Share

บทที่ 17

Author: เฉียวเหมย
พอเฉินมู่ตื่นขึ้นมาอีกที ก็เป็นเช้าของวันที่สองไปเสียแล้ว เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมกดตรวจสอบโปรแกรมของระบบเครื่องติดตาม ที่จริงแล้วมันเป็นของที่เธอทำขึ้นมาลวก ๆ ขณะเกิดเหตุ นัยย์ตาเรียวมองมือถืออยู่ครู่หนึ่ง โดยภาพรวมก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยสักนิด

เธอทิ้งโทรศัพท์ไว้อีกด้านของเตียง ก่อนจะเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำแล้วค่อยพาตัวเองก้าวฉับ ๆ เข้ามาในห้องผู้ป่วย ทว่าในห้องกลับมีโอวจินที่สวมเสื้อกาวน์นั่งอยู่

เฉินมู่ยกมือขึ้นทัก “คุณหมอโอว อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

โอวจินสาวเท้าเข้ามาใกล้ ๆ อย่างมีลับลมคมนัย “เฉินมู่ เมื่อวานหยุนเซียวสารภาพรักกับเธอแล้วใช่ไหม?”

เฉินมู่ผงะไป เธอดันโทรศัพท์เข้าไปใต้หมอนด้วนสีหน้าเรียบเฉยพลันส่ายหัว “เปล่านี่คะ”

โอวจินทุบต้นขาตัวเองอย่างแรงด้วยความโมโห “เปล่าเหรอ? นี่เธอเป็นคนจริง ๆ หรือท่อนไม้กันแน่ห๊ะ!”

เฉินมู่กระพริบตาปริบ ก่อนถาม “ทำไมเหรอคะ? ท่อนไม้อะไร?”

โอวจินดึงเฉินมู่ให้นั่งลงและพูดว่า “เฉินมู่ นี่เธอไม่รู้เลยหรือไง เมื่อวานตอนได้รับสายจากเธอ หยุนเซียวก็คลั่งจนแทบเป็นบ้า!”

“เขาสั่งให้แฮ็กเกอร์เจาะระบบกล้องวงจรปิดทั้งหมดที่อยู่ใกล้ร้านอาหาร ให้คนปิดถนนรอบ ๆ เอาไว้แล้วรีบขับรถไปคฤหาสน์ของประธานจางอย่างรวดเร็ว! ตอนที่ไป เอวของฮานเฉิงยังมีปืนพกไว้ด้วย! ท่าทางแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือไม่ เขาก็จะลงมือฆ่าทันที!”

เฉินมู่นิ่งค้าง “...คุณแน่ใจ?”

โอวจินพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “แน่ใจ!”

“แต่ที่เอวของฮานเฉิงไม่มีปืนนะคะ” เฉินมู่บอก “ตอนนั้น ฉันมองเห็นว่าที่เอวของเขามันว่างเปล่า ไม่มีปืนนะ”

โอวจินเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน “อันนี้....บางทีฮานเฉิงอาจจะลืมพกเข้าไปด้านในด้วยมั้ง...”

เฉินมู่ยิ้มออกมา “คุณหมอโอวคะ คุณอยากจะสื่ออะไรกันแน่”

โอวจินถอนหายใจ “หยุนเซียวไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้ อย่าไปหัวเราะเยาะเขาล่ะ เขาดีกับเธอมากจริง ๆ ผมเป็นพี่น้องกับเขามาตั้งหลายปี ตอนผมมีปัญหา เขายังไม่เคยดีกับผมขนาดนี้เลย!”

“นั่นเป็นเพราะผู้หญิงของนายสองคนตบตีกันเองต่างหาก ฉันไม่เรียกมันว่าธุระหรอกนะ” ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดออก ฮั่วหยุนเซียวก้าวยาว ๆ เดินเข้ามา

เฉินมู่ยิ้มบาง “ในที่สุดคุณก็มาสักที ถ้าคุณช้าไปกว่านี้ มีหวังคุณหมอโอวคงจะเขียนตำนานให้คุณได้เลยค่ะ”

ฮั่วหยุนเซียวเดินไปอยู่ที่ด้านหลังของโอวจิน พลางเอ่ยเสียงต่ำ “ยังไม่ไปอีก? จะรอให้ฉันบรรยายชีวประวัติของนายหรือไง”

โอวจิน “...”

โอวจินหลีกทางให้อย่างคล่องแคล่ว ฮั่วหยุนเซียวจึงนั่งลง “ผมให้ฮานเฉิงนำอาหารเช้าของร้านเซียวเซียงซวนมาด้วย คุณทานหน่อยนะ”

เฉินมู่พยักหน้าตอบตามมารยาท “ขอบคุณนะคะ ครั้งล่าสุดที่กินไป ฉันมักจะนึกถึงความอร่อยมันอยู่เสมอเลย!”

ฮานเฉิงหิ้วถุงอาหารขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วจัดเรียงกับข้าวแต่ละอย่างจนกลิ่นหอมโชยเข้าจมูก

เฉินมู่เงยหน้ามองแววตาเศร้าสร้อยของโอวจิน พลางถาม “ถ้าอย่างนั้น...คุณหมอโอวมาทานด้วยกันไหมคะ?”

“ไม่ต้อง” ฮั่วหยุนเซียวปฏิเสธเสียงเด็ดขาด ก่อนที่โอวจินจะคร่ำครวญใส่เพื่อนตัวเอง จนบอสฮั่วต้องพูดขึ้นมาว่า “ส่วนของนาย ฉันบอกพนักงานห่อมาให้เรียบร้อยแล้ว อยู่ที่ห้องทำงานนายนั่นแหละ”

โอวจินยิ้มหน้าบานขึ้นมาทันที “ขอบใจนะบอสฮั่ว!”

พักใหญ่หลังทานเข้าเช้าเสร็จ เฉินมู่ถึงได้ถามขึ้น “วันนี้ฉันเข้าพบประธานจางได้หรือยังคะ?”

ฮั่วหยุนเซียวพยักหน้า “ได้สิ”

จากนั้น ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ทว่าไม่นาน ฮานเฉิงก็ผลักประตูเข้ามา “บอสครับ คุณชายโอวเรียกหา”

พลันฮั่วหยุนเซียวก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย ขายาวเดินเรื่อย ๆ มาจนถึงห้องทำงานของโอวจิน ดูเหมือนว่าโอวจินจะทานข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว อีกฝ่ายเอนตัวพิงเก้าอี้พร้อมจดจ้องไปที่คอมพิวเตอร์ด้วยสีหน้าจริงจัง

ฮั่วหยุนเซียวเอ่ยถาม “มีอะไรงั้นเหรอ?”

“หยุนเซียว มาดูนี่” โอวจินกวักมือเรียก

ฮั่วหยุนเซียวเดินอ้อมไปด้านหลังของอีกคน บนหน้าจอคอมพิวเตอร์กำลังฉายภาพบันทึกแบบดิจิทัลวิดีโอ มันเป็นคลิปของเฉินมู่ในคฤหาสน์ส่วนตัวของประธานจางเมื่อวานก่อน

ในภาพฉายชัดว่า เฉินมู่ต่อสู้กับสุนัขล่าเนื้อที่ตัวเกือบเท่าคนอยู่ในกรง เธออัดต่อยหมัดเข้าไปที่เนื้อของมันด้วยท่าทางอันแข็งแกร่งจนชนะ

จากนั้นก็ใช้มือดึงแส้ที่ประธานจางฟาดลงมาเอาไว้พลางคล้องมันรัดคอเขาจนเกือบตาย

ตั้งแต่ต้นจนจบ ร่าบางนั่นไม่มีความตื่นตระหนกเลยสักนิด ไม่มีการร้องไห้ฟูมฟายและไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือ

เธอเหมือนกับหมาป่าเดียวดายที่คุ้นชินกับการลุยเดี่ยว แถมยังไม่ใช่แค่คุ้นเคยกับการลุยเดี่ยวอย่างเดียว แต่เธอยังคุ้นเคยกับการทุ่มกำลังแบบสุดตัวอีกด้วย

ขณะเลนส์กล้องจับภาพเฉินมู่ที่กำลังรัดคอของประธานจางอยู่ รอยยิ้มกระหายเลือดที่ริมฝีปากบางนั่นก็สามารถทำให้ผู้คนหวาดกลัวขึ้นมาได้

โอวจินพูดเสียงเบา “หยุนเซียว ฉันดูเจ้าหมาล่าเนื้อตัวนั้นแล้ว มันไม่ได้ถูกตีจนสลบ เฉินมู่ทุบกะโหลกมันจนตายต่างหาก”

ฮั่วหยุนเซียวขมวดคิ้ว โอวจินจึงขยายความต่อ “หยุนเซียว ต่อให้เป็นนายในปีนั้น การจะฆ่าหมาล่าเนื้อให้ตายภายในสองนาที ก็ใช่ว่าจะทำได้นะ แต่เฉินมู่คนนี้กลับมีพลังต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ”

ฮั่วหยุนเซียวพยักหน้า “ฉันรู้แล้ว”

โอวจินบันทึกวิดีโอลงในไดรฟ์ยูเอสบีแล้วส่งมันให้กับฮั่วหยุนเซียว เจ้าตัวถอนหายใจยาว “หยุนเซียว ที่มาของคุณหนูเฉินคนนี้...”

ฮั่วหยุนเซียวรับยูเอสบีมาพลันเอ่ยตัดบท “เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง นายตั้งใจรักษาบาดแผลบนใบหน้าของเธอก็พอ”

ตอนบ่าย โอวจินจัดการเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้เฉินมู่ เธออาศัยความช่วยเหลือของฮานเฉิงเพื่อนำทางไปพบกับประธานจาง

รถขับออกไปนอกเมือง ประธานจางถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินของคฤหาสน์แห่งหนึ่ง เฉินมู่เดินเข้าไปช้า ๆ ชายตรงหน้ายังไร้ร่องรอยบาดแผลบนตัว แต่ใบหน้ากลับซีดเผือดจนน่าตกใจ หากไม่ใช่เพราะว่าร่างนั้นยังไอโขลกอยู่ตลอดเวลา เฉินมู่คิดว่าเขาตายแล้วจริง ๆ

พอเห็นเฉินมู่เดินเข้ามา ประธานจางก็ร้องไห้ตะโกนลั่น “คุณหนูเฉินครับ! คุณหนูเฉิน คุณหนูผู้ใจกว้าง ปล่อยผมไปเถอะนะ! กรุณาบอกให้บอสฮั่วปล่อยผมไปด้วยเถอะนะครับ!”

เฉินมู่ดึงเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้าเขาแล้วตอบ “คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”

“รู้แล้วครับ! รู้แล้ว! เป็นคนโปรดของบอสฮั่ว!” ประธานจางรีบพูดออกมาทันที

นิ้วเรียวขยับนวดหว่างคิ้วสองสามครั้ง “ฉันถามว่า คุณรู้ไหมว่าฉันชื่ออะไร?”

ประธานจางพยักหน้า “รู้ครับ! รู้ คุณหนูเฉินคนโตของตระกูลเฉิน! เฉินมู่!”

“ถึงอย่างนั้นคุณก็ยังแตะต้องฉัน?”เฉินมู่ถามกลับ

ประธานจางร้องไห้พร้อมตะโกนออกมาไม่หยุด “คุณหนูเฉินครับ! ผมไม่ได้เป็นคนทำนะครับ! เป็นน้องสาวของคุณต่างหากที่ส่งตัวคุณมาให้ผม! เธอเป็นคนพูดว่าคุณสะเพร่าเอง! ถ้าหากผมรู้ว่าคุณเป็นคนของบอสฮั่ว ต่อให้ผมบ้าดีเดือดมากขนาดไหน ผมก็คงไม่กล้าทำหรอก!”

เฉินมู่ตรวจเช็คปากกาบันทึกเสียงในมือให้แน่ใจว่าคุณภาพของเสียงไม่มีปัญหา จากนั้นก็บอกประธานจางว่า “เรียบร้อย ฉันถามจบแล้ว ขอบใจมากที่ให้ความร่วมมือ”

เธอลุกขึ้นเตรียมตัวออกไป หากประธานจางยังตะโกนรั้งไม่หยุด “คุณหนูเฉิน! คุณหนูเฉิน! คุณรีบบอกให้บอสฮั่วปล่อยตัวผมสักทีเถอะครับ!”

เฉินมู่ชะงักฝีเท้า ร่างเล็กหมุนตัวหันมามองคนพูดแล้วเดินเข้าไปทีละก้าว เธอก้มตัวลงพิจารณาเขาอย่างละเอียดแล้วยกริมฝีปากขึ้นมุมปาก “คุณพูดผิดแล้ว ฉันไม่ใช่คนโปรดของใครทั้งนั้น แล้วก็ไม่สามารถทำให้ฮั่วหยุนเซียวปล่อยคุณไปได้ด้วย”

ประธานจางตะโกนออกมาอย่างฉุนเฉียว “คุณพูดบ้าอะไร! เขาทำไปก็เพื่อคุณนะ!”

เฉินมู่ชักมีดสั้นที่พกติดตัวออกมา มีดคมกริบตวัดเฉือนผ่านอย่างแรงจนคนที่นั่งอยู่ยังตกใจ ประธานจางกรีดร้องโหยหวน “มือของฉัน...มือของฉัน...”

มือบางเก็บมีดลงที่เดิมเสร็จ “ทำลายมือคุณไปข้างหนึ่ง ถือว่าหายกัน คุณต้องจำไว้ว่า ที่คุณไม่กล้าแตะต้องฉันน่ะ ไม่ได้เป็นเพราะว่าฉันเป็นคนของใคร แต่เป็นเพราะว่าฉันน่ะคือ เฉินมู่”

อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องดูวีดิทัศน์ ฮั่วหยุนเซียวกำลังมองกล้องวงจรปิด เฉินมู่ตัดเส้นเอ็นข้อมือของประธานจางโดยที่สีหน้าของธอยังคงนิ่งสนิท แล้วทุกอย่างก็ปิดฉากลง

ที่เขายังไม่ได้จัดการกับประธานจางก็เพื่อให้เฉินมู่ไปสอบถาม แต่สภาพจิตใจของเฉินมู่นั้นแตกต่างจากที่เขาจินตนาการอยู่มากโข

เธอเผชิญหน้ากับคนที่เคยทำร้ายตัวเองโดยที่ไม่กลัวเลยสักนิด แถมยังยกมีดขึ้นและเฉือนฟันออกไปอย่างเฉียบคม

หญิงสาวคนนี้ ไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวกันกับที่ผู้คนในสังคมพูดถึงอย่างแน่นอน ผู้หญิงที่ตลอดยี่สิบปีก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งของคนอื่นอย่างโดดเดี่ยว

เห็นได้ชัดว่าเธอแข็งแกร่ง ไร้ความปราณี อีกทั้งยังหยิ่งยโสและถือดี

ฮั่วหยุนเซียวหลับตาลงแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเฉินมู่ “จัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”

เฉินมู่ตอบด้วยน้ำเสียงปกติ “เสร็จแล้ว ขอบคุณนะคะ”

ไม่มีการขอร้อง ไม่มีการอธิบาย เธอไม่สนใจเลยสักนิดว่าหลังจากนี้ฮั่วหยุนเซียวจะต้องลงไปตรวจสอบ และเห็นว่ามือของประธานจางได้ถูกทำลายไปเสียแล้ว
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 255

    ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 254

    เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 253

    เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 252

    แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 251

    “นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 250

    เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status