Share

บทที่ 5

Penulis: กากบาทเย่
อนุชิวจะตายมิได้ อย่างน้อยในเวลานี้ก็ยังตายมิได้

หากนางตายไป เรื่องที่นางกับเซวียหมิงเฟยถูกสลับตัวกัน มิกลายเป็นไร้หลักฐานยืนยันหรอกหรือ?

ความดุดันในแววตาของเซวียฉงลดทอนลง

เขาปรายตามองอนุชิวที่นั่งหมดสภาพอยู่บนพื้น แล้วกล่าวว่า “ต่อให้เด็กทั้งสองจะขอความเมตตาแทนเจ้า แต่ความผิดที่ก่อขึ้นยากจะหลีกพ้นโทษทัณฑ์ เปลี่ยนเป็นโบยสิบไม้”

กล่าวจบ ก็แค่นเสียงเย็นชา แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป

สิบไม้

อนุชิวถอนหายใจด้วยความโล่งอก

อย่างน้อยก็รักษาชีวิตเอาไว้ได้ นางรอดตายแล้ว

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเซวียหมิงเฟย แววตานั้นเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่

ทว่ายามหางตาเหลือบไปเห็นเซวียหว่านอี้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง แววตานั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นความมุ่งร้ายในชั่วพริบตา

เซวียหมิงเฟยถูกสายตาเยี่ยงนั้นจ้องมองจนรู้สึกอึดอัด นางขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ท่านพี่ ที่นี่มีพ่อบ้านเซวียคอยดูอยู่ พวกเรากลับกันเถอกเจ้าค่ะ”

วันนี้ฮูหยินเจียงเข้าวัง มิเช่นนั้นเหตุการณ์เช่นนี้ นางคงไม่มีทางยอมให้เซวียหมิงเฟยเอ่ยปากขอความเมตตาเป็นแน่

เซวียมู่เจามิได้ปฏิเสธ เขาพาน้องสาวเดินจากไป

……

เซวียหว่านอี้ยืนมองอนุชิวถูกโบยจนกรีดร้องโหยหวนด้วย “สีหน้าเป็นกังวล” เสียงช่างไพเราะเสนาะหูยิ่งนัก

เมื่อสิ้นสุดการลงทัณฑ์ นางก็กำชับให้แม่นมดูแลท่านแม่ให้ดีด้วยท่าที “อาลัยอาวรณ์” ท่ามกลางสายตาเคียดแค้นของอนุชิว แล้วเดินจากไป

ทันทีที่ก้าวเข้ามาในเรือนว่างซู เฝ่ยชุ่ยก็รีบตรงเข้ามาหา

เมื่อเห็นรอยฟกช้ำสีม่วงคล้ำบนลำคอขาวผ่องของเซวียหว่านอี้ นางก็ตกใจอย่างมาก

“คุณหนู เกิดอันใดขึ้นเจ้าคะ?”

นางรีบไปนำยาแก้ฟกช้ำมาอย่างร้อนรน เตรียมจะทายาให้นางอย่างระมัดระวัง

เซวียหว่านอี้มิได้ปฏิเสธ

“ได้ความว่าอย่างไรบ้าง?”

เฝ่ยชุ่ยลดเสียงลงกระซิบตอบ “เป็นอย่างที่คุณหนูคาดการณ์ไว้เจ้าค่ะ แม่เฒ่าผู้นั้นอยู่ในเมืองหลวง เพิ่งกลับมาเมื่อห้าปีก่อน บ่าวทำตามที่คุณหนูสั่ง มิได้ทำให้พวกเขาตื่นตกใจเจ้าค่ะ”

“นางยังคงรับจ้างทำคลอดอยู่ บุตรชายและลูกสะใภ้เปิดร้านน้ำชาอยู่ที่ประตูเมืองทางทิศใต้ ยังมีหลานชายตัวน้อยอีกคนเรียนหนังสืออยู่ที่สำนักศึกษาในเมืองทิศใต้เจ้าค่ะ”

เฝ่ยชุ่ยทายาให้เซวียหว่านอี้อย่างเบามือและละเอียดลออ ก่อนจะเดินไปล้างมืออีกด้านหนึ่ง

“คุณหนู พวกเราจะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะ?”

เมื่อนึกถึงเรื่องที่อนุชิวสับเปลี่ยนตัวคุณหนูซึ่งเป็นบุตรีสายตรง อีกทั้งหลายปีมานี้ยังดุด่าว่ากล่าวคุณหนูด้วยถ้อยคำหยาบคาย เฝ่ยชุ่ยและเจินจูจะมิโกรธแค้นได้อย่างไร

ยิ่งได้เห็นว่าท่านผู้นั้นใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมีหน้ามีตามากเพียงใด ก็ยิ่งรู้สึกคับแค้นใจแทนคุณหนูของตนมากขึ้น

“รอ!”

เซวียหว่านอี้จิบน้ำ ทว่ายามกลืนลงคอกลับเจ็บปวดจนใบหน้าซีดเผือด

นางวางจอกชาลง มองออกไปนอกหน้าต่าง บนท้องนภามีวิหคโผบินอย่างอิสรเสรี

ช่วงเวลาหลายปีที่ถูกตัดแขนขาแล้วยัดลงในไห นางเฝ้าโหยหาอิสรภาพแห่ง “ความตาย” อยู่ตลอดเวลา

เฝ่ยชุ่ยไม่เข้าใจ “รออะไรหรือเจ้าคะ คุณหนู?”

หากรอนานกว่านี้ คุณหนูของนางคงต้องแต่งเข้าไปในจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นแน่

ดูภายนอกเหมือนจะมีเกียรติยศสูงส่ง แต่หากดีจริง มีหรือคุณหนูใหญ่จะยอมยกการแต่งงานที่ดีเช่นนี้ให้ผู้อื่น

ขอเพียงมีผลประโยชน์แม้เพียงน้อยนิด ก็ไม่มีทางตกถึงมือคุณหนูของนาง

เซวียหว่านอี้มิได้เอ่ยวาจา นางเจ็บคอเหลือเกิน

เพียงแค่ตบหลังมือเฝ่ยชุ่ยเบา ๆ เป็นเชิงบอกให้ไปทำงานของตน

รออะไรน่ะหรือ?

ย่อมต้องรอปฏิกิริยาจากฮูหยินเจียงอย่างไรเล่า

……

ณ เรือนทิงหลาน

ฮูหยินเจียงกลับมาจากวังหลวงในช่วงบ่ายคล้อย

ทันทีที่กลับมาถึง ก็เอ่ยถามไถ่ตามความเคยชิน

“ฮูหยิน คนที่เรือนชิงเหอถูกนายท่านลงโทษเจ้าค่ะ”

แม่นมหลินเป็นสินเดิมของฮูหยินเจียง มิได้ตามเข้าวังไปด้วย ย่อมรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในจวนเป็นอย่างดี

ฮูหยินเจียงชะงักไปเล็กน้อย ค่อนข้างแปลกใจ

“โบยสิบไม้เจ้าค่ะ” แม่นมหลินรายงาน “นางคิดจะบีบคอคุณหนูรองให้ตายไปเจ้าค่ะ”

ถ้อยคำนี้ ฮูหยินเจียงฟังเข้าใจ

แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เข้าใจนัก

บีบคอให้ตายงั้นรึ?

“นางเป็นบ้าอะไรขึ้นมา?”

ฮูหยินเจียงยิ้มเยาะ

หากคนในเรือนว่างซูตายไป ตระกูลเซวียก็จะต้องโชคร้ายครั้งใหญ่

“เรื่องการแต่งงานกับจวนเจิ้นกั๋วกง เมื่อเช้านี้นายท่านได้ทูลฝ่าบาทในท้องพระโรงแล้วว่าตกลงเลือกนาง”

หากคล้อยหลังมิทันไร คนก็สิ้นใจไปเสีย…

“แม่นม เจ้าไม่รู้สึกแปลกใจบ้างหรือ?”

เมื่อคืนนางนอนไม่หลับทั้งคืน รู้สึกสังหรณ์ใจว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก

แม่นมหลินเปลี่ยนชุดลำลองให้ฮูหยินเจียง แล้วประคองนางไปนั่งลง

แล้วยืนอยู่ด้านข้างรินน้ำชาให้นาง

“ฮูหยินหมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?”

ฮูหยินเจียงกล่าว “ไม่มีอะไร เจ้าพูดต่อไปเถิด”

แม่นมหลินจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเรือนชิงเหออย่างละเอียดโดยไม่มีตกหล่น

ฮูหยินเจียงตั้งใจฟัง ยามรู้ว่าอนุชิวโชคร้าย นางก็มีความสุข

“...”

อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ถ้อยคำกลับจุกอยู่ที่ริมฝีปาก เปล่งเสียงไม่ออก

“ฮูหยิน คุณหนูได้รับการอบรมสั่งสอนจากท่านอย่างดี จิตใจจึงดีงามบริสุทธิ์ ท่านควรจะภูมิใจนะเจ้าคะ”

“คุณหนูอยู่แต่ในเรือน ย่อมไม่เข้าใจวิธีการเอาตัวรอดในเรือนหลัง จึงอาจทำเรื่องที่ทำให้ท่านลำบากใจไปบ้าง ค่อย ๆ สอนกันไปเถิดเจ้าค่ะ อย่าให้เสียน้ำใจแม่ลูกเลย”

นางอยู่รับใช้ฮูหยินเจียงมาหลายปี ย่อมรู้ดีว่าอนุชิวคือหนามยอกอกของนาง

บัดนี้คุณหนูใหญ่ออกหน้าขอความเมตตาให้นาง ฮูหยินย่อมรู้สึกขัดเคืองใจเป็นธรรมดา

ฮูหยินเจียงถอนหายใจ “จวนจะออกเรือนอยู่แล้ว หากยังไม่เข้าใจเรื่องราวในเรือนหลัง ต่อไปจะต้องเสียเปรียบผู้อื่นเป็นแน่”

……

ณ จวนเจิ้นกั๋วกง

ชายหนุ่มสวมหน้ากากที่นั่งอยู่บนรถเข็น มองราชโองการสมรสพระราชทานด้วยแววตาเรียบเฉย ไม่อาจคาดเดาอารมณ์

เขาไม่เอ่ยวาจา ผู้อัญเชิญราชโองการที่อยู่ตรงหน้าก็มิกล้าเอ่ยปาก

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า

“กระหม่อม รับราชโองการ ขอบพระคุณ”

ขันทีผู้ส่งราชโองการโล่งอกขึ้นมาทันที ยิ้มออกมาอย่างจริงใจ

“เช่นนั้น บ่าวขอตัวกลับไปทูลรายงานฝ่าบาทก่อนขอรับ”

ชายหนุ่มไม่เอ่ยวาจา องครักษ์ข้างกายก้าวออกไปสองก้าว “ข้าไปส่งขันที”

ขันทีกล่าวปฏิเสธตามมารยาท ก่อนจะเดินสนทนาเสียงเบาออกไปพร้อมกับองครักษ์ผู้นั้น

จวนเจิ้นกั๋วกงแห่งนี้ฝ่าบาทพระราชทานให้ตระกูลเย่เมื่อต้นปี ไม่ว่าจะเป็นขนาดพื้นที่หรือทำเลที่ตั้ง ล้วนดีเยี่ยมหาที่เปรียบมิได้

เพียงแต่ตระกูลเย่ในยามนี้เหลือเพียงเขาที่เป็นทายาทคนเดียว ซ้ำยังเสียโฉม พิการ และถูกพิษร้ายแรง ต่อให้บรรดาลูกหลานเชื้อพระวงศ์จะหมายปองจวนแห่งนี้ ก็ไม่มีใครกล้าแย่งชิงกับเขา

พิการ ไร้ทายาท ไม่ช้าก็เร็วต้องตายตกไป ตอนนี้ถือว่าไว้หน้าตระกูลเย่สักครั้ง

จวนกั๋วกงอันกว้างใหญ่ มีเจ้านายเพียงคนเดียว จึงดูอ้างว้างว่างเปล่า

เขาขยับข้อมือเล็กน้อย คลี่ราชโองการออกบนตัก

“คุณชาย จะให้ไปสืบดูหรือไม่ขอรับ?”

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้าวเข้ามาอย่างเงียบเชียบ เพื่อขอความเห็นจากชายหนุ่ม

คุณชายมิได้ตั้งใจจะแต่งงาน ทว่าฝ่าบาททรงรู้สึกผิดต่อตระกูลเย่อย่างลึกซึ้ง จึงมีพระประสงค์แรงกล้าที่จะเป็นพ่อสื่อให้

สอบถามไปทั่วเมืองหลวง คุณหนูตระกูลผู้ดีที่เคยหลงใหลได้ปลื้มคุณชายในอดีต บัดนี้กลับพากันหลบหนี

ต่อให้อยากแต่งให้คุณชาย บิดามารดาของพวกนางก็คงไม่ยินยอม

หากเขาตาย ตระกูลเย่ก็คงสิ้นไร้ทายาทจริง ๆ

แววตาภายใต้หน้ากากจับจ้องไปที่นามนั้น “สืบมาให้ละเอียด”

“ขอรับ!” ชายวัยกลางคนรับคำสั่งแล้วจากไป

เขาเงยหน้าขึ้น มองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มเหนือศีรษะ

ไม่แปลกใจเลยหากคืนนี้จะมีพายุฝนโหมกระหน่ำ และเขาคงจะได้หลับฝันดีสักตื่น

“ไปห้องตำรา”

สิ้นเสียง คนผู้หนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นด้านหลัง เข็นรถของเขามุ่งหน้าไปยังห้องตำรา

เขาไม่ได้อยากแต่งงาน หากแต่งเข้ามาแล้วต้องเป็นม่ายทั้งเป็น เขาก็มิได้มีจิตใจโหดเหี้ยมถึงเพียงนั้น

ทว่ายามนี้เขาเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ การปฏิเสธจึงไร้ผล

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ขอเพียงอีกฝ่ายไม่ก่อเรื่องวุ่นวาย จวนเจิ้นกั๋วกงในยามนี้ก็จะเป็นเกราะคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุดให้นาง ปกป้องให้นางไร้ทุกข์ไปชั่วชีวิต

แต่หากนางคิดไม่ซื่อ คฤหาสน์อันกว้างใหญ่และหรูหราแห่งนี้ ก็จะเป็นหลุมฝังศพของนาง
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 30

    ราตรีเยียบเย็นดุจสายน้ำเซวียหว่านอี้นั่งอยู่ในศาลา ตรงหน้ามีเตาอุ่นขนาดเล็กจุดอยู่กาน้ำดินเผาสีแดงบนเตา มีกลิ่นหอมหวานโชยเอื่อยออกมานางยกจอกสุราข้างกายขึ้นมา เอนกายพิงพนักอย่างเกียจคร้าน ทอดมองเหล่าปลาจิ่นหลี่ที่กำลังแหวกว่ายอย่างสบายอารมณ์อยู่ใต้แสงโคมบัวยามค่ำคืน“คุณหนู บ่าวได้ยินมาว่าพิธีปักปิ่นที่ในจวนจะจัดให้คุณหนู ครานี้จะยิ่งใหญ่กว่าของท่านผู้นั้นเสียอีกนะเจ้าคะ”เฝ่ยชุ่ยถือเครื่องเคียงสองอย่างเดินเข้ามา วางลงบนโต๊ะหินอย่างแผ่วเบา“บางทีอาจเป็นเพราะต้องการเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของคุณหนูแล้วกระมังเจ้าคะ”เซวียหว่านอี้มิได้เอ่ยตอบ นางจิบสุราเพียงเล็กน้อย พวงแก้มก็พลันระเรื่อสีชมพูจาง ๆเฝ่ยชุ่ยเองก็ไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบจากคุณหนู จึงพูดต่อไปตามลำพัง“ไม่รู้ว่าท่านผู้นั้นจะคิดอย่างไรบ้างนะเจ้าคะ”เมื่อตอนบ่าย เรือนทิงหลานส่งของมาให้มากมาย ทำให้เรือนว่างซูที่แต่เดิมโล่งกว้าง กลับโอ่อ่าหรูหราขึ้นมาในทันทีแม้ว่าหากเทียบกับจวนอ๋องจวนโหวเหล่านั้น อาจจะไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็ตามสายลมวูบหนึ่งพัดผ่าน เหล่าแมกไม้ใบหญ้าพลันส่งเสียงเสียดสีกัน“พิธีปักปิ่นของท่านผู้นั้นจะจั

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 29

    นางยิ้มบางเบา “หากท่านไม่เต็มใจ พวกเราสลับตัวเจ้าสาวกันก็ได้”นางกำลังเดิมพัน เดิมพันว่าชาตินี้เซวียหมิงเฟยไม่กล้าแต่งให้เย่จั๋วอีกเป็นอันขาดหากเดิมพันชนะ นางก็สามารถยืมอำนาจของจวนเจิ้นกั๋วกงมาจัดการฉู่ยวนให้ตายตกไปเดิมพันแพ้ ก็แค่แต่งออกไป ในคืนวันเข้าหอ ก็ไปสู่ปรโลกพร้อมกับเขาไม่ฉู่ยวนตาย ก็พวกเขาตายด้วยกันเซวียหมิงเฟยตัวสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุมนางส่ายหน้า ไม่แยแสต่อสีหน้าตื่นเต้นยินดีของอนุชิว พลางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “อย่าพูดจาเหลวไหล เจ้ากับเจิ้นกั๋วกงมีพระราชทานสมรสตามราชโองการของฝ่าบาท หากเรื่องสลับตัวเจ้าสาวถูกเปิดโปง ตระกูลเซวียของพวกเราเกรงว่าจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติล้างตระกูล”ชาติก่อนนางถูกเย่จั๋วทรมานจนตายด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมที่สุด ชาตินี้จะยังกล้าแต่งไปหาเขาได้อย่างไรอย่าว่าแต่แต่งเลย แค่ได้ยินชื่อของเย่จั๋ว นางก็รู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วทั้งร่างแล้วแสงสว่างในแววตาของอนุชิวดับวูบลงอย่างสิ้นเชิง“ข้าเกิดก่อนเจ้าเล็กน้อย ต่อไปอย่าเรียกข้าว่าน้องหญิงอีกเลย”นางไม่รู้ว่าเซวียหมิงเฟยมีสีหน้าเช่นไร จึงกล่าวต่อ “หากเจ้าเรียกไม่ถนัดปาก เช่นนั้นต่อไปพวกเราก็เรียกชื

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 28

    เซวียหว่านอี้ทอดมองอย่างเย็นชาชาติก่อน การถูกทรมานให้เป็นมนุษย์หมูตลอดหลายปี ทำให้นางสูญเสียการรับรู้ทางอารมณ์ไปเกือบหมดสิ้นนางถึงกับสัมผัสได้ว่า ฮูหยินเจียงมิได้เห็นนางสำคัญถึงเพียงนั้นที่มากกว่านั้นคือความอัปยศอดสูจากการถูกอนุชิวสับเปลี่ยนตัวบุตรไปหากบัดนี้ให้ฮูหยินเจียงเลือก ระหว่างนางกับเซวียหมิงเฟยมิต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาทุกคนย่อมเลือกเซวียหมิงเฟยฮูหยินเจียงอยากให้อนุชิวตาย ทว่านั่นมิได้หมายความว่าจะทอดทิ้งบุตรสาวคนนี้ความผูกพันฉันแม่ลูกตลอดสิบห้าปี ไหนเลยจะตัดขาดกันได้โดยง่ายเซวียมู่เจาในยามนี้ไม่คิดจะเอ่ยปากทว่าก็อดมิได้ที่จะสงสารยามเห็นเซวียหมิงเฟยร่ำไห้จนควบคุมตนเองไม่อยู่ท่านพ่อไม่สะดวกเอ่ยปากนัก เพราะจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของท่านพ่อและท่านแม่ทว่าคนผู้นี้…“น้องหญิงรอง เจ้าไม่มีสิ่งใดอยากพูดบ้างหรือ?” เขาเอ่ยปากขึ้นจนได้ทุกสายตาจับจ้องไปยังเซวียหว่านอี้เป็นจุดเดียวอนุชิวมิได้เอ่ยปาก ทว่าแววตาที่มองมากลับเปี่ยมไปด้วยความเวทนาและอ้อนวอนส่วนเซวียหมิงเฟย กลับลุกขึ้นวิ่งไปทรุดกายคุกเข่าลงเบื้องหน้าเซวียหว่านอี้อีกคราเมื่อสัมผัสได้ว่ามือที่กำลังอด

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 27

    นางมองคนทั้งสองที่ยืนอยู่หน้าโถงด้วยความโกรธ ก่อนจะเหยียดยิ้ม “ช่างเป็นภาพพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกันดียิ่งนัก”เซวียมู่เจา: “...”เมื่อเห็นแววตาเย็นชาเมินเฉยของฮูหยินเจียง ในใจของเซวียมู่เจาก็วูบไหวด้วยความตื่นตระหนกเขาไม่รู้ว่าตนไปทำสิ่งใดให้ท่านแม่ไม่พอใจ ถึงขั้นทำให้นางต้องมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้ฮูหยินเจียงกล่าวเสียงเย็นเยียบ “หลายปีมานี้ หว่านอี้ต้องอยู่อย่างไรในจวนแห่งนี้ พวกเจ้าย่อมรู้แก่ใจดี”“พวกเราไม่รู้เรื่องที่สลับตัวลูกก็จริง แต่อนุชิว...”นางชี้ไปยังสตรีที่คุกเข่าอยู่หน้าโถง “นางที่เป็นตัวการเรื่องนี้ จะไม่รู้ได้อย่างไร?”“สับเปลี่ยนลูกสาวของข้าแล้ว ยังเหยียบย่ำข่มเหงนางไม่หยุดหย่อน”นางลุกขึ้น เดินไปหยุดอยู่หน้าอนุชิว ก่อนจะก้มลงเชยคางของอีกฝ่ายขึ้นมาทอดมองอีกฝ่ายจากมุมสูง แล้วกล่าวว่า “เจ้าคงลำพองใจมากกระมัง ที่ลอบใช้ลูกสาวของข้ามาดูความน่าสมเพชของข้า ทำให้เจ้ารู้สึกว่าปั่นหัวข้าไว้ในกำมือได้”“เป็นเพียงอนุภรรยา แต่กลับอาศัยลูกสาวแท้ ๆ ของข้า มาหลอกปั่นหัวข้าที่เป็นนายหญิงแห่งตระกูลเซวียจนโง่งมงายอยู่เบื้องหลัง เจ้าช่างเก่งกาจเสียจริง”นางสะบัดใบหน้าของอน

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 26

    เซวียมู่เจาพยายามอย่างยิ่งที่จะเค้นความทรงจำ หรือควรกล่าวว่ากำลังพยายามล้างสมองตนเองอยู่ในความทรงจำของเขาน้องหญิงรองผู้นี้ แท้จริงแล้วเป็นคนเช่นไรคงเป็นเด็กขี้ขลาด หวาดกลัว และไร้ซึ่งความสดใสมีชีวิตชีวาส่วนเรื่องรูปร่างหน้าตา ดูเหมือนจะไม่เคยอยู่ในความทรงจำของเขาเลยแม้แต่น้อยก็ไม่น่าแปลกใจขนาดคนรับใช้ในจวนยังกล้ามองข้ามเซวียหว่านอี้ได้อย่างสิ้นเชิง หรือควรกล่าวว่าไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตาเลยต่างหากนี่สะท้อนให้เห็นเพียงว่า ทั่วทั้งตระกูลเซวีย หามีเจ้านายคนใดให้ความสำคัญต่อนางไม่ขอเพียงมีสักคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตามที่ปฏิบัติต่อนางดีสักสามส่วน พวกบ่าวไพร่ในจวนก็ย่อมไม่กล้าแสดงท่าทีเช่นนี้ฉะนั้น การที่เซวียมู่เจาจำรูปลักษณ์ของเซวียหว่านอี้ไม่ได้ จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างยิ่งเซวียหว่านอี้ย่อกายคารวะ “คารวะท่านพี่เจ้าค่ะ”กิริยาท่วงท่าของนางนับว่าสมบูรณ์แบบไร้ที่ติความสมบูรณ์แบบนี้ หากพูดให้ฟังดูดีคือนางเป็นแบบอย่างของสตรีสูงศักดิ์ แต่หากพูดให้ฟังดูแย่ ก็คือความห่างเหินจนเกินไปไม่ทราบเพราะเหตุใด เซวียมู่เจาพลันรู้สึกขัดตาอยู่บ้าง“พี่น้องกันแท้ ๆ ไม่จำเป็นต้องมากพิ

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 25

    เมื่อเห็นใบหน้าที่คล้ายคลึงกันตรงหน้าทั้งสอง แม้จะไม่อยากยอมรับเพียงใด แต่ในใจของเซวียหมิงเฟยก็บังเกิดความคิดอันน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาอนุชิว คือมารดาผู้ให้กำเนิดของนางชีวิตสิบห้าปีที่ผาสุกในจวนซึ่งนางได้รับมา แท้จริงแล้วควรเป็นของเซวียหว่านอี้ฮูหยินเจียงมองคนทั้งสองในโถงด้วยสายตาเรียบเฉยไม่อยากยอมรับก็ไร้ประโยชน์อนุชิวและเซวียหมิงเฟย ช่างเหมือนกันเสียจริงนางปรายตามองเซวียฉงที่อยู่ข้างกายนางแวบหนึ่งไม่ว่าเขาจะรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ฮูหยินเจียงก็บังเกิดความแค้นเคืองต่อเขาแล้วเป็นเพราะความโปรดปรานที่บุรุษผู้นี้มีต่ออนุภรรยา จึงทำให้อนุชิวบังเกิดจิตใจอำมหิตถึงเพียงนี้แต่ตัวนางและบุตรสาวแท้ ๆ ช่างเป็นผู้บริสุทธิ์ยิ่งนักพลันนึกขึ้นได้ว่า เซวียหว่านอี้ได้รับพระราชทานสมรสกับจวนเจิ้นกั๋วกงแล้วหากเป็นเมื่อสองวันก่อน ฮูหยินเจียงย่อมไม่พอใจอยู่แล้วเรื่องสมรสของบุตรีอนุ ไฉนเลยจะสูงส่งกว่าบุตรสาวของนางได้แต่บัดนี้กลับไม่เหมือนเดิมแล้วนางเป็นถึงคุณหนูใหญ่จากจวนโหวโดยแท้ความรู้สึกนั้นจะมองว่าสำคัญก็ได้ หรือไม่สำคัญก็ได้ ทุกอย่างล้วนผูกพันกับผลประโยชน์ของตระกูล“นับแต่นี้ไป เบ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status