ในเมื่อตัวตนขององค์ชายชูยะนั้นไม่ค่อยชัดเจน แต่ด้วยความไม่ชัดเจนนี้นั่นเองที่ทำให้อาคุมุต้องการหาคำตอบ แต่ในตอนนี้มีสิ่งที่ต้องทำนั่นก็คือแข็งแกร่งขึ้นเพื่อไปต่อสู้และล่ารางวัล... รวมถึงล่าแต้ม B ไปในตัวด้วย แน่นอนว่าเขาไม่รอช้าที่จะอยากทำให้สำเร็จ
“สร้างวงแหวนเวท!” ว่าแล้วเขาก็ใช้การเคลื่อนที่ด้วยวงแหวนเวทแล้วมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน ซึ่งระหว่างทางนั้นกลับได้พบเจอปีศาจเวทมนตร์อยู่ตรงหน้า แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นปีศาจเวทมนตร์ที่หลงมาตัวเดียว
ปีศาจเวทมนตร์ตนนั้นมีรูปร่างผอมบาง ความสูงเพียงประมาณ 1 เมตร ผิวหนังสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีแดง ใบหน้าคล้ายกับมนุษย์แต่มีจมูกที่แหลมยาว ใบหูคล้ายกับมนุษย์ มีฟันที่แหลมคม รอบ ๆ ตัวมีออร่าสีขาวค่อนข้างที่จะเบาบาง และสิ่งที่โดดเด่นคือกรงเล็บบริเวณมือสองข้าง ซึ่งแต่ละข้างมีเพียงอันเดียว เป็นกรงเล็บที่มีความแหลมคมพร้อมกับมีออร่าสีฟ้าอ่อนปกคลุมอยู่
“ได้โอกาสทดสอบฝีมือพอดีเลย อยากรู้เหมือนกันว่าฉันจะทำอะไรมันได้บ้าง”
พูดจบเขาก็หาตำแหน่งที่เหมาะสมในการโจมตีระยะไกล เพราะในตอนนี้เขายังไม่มีอาวุธหรือทักษะการโจมตีระยะประชิด แน่นอนว่ามันคือสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก หลังจากนี้เขาต้องมีอาวุธสักชิ้น บวกกับทักษะทางกายภาพและเวทมนตร์ที่ใช้โจมตีระยะประชิด ซึ่งเขาต้องฝึกจนชำนาญให้ได้โดยเร็ว
เขาใช้การเคลื่อนที่ด้วยวงแหวนเวทในการหาตำแหน่งที่เหมาะสม และเคลื่อนที่บ่อยครั้งเพื่อไม่ให้ปีศาจเวทมนตร์ตนนั้นจับการเคลื่อนไหวได้
เขาเคลื่อนที่ไปมาวนรอบปีศาจเวทมนตร์อยู่หลายต่อหลายครั้งทั้งบนต้นไม้และบนพื้นดิน แต่ปีศาจตนนั้นก็ไม่ได้มีการตอบสนองแต่อย่างใด มันยังคงยืนนิ่งอยู่ในท่าเดิม ระหว่างการเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วเขาก็สังเกตรูปลักษณ์ภายนอกของมันอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งหยุดอยู่บนกิ่งไม้ของต้นไม้ขนาดใหญ่
“ตำแหน่งน่ะฉันคิดไว้นานแล้ว ส่วนอาวุธหลักของแกคงจะเป็นกรงเล็บอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?! ไม่ใช่ฟันนั่นหรอก! แสงอัสนีบาต!!”
ตู้มมม!!
เสียงระเบิดจากการโจมตีอันรุนแรงเพียงครั้งเดียวของอาคุมุนั้นดังสนั่นลั่นป่าใหญ่ สัตว์เล็กสัตว์น้อยต่างแตกตื่นทั้งเดินทั้งวิ่งและบินหนีไปหลายทิศทาง
เพียงแต่การโจมตีของเขานั้นยังไม่ทันได้ทราบผลที่เกิดขึ้นแน่ชัด ตัวเขาเองก็ยังไม่ทันแสดงอาการดีใจหรือเอ่ยคำใด ๆ ออกมา และยังไม่ทันได้ตั้งตัวหรือเตรียมการอะไรไปมากกว่านี้
‘อะไรกัน?’
เขาต้องตกใจสุดขีดจนหยุดชะงักไปถึงขนาดว่าไม่สามารถขยับร่างกายได้ เพราะปีศาจเวทมนตร์ตนนั้นปรากฏตัวขึ้นด้านหลังโดยพร้อมสำหรับการโจมตีด้วยฟันที่แหลมคม
“ไอ้มนุษย์ตัวจ้อย การฆ่าเจ้ามันเป็นเรื่องง่าย ๆ โดยที่ข้าไม่จำเป็นต้องใช้กรงเล็บเลยด้วยซ้ำ!”
‘พูดได้ด้วย?!’
ปีศาจเวทมนตร์ตนนั้นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่ากลัว พร้อมกับฟันของมันที่กำลังจะถึงตัวอาคุมุ
อาคุมุนั้นยังไม่ทันได้ถูกการโจมตีแต่อย่างใด ขณะเดียวกันก็ได้มีเสียงของชายคนหนึ่งที่ดังขึ้นมาจากด้านข้าง
“ลูกบอลเพลิงคราม!”
ลูกบอลไฟสีฟ้าได้ปะทะเข้ากับร่างของปีศาจเวทมนตร์จนมันกระเด็นลงพื้นไป
“เอ่อ ขอบคุณ...”
อาคุมุพูดยังไม่ทันจบประโยค และการต่อสู้ก็ยังไม่จบเพียงเท่านี้เพราะชายคนนั้นตามไปโจมตีมันต่อ ราวกับรู้อยู่แล้วว่าปีศาจนั่นยังไม่ตาย
“ผลึกน้ำแข็งพันธนาการ” ชายคนนั้นพูดพร้อมกับหันฝ่ามือไปข้างหน้า วงแหวนเวทสีฟ้าได้ปรากฏขึ้นรอบข้อมือของเขา ได้มีแท่งน้ำแข็งอันแหลมคมปรากฏขึ้นที่บริเวณพื้นดิน ทิ่มแทงเข้าไปยังแขนและขาของปีศาจเวทมนตร์
‘เวทน้ำแข็ง?!! องค์ชายเหรอ? แต่แค่เสียงก็ไม่ได้มีความคล้ายกันเลยนะ’ อาคุมุได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ชายคนนั้นใส่เสื้อคลุมตัวและปิดบังใบหน้า จึงทำให้เขาไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นใครกันแน่ อีกทั้งส่วนสูงและอายุที่ดูมีมากกว่าองค์ชายชูยะตามที่เขาคิดไว้
“ไอ้เจ้ามนุษย์ชั้นต่ำ!!! แขนขาของข้า!!”
ปีศาจเวทมนตร์ตนนั้นร้องโหยหวนเสียงดังลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวด นั่นเป็นการพันธนาการที่ทำให้ศัตรูหยุดการเคลื่อนไหวพร้อมกับสร้างบาดแผลและความเจ็บปวดได้ไปในตัว มีความน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
แต่มากไปกว่านั้น บริเวณที่ถูกทิ่มแทงค่อย ๆ ถูกแช่แข็ง จนกระทั่งแขนและขาส่วนนั้นไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย ปีศาจเวทมนตร์ถูกพันธนาการโดยสมบูรณ์
“เพลิงครามลงทัณฑ์”
ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ที่ดูเย็นชาและหันฝ่ามือไปข้างหน้า วงแหวนเวทสีฟ้าได้ปรากฏขึ้นรอบข้อมือของเขา พร้อมกับมีวงแหวนเวทขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังสูงเหนือศีรษะของชายคนนั้น ดาบยักษ์ที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยไฟสีฟ้าค่อย ๆ ขยับออกมาจากวงแหวนเวทขนาดใหญ่
‘ข.. แข็งแกร่งชะมัด’
“มนุษย์ต่ำต้อย มนุษย์ชั้นต่ำ มนุษย์บัดซบ!! พวกแก... พวกแกต้องชดใช้อย่างสาสม! ท่านจอมมารจะไม่ปล่อยพวกแกไว้อย่างแน่นอน!!! อั๊ก...”
และนั่นเป็นคำพูดประโยคสุดท้ายที่แสดงถึงความดิ้นรนของปีศาจเวทมนตร์ตนนั้น
ตู้มมม!!!
เสียงระเบิดดังขึ้นในป่าใหญ่อีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้นั้นมีความรุนแรงที่มากกว่าครั้งก่อนหลายสิบเท่า ลมที่เกิดจากการระเบิดทำให้อาคุมุต้องหลบหลังต้นไม้ในทันที ซึ่งความแรงของลมนั้นยังไม่ทันได้ลดลงแต่อย่างใด ชายคนนั้นก็ได้เอ่ยปากบอกกับอาคุมุ
“นี่น่ะมันเป็นเพียงปีศาจเวทมนตร์ระดับ 1 เท่านั้น ระวังตัวให้ดีอยู่ตลอดล่ะ ตอนนี้มันใกล้จะถึงเวลาล่าเหยื่อของเหล่าปีศาจเวทมนตร์แล้ว รีบกลับบ้านซะ”
ว่าแล้วเขาก็หายไปด้วยความรวดเร็วในทันที ซึ่งอาคุมุก็ยังไม่ทันได้กล่าวขอบคุณหรือถามชื่อเสียงเรียงนามแต่อย่างใด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นและผ่านไปเร็วมากราวกับว่าเขากำลังฝันอยู่
“นี่ก็... มาไวไปไวอีกแล้ว ไม่คิดจะรับคำขอบคุณเลยหรือไงเนี่ย แต่ยังไงก็ขอบคุณนะครับ”
เขาบ่นพึมพำอยู่คนเดียว แล้วหลังจากนั้นจึงใช้การเคลื่อนที่ด้วยวงแหวนเวทและกลับบ้านไปด้วยความรวดเร็ว
“ใช้การเคลื่อนที่ด้วยวงแหวนเวทอีกแค่ 4 ครั้งก็จะถึงบ้านแล้ว หวังว่าจะไม่มีเซอร์ไพรส์อะไรให้ฉันอีกรอบหรอกนะ”
ที่เขาพบเจอในวันนี้เป็นเพียงปีศาจเวทมนตร์ระดับ 1 เท่านั้น ซึ่งเขาเห็นแล้วว่าการโจมตีของตัวเขาเองนั้นหมายจะให้โดนศัตรูยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าโดนก็คงจะไม่สามารถสร้างแม้แต่รอยขีดข่วนให้กับผิวหนังของปีศาจเวทมนตร์ตนนั้นได้เป็นแน่แท้
“ตอนนี้ฉันจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุดแล้วก็เลิกคิดไปก่อนดีกว่า การทดสอบฝีมือกับปีศาจเวทมนตร์อะไรเนี่ย... บ้าจริง”
บทที่ 60 : มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]การต่อสู้จบลง สนามประลองแบบจำลองก็ได้หายไป อาคุมุลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเขาอยู่ที่สนามประลองของจักรวรรดิไดจิเสียแล้ว เขามองไปรอบ ๆ ขณะเดียวกันกับเสียงตอบรับที่ดังมาจากผู้ชมทั่วทั้งสนามประลองอย่างครึกครื้น“อาคุมุชนะจริง ๆ ด้วย?!!”“เขาสู้แบบนั้นได้ยังไงกันนะ? โดนรุมนั่นน่ะ”“เจ้าเด็กคนนี้ต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกันเนี่ย?! แน่ใจนะว่าไม่ใช่นักเวทของจักรวรรดิ?”“ตามดูเจ้าหนูนี่มาตั้งแต่วันแรก ไม่ทำให้ผิดหวังเลย!”…“ในรอบนี้เราสามารถหาผู้ชนะเลิศได้เลยล่ะครับทุกท่าน! ผู้ชนะการประลองของจักรวรรดิไดจิในครั้งนี้คือ… คาอิคะ อาคุมุ!!!” ผู้คุมสนามประกาศออกไปอย่างเป็นทางการด้วยผลการต่อสู้ที่เป็นเอกฉันท์กลางสนามประลองที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก คู่ต่อสู้ทั้งหกคนของอาคุมุนั้นนอนบาดเจ็บอยู่ที่พื้น โดยมีอาคุมุยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น แม้การบาดเจ็บจะไม่ได้สาหัสมากนัก แต่ร่องรอยบาดแผลตามที่เห็นคงต้องใช้เวลาพอสมควร‘ไม่มีใครตายเพราะเมื่อพลังชีวิตแบบจำลองหมดไปก็จะถูกส่งออกมาทันทีสินะ’ อาคุมุที่ไม่ได้เข้าใจเกี่ยวกับทักษะสร้างภาพลวงตาของราชันจอมเวทอาวุโสนี้มากนัก ทำได้เพียงวิเ
บทที่ 59 : หนึ่งรุมหกการโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็วของรินนั้นทำให้ฮิบาริไม่สามารถหลบหลีกหรือป้องกันได้ทั้งหมด ทำให้เขาต้องรับการโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพลังชีวิตแบบจำลองเป็นศูนย์ในตอนนี้ฮิบาริได้ถูกคัดออกจากการประลองแบบกลุ่มแล้ว ซึ่งทำให้กลุ่มของอาคุมุนั้นเหลือเพียงสามคน และภายในทักษะหมอกเพลิงสีชาดของรินนี้… เหลือเพียงอาคุมุและรินเท่านั้น“นายจะทำยังไงดีล่ะเจ้าหนูอาคุมุ? สู้กับฉันตัวต่อตัวไหวไหมนะ? อืม… ฉันมีสมาชิกอยู่ข้างล่างทั้งหมด 5 คนเนี่ยสิ คงจะเอาชนะฉันได้ไม่ง่ายหรอกมั้ง” รินพูดขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้อาคุมุแปลกใจในทันที“ว่าไงนะ? ทั้งหมดห้าคนนี่หมายความว่าอะไร?” อาคุมุถามกลับไป“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นายนี่น่าขำจริง ๆ เลย คิดว่าเจ้าพวกที่เหลืออยู่จะมั่นใจในตัวนายแล้วไม่สนผลประโยชน์หรือไงกัน?” รินตอบกลับมา“หรือว่านั่นคือ…”“ใช่แล้วล่ะ! ฉันแค่เสนอให้พวกมันมาร่วมมือกับฉัน ข้อแลกเปลี่ยนคือการเข้าร่วมกลุ่มจันทราแดง ถึงจะถูกคัดออกและไม่ชนะเลิศในการประลอง แต่มีเงินใช้ง่าย ๆ ต่อจากนี้… ใครจะไม่ชอบกันล่ะ ลองดูนั่นสิ” รินพูดจนจบและชี้ลงไปยังข้างล่าง ซึ่งสิ่งที่เห็นนั้นคือสมาชิกกลุ่มของอาคุมุที
บทที่ 58 : ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรกในตอนนี้ สถานการณ์ของอาคุมุและฮิบารินั้นไม่สู้ดีนัก พวกเขาถูกปิดล้อมไปด้วยทักษะหมอกเพลิงสีชาดของริน อีกทั้งยังถูกล้อมไปด้วยสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มของรินจากภายนอก ซึ่งสามารถโจมตีเข้ามาได้โดยตรง เรียกได้ว่าถูกบีบให้จนมุมทั้งอย่างนั้น‘ซวยจริง ๆ แล้วไง’“ออกไปเฉย ๆ ไม่ได้เลย!” ฮิบาริกำลังพยายามจะดันตัวเองออกไปจากทักษะของริน‘ไอ้บ้านี่มันแกล้งทำเป็นไม่รู้เหรอ?’“ถ้าออกไปได้ง่าย ๆ เขาจะสร้างขึ้นมาทำไมล่ะครับคุณฮิบาริ?” อาคุมุถามกลับไป“พวกนายฟังฉันนะ! ทักษะหมอกเพลิงสีชาดนี้จะสามารถใช้ได้ 30 นาที หลังจากนั้นจะสามารถใช้ทักษะนี้ได้อีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปอีก 30 นาที” รินพูดขึ้นมา“แล้ว... บอกทำไมเหรอครับ?” อาคุมุที่ได้ยินอย่างนั้นจึงถามกลับไป“เพราะว่า... ฉันสามารถเอาชนะพวกนายได้ใน 30 นาทีนี้ไงล่ะ!! กระสุนเพลิงสีชาด!!!” รินตอบกลับมาพร้อมกับยิงกระสุนเพลิงเข้าใส่อาคุมุและฮิบาริด้วยความเร็ว“ตาข่ายอัสนี!”ตู้มมมม!!!“อึ่ก! บ้าจริง”ถึงแม้อาคุมุจะใช้ทักษะป้องกันไว้ได้ทัน แต่ความเสียเปรียบนั้นปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะตาข่ายอัสนีของอาคุมุนั้นถูกทำลายได้โดยการ
บทที่ 57 : ความได้เปรียบเป็นศูนย์รินและสมาชิกอีกสามคนได้มาถึงที่ตำแหน่งของอาคุมุ ซึ่งรินนั้นปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับอาวุธคู่กายอย่างปืนพกเช่นเดิม ส่วนอีกสามคนนั้นก็คือนักเวทชุดขาวเป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคน โดยทุกคนนั้นมีกระเป๋าสะพายอยู่ข้างหลัง“อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดเลยล่ะครับ... ทุกอย่างเลย” สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นเป็นจริงทุกอย่าง ซึ่งก็คือการที่นักเวทชุดขาวทั้งสามนั้นเปลี่ยนชุดก่อนจะเข้ามายังสนามประลองแบบจำลองนี้“แต่ว่า... จะทำไปเพื่ออะไรเหรอครับ? เตรียมชุดมาเปลี่ยนตอนเข้ามาในนี้แล้วเนี่ย?” อาคุมุถามออกไป“ก็ถ้าพวกฉันอยู่ในบทบาทของนักเวทชุดขาวตั้งแต่ตอนที่อยู่ข้างนอกล่ะก็... คงจะโดนประท้วงพอดีน่ะสิ” หนึ่งในนักเวทชุดขาวตอบกลับมา“ฉันควรจะแนะนำตัวอีกครั้งไหมนะ? ฉันคือ อากาเนะ ริน เป็นเพียงคนที่กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 แล้วล่ะนะ!!” รินพูดขึ้นมาพร้อมกับจับปืนพกทั้งสองกระบอกไว้แน่น ลมจากแรงของพลังเวทปะทะเข้ากับร่างของอาคุมุโดยตรง‘กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 งั้นเหรอ? สีของออร่าพลังเวทกำลังจะเป็นสีแดงแล้วสินะ แข็งแกร่งขึ้นมากจริง ๆ ด้วย’“สุดยอดไปเลยนะครับ สมแล้วกับตำแหน่งรอ
บทที่ 56 : เริ่มการประลองแบบกลุ่มในตอนนี้ ผู้คุมสนามได้ทำการสร้างสนามประลองแบบจำลองเสร็จสิ้นแล้ว เป็นทักษะที่มีความเหมือนจริงเป็นอย่างมาก ถึงได้ชื่อว่าเป็นภาพลวงตา และด้วยความแข็งแกร่งระดับราชันจอมเวทอาวุโส การที่สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ก็คงจะไม่เกินจริงนัก...ที่สนามประลอง ภายนอกทักษะภาพลวงตา“สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านี้... คือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้นครับ” เสียงของผู้คุมสนามได้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามประลองด้วยทักษะพลังเวทของพิธีกร เสียงตอบรับจากคนดูก็เกิดขึ้นในทันที“น... นี่เหมือนฉันดูการประลองผ่านจอเลยนะ”“ข้างในนั้นจะไม่เป็นอะไรแน่เหรอ?”“ดูนั่นสิ! อาคุมุอยู่นั่นล่ะ!!”“ที่นั่นมันคือจำลองเมืองไหนหรือเปล่า? ที่ไหนในจักรวรรดิหรือเปล่านะ?”...สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านั้น คือลูกบาศก์ขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยออร่าของพลังเวทสีม่วง ลอยอยู่ในอากาศตรงกลางสนามประลอง ทั้งสี่ด้านนั้นเผยให้เห็นภาพจากมุมมองของแต่ละคนและมุมมองภาพรวมภายในนั้น ราวกับว่ากำลังดูผ่านจอขนาดยักษ์“สถานที่ภายในนั้นคือเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจักรวรรดิ มีชื่อว่าเมืองชิโตเสะครับ... ขอให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับการประลองในครั้ง
บทที่ 55 : ราชันจอมเวทอาวุโส?กฎและกติกาการแข่งขันในรอบ 8 คนสุดท้ายนั้น ได้ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันโดยไม่ได้มีการประกาศล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้ารอบหรือผู้ชมทั่วทั้งสนามประลอง ไม่เคยมีใครคิดไว้ว่าจะถูกเปลี่ยนเป็นการประลองแบบกลุ่ม“เริ่มจากการจัดกลุ่ม กลุ่มที่ 1 จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมก็คือสาย A, B, C และ D ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมคือสาย E, F, G และ H ครับ”พิธีกรได้ประกาศวิธีการแบ่งกลุ่มให้กับทั้ง 8 คน‘ฉันพอเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงแบ่งกลุ่มง่าย ๆ แบบนี้...’‘...เพราะรินอยู่ในกลุ่มที่ 2 สินะ? การคาดเดาของฉันถูกต้องอย่างแน่นอน!’สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นมีเพียงความได้เปรียบของฝั่งตรงข้าม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด และในสถานการณ์ตรงหน้านี้ ความได้เปรียบที่ว่าก็คงจะหนีไม่พ้นการที่กลุ่มนั้นมีคนอย่างรินอยู่ด้วยนั่นเอง“ก่อนที่จะเข้าสู่ลำดับถัดไป...” พิธีกรพูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงจากแท่นด้านบนก็ดังขึ้นมาในทันทีตึ้ง!!ซึ่งเป็นเสียงขององค์จักรพรรดิที่ใส่พลังเวทเข้าไปในแท่นข้าง ๆ ตัว สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ทำให้ทุกคนต่างก็ตกใจกันไปตาม ๆ กัน“องค์จักร