แชร์

บทที่ 6 : การพัฒนาของวงแหวนเวท

ผู้เขียน: MIN-G
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-04-03 21:42:56

“ฉันจะแสดงให้เห็นเองนี่แหละ ว่าฉันสมควรจะได้รับมัน!! ไม่ใช่แกคนเดียวสักหน่อยที่มีความสามารถนั้น!” ชายคนนั้นเริ่มมีเปลวไฟปะทุออกมารอบตัว และออร่ารอบ ๆ ตัวของเขาก็เริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้นเช่นกัน

‘สีม่วง?!’ อาคุมุถึงกับตกใจในทันทีเมื่อได้เห็นออร่านั้น ซึ่งมันปรากฏให้เห็นถึงความน่าเกรงขามและแรงกดดันโดยรอบ

“อิชิโร่! ใจเย็น ๆ ก่อนไม่เป็นหรือไง?!” อากิระเอ่ยปากบอกกับชายคนนั้น ซึ่งเขามีนามว่า "ฟุโด อิชิโร่" เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของอากิระ แต่ด้วยความที่ไม่ค่อยเอาใจใส่ในหน้าที่การงาน ไม่มีความรับผิดชอบ และด้วยความสามารถรอบด้านที่ด้อยกว่าน้องชาย ทำให้ไม่ได้รับสืบทอดเป็นหัวหน้าตระกูลต่อไป

“ห๊าา? นี่แกเรียกชื่อฉันตรง ๆ เลยเหรอ แกไม่นับพี่นับน้องกันแล้วใช่ไหม? อยากจะเป็นศัตรูกันใช่ไหม?!” ด้วยความเอาแต่ใจของอิชิโร่ ทำให้เขาดูเหมือนยังไม่น่านับถือเท่าที่ควร คนส่วนใหญ่ในตระกูลจึงไม่เคารพและเชื่อฟังเขา ทำให้เขาน่าเกรงขามเพียงเพราะว่าเป็นพี่ชายของอากิระก็เท่านั้น

“เฮ้อ!.. นี่พี่ยังคิดจะทำตัวเหมือนเด็กไม่เปลี่ยนเลยหรือไง อยู่ต่อหน้าเด็กก็ยังจะทำตัวเป็นเด็กเหมือนเดิม แบบนี้มันจะไปมีคุณสมบัติอะไรที่สามารถเข้ามารับหน้าที่และตำแหน่งนี้ได้ล่ะ!!” อากิระตอบกลับไปจึงทำให้อิชิโร่สงบสติอารมณ์ได้เล็กน้อย แต่มันก็ยังไม่จบเพียงแค่นั้น

“ที่แกพูดมันก็ใช่อยู่... แต่แกบอกว่าฉันเป็นเด็กเหรอวะ?!!” อิชิโร่สงบสติได้เพียงชั่วคราว เขาก็เกิดระเบิดอารมณ์ออกมาอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้เขาพร้อมที่จะโจมตีโดยไม่ลังเลเลยสักนิด

“ดาวตกเพลิงนรก!!” อิชิโร่ตะโกนออกมาพร้อมกับชี้นิ้วไปทางอากิระ ได้มีวงแหวนเวทสีแดงปรากฏให้เห็นรอบข้อมือ และมีวงแหวนเวทขนาดใหญ่ปรากฏอยู่สูงเหนือศีรษะของเขา

ลูกบอลเพลิงจำนวนมากพุ่งออกมาจากวงแหวนเวทขนาดใหญ่นั้น ซึ่งพลังโจมตีก็ดูน่าสะพรึงกลัวมาก

“แกเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหมเนี่ย? โล่เพลิงคุ้มกายา!” อากิระนั้นใช้ทักษะการป้องกัน ปรากฏให้เห็นเกราะกำบังเปลวเพลิงขนาดใหญ่ห่อหุ้มร่างกายของอากิระเอาไว้ แต่ที่มากไปกว่านั้นคือเขาทำให้มันป้องกันชูยะและอาคุมุไว้ด้วย

‘ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอเนี่ย? ลุงคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ เป็นเหมือนอย่างที่คิดไว้เลย’

การโจมตีของอิชิโร่นั้นไร้ผล ไม่สามารถเจาะทะลุการป้องกันของอากิระไปได้

“ชิ! นี่แกไปซุ่มฝึกมาหรือไงกัน?” อิชิโร่ถามกลับไปด้วยความฉุนเฉียว เพราะที่ผ่านมาการโจมตีของอิชิโร่นั้นจะทำอะไรได้บ้างเล็กน้อย ถึงแม้ความสามารถจะต่างกันอยู่พอสมควร แต่มันก็ไม่น่าจะห่างชั้นกันขนาดนี้

“ก็นี่มันฉัน ไม่ใช่นายที่เอาแต่อวดเบ่งไปวัน ๆ ไม่มีอะไรพัฒนาสักอย่าง แล้วจะมาบอกว่าคู่ควรกับตำแหน่งที่สูงศักดิ์เนี่ยนะ”

ในตอนนี้อิชิโร่ทำได้แค่กำมือไว้แน่น และระงับความโกรธเอาไว้ เพราะตอนนี้เขาก็ได้สร้างความขายหน้าให้หลาย ๆ คนได้เห็นมามากพอแล้ว

“แกก็ดูแลองค์ชายน้อยให้ดี ๆ ก็แล้วกัน อย่าให้มีไอ้เด็กเมื่อวานซืนแบบนี้มาทำให้เสียระบบที่วางไว้อีก” ว่าแล้วอิชิโร่ก็หันหลังให้และหายตัวไปโดยการใช้วงแหวนเวทในการเคลื่อนที่ กลุ่มคนนับสิบก็หายไปด้วยเช่นกัน

“ท่านลุงเป็นถึงหัวหน้าตระกูลเลยนะครับ ทำไมคนพวกนั้นถึงตามคนอย่างลุงอิชิโร่ ผมล่ะสงสัยมานานแล้ว” ชูยะที่เห็นอย่างนั้นบ่อยครั้งแล้วจึงตัดสินใจถามออกไปในครั้งนี้

“ที่ตามเขาไปก็มีแต่คนที่เข้าข้างเขาทั้งนั้นแหละองค์ชาย คนที่ติดตามเราก็คงจะยังหาตำแหน่งไม่เจอ เราต้องรีบกลับไปแล้วล่ะ” อากิระตอบกลับไป

“เจ้าหนู ยังไงนายก็ระวังตัวไว้หน่อยล่ะเพราะช่วงนี้คนจากตระกูลใหญ่ต่างออกเดินทางตามหาของล้ำค่า ตอนนี้ฉันกับองค์ชายต้องไปก่อนแล้วล่ะ”

“เอ่อ.. ครับ” อาคุมุพูดตอบกลับอากิระ

“ไว้เจอกันใหม่ล่ะน้องชาย” ชูยะพูดบอกกับอาคุมุ หลังจากนั้นทั้งสองก็หายไปด้วยทักษะการเคลื่อนที่ด้วยวงแหวนเวท

“ตระกูลใหญ่กับของล้ำค่า.. แล้วองค์ชายนี่โผล่มาได้ยังไงกัน ถ้าเกิดว่าเพิ่งจะใช้ทักษะวงแหวนเวทได้ก็น่าจะอยู่ใกล้ ๆ นี้หรือเปล่า.. แต่เดี๋ยวนะ ถ้าเกิดว่าเขาพัฒนาวงแหวนเวทไปแล้วล่ะ เพราะว่าขนาดของวงแหวนเริ่มต้นนั้นแค่ 1 เมตรเองนี่ มันยังไงกันแน่เนี่ย?”

ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ เพราะถ้าเขาอยู่ใกล้ ๆ เหมือนอย่างที่อาคุมุคิดไว้ล่ะก็ วงแหวนเวทขององค์ชายนั้นคงจะต้องมีความยาวเส้นผ่านศูนย์กลางอย่างน้อย 100 เมตรหรือมากกว่านั้น ไม่อย่างนั้นคงจะไม่สามารถมาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ได้เป็นแน่แท้

“เฮ้อ!.. แสงอัสนีบาต”

อาคุมุหันฝ่ามือไปทางพื้นดิน เสียงระเบิดดังขึ้นมา ความรุนแรงของแสงอัสนีบาตปะทะกับพื้นบริเวณนั้นจนมันเกิดเป็นรูอีกครั้ง

ตู้มม!

“อยู่ดี ๆ ก็นึกขึ้นได้ มันใช้ได้แบบคล่องแคล่วแล้วจริง ๆ ด้วย นี่แหละถึงจะเป็นก้าวแรกที่สมบูรณ์แบบ..”

“นี่มัน.. อะไรอีกแล้วเนี่ย?”

อาคุมุยังไม่ทันได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น เขาก็ต้องรู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดในร่างกายอีกครั้ง

วงแหวนเวทสีฟ้าได้ปรากฏขึ้นมาบริเวณข้อมือของเขา มันเปล่งประกายเป็นแสงสีฟ้าที่เจิดจ้าออกมา ความสว่างของแสงสีฟ้านั้นแทบจะทำให้อาคุมุต้องหลับตาลง หลังจากนั้นแสงที่เคยสว่างก็เริ่มลดน้อยลง มันเริ่มกระพริบพร้อม ๆ กับแสงที่ค่อย ๆ หายไปทีละนิด จนกระทั่งแสงสว่างนั้นหายไปจนหมด

“มันหมายความว่าอะไรกัน?”

วงแหวนสีฟ้าบริเวณข้อมือของเขานั้นหมุน 1 ครั้ง หลังจากนั้นมันก็หายไป ซึ่งอาคุมุก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันคืออะไรกันแน่

“นั่นน่ะคือการพัฒนาของวงแหวนเวท” ได้มีเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเขา ซึ่งคนคนนั้นที่พูดขึ้นมาก็คืออิซามุนั่นเอง

“พ่อ.. มาตั้งแต่เมื่อไรครับ?” อาคุมุถามกลับไปในทันที เพราะเขาไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำว่ามีคนอยู่ใกล้ ๆ พ่อของเขาอาจจะเพิ่งมาถึงก็เป็นได้

“พ่อก็กลับมาเมื่อไม่นานนี้แหละ ได้เห็นตอนวงแหวนเวทของลูกพัฒนาขึ้นมาพอดี”

“พัฒนาที่ว่า หมายถึงอะไรเหรอครับ?” อิซามุนั้นมาเห็นตอนที่วงแหวนของอาคุมุนั้นเกิดการพัฒนา นี่จึงเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้รู้เกี่ยวกับการพัฒนาในครั้งนี้

“ก็.. พัฒนาคุณสมบัติและความสามารถรอบด้านของวงแหวนเวทไงล่ะ เช่นขนาดและความรุนแรงของพลังโจมตี” อิซามุพูดยังไม่ทันจบ อาคุมุก็เกิดสงสัยขึ้นมาในทันที

“พลังโจมตี? ทำไมมันถึงเพิ่มพลังโจมตีได้ล่ะครับ”

“ตอนที่ลูกปล่อยพลัง ก็จะเห็นได้ว่ามันมีวงแหวนเวทปรากฏขึ้นบริเวณข้อมือใช่ไหมล่ะ? เพราะวงแหวนเวทนี่แหละคือตัวกลางในการปล่อยพลังเวท ภายในร่างกายของเรานั้นแค่ผลิตพลังเวทออกมาแล้วส่งมันผ่านอวัยวะต่าง ๆ แต่วงแหวนเวทนั้นทำหน้าที่ในการปล่อยพลังโดยตรง ซึ่งถ้าวงแหวนเวทไม่พัฒนา การโจมตีและหลาย ๆ อย่างของเราก็จะไม่พัฒนาเช่นกัน”

อิซามุพูดจบก็เห็นสีหน้าของอาคุมุที่กำลังบึ้งตึงในทันที

“โธ่พ่อ! ทำไมไม่บอกผมตั้งแต่แรกกันเล่า ผมคิดว่าผมปล่อยพลังเวทผ่านฝ่ามือมาโดยตลอดเลยนะ” แต่ขณะนั้นอาคุมุก็นึกบางอย่างขึ้นได้ในทันที

‘หรือว่า.. วงแหวนเวทขนาดใหญ่ของตาลุงนั่นในตอนนั้น แบบนี้นี่เอง!’

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก็พ่ออยากให้ลูกได้เห็นการพัฒนาของวงแหวนเวทก่อนนี่ ให้ลูกได้เอะใจก่อนว่ามันคืออะไร เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นใช่ไหมล่ะ พ่อถึงได้ปล่อยให้ลูกฝึกเองไงล่ะ” อิซามุตอบกลับไปแล้วเขาก็เตรียมที่จะเดินเข้าไปในบ้าน

“แล้วก็หลุม.. เก็บมันด้วยล่ะ ฮ่า ฮ่า” เขาพูดกับอาคุมุก่อนที่จะเดินเข้าไป

“ครับ ๆ ผมเข้าใจแล้ว”

“แต่ก่อนอื่น.. สร้างวงแหวนเวท!” เขาคว่ำฝ่ามือลงพร้อมกับพูดออกไป และนั่นก็ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก

“โอ้โห!!”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 60 : มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]

    บทที่ 60 : มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]การต่อสู้จบลง สนามประลองแบบจำลองก็ได้หายไป อาคุมุลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเขาอยู่ที่สนามประลองของจักรวรรดิไดจิเสียแล้ว เขามองไปรอบ ๆ ขณะเดียวกันกับเสียงตอบรับที่ดังมาจากผู้ชมทั่วทั้งสนามประลองอย่างครึกครื้น“อาคุมุชนะจริง ๆ ด้วย?!!”“เขาสู้แบบนั้นได้ยังไงกันนะ? โดนรุมนั่นน่ะ”“เจ้าเด็กคนนี้ต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกันเนี่ย?! แน่ใจนะว่าไม่ใช่นักเวทของจักรวรรดิ?”“ตามดูเจ้าหนูนี่มาตั้งแต่วันแรก ไม่ทำให้ผิดหวังเลย!”…“ในรอบนี้เราสามารถหาผู้ชนะเลิศได้เลยล่ะครับทุกท่าน! ผู้ชนะการประลองของจักรวรรดิไดจิในครั้งนี้คือ… คาอิคะ อาคุมุ!!!” ผู้คุมสนามประกาศออกไปอย่างเป็นทางการด้วยผลการต่อสู้ที่เป็นเอกฉันท์กลางสนามประลองที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก คู่ต่อสู้ทั้งหกคนของอาคุมุนั้นนอนบาดเจ็บอยู่ที่พื้น โดยมีอาคุมุยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น แม้การบาดเจ็บจะไม่ได้สาหัสมากนัก แต่ร่องรอยบาดแผลตามที่เห็นคงต้องใช้เวลาพอสมควร‘ไม่มีใครตายเพราะเมื่อพลังชีวิตแบบจำลองหมดไปก็จะถูกส่งออกมาทันทีสินะ’ อาคุมุที่ไม่ได้เข้าใจเกี่ยวกับทักษะสร้างภาพลวงตาของราชันจอมเวทอาวุโสนี้มากนัก ทำได้เพียงวิเ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 59 : หนึ่งรุมหก

    บทที่ 59 : หนึ่งรุมหกการโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็วของรินนั้นทำให้ฮิบาริไม่สามารถหลบหลีกหรือป้องกันได้ทั้งหมด ทำให้เขาต้องรับการโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพลังชีวิตแบบจำลองเป็นศูนย์ในตอนนี้ฮิบาริได้ถูกคัดออกจากการประลองแบบกลุ่มแล้ว ซึ่งทำให้กลุ่มของอาคุมุนั้นเหลือเพียงสามคน และภายในทักษะหมอกเพลิงสีชาดของรินนี้… เหลือเพียงอาคุมุและรินเท่านั้น“นายจะทำยังไงดีล่ะเจ้าหนูอาคุมุ? สู้กับฉันตัวต่อตัวไหวไหมนะ? อืม… ฉันมีสมาชิกอยู่ข้างล่างทั้งหมด 5 คนเนี่ยสิ คงจะเอาชนะฉันได้ไม่ง่ายหรอกมั้ง” รินพูดขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้อาคุมุแปลกใจในทันที“ว่าไงนะ? ทั้งหมดห้าคนนี่หมายความว่าอะไร?” อาคุมุถามกลับไป“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นายนี่น่าขำจริง ๆ เลย คิดว่าเจ้าพวกที่เหลืออยู่จะมั่นใจในตัวนายแล้วไม่สนผลประโยชน์หรือไงกัน?” รินตอบกลับมา“หรือว่านั่นคือ…”“ใช่แล้วล่ะ! ฉันแค่เสนอให้พวกมันมาร่วมมือกับฉัน ข้อแลกเปลี่ยนคือการเข้าร่วมกลุ่มจันทราแดง ถึงจะถูกคัดออกและไม่ชนะเลิศในการประลอง แต่มีเงินใช้ง่าย ๆ ต่อจากนี้… ใครจะไม่ชอบกันล่ะ ลองดูนั่นสิ” รินพูดจนจบและชี้ลงไปยังข้างล่าง ซึ่งสิ่งที่เห็นนั้นคือสมาชิกกลุ่มของอาคุมุที

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 58 : ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรก

    บทที่ 58 : ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรกในตอนนี้ สถานการณ์ของอาคุมุและฮิบารินั้นไม่สู้ดีนัก พวกเขาถูกปิดล้อมไปด้วยทักษะหมอกเพลิงสีชาดของริน อีกทั้งยังถูกล้อมไปด้วยสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มของรินจากภายนอก ซึ่งสามารถโจมตีเข้ามาได้โดยตรง เรียกได้ว่าถูกบีบให้จนมุมทั้งอย่างนั้น‘ซวยจริง ๆ แล้วไง’“ออกไปเฉย ๆ ไม่ได้เลย!” ฮิบาริกำลังพยายามจะดันตัวเองออกไปจากทักษะของริน‘ไอ้บ้านี่มันแกล้งทำเป็นไม่รู้เหรอ?’“ถ้าออกไปได้ง่าย ๆ เขาจะสร้างขึ้นมาทำไมล่ะครับคุณฮิบาริ?” อาคุมุถามกลับไป“พวกนายฟังฉันนะ! ทักษะหมอกเพลิงสีชาดนี้จะสามารถใช้ได้ 30 นาที หลังจากนั้นจะสามารถใช้ทักษะนี้ได้อีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปอีก 30 นาที” รินพูดขึ้นมา“แล้ว... บอกทำไมเหรอครับ?” อาคุมุที่ได้ยินอย่างนั้นจึงถามกลับไป“เพราะว่า... ฉันสามารถเอาชนะพวกนายได้ใน 30 นาทีนี้ไงล่ะ!! กระสุนเพลิงสีชาด!!!” รินตอบกลับมาพร้อมกับยิงกระสุนเพลิงเข้าใส่อาคุมุและฮิบาริด้วยความเร็ว“ตาข่ายอัสนี!”ตู้มมมม!!!“อึ่ก! บ้าจริง”ถึงแม้อาคุมุจะใช้ทักษะป้องกันไว้ได้ทัน แต่ความเสียเปรียบนั้นปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะตาข่ายอัสนีของอาคุมุนั้นถูกทำลายได้โดยการ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 57 : ความได้เปรียบเป็นศูนย์

    บทที่ 57 : ความได้เปรียบเป็นศูนย์รินและสมาชิกอีกสามคนได้มาถึงที่ตำแหน่งของอาคุมุ ซึ่งรินนั้นปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับอาวุธคู่กายอย่างปืนพกเช่นเดิม ส่วนอีกสามคนนั้นก็คือนักเวทชุดขาวเป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคน โดยทุกคนนั้นมีกระเป๋าสะพายอยู่ข้างหลัง“อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดเลยล่ะครับ... ทุกอย่างเลย” สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นเป็นจริงทุกอย่าง ซึ่งก็คือการที่นักเวทชุดขาวทั้งสามนั้นเปลี่ยนชุดก่อนจะเข้ามายังสนามประลองแบบจำลองนี้“แต่ว่า... จะทำไปเพื่ออะไรเหรอครับ? เตรียมชุดมาเปลี่ยนตอนเข้ามาในนี้แล้วเนี่ย?” อาคุมุถามออกไป“ก็ถ้าพวกฉันอยู่ในบทบาทของนักเวทชุดขาวตั้งแต่ตอนที่อยู่ข้างนอกล่ะก็... คงจะโดนประท้วงพอดีน่ะสิ” หนึ่งในนักเวทชุดขาวตอบกลับมา“ฉันควรจะแนะนำตัวอีกครั้งไหมนะ? ฉันคือ อากาเนะ ริน เป็นเพียงคนที่กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 แล้วล่ะนะ!!” รินพูดขึ้นมาพร้อมกับจับปืนพกทั้งสองกระบอกไว้แน่น ลมจากแรงของพลังเวทปะทะเข้ากับร่างของอาคุมุโดยตรง‘กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 งั้นเหรอ? สีของออร่าพลังเวทกำลังจะเป็นสีแดงแล้วสินะ แข็งแกร่งขึ้นมากจริง ๆ ด้วย’“สุดยอดไปเลยนะครับ สมแล้วกับตำแหน่งรอ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 56 : เริ่มการประลองแบบกลุ่ม

    บทที่ 56 : เริ่มการประลองแบบกลุ่มในตอนนี้ ผู้คุมสนามได้ทำการสร้างสนามประลองแบบจำลองเสร็จสิ้นแล้ว เป็นทักษะที่มีความเหมือนจริงเป็นอย่างมาก ถึงได้ชื่อว่าเป็นภาพลวงตา และด้วยความแข็งแกร่งระดับราชันจอมเวทอาวุโส การที่สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ก็คงจะไม่เกินจริงนัก...ที่สนามประลอง ภายนอกทักษะภาพลวงตา“สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านี้... คือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้นครับ” เสียงของผู้คุมสนามได้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามประลองด้วยทักษะพลังเวทของพิธีกร เสียงตอบรับจากคนดูก็เกิดขึ้นในทันที“น... นี่เหมือนฉันดูการประลองผ่านจอเลยนะ”“ข้างในนั้นจะไม่เป็นอะไรแน่เหรอ?”“ดูนั่นสิ! อาคุมุอยู่นั่นล่ะ!!”“ที่นั่นมันคือจำลองเมืองไหนหรือเปล่า? ที่ไหนในจักรวรรดิหรือเปล่านะ?”...สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านั้น คือลูกบาศก์ขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยออร่าของพลังเวทสีม่วง ลอยอยู่ในอากาศตรงกลางสนามประลอง ทั้งสี่ด้านนั้นเผยให้เห็นภาพจากมุมมองของแต่ละคนและมุมมองภาพรวมภายในนั้น ราวกับว่ากำลังดูผ่านจอขนาดยักษ์“สถานที่ภายในนั้นคือเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจักรวรรดิ มีชื่อว่าเมืองชิโตเสะครับ... ขอให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับการประลองในครั้ง

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 55 : ราชันจอมเวทอาวุโส?

    บทที่ 55 : ราชันจอมเวทอาวุโส?กฎและกติกาการแข่งขันในรอบ 8 คนสุดท้ายนั้น ได้ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันโดยไม่ได้มีการประกาศล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้ารอบหรือผู้ชมทั่วทั้งสนามประลอง ไม่เคยมีใครคิดไว้ว่าจะถูกเปลี่ยนเป็นการประลองแบบกลุ่ม“เริ่มจากการจัดกลุ่ม กลุ่มที่ 1 จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมก็คือสาย A, B, C และ D ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมคือสาย E, F, G และ H ครับ”พิธีกรได้ประกาศวิธีการแบ่งกลุ่มให้กับทั้ง 8 คน‘ฉันพอเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงแบ่งกลุ่มง่าย ๆ แบบนี้...’‘...เพราะรินอยู่ในกลุ่มที่ 2 สินะ? การคาดเดาของฉันถูกต้องอย่างแน่นอน!’สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นมีเพียงความได้เปรียบของฝั่งตรงข้าม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด และในสถานการณ์ตรงหน้านี้ ความได้เปรียบที่ว่าก็คงจะหนีไม่พ้นการที่กลุ่มนั้นมีคนอย่างรินอยู่ด้วยนั่นเอง“ก่อนที่จะเข้าสู่ลำดับถัดไป...” พิธีกรพูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงจากแท่นด้านบนก็ดังขึ้นมาในทันทีตึ้ง!!ซึ่งเป็นเสียงขององค์จักรพรรดิที่ใส่พลังเวทเข้าไปในแท่นข้าง ๆ ตัว สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ทำให้ทุกคนต่างก็ตกใจกันไปตาม ๆ กัน“องค์จักร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status