“โอเค. สวยมาก”
“ขอบคุณค่ะ”
เนี่ยหรานหรานยิ้มขอบคุณทีมงานแล้วรับเสื้อคลุมจากหลิวลี่-ผู้จัดการมาสวมทับชุดนอนวาบหวิวที่สวมอยู่ วันนี้มีถ่ายแบบชุดนอนเซ็กซี่ เธอประหม่าแต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี
“รู้สึกว่าถ่ายแบบครั้งนี้จวีหรานเปลี่ยนไปนะ” ช่างภาพอดพูดกับหลิวลี่ไม่ได้ “เธอมีคนรักเหรอ”
“ไม่มีๆ” หลิวลี่รีบตอบทันที “จวีหรานของเราทำงานเต็มที่เสมอ คุณว่าเธอถ่ายแบบไม่ดีเหรอ หรืออยากถ่ายใหม่”
“ไม่ใช่แบบนั้น” ช่างภาพโคลงศีรษะไปมา “ผมถ่ายแบบให้เธอมาหลายครั้ง รู้สึกว่าวันนี้เปลี่ยนไป ท่าทางขี้อาย น่ารักน่าทะนุถนอม”
“สรุปว่าดีหรือไม่ดี”
“ดีสิ ดีอยู่แล้ว ได้ความรู้สึกแปลกใหม่ดี”
เนี่ยหรานหรานดื่มหยิบขวดน้ำมาพยายามจะเปิดฝาออก เธอลองบิดอยู่สองสามครั้งแต่ไม่สำเร็จกำลังจะมองหาคนช่วยก็มีมือใหญ่เอื้อมมาหยิบขวดน้ำไปเปิดให้เสียก่อน
“ขอบคุณค่ะ” เธอพูดอย่างจริงใจและเมื่อเห็นว่าคนใจดีเป็นใคร รอยยิ้มก็เจือนลงไปทันที แม้เขาสวมแว่นตากันแดดอยู่แต่เธอก็จำเขาได้ทันที
“ทำไม” จี้อวี้เหิงกระตุกยิ้มมุมปาก “กลัวฉันเหรอ”
“เปล่าค่ะ”
เธอส่ายหน้าไปมาแล้วเบือนหน้าไปยกขวดน้ำขึ้นดื่ม ตั้งแต่ไปเทสหน้ากล้องวันนั้น เธอก็หมดแรงหลับไปทันที ตื่นมาก็เจอแม่บ้านกำลังเก็บข้าวของในห้องที่กระจัดการจายอยู่ เธออายหน้าแดงจัดรีบลากสังขารลงจากเตียงคว้าเสื้อคลุมได้ก็รีบสวมแล้วเดินลงไปห้องพักของตัวเองทันที ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอทำเรื่องลามกแบบนั้นได้ ทั้งที่มีคนถือกล้องอยู่และการมีเซ็กส์กับคนแปลกหน้า โอเค. จวีหรานรู้จักจี้อวี้เหิง ไม่นับเป็นคนแปลกหน้า แต่สำหรับเธอ เขาคือผู้ชายคนแรกของเธอ
น่าแปลกที่เธอไม่รู้สึกผิด ? อืม ? จะเรียกอะไรดี ก่อนหน้านี้เธอกลัวการมีเซ็กส์ เป็นความกลัวแบบที่เธอก็ไม่เข้าใจตัวเอง เหมือนกลัวว่าจะเสพติดหรือกลายเป็นคนไม่ดี ความคิดประหลาดนี้มันเริ่มจากไหนก็ไม่รู้ หรือเพราะอยู่ในร่างของจวีหรานสาวสวยสุดเซ็กซี่ที่ เอ่อ...ตั้งใจเดินบนเส้นทางนี้ เธอจึง ‘ทำ’ เรื่องเหล่านั้นโดยไม่รู้สึกผิดอย่างใด
ทำไมต้องรู้สึกผิดเล่า มันเป็นเรื่องธุรกิจ แล้ว...เธอก็ทำด้วยความเต็มใจ
จี้อวี้เหิงกวาดตามองหญิงสาว เธอสวมชุดคลุมสีขาว เขารู้ตารางงานของเธอเพราะเป็นคนเลือกงานให้เอง ตอนนี้จวีหรานเป็นนักแสดงในสังกัดของบริษัทเขา แม้จะมีผู้จัดการส่วนตัวคนเดิม แต่การรับงานต่างๆ ยังขึ้นอยู่กับเขาเป็นผู้ตัดสินใจ
“ดูไม่เหมือนเป็นคุณเลยนะ”
“คะ?”
“ช่างเถอะ ใส่เสื้อผ้าแล้วออกมาพบฉัน”
“มีงานหรือคะ”
ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับ
“ค่ะ ฉันจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ”
เนี่ยหรานหรานหมุนตัวเดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ที่เขาพูดเมื่อครู่ก็เหมือนที่ช่างภาพพูดกับเธอเลย เกิดมาจนอายุยี่สิบห้าไม่เคยใส่ชุดนอนเซ็กซี่ขนาดนี้ ให้โพสท่าเซ็กซี่ยั่วๆ เธอก็นึกออกแค่ทำปากจือๆ ตาพริมๆ ทำเอาช่างภาพหงุดหงิดหัวเสีย
พี่หลิวลี่ผู้จัดการของจวีหรานเข้ามาขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ เธอทำอะไรไม่ถูกไม่รู้ว่าทำตัวยั่วๆ ต้องทำยังไง โดนต่อว่าจนน้ำตาเริ่มคลอเบ้าแต่พยายามฮึบๆเข้าไว้ สายตาเธอไปเห็นปืนเป่าลูกโป่งรูปโลมาสีฟ้าแสนน่ารัก เธอหยิบขึ้นมาเล่นระหว่างที่พี่หลิวลี่เจรจากับช่างภาพอยู่ ตอนแรกเธอนึกว่ามันไม่น้ำสบู่อยู่ด้านใน แต่พอลองกดเล่นเจ้าปืนรูปโลมาก็พ่นฟองสบู่สีรุ้งออกมา นานกี่ปีแล้วที่ไม่ได้เล่นแบบเด็กๆ อย่างนี้ ชีวิตไม่ได้ยากจนค้นแค้นแต่เพราะใช้ชีวิตค่อนข้างเข้มงวด เธอแทบไม่เคยเล่นแบบที่เด็กวัยเดียวกันเล่น แถมยังไม่ค่อยมีเพื่อนอีก เธอลืมเรื่องถ่ายแบบวาบหวิวไปทันทีเพราะมัวแต่เล่นสนุกกับฟองสบู่ ช่างภาพคงถูกฟองสบู่รบกวนสายตาจึงหันมามองทางเธอ จู่ๆ เขาก็หยุดโต้เถียงกับหลิวลี่แล้วถ่ายภาพเธอทันที
“แบบนั้นแหละ อย่าหยุด เอาอีก สีหน้าดีมาก”
จู่ๆ ช่างภาพก็เกิดชอบท่าทางเล่นสนุกกระโดดบนเตียงพร้อมเล่นปืนเป่าลูกโป่งของเธอ ไม่สั่งให้ทำท่ายั่วๆ อีก ในที่สุดการถ่ายภาพชุดนอนเซ็กซี่ก็ผ่านไปด้วยดี
แต่งานต่อไปล่ะ
หลังจากวันนั้นแล้ว ก็มีแต่งานถ่ายแบบเซ็กซี่วาบหวิว แต่ไม่มีงานแสดง เธอคิดว่าวันนั้นคงดูแย่มากจนเขาไม่เรียกเธออีก ความจริง ไม่เรียกก็...น่าจะดีกว่า เพราะตอนที่เธอมีสติเต็มร้อย เธอรู้สึกเขินอายมากจริงๆ
“โอเค. สวยมาก” “ขอบคุณค่ะ” เนี่ยหรานหรานยิ้มขอบคุณทีมงานแล้วรับเสื้อคลุมจากหลิวลี่-ผู้จัดการมาสวมทับชุดนอนวาบหวิวที่สวมอยู่ วันนี้มีถ่ายแบบชุดนอนเซ็กซี่ เธอประหม่าแต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี “รู้สึกว่าถ่ายแบบครั้งนี้จวีหรานเปลี่ยนไปนะ” ช่างภาพอดพูดกับหลิวลี่ไม่ได้ “เธอมีคนรักเหรอ” “ไม่มีๆ” หลิวลี่รีบตอบทันที “จวีหรานของเราทำงานเต็มที่เสมอ คุณว่าเธอถ่ายแบบไม่ดีเหรอ หรืออยากถ่ายใหม่” “ไม่ใช่แบบนั้น” ช่างภาพโคลงศีรษะไปมา “ผมถ่ายแบบให้เธอมาหลายครั้ง รู้สึกว่าวันนี้เปลี่ยนไป ท่าทางขี้อาย น่ารักน่าทะนุถนอม” “สรุปว่าดีหรือไม่ดี” “ดีสิ ดีอยู่แล้ว ได้ความรู้สึกแปลกใหม่ดี” เนี่ยหรานหรานดื่มหยิบขวดน้ำมาพยายามจะเปิดฝาออก เธอลองบิดอยู่สองสามครั้งแต่ไม่สำเร็จกำลังจะมองหาคนช่วยก็มีมือใหญ่เอื้อมมาหยิบขวดน้ำไปเปิดให้เสียก่อน “ขอบคุณค่ะ” เธอพูดอย่างจริงใจและเมื่อเห็นว่าคนใจดีเป็นใคร รอยยิ้มก็เจือนลงไปทันที แม้เขาสวมแว่นตากันแดดอยู่แต่เธอก็จำเขาได้ทันที “ทำไม” จี้อวี้เหิงกระตุ
“บ้าชิบ!” เขาสบถเพราะดุนดันเข้าไปได้แค่ปลายหัวบาก จำใจต้องถอนลำเอ็นออกมา เนี่ยหรานหรานหายใจเฮือกใหญ่เพราะคิดว่าเขาคงถอดใจ ทว่าเขากลับตั้งเข่าเธอขึ้นแล้วลากเก้าอี้มานั่งตรงหว่างขา เธอผงกศีรษะขึ้นมองอีกครั้งด้วยความงุนงง ทว่าเธอได้คำตอบในทันทีเมื่อลิ้นของเขาแตะต้องกลีบเนื้อบอบบางของเธอ “แมร่งงเอ๊ยยย” ฉู่อี้ผิงสบถด้วยความสะใจ คนอย่างจู้อวี้เหิงไม่ ‘เบิร์น’ให้ใครง่ายๆ ทำให้เขาเก็บภาพด้วยความตื่นเต้นและตื่นตัวไปด้วย “แฮ่กๆ” สิ่งที่เคยได้ยิน สิ่งที่เคยรับรู้ ไม่เท่ากับสัมผัสด้วยตัวเอง เนี่ยหรานหรานไม่เคยรู้เลยว่าถูกลิ้นเลียและละเลงที่กลีบเนื้อมันเสียวซ่านขนาดนี้ เธอครวญครางอย่างไม่อาจห้ามได้ ลิ้นเปียกชื้นแหย่เข้าไปสลับกับการดูดกลีบเนื้อของเธอ ความเสียวซ่านถาโถมจนน้ำตาปริ่มขอบตา ปล่อยให้อารมณ์ไหลบากจนเสร็จคาปากเขาไปอีกครั้ง “ให้ตายสิ เสร็จง่ายจริงๆ”จี้อวี้เหิงพึมพำแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นใบหน้าแดงก่ำฉ่ำน้ำตา เขาก็ยกมือขึ้นลูบใบหน้าเธอ “อย่าเอาเปรียบกัน ต่อไปนี้ฉันจะไม่หยุด และไม่ว่าเธอจะร้องไห้ยังไง ฉันก็ไม่สนใจ ฉันจะหยุดก็เมื่อฉันพอใจเท่า
เนี่ยหรานสะดุ้งเฮือกหน้าตาตื่นตกใจไร้การเสแสร้ง จี้อวี้เหิงเดินเข้ามาสีหน้าดุดันเหมือนโกรธกันมานาน จนเนี่ยหรานหรานลืมไปจริงๆ ว่านี่เป็นการแสดง อาจเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนทำอะไรก็ไม่ถูกใจ ร่างเล็กถอยหนีอย่างไม่รู้ตัว เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลหรี่มองแล้วสาวเท้ามากระชากแขนเธออย่างแรง “ว้าย!” “ฉันเตือนแล้วใช่ไหมห้ามเข้าห้องของฉัน!” “ฉัน...ฉัน...” ท่าทางของเขาทำให้เธอกลัว เนี่ยหรานหรานหมุนตัวจะวิ่งหนีแต่ถูกรวบเอวไว้ได้ทัน ร่างเล็กถูกยกจนตัวลอยและกดลงบนโต๊ะอาหาร ดวงตากลมเบิกกว้างสองมือพยายามผลักไสเขาออกแต่ไม่เป็นผลเลยสักนิด “ได้! เห็นแก่ที่เธอพยายามเข้าหาฉัน ฉันจะสนองให้เอง!” “ไม่นะ!” เนี่ยหรานหรานส่ายหน้าไปมาจนผมยาวสลาย เธอหวีดร้องเมื่อมือใหญ่กระชากเสื้อผ้าของเธอหลุดออกมากลายเป็นเศษผ้า หน้าอกกลมกลึงปรากฏเบื้องหน้าเธอไม่รู้ว่าเพราะเธอหรือเพราะเขากำลังโกรธแววตาของจึงเหมือนเป็นลูกไฟ ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นทรวงอกอย่างไร้ความปรานี “อึก...อึก” เสียงสะอึกสะอื้นครางน่าสงสาร แต่จี้อวี้เหิงก็ไม่ลดแรงลง หน้าอกนุ่มหยุ่
จี้อวี้เหิงนึกถึงหญิงสาวที่เปลือยกายบนโซฟาเมื่อครู่ แน่นอนว่าเขาจำเธอได้ เธอคือจวีหราน นางแบบวาบหวิวที่ส่งใบสมัครมาเล่นเป็นนางเอกหนังอิโรติกของเขา และหลังจากเจรจาผ่านผู้จัดการ จวีหรานยินดีเล่นหนังเร็ตเอ็กซ์ให้บริษัทของเขา เขาต้องการนางเอกที่สดใหม่แต่ไม่ไร้เดียงสาขนาดต้องมาฝึกงานให้ แต่ละปีปั้นดาราสำหรับหนังผู้ใหญ่ขึ้นมาได้ก็ถูกค่ายอื่นขโมยซื้อตัวไป ทั้งเขาและฉู่อี้ผิงไม่ต้องการให้นางเอกของเขาหน้าช้ำเล่นหนังซ้ำกับของบริษัทอื่น จึงทำสัญญาว่าจ้างกันสามปี เล่นหนังให้บริษัทของเขาเพียงบริษัทเดียว และเพื่อความสะดวก ฉู่อี้ผิงให้จวีหรานพักในโรงแรมของตนเองแม้จะเป็นห้องธรรมดาแต่ความเป็นอยู่นับว่าไม่เลวนัก“นี่แต่งตัวไม่เป็นต้องตามผู้จัดการมาแต่งตัวให้หรือไง” จี้อวี้เหิงบ่นแล้วเปิดขวดวิสกี้รินใส่แก้วของตัวเอง“ก็นายบอกให้เธอไปอาบน้ำ แต่ความจริงฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ แค่เทสนิดๆหน่อยๆ” ฉู่อี้ผิงแย่งแก้วเหล้าของเพื่อนมาดื่ม ทำให้จี้อวี้เหิงต้องรินเหล้าให้ตัวเองใหม่อีกครั้ง “ฉันไม่ได้หวงเรื่องนั้น” จี้อวี้เหิงเทเหล้าลงคอ “แค่ไม่ชอบอะไรที่มันเหนอะหนะ”ผู้กำกับฉู่หัวเราะร่า “แต่เวลาแบบนั
“อะ...อะไรคะ...” “ไม่ต้องกลัว อุปกรณ์เซ็กส์ทอยที่ลูกค้าให้เอามาใช้ในหนังของผม” ฉู่อี้ผิงพูดขณะที่ดุนดันไข่สั่นเข้าไปในร่องสาว “มันเป็นซิลิโคนอย่างดีไม่เจ็บหรอก” ฉู่อี้ผิงดันอุปกรณ์เข้าไปจนมั่นใจว่าเจอจุดจีสปอตแล้วกดระบบสั่นทำงาน “อ๊ะ อ๊า อร๊ายยยย” เสียงครวญครางดังขึ้น เธอยื่นมือไปหมายจะผลักออกแต่ไร้เรี่ยวแรง มันเสียวซ่านจนเธอน้ำตาคลอ เขาปล่อยไข่สั่นทำงานแล้วขยับออกมายืนดูผลงานของตัวเอง “คุณช่วยตัวเองก็ได้นะ ผมไม่ว่าหรอก” เขาชอบสีหน้าและท่าทางเป็นธรรมชาติของเธอ เธอเสียวจริง ครางจริง เขารู้ได้ แต่จวีหรานกลับส่ายหน้าไปมา น้ำตาคลอเบ้าดูน่าสงสารและน่ารังแกไปพร้อมกัน “ฉัน...ฉันทำ...ทำไม่เป็น...” เธอสะอึกสะอื้นร่างกายสั่นระริกไปหมด “คุณ...ผู้กำกับฉู่...ชะ...ช่วยฉัน...ช่วยฉันนะคะ ได้โปรด” ฉู่อี้ผิงเลิกคิ้ว เธอไม่ใช่นักแสดงคนแรกที่ขอให้เขาช่วย แต่คนอื่นๆ เสนอตัวเพราะต้องการแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่าง แต่กับจวีหราน หากเธอกำลังแสดงอยู่ นับว่าทำให้เขาประทับใจกับบทเด็กสาวไร้เดียงสาจริงๆ “หวังว่าตอนแสดงจริ
เขาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ดึงข้อมือเธอมาให้เดินตามมาที่โซฟา มือแกร่งกดไหล่ให้เธอนั่งลง ตอนนี้เนี่ยหรานหรานมีเพียงชุดชั้นในลูกไม้ปกปิด ดวงตาคมกริบจ้องมองจนเธอหน้าแดงจัดยกมือขึ้นปิดเนินอกขนาด34นิ้ว เขาเลื่อนมือไปปลดตะขอด้านหลังให้บราหลุดออก “ขอดูหน่อย” เขาพูดหน้านิ่ง “ผมไม่ถือเรื่องทำศัลยกรรม แต่คุณกรอกในใบประวัติว่าไม่เคยทำก็ขอดูว่ามีรอยเย็บหรือเปล่า” เมื่อผู้กำกับพูดแบบนั้น เนี่ยหรานหรานก็ลดมือลง เธอไม่รู้จะวางมือที่ไหนจึงเกาะขอบโซฟากำมะหยี่ที่นั่งอยู่ ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้หน้าอกกลมกลึง ความรู้สึกแปลกประหลาดที่เคยรู้จัดทำให้หญิงสาวทำหน้าไม่ถูก มันหวิวไปถึงปลายนิ้วเท้า ฉู่อี้ผิงเลิกคิ้วประหลาดใจ เธอทำเหมือน ‘ไม่เคย’ ถูกสัมผัส หรือว่าเธอกำลัง ‘แสดง’ บทสาวน้อยไร้เดียงสาที่เขาพูดไปเมื่อครู่ คิดได้ดั่งนั้นเขาก็กระตุกยิ้มมุมปากแล้วออกแรงบีบเคล้น “อื้ม ของจริงไม่รอยเย็บ”เขาโน้มหน้าไปใกล้ ผู้หญิงคนนี้ไม่พรมน้ำหอมที่ทำให้เขารู้สึกฉุนจมูก กลิ่นกายของเธอเป็นกลิ่นสะอาด ใบหน้าแดงก่ำและกัดริมฝีปากอย่างกลั้นเสียงร้อง เธอหลุบตาลงทำให้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายยิ้มพอใจกับท่าท