Share

บทที่ 6

Penulis: กากบาทเย่
“อีกไม่ถึงหนึ่งเดือน ก็จะถึงวันออกเรือนของเจ้าแล้ว”

หลังมื้อค่ำ ฮูหยินเจียงและเซวียหมิงเฟยกำลังนั่งสนทนากันอยู่ในห้อง

“แม่เตรียมรายการสินเดิมไว้ให้เจ้าแล้ว ลองดูเถิดว่ายังมีสิ่งใดขาดเหลืออีกหรือไม่”

ฮูหยินเจียงมีชาติตระกูลที่ดี สินเดิมที่นำติดตัวมาในปีนั้นก็นับว่ามากมายมหาศาล

สินเดิมของนาง ย่อมต้องเก็บไว้ให้บุตรชายหญิงทั้งสองของตน

ส่วนสินเดิมของเซวียหว่านอี้ ย่อมต้องเป็นหน้าที่ของกองกลางในจวนเป็นผู้จัดเตรียม

เซวียหมิงเฟยกอดแขนฮูหยินเจียงไว้ แสดงออกถึงความสนิทสนมรักใคร่

“ขอบพระคุณท่านแม่เจ้าค่ะ แล้วน้องหญิงเล่าเจ้าคะ?”

นางก้มหน้ามองรายการสินเดิม แน่นอนว่าย่อมด้อยกว่าชาติก่อนอยู่บ้าง

ไม่มีเหตุผลอื่นใด ชาติก่อนนางแต่งเข้าจวนเจิ้นกั๋วกง ในวังย่อมประทานของดีมาให้ไม่น้อย

แต่ยามนี้กลับเป็นไปไม่ได้แล้ว

แม้ในใจจะรู้สึกเสียดาย หรือกระทั่งไม่ยินยอมพร้อมใจอยู่บ้าง แต่ก็จนปัญญา

จะให้นางแต่งให้เย่จั๋วอีกครั้ง ต้องเป็นม่ายทั้งเป็นไปชั่วชีวิต นางทำไม่ได้

หากแค่ปีสองปียังพออดทนได้

แต่ตลอดชีวิตนั้น ยาวนานเกินไป

หากเป็นผู้อื่น สามีตายย่อมสามารถแต่งงานใหม่ได้

แต่ตระกูลเย่เต็มไปด้วยวีรบุรุษผู้ภักดี เหลือเพียงเย่จั๋วที่เป็นทายาทคนเดียวที่ใกล้ตาย

หากคิดจะแต่งงานใหม่ ฝ่าบาทคงให้นางติดตามไปถูกฝังร่วมหลุมเป็นแน่

ฮูหยินเจียงกล่าวว่า “นี่เป็นสินเดิมส่วนของแม่ ทางด้านนางย่อมมีคนในวังช่วยจัดการเพิ่มสินเดิมให้”

สมรสพระราชทาน คนในวังย่อมต้องมีของพระราชทานลงมา

“เปรี้ยง—ครืน—”

ทันใดนั้น ด้านนอกพลันเกิดเสียงฟ้าแลบฟ้าร้อง

ท้องฟ้าที่อึมครึมมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็เริ่มส่งเสียงคำรามกึกก้อง

เซวียหมิงเฟยอดไม่ได้ที่จะสะดุ้งตกใจจนตัวสั่น

“ฝนนี้คงจะหนักไม่น้อยเลยเจ้าค่ะ”

ฮูหยินเจียงตบหลังมือบุตรสาวคล้ายปลอบโยน แล้วกล่าวว่า “ดึกมากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเสียเถิด ประเดี๋ยวฝนจะตกเสียก่อน”

“เจ้าค่ะ!” เซวียหมิงเฟยลุกขึ้น พับรายการสินเดิมเก็บใส่ถุงหอมที่เอว “ท่านแม่ ลูกกลับก่อนนะเจ้าคะ ท่านเองก็รีบเข้านอนเถิดเจ้าค่ะ”

ด้านนอกลมพายุโหมกระหน่ำ เมฆฝนดำทะมึนปกคลุมเหนือศีรษะ

ฮูหยินเจียงเดินมาส่งบุตรสาวที่หน้าประตูห้อง ด้วยความเป็นห่วงจึงสั่งว่า “ชิงถาน ไปส่งคุณหนูใหญ่กลับเรือน”

“เจ้าค่ะ ฮูหยิน” ชิงถานเป็นสาวใช้ขั้นหนึ่งของเรือนทิงหลาน เป็นรองเพียงแม่นมหลิน นางรับใช้ใกล้ชิดฮูหยินเจียง จึงได้รับความไว้วางใจอย่างยิ่ง

……

“คืนนี้เกรงว่าคงจะมีพายุฝนกระหน่ำ”

“คงจะเป็นเช่นนั้น อากาศวันนี้ช่างประหลาดแท้”

หลังจากส่งเซวียหมิงเฟยแล้ว ชิงถานก็เดินฝ่าลมราตรีที่พัดแรงกลับเรือนทิงหลาน ระหว่างทางผ่านศาลาโอ่วเซียง นางได้ยินเสียงสาวใช้ในจวนลอยมาตามลม

นางไม่ได้ใส่ใจ เพียงเดินตามหลังคนทั้งสองไป

“คุณหนูใหญ่ใกล้จะออกเรือนแล้ว ไม่รู้เหตุใดจึงยอมทิ้งจวนเจิ้นกั๋วกง ต่อให้เจิ้นกั๋วกงผู้นั้นจะแย่เพียงใด ก็ยังเป็นถึงกั๋วกงขั้นหนึ่งเชียวนะ”

“งานแต่งของคุณหนูใหญ่หมั้นหมายกันมาตั้งแต่เล็ก หากไม่แต่งก็เท่ากับผิดสัญญามิใช่หรือ?”

“ที่พูดมาก็ถูก”

หนึ่งในนั้นพยักหน้า ก่อนจะลดเสียงลงแล้วเอ่ยประโยคหนึ่งออกมา

ชิงถานที่เดินตามหลังมาได้ยินเข้าพอดี ราวกับสายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมาบนศีรษะ ทำเอานางมึนงงตาลายไปหมด

“จริงสิ เจ้าสังเกตหรือไม่ว่าคุณหนูใหญ่หน้าตาคล้ายอนุชิวมากกว่า ส่วนคุณหนูรองกลับดูคล้ายฮูหยินของพวกเรามากกว่า...”

ประโยคต่อจากนั้น ชิงถานแทบไม่กล้าฟังต่อ

ในหัวของนางปรากฏใบหน้าของคุณหนูทั้งสองขึ้นมา

“เปรี้ยง—”

สายฟ้าแลบแปลบปลาบผ่ากลางท้องฟ้ายามราตรี ทำเอาสาวใช้สองคนข้างหน้ากรีดร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งหนีไป

ส่วนชิงถานในยามนี้ ทั้งที่ยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวเหน็บของต้นฤดูใบไม้ผลิ แต่ทั่วร่างกลับเหงื่อกาฬแตกพลั่ก ดวงตาพร่าพราย

เมื่อเงยหน้าขึ้น เบื้องหน้าก็ไร้ผู้คนแล้ว

โคมไฟที่แขวนอยู่ตามจุดต่างๆ ในจวนแกว่งไกวอย่างรุนแรงท่ามกลางลมพายุ แสงเทียนวูบไหว เงาสลัวสั่นไหว

ดูน่ากลัวยิ่งนัก

นางดูเหมือนจะ…

ค้นพบเรื่องราวใหญ่โตเข้าเสียแล้ว

หากเป็นจริงดังที่นางคิด พฤติกรรม “แปลกประหลาด” ของอนุชิวตลอดหลายปีมานี้ ก็สามารถอธิบายได้เป็นอย่างดี

เหตุใดนางจึงได้ร้ายกาจต่อคุณหนูรองนัก แต่กลับเอาอกเอาใจคุณหนูใหญ่เป็นที่สุด

ครั้งหนึ่ง ชิงถานเคยแอบคุยกับพี่น้องในเรือนทิงหลานว่าอนุชิวนั้นโง่เขลายิ่งนัก

ต่อให้นางประจบเอาใจคุณหนูใหญ่ไปก็ไร้ประโยชน์…

ฝีเท้าเร่งรีบขึ้น แม้ลมราตรีจะหนาวเหน็บเพียงใดก็ไม่อาจหยุดยั้งนางจากการรีบกลับเรือนทิงหลานได้

……

สาวใช้ทั้งสองกลับมาที่เรือนว่างซูอย่างระมัดระวัง และได้พบกับเฝ่ยชุ่ย

“พี่หญิง คิดว่าคงสำเร็จแล้วเจ้าค่ะ”

เฝ่ยชุ่ยพยักหน้า ยัดกล่องอาหารใส่มือพวกนาง

แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใยว่า “ลำบากพวกเจ้าแล้ว กลางคืนอากาศหนาวเย็น รีบกลับห้องเถิด”

ทั้งสองประคองกล่องอาหาร ยิ้มตาหยีกล่าวขอบคุณเฝ่ยชุ่ย แล้วหันหลังเดินจากไป

เฝ่ยชุ่ยกลับเข้ามาในห้อง เห็นเซวียหว่านอี้ยังคงคัดอักษรอยู่ข้างแสงเทียน

“คุณหนู พวกนางกลับห้องไปแล้วเจ้าค่ะ”

นางเอ่ยพลางมีสีหน้ากังวล “พวกนางจะไม่แพร่งพรายแผนการของคุณหนูหรือเจ้าคะ”

เซวียหว่านอี้ยังคงขยับมือไม่หยุด

นางยิ้มกล่าวว่า “วางใจเถิด ข้ายังไม่ได้โง่เขลาถึงเพียงนั้น”

สาวใช้สองคนนั้น ไม่มีทางแปรพักตร์ไปเข้าข้างเซวียหมิงเฟยเด็ดขาด

พวกนางแค้นเคืองจนอยากให้เซวียหมิงเฟยตายเสียด้วยซ้ำ

เซวียหมิงเฟยมิใช่คนเลวร้าย กระทั่งยังมีชื่อเสียงที่ดีในหมู่คุณหนูตระกูลขุนนาง

แต่น่าเสียดาย

แม้นางมิได้ลงมือฆ่าป๋อเหริน แต่ป๋อเหรินกลับต้องตายเพราะนาง

สาวใช้ทั้งสองเพิ่งเข้าจวนมาเมื่อหนึ่งปีครึ่งก่อน พวกนางต่างมีพี่ชายที่เป็นบ่าวชายของตระกูลเซวีย

เพราะการยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องชาวบ้านครั้งหนึ่งของเซวียหมิงเฟย ทำให้พวกเขาถูกแก้แค้น จนบ่าวชายข้างกายหลายคนต้องตายอย่างน่าอนาถ

แม้ตระกูลเซวียจะมอบเงินชดเชยให้ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเห็นเงินสำคัญกว่าชีวิต

ชาติก่อน สาวใช้ตัวน้อยสองคนนี้ตายในคืนก่อนวันออกเรือนของเซวียหมิงเฟย

ข้อหาปองร้ายเซวียหมิงเฟย จึงถูกโบยจนตาย

ราชวงศ์อวิ๋นมีกฎหมายคุ้มครองบ่าวไพร่ นายจะทุบตีสังหารตามอำเภอใจมิได้

แต่ข้อหาของสองคนนี้คือปองร้ายเจ้านาย โทษตายสถานเดียว

อีกทั้งในยามนั้นเซวียหมิงเฟยกำลังจะแต่งงานกับเจิ้นกั๋วกงเย่จั๋ว ต่อให้เป็นทางการก็ยังไม่กล้ายื่นมือเข้ามาสอด

ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ พวกมีอำนาจย่อมอยู่เหนือกฎหมายทั่วไป

แม้ทางการจะล่วงรู้ ก็ได้แต่ทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้าง

“เฝ่ยชุ่ย พรุ่งนี้ให้หวังหย่วนไปจับตาดูครอบครัวนั้นไว้ โดยเฉพาะเด็กคนนั้น”

เฝ่ยชุ่ยพยักหน้า “ความหมายของคุณหนูคือ จะมีคนลงมือกับพวกเขาหรือเจ้าคะ?”

เซวียหว่านอี้เลิกคิ้ว “นั่นเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว”

กุมความลับใหญ่หลวงถึงเพียงนี้ แต่ยังมีชีวิตรอดมาจนถึงบัดนี้ได้ นับเป็นเรื่องยากนัก

“ผู้ใดเจ้าคะ?” เฝ่ยชุ่ยลดเสียงลงถาม “อนุ หรือว่า...”

คำพูดต่อจากนั้น นางไม่กล้าเอ่ยออกมา

เพียงแค่คิด ก็รู้สึกหวาดผวาจนขนลุกซู่ไปทั้งแผ่นหลัง

เซวียหว่านอี้ยกมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มปลอบโยน

“ไม่ต้องกลัว ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ท้ายที่สุดทุกอย่างจะต้องกลับตาลปัตรคืนสู่ความถูกต้อง”

และต้องเกิดขึ้นก่อนที่นางจะออกเรือน

เซวียหมิงเฟยอาจจะบริสุทธิ์ แต่นางต่างหากที่เป็นผู้เสียหายที่แท้จริง

อนุชิวไม่ชอบบุตรสาวของตนเอง ถึงขั้นร้ายกาจใส่ เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับในตระกูลเซวีย

ราชโองการพระราชทานสมรสถูกกำหนดไว้แล้ว ย่อมไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้

ชีวิตของนาง เท่ากับมีโล่ที่แข็งแกร่งที่สุดคุ้มครองอยู่

ไม่ว่าตระกูลเซวียจะเลือกทางใด นางย่อมได้กลับคืนสู่ตำแหน่งที่ควรจะเป็นของตน

ชาติก่อนนางตายอย่างน่าเวทนา ชาตินี้จึงไม่มีกะจิตกะใจจะคาดหวังความรักใคร่จากครอบครัวอีก

นางต้องการเพียงให้ฉู่ยวนตาย

และต้องตายด้วยวิธีเดียวกัน

“เฝ่ยชุ่ย!”

“คุณหนู” เฝ่ยชุ่ยก้าวเข้ามาสองก้าว เล็มไส้เทียนที่ยาวเกินไปออก

เซวียหว่านอี้กล่าวว่า “รอข้าแต่งเข้าจวนกั๋วกงแล้ว จะหาฤกษ์งามยามดี คืนสัญญาทาสให้เจ้า ให้เจ้าได้แต่งงานกับหวังหย่วน”

เฝ่ยชุ่ยหน้าแดงระเรื่อ “คุณหนูสำคัญกว่าเจ้าค่ะ”

คำพูดนี้มาจากใจจริง

ชาติก่อน เฝ่ยชุ่ยและเจินจูได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว แต่กลับต้องพบจุดจบที่น่าสังเวช

“คุณหนู...”

เสียงของเจินจูจังมาจากด้านนอก “แม่นมหลินมาเจ้าค่ะ”

นายบ่าวในห้องสบตากัน

มาเร็วยิ่งนัก!

“เชิญเข้ามา”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 30

    ราตรีเยียบเย็นดุจสายน้ำเซวียหว่านอี้นั่งอยู่ในศาลา ตรงหน้ามีเตาอุ่นขนาดเล็กจุดอยู่กาน้ำดินเผาสีแดงบนเตา มีกลิ่นหอมหวานโชยเอื่อยออกมานางยกจอกสุราข้างกายขึ้นมา เอนกายพิงพนักอย่างเกียจคร้าน ทอดมองเหล่าปลาจิ่นหลี่ที่กำลังแหวกว่ายอย่างสบายอารมณ์อยู่ใต้แสงโคมบัวยามค่ำคืน“คุณหนู บ่าวได้ยินมาว่าพิธีปักปิ่นที่ในจวนจะจัดให้คุณหนู ครานี้จะยิ่งใหญ่กว่าของท่านผู้นั้นเสียอีกนะเจ้าคะ”เฝ่ยชุ่ยถือเครื่องเคียงสองอย่างเดินเข้ามา วางลงบนโต๊ะหินอย่างแผ่วเบา“บางทีอาจเป็นเพราะต้องการเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของคุณหนูแล้วกระมังเจ้าคะ”เซวียหว่านอี้มิได้เอ่ยตอบ นางจิบสุราเพียงเล็กน้อย พวงแก้มก็พลันระเรื่อสีชมพูจาง ๆเฝ่ยชุ่ยเองก็ไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบจากคุณหนู จึงพูดต่อไปตามลำพัง“ไม่รู้ว่าท่านผู้นั้นจะคิดอย่างไรบ้างนะเจ้าคะ”เมื่อตอนบ่าย เรือนทิงหลานส่งของมาให้มากมาย ทำให้เรือนว่างซูที่แต่เดิมโล่งกว้าง กลับโอ่อ่าหรูหราขึ้นมาในทันทีแม้ว่าหากเทียบกับจวนอ๋องจวนโหวเหล่านั้น อาจจะไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็ตามสายลมวูบหนึ่งพัดผ่าน เหล่าแมกไม้ใบหญ้าพลันส่งเสียงเสียดสีกัน“พิธีปักปิ่นของท่านผู้นั้นจะจั

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 29

    นางยิ้มบางเบา “หากท่านไม่เต็มใจ พวกเราสลับตัวเจ้าสาวกันก็ได้”นางกำลังเดิมพัน เดิมพันว่าชาตินี้เซวียหมิงเฟยไม่กล้าแต่งให้เย่จั๋วอีกเป็นอันขาดหากเดิมพันชนะ นางก็สามารถยืมอำนาจของจวนเจิ้นกั๋วกงมาจัดการฉู่ยวนให้ตายตกไปเดิมพันแพ้ ก็แค่แต่งออกไป ในคืนวันเข้าหอ ก็ไปสู่ปรโลกพร้อมกับเขาไม่ฉู่ยวนตาย ก็พวกเขาตายด้วยกันเซวียหมิงเฟยตัวสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุมนางส่ายหน้า ไม่แยแสต่อสีหน้าตื่นเต้นยินดีของอนุชิว พลางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “อย่าพูดจาเหลวไหล เจ้ากับเจิ้นกั๋วกงมีพระราชทานสมรสตามราชโองการของฝ่าบาท หากเรื่องสลับตัวเจ้าสาวถูกเปิดโปง ตระกูลเซวียของพวกเราเกรงว่าจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติล้างตระกูล”ชาติก่อนนางถูกเย่จั๋วทรมานจนตายด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมที่สุด ชาตินี้จะยังกล้าแต่งไปหาเขาได้อย่างไรอย่าว่าแต่แต่งเลย แค่ได้ยินชื่อของเย่จั๋ว นางก็รู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วทั้งร่างแล้วแสงสว่างในแววตาของอนุชิวดับวูบลงอย่างสิ้นเชิง“ข้าเกิดก่อนเจ้าเล็กน้อย ต่อไปอย่าเรียกข้าว่าน้องหญิงอีกเลย”นางไม่รู้ว่าเซวียหมิงเฟยมีสีหน้าเช่นไร จึงกล่าวต่อ “หากเจ้าเรียกไม่ถนัดปาก เช่นนั้นต่อไปพวกเราก็เรียกชื

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 28

    เซวียหว่านอี้ทอดมองอย่างเย็นชาชาติก่อน การถูกทรมานให้เป็นมนุษย์หมูตลอดหลายปี ทำให้นางสูญเสียการรับรู้ทางอารมณ์ไปเกือบหมดสิ้นนางถึงกับสัมผัสได้ว่า ฮูหยินเจียงมิได้เห็นนางสำคัญถึงเพียงนั้นที่มากกว่านั้นคือความอัปยศอดสูจากการถูกอนุชิวสับเปลี่ยนตัวบุตรไปหากบัดนี้ให้ฮูหยินเจียงเลือก ระหว่างนางกับเซวียหมิงเฟยมิต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาทุกคนย่อมเลือกเซวียหมิงเฟยฮูหยินเจียงอยากให้อนุชิวตาย ทว่านั่นมิได้หมายความว่าจะทอดทิ้งบุตรสาวคนนี้ความผูกพันฉันแม่ลูกตลอดสิบห้าปี ไหนเลยจะตัดขาดกันได้โดยง่ายเซวียมู่เจาในยามนี้ไม่คิดจะเอ่ยปากทว่าก็อดมิได้ที่จะสงสารยามเห็นเซวียหมิงเฟยร่ำไห้จนควบคุมตนเองไม่อยู่ท่านพ่อไม่สะดวกเอ่ยปากนัก เพราะจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของท่านพ่อและท่านแม่ทว่าคนผู้นี้…“น้องหญิงรอง เจ้าไม่มีสิ่งใดอยากพูดบ้างหรือ?” เขาเอ่ยปากขึ้นจนได้ทุกสายตาจับจ้องไปยังเซวียหว่านอี้เป็นจุดเดียวอนุชิวมิได้เอ่ยปาก ทว่าแววตาที่มองมากลับเปี่ยมไปด้วยความเวทนาและอ้อนวอนส่วนเซวียหมิงเฟย กลับลุกขึ้นวิ่งไปทรุดกายคุกเข่าลงเบื้องหน้าเซวียหว่านอี้อีกคราเมื่อสัมผัสได้ว่ามือที่กำลังอด

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 27

    นางมองคนทั้งสองที่ยืนอยู่หน้าโถงด้วยความโกรธ ก่อนจะเหยียดยิ้ม “ช่างเป็นภาพพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกันดียิ่งนัก”เซวียมู่เจา: “...”เมื่อเห็นแววตาเย็นชาเมินเฉยของฮูหยินเจียง ในใจของเซวียมู่เจาก็วูบไหวด้วยความตื่นตระหนกเขาไม่รู้ว่าตนไปทำสิ่งใดให้ท่านแม่ไม่พอใจ ถึงขั้นทำให้นางต้องมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้ฮูหยินเจียงกล่าวเสียงเย็นเยียบ “หลายปีมานี้ หว่านอี้ต้องอยู่อย่างไรในจวนแห่งนี้ พวกเจ้าย่อมรู้แก่ใจดี”“พวกเราไม่รู้เรื่องที่สลับตัวลูกก็จริง แต่อนุชิว...”นางชี้ไปยังสตรีที่คุกเข่าอยู่หน้าโถง “นางที่เป็นตัวการเรื่องนี้ จะไม่รู้ได้อย่างไร?”“สับเปลี่ยนลูกสาวของข้าแล้ว ยังเหยียบย่ำข่มเหงนางไม่หยุดหย่อน”นางลุกขึ้น เดินไปหยุดอยู่หน้าอนุชิว ก่อนจะก้มลงเชยคางของอีกฝ่ายขึ้นมาทอดมองอีกฝ่ายจากมุมสูง แล้วกล่าวว่า “เจ้าคงลำพองใจมากกระมัง ที่ลอบใช้ลูกสาวของข้ามาดูความน่าสมเพชของข้า ทำให้เจ้ารู้สึกว่าปั่นหัวข้าไว้ในกำมือได้”“เป็นเพียงอนุภรรยา แต่กลับอาศัยลูกสาวแท้ ๆ ของข้า มาหลอกปั่นหัวข้าที่เป็นนายหญิงแห่งตระกูลเซวียจนโง่งมงายอยู่เบื้องหลัง เจ้าช่างเก่งกาจเสียจริง”นางสะบัดใบหน้าของอน

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 26

    เซวียมู่เจาพยายามอย่างยิ่งที่จะเค้นความทรงจำ หรือควรกล่าวว่ากำลังพยายามล้างสมองตนเองอยู่ในความทรงจำของเขาน้องหญิงรองผู้นี้ แท้จริงแล้วเป็นคนเช่นไรคงเป็นเด็กขี้ขลาด หวาดกลัว และไร้ซึ่งความสดใสมีชีวิตชีวาส่วนเรื่องรูปร่างหน้าตา ดูเหมือนจะไม่เคยอยู่ในความทรงจำของเขาเลยแม้แต่น้อยก็ไม่น่าแปลกใจขนาดคนรับใช้ในจวนยังกล้ามองข้ามเซวียหว่านอี้ได้อย่างสิ้นเชิง หรือควรกล่าวว่าไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตาเลยต่างหากนี่สะท้อนให้เห็นเพียงว่า ทั่วทั้งตระกูลเซวีย หามีเจ้านายคนใดให้ความสำคัญต่อนางไม่ขอเพียงมีสักคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตามที่ปฏิบัติต่อนางดีสักสามส่วน พวกบ่าวไพร่ในจวนก็ย่อมไม่กล้าแสดงท่าทีเช่นนี้ฉะนั้น การที่เซวียมู่เจาจำรูปลักษณ์ของเซวียหว่านอี้ไม่ได้ จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างยิ่งเซวียหว่านอี้ย่อกายคารวะ “คารวะท่านพี่เจ้าค่ะ”กิริยาท่วงท่าของนางนับว่าสมบูรณ์แบบไร้ที่ติความสมบูรณ์แบบนี้ หากพูดให้ฟังดูดีคือนางเป็นแบบอย่างของสตรีสูงศักดิ์ แต่หากพูดให้ฟังดูแย่ ก็คือความห่างเหินจนเกินไปไม่ทราบเพราะเหตุใด เซวียมู่เจาพลันรู้สึกขัดตาอยู่บ้าง“พี่น้องกันแท้ ๆ ไม่จำเป็นต้องมากพิ

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 25

    เมื่อเห็นใบหน้าที่คล้ายคลึงกันตรงหน้าทั้งสอง แม้จะไม่อยากยอมรับเพียงใด แต่ในใจของเซวียหมิงเฟยก็บังเกิดความคิดอันน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาอนุชิว คือมารดาผู้ให้กำเนิดของนางชีวิตสิบห้าปีที่ผาสุกในจวนซึ่งนางได้รับมา แท้จริงแล้วควรเป็นของเซวียหว่านอี้ฮูหยินเจียงมองคนทั้งสองในโถงด้วยสายตาเรียบเฉยไม่อยากยอมรับก็ไร้ประโยชน์อนุชิวและเซวียหมิงเฟย ช่างเหมือนกันเสียจริงนางปรายตามองเซวียฉงที่อยู่ข้างกายนางแวบหนึ่งไม่ว่าเขาจะรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ฮูหยินเจียงก็บังเกิดความแค้นเคืองต่อเขาแล้วเป็นเพราะความโปรดปรานที่บุรุษผู้นี้มีต่ออนุภรรยา จึงทำให้อนุชิวบังเกิดจิตใจอำมหิตถึงเพียงนี้แต่ตัวนางและบุตรสาวแท้ ๆ ช่างเป็นผู้บริสุทธิ์ยิ่งนักพลันนึกขึ้นได้ว่า เซวียหว่านอี้ได้รับพระราชทานสมรสกับจวนเจิ้นกั๋วกงแล้วหากเป็นเมื่อสองวันก่อน ฮูหยินเจียงย่อมไม่พอใจอยู่แล้วเรื่องสมรสของบุตรีอนุ ไฉนเลยจะสูงส่งกว่าบุตรสาวของนางได้แต่บัดนี้กลับไม่เหมือนเดิมแล้วนางเป็นถึงคุณหนูใหญ่จากจวนโหวโดยแท้ความรู้สึกนั้นจะมองว่าสำคัญก็ได้ หรือไม่สำคัญก็ได้ ทุกอย่างล้วนผูกพันกับผลประโยชน์ของตระกูล“นับแต่นี้ไป เบ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status