ะ” ไป๋ฉินเหยียนพ่อของไป๋หงเทียนเดินมานั่งลงข้าง ๆ ภรรยาวันนี้เขาไม่ได้ไปร่วมงานสำคัญของลูกชายเพราะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงหลังของเขาเริ่มคดงอเดินมาก ๆ ก็เกิดอาการปวดไป๋หงเทียนจึงไม่ให้ผู้เป็นพ่อไป
“นี่คุณจะสนใจทำไมในเมื่ออีกไม่นานลูกชายของเราจะแต่งงานกับหนูเหอเหมยหลินจะมีหลานอีกคนก็ได้ ไม่เห็นต้องไปสนใจเด็กที่เกิดจากนังอวี้หรานเลย เห็นหน้าเด็กก็ทำให้ฉันคิดถึงหน้าของนังอวี้หราน ชิ! ”
“ไม่ได้หรอกครับ ไม่ว่าอย่างไรผมจะต้องตามหาลูกชายของผมของเจอ เพราะเหอเหมยหลินไม่สามารถมีลูกให้ผมได้”
“อะไรนะ !! ไม่จริงใช่มั้ย”
“เรื่องนี้ผมไปหาหมอเพื่อตรวจร่างกายก่อนที่จะแต่งงานกันวางแผนที่จะมีลูกหลังแต่งงานทันที โชคไม่ดีร่างกายของเหอเหมยหลินไม่สามารถอุ้มท้องได้”
“อย่างนั้นต้องรีบตามหาฉู่อี้ แย่งหลานมาอยู่กับเราให้ได้ และห้ามไม่ให้นังอวี้หรานมาเอาตัวของฉู่อี้ได้อีก ทางที่ดีไม่ต้องให้มันเสนอหน้ามาเจอฉู่อี้ได้” ไป๋ซินหย่าเปลี่ยนความคิดเมื่อรู้ว่าไม่สามารถมีหลานที่เกิดจากเหอเหมยหลินลูกสะใภ้คนรวยที่เธอชอบใจนักหนา
“เรื่องนั้นผมจัดการอยู่แล้ว ตอนนี้เหนื่อยมาทั้งวันขอตัวไปพักก่อนนะครับ ตอนกลางคืนต้องออกไปงานเลี้ยงฉลองอีก” ไป๋หงเทียนไม่อยากจะฟังคำพูดของคุณแม่เลือกที่จะลุกเดินไปที่ห้องของตนเอง ส่วนพ่อของเขาส่ายหน้าไปมากับความคิดของภรรยา
ไป๋หงเทียนครุ่นคิดถึงแต่ใบหน้าของอวี้หรานคิดถึงกลิ่นกายของเธอเมื่อเขาโอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมอก จนทำให้เขาไม่ได้นอนพักลุกออกมาเดินรับลมนอกบ้าน เขาย้ายมาอยู่ในค่ายทหารมีลูกน้องคอยคุ้มกันมากมาย ระหว่างที่ครุ่นคิดเรื่องของไป๋หงเทียนเขาก็ยิ้มกริ่มออกมาเมื่อคิดอะไรดี ๆ ออก จึงเรียกลูกน้องที่อยู่แถวนั้นเพื่อสั่งงาน
“นายที่อยู่ตรงนั้นมานี่หน่อยสิ ฉันมีเรื่องให้ไปทำ”
“ท่านนายพลมีเรื่องอะไรที่จะให้ผมรับใช้ครับ”
“นายออกไปสืบที่อยู่ ที่ทำงานของนักข่าวอวี้หรานให้ฉันที ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีฉันอยากรู้ว่าตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ที่ไหนแล้วลูกชายของเธอเป็นอย่างไรบ้าง เรื่องนี้อย่าให้เหอเหมยหลินรับรู้เด็ดขาด”
“ครับผม” ลูกน้องของเขารับคำสั่งพร้อมออกไปจากค่ายเพื่อหาประวัติสืบหาที่อยู่ของอวี้หราน
ฝั่งด้านของเหอเหมยหลินลูกสาวคนเดียวของตระกูลเหอผู้มีอิทธิพลกว้างขวางและการที่ไป๋หงเทียนได้รับตำแหน่งท่านนายพลอายุยังน้อยนี้ มีตระกูลเหอที่ช่วยเหลือและหนุนหลังเขามาโดยตลอด เธอกลับบ้านด้วยอารมณ์ไม่ดีจนสาวรับใช้ต่างพากันหลบหน้าหลบตาไม่กล้าแม้จะเงยหน้ามอง
“ฮึ ฮึ ฉันจำได้ว่าพี่ไป๋หงเทียนเคยบอกฉันเพียงแค่หลอกใช้อวี้หรานให้ดูแลพ่อกับแม่ของเขาที่ชนบทและหาเงินส่งเสียเขาเรียนแต่วันนี้ฉันเห็นสายตาของพี่ไป๋หงเทียนที่จับจ้องมองดูอวี้หรานไม่ได้เป็นอย่างที่เขาบอกมาสักนิด ไม่ได้ฉันจะไม่ยอมให้ทั้งสองได้พบเจอกันอีก ทางเดียวที่จะทำได้คือการแย่งลูกชายของพี่ไป๋หงเทียนมาให้ได้ เมื่อนั้นคงไม่มีเรื่องที่ทั้งสองจะได้เจอกันอีก ในเมื่อมีลูกไม่ได้ฉันจะรักเด็กคนนั้นให้เหมือนลูกของฉันเอง” หลังจากที่พูดจบเหมยหลินได้เรียกลูกน้องมือขวาของคุณพ่อที่ยืนอยู่แถวนั้นเพื่อไปตามหาที่อยู่ของอวี้หรานและลงมือก่อนที่ไป๋หงเทียนจะตามหาอวี้หรานเจอ
รุ่งเช้าวันต่อมา
ทุกช่องในทีวีมีข่าวของท่านนายพลคนใหม่ดังครึกโครม ไป๋หงเทียนเปิดดูทีวีสายตาของเขาจับจ้องไปมองอวี้หรานที่อยู่ในทีวีดวงตาเป็นประกายแวววาว พร้อมจิบกาแฟอย่างอารมณ์ดี เธองดงามอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ก๊อก ๆ เสียงประตูห้องทำงานของไป๋หงเทียนดังขึ้น ทหารที่เขาสั่งการเมื่อคืนเข้ามารายงานสิ่งที่เขาให้ไปทำ ใบหน้าของเขายิ้มระรื่นด้วยความดีใจมากกว่าเดิม เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าอวี้หรานกับฉู่อี้อยู่ที่ไหน
“อวี้หรานนักข่าวที่โด่งดังเป็นที่จับตามองของสังคม ฮึ ฮึ ฉันจะมองผ่านเธอไปได้อย่างไร เธอคือแม่ของลูกชายฉันหากฉันพูดคำว่ารักไปใจของเธอคงสั่นไหว ยิ่งเข้าหาลูกชายได้และได้ใจลูกชาย เขาต้องการฉันแน่ ๆ เมื่อนั้นฉันจะได้ครอบครองทั้งอวี้หรานและฉู่อี้ ให้เธอยู่บ้านหลังเล็กเก็บตัวเงียบ ๆ เลี้ยงลูกชายอย่างสุขสบาย เพียงเท่านั้นเธอต้องใจอ่อนแน่ ๆ ” ไป๋หงเทียนพูดออกมาพึมพำเตรียมจะออกเดินทางไปที่โรงเรียนของฉู่อี้ตามที่อยู่ที่สืบมาได้ ทว่าตอนนั้นเองเสียงวิทยุสื่อสารได้ดังขึ้นมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นที่มณฑลใกล้ ๆ เขาจึงต้องเก็บเรื่องฉู่อี้ไว้ก่อนและออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง
สำนักข่าวหลี่หยวน
อวี้หรานมาทำงานแต่เช้าเหมือนทุก ๆ เวลาที่เธอเดินเข้ามาในสำนักข่าวคนแรกที่มักจะเจอคือพี่จื่อเหยา ตอนนี้จื่อเหยาเหมือนพี่สาวแสนดีของเธอช่วยเหลือเธออยู่เสมอเช่นเดียวกัน
"นักข่าวคนดังได้ยินว่าเมื่อวานนี้ข่าวออกมาด้วยดี แถมกล้องของเรายังจับใบหน้าของนายพลได้ชัดมากกว่าสำนักข่าวอื่น ๆ แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะนักข่าวของเราเนื้อหอมขนาดนี้"
"พี่จื่อเหยากล่าวเกินไปแล้ว ใครเขาจะสนแม่หม้ายลูกติดอย่างฉันกันคะ อีกอย่างแค่ทำงานกับดูแลฉู่อี้ฉันก็แทบไม่มีเวลาแล้วค่ะ "
"ถ่อมตัวจังนะ ไม่รู้หรือไงว่ามีผู้ชายหลายคนจ้องมองเธออยู่เสมอ ฉู่อี้สบายดีมั้ยฉันไม่ได้เจอหลานนานมากแล้ว รู้สึกคิดถึงแล้วสิวันนี้เลิกงานเร็วไปรับฉู่อี้กับเธอดีมั้ยนะ ดูสิว่าฉู่อี้เห็นหน้าของฉันจะดีใจแค่ไหน"
"คงดีใจมากเลยค่ะที่ป้าจื่อเหยาไปรับ อย่างนั้นวันนี้หลังจากรับฉู่อี้แล้วเราออกไปกินข้าวเย็นด้วยกันนะคะ"
"ได้เลย " อวี้หรานยิ้มกว้างกำลังเดินเข้าไปที่ห้องทำงานตอนนั้นเองเจี่ยเจี่ยวิ่งหน้าตื่นมาหาอวี้หรานอย่างเร่งรีบพร้อมกับตากล้องคนเดิมที่ทำงานร่วมกับทั้งสอง
"พี่อวี้หรานตอนนี้เรามีงานเข้าแล้วค่ะ พี่เวินมอบหมายงานให้เราไปตามข่าวที่มณฑลเจียงไซตอนนี้เกิดการปะทะของกลุ่มคนที่ประท้วงเรื่องการปฏิวัติ" อวี้หรานเริ่มลังเลอีกใจก็ไม่อยากไปเพราะเป็นห่วงฉู่อี้เพราะถ้าไปต้องกลับมารับฉู่อี้ไม่ทันแน่ ๆ แต่ถ้าไม่ไปเธอก็จะไม่ได้ข่าวช่วงนี้สำนักข่าวใกล้ถึงงานรับรางวัลผู้ประกาศข่าวยอดเยี่ยมจากสำนักข่าวหลาย ๆ สำนักที่ยื่นชื่อเข้าแข่งขันกัน นั่นคือสิ่งที่อวี้หรานต้องเการเช่นเดียวกัน จื่อเหยาเห็นสีหน้าของเธอก็รีบเสนอตัวเพื่อรับฉู่อี้ไปดูแลให้ก่อนเธอจะได้หมดห่วง
"อวี้หรานเธอไปทำข่าวเถอะ ฉันจะรับฉู่อี้ไปดูแลให้เองกลับมาเมื่อไหร่ค่อยไปรับที่บ้านของฉัน "
"ขอบคุณพี่จื่อเหยามากนะคะ ฝากฉู่อี้ด้วยนะคะเจี่ยเจี่ยเราเดินทางกันเถอะ" เธอสบายใจขึ้นมาไม่น้อยรีบบอกเจี่ยเจี่ยเพื่อออกเดินทางหลังจากที่จื่อเหยารับปากจะดูแลลูกชายให้เธอ
ตอนที่ 23 ถูกจับตัวจื้อหาวจ้องมองแผ่นหลังของร่างบางที่เดินจากเขาไปอย่างช้า ๆ เขาไม่ได้ยื้อเธอเอาไว้แม้อยากจะรั้งเธอเอาไว้“ฉันจะไม่รีบ และจะรอจนกว่าวันที่เธอพร้อมจะเปิดใจให้ฉันจริง ๆ ต้องมีสักวันที่เธอเห็นว่าฉันไม่เหมือนสามีเก่าของเธอ และฉันก็ไม่ทำให้เธอเสียใจแน่นอนหากเธอยอมมอบใจให้ ทุกวันของเธอจะมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ฉันจะรอวันนะอวี้หราน” เสียงของจื้อหาวที่เอ่ยถามหลังของอวี้หรานแม้ไม่ได้ดังแต่เธอได้ยินชัดเจน ในใจสั่นสะท้านดวงตาเริ่มเอ่อคลอไม่คิดว่าจะมีผู้ชายแสนดีอย่างเขามาชอบผู้หญิงอย่างเธอจริง ๆ หากเธอสานสัมพันธ์รับความรู้สึกของเขาก็ไม่มีอะไรมารับประกันว่าความรักครั้งนี้จะดีเหมือนตอนแรก และครอบครัวสามีคงจะรับมือยากกว่าตระกูลไป๋แน่นอน ไม่แน่ชะตาชีวิตของเธออาจจะพบจุดจบเดิมคือความตายเหมือนชีวิตครั้งก่อนก็ได้ใครจะรู้ชะตาชีวิตตนเอง เธอตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกยุติทุกอย่างการมีชีวิตอยู่กับลูกชายคือสิ่งที่เธอปรารถนามากกว่าสิ่งอื่นใด อวี้หรานอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนเธอได้เปิดทีวีดูข่าวเห็นข่าวของตัวเองกำลังเป็นที่พูดถึงในความจริงที่เธอพบเจอเพราะมีคนที่เคยอยู่ใกล้ ๆ บ้านตร
ตอนที่ 22 คำตัดสินไป๋หงเทียนใบหน้าซีดเซียวตกใจรับไม่ได้ในสิ่งที่เกิดขึ้นสั่งให้ตำรวจออกไปและห้ามเข้าใกล้เขา“อย่ามาใกล้ออกไปนะ เรื่องนี้ฉันไม่ได้เป็นคนทำมีหลักฐานอะไรว่าฉันเคลื่อนย้ายสิ่งอันตรายเข้ามาในประเทศ ฉันเป็นผู้บังคับบัญชาใหญ่ตำรวจอย่างพวกแกไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องตัวฉันออกไป หรือว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือแก แกใส่ร้ายฉันหาหลักฐานปลอม ๆ เพื่อให้ศาลตัดสินให้ฉันไม่มีสิทธิ์ในตัวฉู่อี้ เรื่องนี้ฉันจะเอาคืนแกอย่างสาสม”“เก็บคำพูดของคุณไปให้การปฏิเสธกับชั้นศาลเถอะ เพราะที่ได้มาคือหลักฐานแน่นหนาจนไม่อาจจะปฏิเสธได้เลย ” จื้อหาวตอบกลับยื่นมือไปหาเด็กชายที่มานั่งฟังคำพิพากษา“กลับบ้านกันเถอะเรื่องน่าปวดหัวจะไม่เกิดขึ้นกับฉู่อี้อีกต่อ” เด็กชายยิ้มกว้างยื่นมือมาจับมือของจื้อหาวแน่นไป๋หงเทียนใจสั่นสะท้านเมื่อเห็นลูกชายเชื่อใจคนอื่นมากกว่าพ่อที่ให้กำเนิด ทั้งสามคนเดินออกไปจากศาลด้วยความดีใจ ส่วนไป๋ซินหย่าสติแทบแตกไม่ว่าจะเป็นหลานที่ไม่ได้ครอบครอง อีกทั้งลูกชายกำลังจะถูกจับอีกด้วย“คุณตำรวจลูกชายของฉันเป็นคนดี เขาเป็นนายพลใหญ่ ได้โปรดปล่อยเขาไปเถอะนะคะไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เขาต้องทำเรื่องให้ตัวเองเสื
ตอนที่ 21 ขึ้นศาล จื้อหาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ตอนนี้เขาต้องรับมือจากคนที่มีอำนาจแต่เขาก็ไม่ได้กลัว หลักฐานทุกอย่างอยู่ในมือของเขาแล้ว รอเพียงวันที่จะเปิดโปงความชั่วของเหอหม่าเจิงกับไป๋หงเทียนเท่านั้น ตอนนี้คนที่เขาเป็นห่วงคืออวี้หราน ตอนนี้เธอกำลังเดินาทงไปสถานีตำรวจแจ้งความและเดินทางไปศาลเพื่อยื่นเรื่องดูแลฉู่อี้เพียงลำพัง ช่วงเย็นไป๋หงเทียนได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับนักข่าวที่ไปยืนเฝ้าอยู่กองทัพของเขา โดยมีนักข่าวของสำนักข่าวหลี่หยวนคนอื่นไปทำข่าวเรื่องนี้แทน ไป๋หงเทียนได้รู้จากเหอหม่าเจิงว่าสำนักข่าว หลี่หยวนไม่ยอมรับคำเสนอของเขา จึงบอกให้ไป๋หงเทียนยอมรับผิดอย่างลูกผู้ชายในเรื่องที่ผ่านมา แค่นั้นประชาชนก็พร้อมให้อภัยเพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เขาที่เป็นคนให้ข่าวและเขาเองก็เป็นผู้ถูกกระทำจากสำนักข่าวเจียงฉี่ เขาจึงยอมรับเรื่องที่เคยแต่งงานกับไป๋หงเทียนและมีลูกกับเธอ แต่เขาก็ไม่ได้ยอมรับทุกอย่างเพียงแค่บอกว่าเขาต้องเรียนจึงทำให้ห่างกับเธอและตอนนั้นเธอก็พาลูกชายของเขาหนีออกมาจากบ้านตลอดเวลาเขาตามหาเธอกับลูกชายมาตลอดเพื่อรับผิดชอบ แม้ว่าตอนนี้หัวใจของเขามีหญิงคนใหม่แต่เขาไม่ได้
ตอนที่ 20 เปิดเผยความจริง จดหมายที่อวี้หรานเปิดต่อสายตาทุกคน กล้องส่องมาที่จดหมาย เธอค่อย ๆ เปิดที่ละฉบับให้ทุกคนได้อ่านเนื้อหาในจดหมาย เมื่อประชาชนรู้ก็พากันอึ้งตาม ๆ กัน จนถึงฉบับสุดท้ายที่ให้อวี้หรานหาเงินให้เขาเมื่อสองปีที่แล้วก่อนที่เธอจะตัดสินใจพาฉู่อี้หนี“นี่คือหลักฐานที่ฉันต้องการแย้งเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าฉันหลอกลวงให้ไป๋หงเทียนส่งเสียฉันเรียนแล้วทีบหัวส่ง ส่วนเรื่องที่ฉันพาลูกชายหนีออกจากบ้านตระกูลไป๋เพราะความชั่วร้ายของคนพวกนั้นไม่ได้เกี่ยวกับการทำงานของฉันสักนิด ระหว่างที่ฉันอยู่ที่นั้นฉันทนเพราะคำว่ารักและสัญญาที่เขาเคยให้ไว้ รักเทิดทูนพ่อแม่สามีเหมือนพ่อแม่ของตัวเอง แต่ความจริงใจและภักดีของฉันต้องพังทลายลงเมื่อรู้ตัวว่าฉันต่างหากที่ถูกหลอกให้หาเงินส่งเสียสามีเรียนและเป็นทาสรับใช้คอยดูแลพ่อกับแม่ของเขาเท่านั้น ครอบครัวนั้นตั้งใจโกหกและหลอกลวงฉันตั้งแต่แรกไม่เคยมีแม้แต่ความรักหรือความเห็นใจในฐานะมนุษย์ด้วยกันเอง ฉันไม่ได้กล่าวหาโดยไร้ซึ้งหลักฐาน” อวี้หรานเปิดจดหมายที่ไป๋หงเทียนส่งให้คนเป็นแม่ เป็นจดหมายที่อวี้หรานไม่เคยรับรู้มาก่อน ว่าพวกเขาพูดถึงเธอลับหลังเช่นไร ตอ
ตอนที่ 19 ไม่ยอมทนอีกต่อไป ทว่าไม่ทันที่ไป๋หงเทียนจะได้ตอบเสียงรถยนต์ได้เคลื่อนเข้ามาจอดหน้าบ้าน อวี้หรานหันขวับไปดูเห็นเด็กชายวิ่งออกมาจากรถยนต์ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาดวงตาบวมแดงเกิดจากการร้องไห้มานาน เด็กชายตะโกนเรียกแม่เสียงดังพร้อมวิ่งเข้ามากอดร้องไห้สะอึกสะอื้น“คุณแม่ ผมกลัว อึก ๆ คุณแม่ไปไหนมาผมกลัวเหลือเกิน” อวี้หรานใจสั่นสะท้านดึงตัวลูกชายเข้ามากอดแน่นเช่นเดียวกันมิใช่แค่เด็กชายที่หวาดกลัวเธอเองก็กลัวที่จะไม่เจอเด็กชายเหมือนกัน“ฉู่อี้แม่ขอโทษ ตอนนี้แม่อยู่นี่แล้ว ลูกคงกลัวมากสินะไม่เป็นไรนะ ต่อจากนี้แม่จะไม่ให้ใครหน้าไหนมาพาลูกไปได้อีกแล้ว”“เฮอะ..!เด็กอะไรน่ารำคาญจริง ๆ อยู่กับเราร้องไห้งอแงไปหาแต่แม่ของตัวเอง ฉันเป็นย่าแท้ ๆ แต่ไม่ยอมให้จับตัว”“นั่นสิ ๆ ฉันเองก็เป็นปู่แท้ ๆ ทำไมเล่นกับฉันเดิมทีปู่กับหลานชายต้องสนิทสนมกันไม่ใช่หรือ”“นั่นคงเป็นเพราะนังอวี้หรานที่เลี้ยงลูกมาไม่ดี สอนให้เด็กเกลียดชังครอบครัวฝั่งพ่อ ช่างร้ายกาจจริง ๆ” ไป๋ซินหย่ากับไป๋ฉินเหยียนตำหนิและอารมณ์เสียเมื่อพาเด็กชายออกไปเที่ยวเล่นซื้อของกินและขนม แต่เด็กชายเอาแต่ร้องห่มร้องไห้จะไปหาแต่อวี้หร
ตอนที่ 18 ขอความช่วยเหลืออวี้หรานใช้แรงที่มีทั้งหมดผลักเขาออกห่างจากตนเอง“ฉันไม่ขอรับข้อเสนออะไรทั้งนั้น เรื่องที่พูดมาทั้งหมดเป็นเพียงความหลัง ฉันเลี้ยงดูฉู่อี้มาตั้งแต่ท้องจนคลอดและตอนนี้เขาอายุ 5 ปี ฉันเลี้ยงเขามาด้วยตนเองและเลี้ยงมาได้ดีไม่ต้องให้ใครมาช่วยเลี้ยง นายกลับไปหาเหมยหลินของนายไปดูแลเธอให้ดีอย่าให้เธอมาวุ่นวายบุกไปตบตีคนอื่นถึงที่ทำงาน ไม่ใช่แค่ฉันที่เสียชื่อเสียงแต่เป็นเธอและนายด้วยที่เสียชื่อเสียง อ้อ..และเรื่องข่าวของฉัน ฉันรู้ว่าไม่ใช่ฝีมือของนายแต่เป็นฝีมือของเหอเหมยหลิน ต้องการทำให้ฉันจนมุม ตกต่ำเพื่อแย่งลูกชายไปจากฉันหรือไม่มีทาง และฝากไปบอกเธอด้วยฉันไม่เกรงกลัวอำนาจของตระกูลเหอสักนิด” อวี้หรานเอ่ยจบรีบเดินกึ่งวิ่งออกไปกลัวว่าเขาจะจับเธอเอาไว้อีกโชคดีที่ตอนนั้นรถประจำทางวิ่งมาตรงนั้นพอดี อวี้หรานรีบกวักมือและเดินขึ้นรถอย่างเร่งรีบ โดยที่ไป๋หงเทียนไม่ได้เดินตามออกไป ตอนนี้เขาเริ่มกังวลเรื่องความปลอดภัยของฉู่อี้ หากพ่อของเหมยรู้เรื่องฉู่อี้ต้องเกิดอันตรายแน่ ๆ ตอนนี้เขาจึงปล่อยอวี้หรานไปก่อนไม่ดึงตัวเธอเอาไว้ เขาต้องรีบไปหาเหมยหลินเพื่อถามเรื่องนี้ว่าเป็นมือเธอหรื







