คำพูดขาดหายไปทันที ตอนเช้าเธอส่งเค้กกับคุกกี้ให้ฮั่วหยุนเซียวด้วยความปลื้มปลิ่ม และฮั่วหยุนเซียวก็กินเข้าไปตั้งหลายชิ้น หรือจะพูดว่า…โอวจินยื่นบันทึกการทดลองทางการแพทย์ให้กับเฉินมู่ แล้วพูดด้วยเสียงจริงจังอย่างหาได้ยาก “หยุนเซียวหมดสติไปเพราะเลือดออกในกระเพาะอาหาร เราได้ทำการตรวจเอ็กซ์เรย์และล้างกระเพาะอาหารไปแล้ว ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต วันนี้เขาทานไปแค่อย่างเดียว นั่นก็คือของหวานที่คุณหนูเฉินส่งมา”“ผมทดสอบตัวอย่างของขนมหวานนั่นแล้ว ในคุกกี้มีส่วนประกอบของสารเคมีที่ใช้ทางอุตสาหกรรมปนอยู่เล็กน้อย มันสามารถเอามาใช้เป็นยาพิษสูตรดั้งเดิมได้ ด้วยปริมาณที่มีน้อย จึงไม่ได้ทำให้เสี่ยงอันตรายจนถึงชีวิต”เฉินมู่เปิดรายงานผลการทดสอบ ด้านบนเนืองแน่นไปด้วยศัพท์ทางการแพทย์ที่อ่านไม่เข้าใจ แต่ว่าคำพูดของโอวจินนั้นเธอฟังออกชัดทุกถ้อยคำดังนั้น เพราะของหวานที่เธอส่งไป ทำให้ฮั่วหยุนเซียวกินแล้วต้องเข้าโรงพยาบาล“ฉัน...” เฉินมู่อ้าปาก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดีทั้งพยานหลักฐานและพยานวัตถุก็มีพร้อม เธออธิบายไปก็จะมีแต่ยิ่งทำให้คำพูดดูไร้น้ำหนักสีหน้าโอวจินดูเอาจริงเอาจัง จากนั้นจึงถอนหายใจออกมา
เฉินมู่ขยี้ผมไปมาเชิงหัวเสีย “วางแผนฆาตกรรม! คุณเชื่อหรือเปล่าล่ะ?”ฮั่วหยุนเซียวหัวเราะเบา ๆ “โอวจินไม่ได้บอกคุณเหรอ? ปริมาณยามันน้อยเกินไป ไม่เพียงพอที่จะคร่าชีวิตคนได้”เฉินมู่ถลึงตาใส่เขากลับ “นี่คุณเชื่อจริง ๆ เหรอคะ! ฆ่าคุณไปแล้วฉันจะได้อะไรขึ้นมา?”ฮั่วหยุนเซียวไม่ได้ตอบกลับ เขาลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงช้า ๆ “เทน้ำให้ผมหน่อย”เฉินมู่ลุกขึ้นเดินไปเทน้ำแล้วยื่นแก้วไปให้ฮั่วหยุนเซียว พอเห็นเขานั่งพิงอย่างไม่สบายตัว ก็เลยหยิบหมอนใบหนึ่งขึ้นมายัดไว้ด้านหลังของฮั่วหยุนเซียวให้ชายหนุ่มขยับตัวให้เข้าที่เข้าทาง เขายิ้มบาง ๆ “ช่างรู้ความจริง ๆ”เฉินมู่นั่งลงพลางถามกลับ “คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันจะหาให้ได้ว่าใครเป็นคนวางยา จะไม่ปล่อยให้คุณเจ็บตัวฟรี ๆ แน่”ฮั่วหยุนเซียวตะลึงงัน คำพูดที่กล้าหาญนี้ออกมาจากปากของเฉินมู่เล่นเอาเขาทึ่งไปเลยตั้งแต่เด็กจนโต เขาเป็นผู้มีอำนาจควบคุมทุกอย่างในตระกูลฮั่ว แต่ไหนแต่ไรก็เป็นเขาที่ต้องคอยปกป้องตระกูลฮั่ว ปกป้องคนอื่น ๆแต่ตอนนี้ มีสาวน้อยคนหนึ่งที่เครื่องสำอางค์ลอกออกแทบจะหมดหน้านั่งอยู่ข้างเตียงของเขาด้วยท่าทีของคนที่กำลังกึ่งง่วงงุนกึ่งมีสติ แถมยังพู
เฉินมู่ส่ายหน้า “ฉันยังมีธุระต้องที่ต้องกลับไปทำอยู่ อีกอย่างจะให้ฉันใส่ชุดราตรีเดินไปเดินมาตลอดเวลาก็คงไม่ได้ รอฉันทำธุระเสร็จก่อนแล้วคืนนี้จะมาอีกนะคะ”ฮั่วหยุนเซียวพยักหน้า “เดินทางระวัง ๆ”จากนั้นเฉินมู่ก็เดินออกไปจากห้องผู้ป่วยโอวจินยื่นมือโบกไปมาตรงหน้าเพื่อนสนิทพร้อมพูดหยอกล้อ “คนน่ะไปแล้ว! ไม่ต้องมองตาละห้อยขนาดนั้นก็ได้ไหม?”ฮั่วหยุนเซียวถอนสายตากลับมา “ฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้ตอนไหน?”โอวจินที่อยู่บนโซฟาพูดตอบ “อยู่เพิ่มอีกสักสองวันไม่ดีเหรอ? นายจะได้มีเหตุผลให้เฉินมู่มาเยี่ยมทุกวันไง”ฮั่วหยุนเซียว “.....”พูดได้สมเหตุสมผลดีนี่!โอวจินกระตุกยิ้ม “พี่ชาย ฉันไม่เคยพูดเหรอว่าแต่ไหนแต่ไร นายเป็นคนที่ไม่กินของหวานเลย แต่นี่กลับซัดคุกกี้ไปตั้งหนึ่งกล่องใหญ่ นี่นายกลัวว่าตัวเองจะตายช้าลงหรืออะไร?”“เฉินมู่เป็นคนทำเองกับมือใช่ไหม? หรือว่าโตขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยกินของหวานที่ผู้หญิงทำเหรอ?”“คุณบอสฮั่วครับ ถ้าครั้งนี้ไม่ได้ไหวพริบอันรวดเร็วของผม เรื่องนี้จะต้องสร้างปัญหาให้กับตระกูลฮั่วของพวกนายแน่ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น เฉินมู่คงจะมานั่งพูดคุยกับนายอยู่ตรงนี้ได้หรอก? มีหวังคน
พอเฉินมู่อยากจะคิดบัญชีก็ดันหาตัวต้นเหตุไม่เจอ อย่างนั้นก็กลับห้องไปนอนต่ออีกหน่อยดีกว่า รอคนกลับมาแล้วค่อยว่ากันเธอเพิ่งจะก้าวเท้าเข้ามาภายในห้อง โทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงดังขึ้น พอเห็นว่าคุณนายลู่เป็นคนโทรมาจึงถอนหายใจแล้วรับสาย “สวัสดีค่ะ คุณป้า”เสียงร้องไห้ของคุณนายลู่ดังขึ้นจากปลายสาย เสียงสั่นเครือพูดเป็นระยะ ๆ “เสี่ยวมู่ หนูรีบมาเร็วเข้า ป้าขอโทษหนูด้วยจริง ๆ ป้า...”พอเฉินมู่รับรู้ถึงน้ำเสียงวิตกของอีกคน เธอจึงเดินลงบันไดไปพลางพูดปลอบไปว่า “คุณป้าอย่าใจร้อนไปนะคะ หนูจะไปเดี๋ยวนี้”หญิงสาวโบกรถไปที่บ้านตระกูลลู่ เมื่อวานนี้ครอบครัวนี้ยังดูครึกครื้นอยู่เลย ทว่าวันนี้ห้องรับแขกกลับดูอึมครึมจนน่าตกใจ ที่ด้านหน้าก็ไม่มีคนรับใช้อยู่เลยสักคน การ์ดจำนวนหนึ่งถูกสั่งให้ยืนเฝ้าประตูหน้าไว้เพื่อกันไม่อนุญาติให้คนนอกเข้าไปเฉินมู่เดินผ่านการ์ดเข้าไป ก่อนจะเห็นคุณนายลู่กับคุณท่านลู่นั่งอยู่ตรงกลางโซฟา ส่วนลู่ซีเจ๋อก็นั่งอยู่ที่โซฟาเดี่ยวก้มหน้าไม่พูดอะไรครอบครัวเฉินลี้ซานเองก็อยู่กันพร้อมหน้าพลางล้อมรอบเฉินชิงเสวี่ยอยู่อีกด้าน เฉินชิงเสวี่ยกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นพอคุณนายลู่เห็นเฉิน
คุณนายลู่มองท่าทางอ่อนแอไร้กระดูกของเฉินชิงเสวี่ยแล้วพูดกังขาออกมาประโยคหนึ่ง “ก่อเรื่องแบบนี้ไปแล้วยังจะเหลือชื่อเสียงอะไรอีก?”คุณท่านลู่พยักหน้า “แต่คุณเฉินพูดถูกแล้ว ถึงยังไงพวกเราทั้งสองตระกูลก็ต้องดองกันอยู่ดี จัดการให้มันเร็วขึ้นหน่อยคงจะดีกว่า”คุณนายลู่มองไปยังเฉินมู่ เธอตัดใจจากเฉินมู่ไม่ได้จริง ๆ! เฉินมู่เป็นคนที่เธอคอยเฝ้าดูจนเติบใหญ่ เป็นคนที่เธอเลือกให้มาเป็นลูกสะใภ้!เฉินชิงเสวี่ยเอนกายพิงอกลู่ซีเจ๋อพร้อมกัดริมฝีปาก ให้ตายสิ! เธอเล่นใหญ่ขนาดนี้แล้วนะ! คุณนายลู่ยังจะอยากได้นังเฉินมู่อยู่อีกหรือ!ซู่หรูหลานเห็นดังนั้นจึงรีบพูดเสริมขึ้นมาทันที “ใช่แล้วค่ะ เสี่ยวมู่ก็เคยพูดเองว่าการหมั้นถูกยกเลิกไปแล้ว คงจะไม่มีความเห็นอะไรหรอกค่ะ ในเมื่อซีเจ๋อกับชิงเสวี่ย เด็กสองคนนี้ใจตรงกัน ก็ช่วยสนับสนุนพวกเขาเถอะค่ะ...”บรรยากาศอึมครึมในห้องนั่งเล่นเริ่มแพร่กระจายออกมา เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่น้ำตาคลอเบ้า “พี่คะ หนูรู้ว่าหนูทำผิดต่อพี่ แต่ว่าหนูรักซีเจ๋อจริง ๆ นะคะ ได้โปรด...”นี่ยังต้องบังคับให้เฉินมู่พยักหน้าด้วยหรือนี่!เดิมทีเฉินมู่ก็ไม่ได้ถือสาอยู่แล้วที่ทั้งคู่จะมาอยู่ด้วยกั
ทันทีที่เฉินมู่พูดออกมา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ตกตะลึงไปพร้อม ๆ กัน วางยาพิษอะไรหรือ?ใบหน้าของซู่หรูหลานซีดเซียว หล่อนรีบวิ่งไปดึงตัวเฉินชิงเสวี่ยเข้ามาในอ้อมแขนทันที “เฉินมู่! นี่เธอพูดเรื่องบ้าอะไร? ตอนนี้กำลังคุยกันเรื่องงานแต่งงานของน้องสาวเธออยู่ อย่ามาทำแบบนี้เพียงเพราะมีความเคียดแค้นในใจแล้วมายัดเยียดความผิดให้คนอื่นนะ!”ลู่ซีเจ๋อก้าวเท้ามายืนอยู่ข้างหน้าเฉินชิงเสวี่ยและซู่หรูหลานด้วยความโกรธ “เฉินมู่ คุณนี่มันชอบสร้างปัญหาเหลือเกินนะ ที่ผ่านมาคุณกลั่นแกล้งเสวี่ยเอ๋อยังไม่พออีกเหรอ?”พ่อลู่และแม่ลู่ก็ตกใจเช่นกัน มีกลอุบายมากมายในตระกูลที่ร่ำรวยเช่นนี้ได้อย่างไรกัน แต่เรื่องที่วางยาพิษเป็นเรื่องที่หาได้ยากที่จะเกิดขึ้นต่อหน้าผู้คนคุณนายลู่ยืนขึ้นแล้วเดินไปข้าง ๆ เฉินมู่ จากนั้นถามอย่างประหม่า “เสี่ยวมู่ วางยาพิษอะไรเหรอ? มันเกิดอะไรขึ้น? บอกป้ามา ป้าจะเป็นจัดการให้”“แม่! เวลานี้ยังจะช่วยเฉินมู่อยู่อีกเหรอครับ? เธอทำให้เห็นชัดเจนแล้วว่าวางแผนทำร้ายคนอื่น! เธอไม่อยากให้เสวี่ยเอ๋อแต่งงานกับผมอย่างราบรื่น ดังนั้นเธอจึงพูดเรื่องเลวร้ายนี้ขึ้นมา!”ลู่ซีเจ๋อรู้สึกว่าแม่ของตัวเองน
ทันทีที่คุณนายลู่เห็นการแสดงละครของซู่หรูหลานก็รู้สึกจิตใจว้าวุ่น ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของลูกชายตัวเอง หล่อนคงจัดการกับสองแม่ลูกคู่นี้ไปแล้ว!“ซีเจ๋อ! หุบปาก!” คุณนายลู่ดุลูกชายด้วยความโกรธ ถ้าลู่ซีเจ๋อยังยืนกรานแบบนี้ต่อไป มันจะยิ่งทำร้ายหัวใจของเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ!พ่อลู่กับเฉินลี้ซานมองดูผู้หญิงที่ทั้งร้องไห้ทั้งทำเสียงดังโวยวายแล้วล้วนรู้สึกว่าพวกหล่อนกำลังทำให้ผู้นำตระกูลอย่างพวกเขาขายหน้า ทว่าสามีอย่างพวกตนจะพูดอะไรได้ จะกลืนก็ไม่เข้า จะคายก็ไม่ออก ลู่ซีเจ๋อโกรธมาก ทำไมเขาถึงควบคุมความคิดของแม่ตัวเองไม่ได้นะเขามองไปที่เฉินมู่ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เฉินมู่ คุณต้องบอกแม่ผมเองว่า ที่คุณถอนหมั้นนั้นเป็นเพราะเรื่องของชิงเสวี่ยกับผม หรือเพราะว่าคุณเปลี่ยนใจไปรักชายอื่นแล้ว! เมื่อวานคุณลุกลี้ลุกลนรีบออกไปจากงานเลี้ยง คุณรีบไปหาใครกันแน่!”“คุณนี่ช่างคิดได้อย่างรอบคอบเหลือเกินนะ! ในขณะที่ใจหนึ่งก็เลี้ยงดูผู้ชายแปลกหน้าอยู่ด้านนอก อีกใจหนึ่งก็กำลังวางแผนเอาใจแม่ของผมให้ได้แต่งงานกับตระกูลลู่ คุณคิดว่าผมมองกลอุบายเล็ก ๆ ของคุณไม่ออกเหรอ?”“นายหุบปากซะ!” คุณนายลู่รีบขัดขวา
เฉินชิงเสวี่ยแสร้งเอนกายลงในอ้อมแขนของลู่ซีเจ๋ออย่างอ่อนแรง พร้อมสะอื้นไห้เบา ๆ “พี่คะ ได้โปรดถามคนรับใช้ของตระกูลลู่เถอะว่าคุณป้าได้กินเค้กหรือคุกกี้ที่พี่ทำมาให้เมื่อวานหรือเปล่า? และถ้ากินไปแล้ว ท่านเจ็บป่วยตรงไหนหรือเปล่า?”เธอตกใจกับคำพูดของเฉินมู่เมื่อครู่นี้ ต่อมาก็ได้ตอบสนองเฉินมู่กลับไป แต่ทว่าเฉินมู่นั้นไม่มีหลักฐาน แล้วทำไมเธอจะต้องกลัวด้วยล่ะ?บรรยากาศในห้องนั่งเล่นตอนนี้เงียบสงัด เฉินมู่จ้องมองเฉินชิงเสวี่ยและหัวเราะเบา ๆ “เฮอะ!”เสียงหัวเราะทำลายความเงียบของทุกคนในที่นั้น มันเป็นพฤติกรรมที่ทั้งจองหอง เย้ยหยัน และเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดีเฉินชิงเสวี่ยรู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลก ๆ ขี้นมาทันที มือเรียวจับเสื้อผ้าของลู่ซีเจ๋อไว้แน่น พลางถามด้วยเสียงสั่น “พี่หัวเราะอะไรเหรอ?”เฉินมู่มองไปที่เฉินชิงเสวี่ยเฉิน พร้อมเอื้อมมือไปบีบคางที่บอบบางของหล่อน ทำให้เฉินชิงเสวี่ยสะดุ้ง และตัวแข็งทื่อเล็กน้อย ก่อนจะคร่ำครวญเพราะความเจ็บปวดอย่างรุนแรง“เฉินมู่! คุณทำอะไรเนี่ย!” ลู่ซีเจ๋อตะโกนเรียกเฉินมู่เอนกายไปข้างหน้าเล็กน้อย กายบางขยับตัวเข้าไปหาเฉินชิงเสวี่ยพลันโต้กลับ “ตั้งแต่ต้นจนจ