Share

บทที่ 17

พอเฉินมู่ตื่นขึ้นมาอีกที ก็เป็นเช้าของวันที่สองไปเสียแล้ว เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมกดตรวจสอบโปรแกรมของระบบเครื่องติดตาม ที่จริงแล้วมันเป็นของที่เธอทำขึ้นมาลวก ๆ ขณะเกิดเหตุ นัยย์ตาเรียวมองมือถืออยู่ครู่หนึ่ง โดยภาพรวมก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยสักนิด

เธอทิ้งโทรศัพท์ไว้อีกด้านของเตียง ก่อนจะเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำแล้วค่อยพาตัวเองก้าวฉับ ๆ เข้ามาในห้องผู้ป่วย ทว่าในห้องกลับมีโอวจินที่สวมเสื้อกาวน์นั่งอยู่

เฉินมู่ยกมือขึ้นทัก “คุณหมอโอว อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

โอวจินสาวเท้าเข้ามาใกล้ ๆ อย่างมีลับลมคมนัย “เฉินมู่ เมื่อวานหยุนเซียวสารภาพรักกับเธอแล้วใช่ไหม?”

เฉินมู่ผงะไป เธอดันโทรศัพท์เข้าไปใต้หมอนด้วนสีหน้าเรียบเฉยพลันส่ายหัว “เปล่านี่คะ”

โอวจินทุบต้นขาตัวเองอย่างแรงด้วยความโมโห “เปล่าเหรอ? นี่เธอเป็นคนจริง ๆ หรือท่อนไม้กันแน่ห๊ะ!”

เฉินมู่กระพริบตาปริบ ก่อนถาม “ทำไมเหรอคะ? ท่อนไม้อะไร?”

โอวจินดึงเฉินมู่ให้นั่งลงและพูดว่า “เฉินมู่ นี่เธอไม่รู้เลยหรือไง เมื่อวานตอนได้รับสายจากเธอ หยุนเซียวก็คลั่งจนแทบเป็นบ้า!”

“เขาสั่งให้แฮ็กเกอร์เจาะระบบกล้องวงจรปิดทั้งหมดที่อยู่ใกล้ร้านอาหาร ให้คนปิดถนนรอบ ๆ เอาไว้แล้วรีบขับรถไปคฤหาสน์ของประธานจางอย่างรวดเร็ว! ตอนที่ไป เอวของฮานเฉิงยังมีปืนพกไว้ด้วย! ท่าทางแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือไม่ เขาก็จะลงมือฆ่าทันที!”

เฉินมู่นิ่งค้าง “...คุณแน่ใจ?”

โอวจินพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “แน่ใจ!”

“แต่ที่เอวของฮานเฉิงไม่มีปืนนะคะ” เฉินมู่บอก “ตอนนั้น ฉันมองเห็นว่าที่เอวของเขามันว่างเปล่า ไม่มีปืนนะ”

โอวจินเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน “อันนี้....บางทีฮานเฉิงอาจจะลืมพกเข้าไปด้านในด้วยมั้ง...”

เฉินมู่ยิ้มออกมา “คุณหมอโอวคะ คุณอยากจะสื่ออะไรกันแน่”

โอวจินถอนหายใจ “หยุนเซียวไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้ อย่าไปหัวเราะเยาะเขาล่ะ เขาดีกับเธอมากจริง ๆ ผมเป็นพี่น้องกับเขามาตั้งหลายปี ตอนผมมีปัญหา เขายังไม่เคยดีกับผมขนาดนี้เลย!”

“นั่นเป็นเพราะผู้หญิงของนายสองคนตบตีกันเองต่างหาก ฉันไม่เรียกมันว่าธุระหรอกนะ” ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดออก ฮั่วหยุนเซียวก้าวยาว ๆ เดินเข้ามา

เฉินมู่ยิ้มบาง “ในที่สุดคุณก็มาสักที ถ้าคุณช้าไปกว่านี้ มีหวังคุณหมอโอวคงจะเขียนตำนานให้คุณได้เลยค่ะ”

ฮั่วหยุนเซียวเดินไปอยู่ที่ด้านหลังของโอวจิน พลางเอ่ยเสียงต่ำ “ยังไม่ไปอีก? จะรอให้ฉันบรรยายชีวประวัติของนายหรือไง”

โอวจิน “...”

โอวจินหลีกทางให้อย่างคล่องแคล่ว ฮั่วหยุนเซียวจึงนั่งลง “ผมให้ฮานเฉิงนำอาหารเช้าของร้านเซียวเซียงซวนมาด้วย คุณทานหน่อยนะ”

เฉินมู่พยักหน้าตอบตามมารยาท “ขอบคุณนะคะ ครั้งล่าสุดที่กินไป ฉันมักจะนึกถึงความอร่อยมันอยู่เสมอเลย!”

ฮานเฉิงหิ้วถุงอาหารขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วจัดเรียงกับข้าวแต่ละอย่างจนกลิ่นหอมโชยเข้าจมูก

เฉินมู่เงยหน้ามองแววตาเศร้าสร้อยของโอวจิน พลางถาม “ถ้าอย่างนั้น...คุณหมอโอวมาทานด้วยกันไหมคะ?”

“ไม่ต้อง” ฮั่วหยุนเซียวปฏิเสธเสียงเด็ดขาด ก่อนที่โอวจินจะคร่ำครวญใส่เพื่อนตัวเอง จนบอสฮั่วต้องพูดขึ้นมาว่า “ส่วนของนาย ฉันบอกพนักงานห่อมาให้เรียบร้อยแล้ว อยู่ที่ห้องทำงานนายนั่นแหละ”

โอวจินยิ้มหน้าบานขึ้นมาทันที “ขอบใจนะบอสฮั่ว!”

พักใหญ่หลังทานเข้าเช้าเสร็จ เฉินมู่ถึงได้ถามขึ้น “วันนี้ฉันเข้าพบประธานจางได้หรือยังคะ?”

ฮั่วหยุนเซียวพยักหน้า “ได้สิ”

จากนั้น ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ทว่าไม่นาน ฮานเฉิงก็ผลักประตูเข้ามา “บอสครับ คุณชายโอวเรียกหา”

พลันฮั่วหยุนเซียวก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย ขายาวเดินเรื่อย ๆ มาจนถึงห้องทำงานของโอวจิน ดูเหมือนว่าโอวจินจะทานข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว อีกฝ่ายเอนตัวพิงเก้าอี้พร้อมจดจ้องไปที่คอมพิวเตอร์ด้วยสีหน้าจริงจัง

ฮั่วหยุนเซียวเอ่ยถาม “มีอะไรงั้นเหรอ?”

“หยุนเซียว มาดูนี่” โอวจินกวักมือเรียก

ฮั่วหยุนเซียวเดินอ้อมไปด้านหลังของอีกคน บนหน้าจอคอมพิวเตอร์กำลังฉายภาพบันทึกแบบดิจิทัลวิดีโอ มันเป็นคลิปของเฉินมู่ในคฤหาสน์ส่วนตัวของประธานจางเมื่อวานก่อน

ในภาพฉายชัดว่า เฉินมู่ต่อสู้กับสุนัขล่าเนื้อที่ตัวเกือบเท่าคนอยู่ในกรง เธออัดต่อยหมัดเข้าไปที่เนื้อของมันด้วยท่าทางอันแข็งแกร่งจนชนะ

จากนั้นก็ใช้มือดึงแส้ที่ประธานจางฟาดลงมาเอาไว้พลางคล้องมันรัดคอเขาจนเกือบตาย

ตั้งแต่ต้นจนจบ ร่าบางนั่นไม่มีความตื่นตระหนกเลยสักนิด ไม่มีการร้องไห้ฟูมฟายและไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือ

เธอเหมือนกับหมาป่าเดียวดายที่คุ้นชินกับการลุยเดี่ยว แถมยังไม่ใช่แค่คุ้นเคยกับการลุยเดี่ยวอย่างเดียว แต่เธอยังคุ้นเคยกับการทุ่มกำลังแบบสุดตัวอีกด้วย

ขณะเลนส์กล้องจับภาพเฉินมู่ที่กำลังรัดคอของประธานจางอยู่ รอยยิ้มกระหายเลือดที่ริมฝีปากบางนั่นก็สามารถทำให้ผู้คนหวาดกลัวขึ้นมาได้

โอวจินพูดเสียงเบา “หยุนเซียว ฉันดูเจ้าหมาล่าเนื้อตัวนั้นแล้ว มันไม่ได้ถูกตีจนสลบ เฉินมู่ทุบกะโหลกมันจนตายต่างหาก”

ฮั่วหยุนเซียวขมวดคิ้ว โอวจินจึงขยายความต่อ “หยุนเซียว ต่อให้เป็นนายในปีนั้น การจะฆ่าหมาล่าเนื้อให้ตายภายในสองนาที ก็ใช่ว่าจะทำได้นะ แต่เฉินมู่คนนี้กลับมีพลังต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ”

ฮั่วหยุนเซียวพยักหน้า “ฉันรู้แล้ว”

โอวจินบันทึกวิดีโอลงในไดรฟ์ยูเอสบีแล้วส่งมันให้กับฮั่วหยุนเซียว เจ้าตัวถอนหายใจยาว “หยุนเซียว ที่มาของคุณหนูเฉินคนนี้...”

ฮั่วหยุนเซียวรับยูเอสบีมาพลันเอ่ยตัดบท “เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง นายตั้งใจรักษาบาดแผลบนใบหน้าของเธอก็พอ”

ตอนบ่าย โอวจินจัดการเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้เฉินมู่ เธออาศัยความช่วยเหลือของฮานเฉิงเพื่อนำทางไปพบกับประธานจาง

รถขับออกไปนอกเมือง ประธานจางถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินของคฤหาสน์แห่งหนึ่ง เฉินมู่เดินเข้าไปช้า ๆ ชายตรงหน้ายังไร้ร่องรอยบาดแผลบนตัว แต่ใบหน้ากลับซีดเผือดจนน่าตกใจ หากไม่ใช่เพราะว่าร่างนั้นยังไอโขลกอยู่ตลอดเวลา เฉินมู่คิดว่าเขาตายแล้วจริง ๆ

พอเห็นเฉินมู่เดินเข้ามา ประธานจางก็ร้องไห้ตะโกนลั่น “คุณหนูเฉินครับ! คุณหนูเฉิน คุณหนูผู้ใจกว้าง ปล่อยผมไปเถอะนะ! กรุณาบอกให้บอสฮั่วปล่อยผมไปด้วยเถอะนะครับ!”

เฉินมู่ดึงเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้าเขาแล้วตอบ “คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”

“รู้แล้วครับ! รู้แล้ว! เป็นคนโปรดของบอสฮั่ว!” ประธานจางรีบพูดออกมาทันที

นิ้วเรียวขยับนวดหว่างคิ้วสองสามครั้ง “ฉันถามว่า คุณรู้ไหมว่าฉันชื่ออะไร?”

ประธานจางพยักหน้า “รู้ครับ! รู้ คุณหนูเฉินคนโตของตระกูลเฉิน! เฉินมู่!”

“ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังแตะต้องฉัน?”เฉินมู่ถามกลับ

ประธานจางร้องไห้พร้อมตะโกนออกมาไม่หยุด “คุณหนูเฉินครับ! ผมไม่ได้เป็นคนทำนะครับ! เป็นน้องสาวของคุณต่างหากที่ส่งตัวคุณมาให้ผม! เธอเป็นคนพูดว่าคุณสะเพร่าเอง! ถ้าหากผมรู้ว่าคุณเป็นคนของบอสฮั่ว ต่อให้ผมบ้าดีเดือดมากขนาดไหน ผมก็คงไม่กล้าทำหรอก!”

เฉินมู่ตรวจเช็คปากกาบันทึกเสียงในมือให้แน่ใจว่าคุณภาพของเสียงไม่มีปัญหา จากนั้นก็บอกประธานจางว่า “เรียบร้อย ฉันถามจบแล้ว ขอบใจมากที่ให้ความร่วมมือ”

เธอลุกขึ้นเตรียมตัวออกไป หากประธานจางยังตะโกนรั้งไม่หยุด “คุณหนูเฉิน! คุณหนูเฉิน! คุณรีบบอกให้บอสฮั่วปล่อยตัวผมสักทีเถอะครับ!”

เฉินมู่ชะงักฝีเท้า ร่างเล็กหมุนตัวหันมามองคนพูดแล้วเดินเข้าไปทีละก้าว เธอก้มตัวลงพิจารณาเขาอย่างละเอียดแล้วยกริมฝีปากขึ้นมุมปาก “คุณพูดผิดแล้ว ฉันไม่ใช่คนโปรดของใครทั้งนั้น แล้วก็ไม่สามารถทำให้ฮั่วหยุนเซียวปล่อยคุณไปได้ด้วย”

ประธานจางตะโกนออกมาอย่างฉุนเฉียว “คุณพูดบ้าอะไร! เขาทำไปก็เพื่อคุณนะ!”

เฉินมู่ชักมีดสั้นที่พกติดตัวออกมา มีดคมกริบตวัดเฉือนผ่านอย่างแรงจนคนที่นั่งอยู่ยังตกใจ ประธานจางกรีดร้องโหยหวน “มือของฉัน...มือของฉัน...”

มือบางเก็บมีดลงที่เดิมเสร็จ “ทำลายมือคุณไปข้างหนึ่ง ถือว่าหายกัน คุณต้องจำไว้ว่า ที่คุณไม่กล้าแตะต้องฉันน่ะ ไม่ได้เป็นเพราะว่าฉันเป็นคนของใคร แต่เป็นเพราะว่าฉันน่ะคือ เฉินมู่”

อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องดูวีดิทัศน์ ฮั่วหยุนเซียวกำลังมองกล้องวงจรปิด เฉินมู่ตัดเส้นเอ็นข้อมือของประธานจางโดยที่สีหน้าของธอยังคงนิ่งสนิท แล้วทุกอย่างก็ปิดฉากลง

ที่เขายังไม่ได้จัดการกับประธานจางก็เพื่อให้เฉินมู่ไปสอบถาม แต่สภาพจิตใจของเฉินมู่นั้นแตกต่างจากที่เขาจินตนาการอยู่มากโข

เธอเผชิญหน้ากับคนที่เคยทำร้ายตัวเองโดยที่ไม่กลัวเลยสักนิด แถมยังยกมีดขึ้นและเฉือนฟันออกไปอย่างเฉียบคม

หญิงสาวคนนี้ ไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวกันกับที่ผู้คนในสังคมพูดถึงอย่างแน่นอน ผู้หญิงที่ตลอดยี่สิบปีก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งของคนอื่นอย่างโดดเดี่ยว

เห็นได้ชัดว่าเธอแข็งแกร่ง ไร้ความปราณี อีกทั้งยังหยิ่งยโสและถือดี

ฮั่วหยุนเซียวหลับตาลงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเฉินมู่ “จัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”

เฉินมู่ตอบด้วยน้ำเสียงปกติ “เสร็จแล้ว ขอบคุณนะคะ”

ไม่มีการขอร้อง ไม่มีการอธิบาย เธอไม่สนใจเลยสักนิดว่าหลังจากนี้ฮั่วหยุนเซียวจะต้องลงไปตรวจสอบ และเห็นว่ามือของประธานจางได้ถูกทำลายไปเสียแล้ว

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status