ร่างสูงโปร่งที่เพิ่งส่งคู่ค้า ซึ่งนักเจรจาทางธุรกิจเสร็จมาหมาด ๆ กำลังเดินทอดน่องด้วยความรู้สึกเหนื่อยอ่อน คู่ค้าคนนี้เคี้ยวยากมากถ้าไม่ติดว่าเขาทุนหนาละก็นะ จ้างให้เขาก็ไม่ลดตัวลงไปคุยเล่นด้วยหรอก
“เปา...บ่ายนี้มีนัดอะไรอีกหรือเปล่า?” เขาเอ่ยถามคนสนิทที่เดินตามหลังมา ทำหน้าที่เป็นทั้งเลขาฯ และบอดี้การ์ดแม้อย่างหลังไม่จำเป็นด้วยซ้ำ แต่คนทางบ้านสั่งให้มาค่อยคุ้มกันจึงเลี่ยงไม่ได้
“ไม่มีแล้วครับ”
“อืม งั้นกลับไปเถอะ เดี๋ยวฉันว่าจะแวะไปตัดผมซะหน่อย”
“ครับ” เปาตอบรับอย่างว่าง่าย เป็นเพราะรู้ดีว่าเจ้านายของเขาไม่ชอบให้พูดซ้ำ หากบอกให้กลับก็ต้องกลับห้ามตั้งคำถาม
ครืดด
แต่ยังไม่ทันได้ขยับไปไหนโทรศัพท์ที่เปาใส่มันไว้ในกระเป๋ากางเกงก็เกิดอาการสั่น เมื่อหยิบขึ้นก็พบว่ามีข้อความจากเลขาฯท่านประธานส่งเข้ามาแจ้งกำหนดการเสริมที่จะเกิดขึ้นในช่วงค้ำ
“ท่านประธานเชิญคุณหมิงกลับไปทานข้าวเย็นที่บ้านครับ”
“จิ๊! เอาอีกแล้วตาแก่” เขาสบถพลางครุ่นคิดถึงจุดประสงค์ที่นัดหมายคงหนีไม่พ้นเรื่องแต่งงาน
‘หมิง’ ทายาทธุรกิจอสังหาฯเพียงคนเดียวที่มีชื่อเสียงในเรื่องของรูปร่างหน้าตาซึ่งมีความหล่อเหล่าแถมยังมีหัวด้านธุรกิจ เขาได้ร่วมหุ้นกับเพื่อนสนิทอีกสามคนเปิดบริษัทผลิตภาพยนตร์ ซีรีส์ และดูแลศิลปินด้วย
แม้ด้านการงานจะรุ่งโรจน์ ทว่าเขากลับอับโชคในเรื่อง ความรัก
เดิมทีเขามีแฟนหนุ่มคนหนึ่งที่อายุน้อยกว่ามีชื่อว่า ‘ลี’ เป็นเด็กที่ร่าเริงยิ้มง่าย และพวกเขาต่างรักกันมาก เพียงแต่ด้วยฐานะของคนทั้งสองที่แตกต่างกันทำให้ถูกครอบครัวกีดกัน จนสุดท้ายลีก็เป็นฝ่ายขอเลิกรากับเขาไป ซึ่งนั่นสร้างความเจ็บปวดให้เขาเป็นอย่างมาก
หมิงไล่ให้เปากลับไปส่วนตัวเขานั้นกลับเข้าไปในร้านตัดผมตามเดิม พลันเหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งที่มีแผ่นหลังคุ้นตากำลังยืนพูดคุยกับเจ้าของร้านด้วยท่าทีเป็นกันเอง และเมื่อเขาหันมาก็ทำให้หนุ่มนักธุรกิจรูปหล่อถึงกับแปลกใจ
‘หมอนั่นมันไอ้เฟยไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมถึงดูเป็นคนละคนเลยล่ะ’
เขาแทบจะไม่เชื่อสายตา เพราะเท่าที่เขารู้จักกันมาไม่มีทางที่เจ้าตัวจะมายืนคุยกับคนอื่นด้วยท่าทางสบาย ๆ เช่นนี้เป็นแน่
ภาพที่หมอนั่นเคยพูดจาเหยียดหยาม ทั้งทำร้าย ใส่ความให้ลีเสียหายยามที่ชายหนุ่มมาฝึกงานที่บริษัทของตนยังคงติดตาอยู่..
“บี๋ว่าคุณเฟยเหมาะกับลุคนี้มากเลยนะคะ ตะ...แต่ไม่ใช่ว่าลุคก่อนหน้าจะไม่ดีนะคะ คือแบบดูดีคนละแบบน่ะค่ะ แฮะ ๆ”
เจ้าร้านพยายามเอ่ยชมกับเฟยที่เพิ่งปรับลุคใหม่โดยไม่ทำให้อีกคนเกิดความรู้สึกขุ่นเคืองใจ ทว่าเจ้าตัวกลับแสดงสีหน้าต่างออกไปไม่เพียงแต่จะยิ้มรับในคำพูดของคุณเจ้าของร้าน เขายังล้อเลียนการแต่งตัวของตัวเองก่อนหน้านั้นด้วย
“ผมว่าลุคก่อนดูรุ่มร่ามมากกว่าน่ะครับ ไม่รู้ว่าทนไว้ผมยาวขนาดนั้นได้ยังไง”
เจ้าของร้านเลิกคิ้วพลางยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างนึกเกรงใจเพราะก่อนหน้านั้นก็เป็นเฟยนี่แหละที่บอกว่าลุคนั้นเหมาะ และดูดีที่สุด
“จะลุคไหนก็ดูไม่เข้ากับมึงทั้งหมดนั่นแหละ อื้ม! แต่อันนี้ดูสบายตาดีนะ ทำไมล่ะพอถูกทิ้งเข้าหน่อยก็ตัดผมประชดชีวิตเลยงั้นเหรอ?”
หมิงเป็นฝ่ายเข้าไปเหน็บแนมเฟยก่อน ทว่าคนที่ถูกกล่าวหาว่าตัดผมประชดชีวิตรัก กลับหันมามองหน้าเขาราวกับไม่รู้จักอีกฝ่าย
“เอ่อ คุณหมิงสวัสดีค่ะ มาตัดผมเหรอคะ?” บี๋เจ้าของร้านเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปขวาง เนื่องจากครั้งล่าสุดที่สองคนนี้เจอหน้ากันที่ร้านก็ทำลายข้าวของของเขาจนเละเทะไปหมด
เฟยที่พอได้ยินชื่อจากปากเจ้าของร้านก็พลันนึกขึ้นได้ว่าถ้าหากคนคนนี้ชื่อหมิงแล้วล่ะก็ เช่นนั้นเขาก็คือพระรองของซีรีส์เรื่องนี้นี่หว่า
“มันหนักหัวมึงหรือไงครับ ถึงได้ปากยื่นปากยาวเที่ยวว่าคนอื่นเขาไปทั่วน่ะ”
เท่าที่เฟยจำได้สองคนนี้ไม่ถูกกัน สืบเนื่องมาจากเฟยคนก่อนชอบรังแกอดีตแฟนหนุ่มของอีกคน ทว่าตอนนี้เขาไม่ใช่เฟยคนนั้นการต่อปากต่อคำจำเป็นต้องใช้สมองมากกว่าร้องโวยวายด้วยความโกรธ
“หึ ปากดีนี่ ก็นะไม่แปลกใจ ว่าทำไมไอ้หยางถึงได้ทิ้ง”
“เฮอะ จะปากดี หรือจะถูกทิ้งมันก็ไม่ใช่เรื่องของมึงหรือเปล่าวะ เก็บแรงที่สอดปากเรื่องชาวบ้านไปตามง้อแฟนเก่าไม่ดีกว่าเหรอ หื้ม?”
เฟยเลิกคิ้วสูงมองอีกคนพลางแสยะยิ้มเย้ยหยัน ทำเอาคนถูกสวนกลับว่าชอบสอดปากเกิดอารมณ์เดือดพล่านจนทำอะไรไม่ถูก
‘ไอ้หมอนี่มันไม่เคยสวนกลับแบบนี้นี่หว่า แล้วนี่ทำไม...’
อีกทั้งท่าทีที่เขาแสดงออกมาเมื่อได้ยินหมิงเอ่ยถึงอดีตคู่หมั้นก็ดูไม่ร้อนรนแบบเมื่อก่อนเลยสักนิด มันราวกับว่าเขาตัดใจจากเพื่อนของหมิงได้แล้วอย่างไรอย่างนั้น
“หึ ดูท่ามึงไม่ร้อนใจเลยนะที่อยู่ ๆ ไอ้หยางก็ถอนหมั้นแล้วหันไปคบกับเด็กฝึกงานน่ะ” หมิงจึงลองเอ่ยถึงเรื่องที่เป็นฉนวนในการเลิกราของอีกฝ่ายกับเพื่อนสนิทเขาอีกครั้ง อยากดูปฏิกิริยาว่าเจ้าตัวจะมีท่าทีเช่นไร
“ถ้าสองคนนั้นประกาศว่าคบกันจริง คนแถวนี้ก็คงไม่มายืนพูดหน้าระรื่นอยู่แบบนี้หรอก” ไม่เพียงแต่จะดูไม่ร้อนใจ กลับมีแสดงสีหน้าสงสัยในตัวเขาพร้อมทั้งถามกลับมาอีกต่างหาก
นั่นเป็นเพราะเฟยรู้อยู่แล้วว่าลีกับหยางยังไม่ประกาศว่าทั้งคู่คบกันในช่วงนี้อย่างแน่นอน เพราะนั่นอาจส่งผลกระทบต่อหุ้นในบริษัทการที่จู่ ๆ หยางประกาศถอนหมั้นไปนั้นแต่เดิมก็สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ร่วมลงขันก่อตั้งบริษัทเช่นพี่สาวของเขาอยู่แล้ว เพราะเธอคือคนที่ลงทุนในบริษัทนี้เยอะมากที่สุดเรียกได้ว่าเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่เลยก็ว่าได้
“อ้าวหมิง มึงมาตัดผมที่นี่งั้นเหรอ?” ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังตีฝีปากกันจนพนักงานทั้งร้านนั่งเกร็งกันไปหมด เฟียก็กลับเข้ามาซึ่งนั่นเป็นเพราะคุณเจ้าของร้านโทรตามให้มาช่วยกู้สถานการณ์ก่อนที่จะเกิดเรื่องบานปลายไปมากกว่านี้
“อ๋อ อืมพอดีเย็นนี้มีนัดกินข้าวกับที่บ้านน่ะ”
“หื้ม? คุณลุงเรียกแกไปคุยเรื่องนั้นอีกแล้วสินะ” เฟียว่าพร้อมกับหัวเราะถึงจุดประสงค์ที่ตาแก่ หรือพ่อของหมิงตั้งใจเชิญลูกชายคนเดียวไปทานมื้อเย็นวันนี้
เฟยที่บัดนี้กำลังยืนอยู่ระหว่างกลางคนทั้งสอง ซึ่งพูดด้วยบทสนทนาราวกับว่ารู้กันได้แต่มองพวกเขาด้วยความสงสัย หากแต่ก็ไม่ได้เปิดปากถามเพราะไม่คิดจะอยากรู้เรื่องพวกนั้นเลยสักนิด
“เออ! แล้วทำไมแกไม่เอาใครสักคนไปอ้างว่าเป็นแฟนดูล่ะ”
จู่ ๆ เฟียก็เสนอไอเดียออกมาทำเอาหมิงที่ก่อนหน้ามีท่าทีเบื่อโลกเริ่มรู้สึกคล้อยตาม และเห็นด้วยในความคิดของเพื่อนสาว
“แต่จะเอาใครไปล่ะ ก็รู้อยู่ว่าตาแก่นั่นสแกนภูมิหลังของคนพวกนั้นได้หมด”
ทันใดนั้นเองเฟียก็คว้าแขนน้องชายของเธอพร้อมกับออกแรงดึงให้เฟยเดินหน้าเข้ามายังวงสนทนาของเธอ
“ทำไมจะไม่มีล่ะ”
“เจ๊!”
“ไอ้หมอนี่เนี่ยนะ!?”
หมิงกับเฟยแทบจะเอ่ยออกมาพร้อมกัน ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เจ้าหล่อนมีความคิดเช่นนี้ออกมากันนะ
“มึงก็รู้ว่าคุณลุงเอ็นดูน้องกูจะตาย”
“แต่ตาแก่นั่นก็รู้อยู่แล้วนี่นาว่าเฟยมันเพิ่งถูกไอ้หยางถอนหมั้น”
“หึ! มึงไม่รู้อะไรเลยสินะ...คุณลุงอยากได้เฟยไปเป็นลูกสะใภ้จะตาย เผลอ ๆ จะเลิกพูดเรื่องที่จะจับคู่มึงกับลูกบ้านอื่นไปเลยด้วยซ้ำ”
หมิงคิดตามที่เพื่อนสาวว่า จริงอยู่ที่ตาแก่ของเขาเอ็นดูน้องชายเพื่อนสนิทเธอมากแต่ก็ไม่นึกว่าจะอยากได้มาเป็นสะใภ้จริง ๆ
“เดี๋ยวนะ! เจ๊...ถามเฟยหรือยัง?” คนที่นิ่งดูสถานการณ์อยู่นานเอื้อมมือไปแตะแขนพี่สาว แล้วเอ่ยแทรกบทสนทนาที่กำลังเข้มข้นระหว่างสองคนนั้นทันทีพลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“เอาน่าช่วยเพื่อนเจ๊หน่อยไม่ได้เหรอ อีกอย่างนี่ก็คนคุ้นเคยกัน”
ใจจริงแล้วเฟียอยากจะจับคู่น้องชายเธอกับเพื่อนหมิงมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านั้นเฟยดันไปตกหลุมรักหยางแบบหัวปักหัวปํา ขนาดเธอเตือนว่าหมอนั่นเป็นพวกคนเจ้าชู้ก็ยังไม่สนใจ ผิดกับหมิงที่เป็นคนซื่อสัตย์ หากไม่ติดว่าเป็นเพื่อนกันมานานแล้วละก็เธอคงจะยกมดลูกของตัวเองให้อีกฝ่ายไปแล้ว
แน่นอนว่าเธอรับรู้ปัญหาระหว่างหมิงกับคุณลุงเป็นอย่างดีซึ่งนี่ก็เป็นจังหวะดีที่เธอจะจับคู่ให้ทั้งสองได้ลงเอยกัน
“ทำไม หรือกลัวไอ้หยางรู้เข้าแล้วจะเลิกสนใจมึง”
“ใครกลัว!?”
“ถ้าไม่กลัวงั้นกล้า ๆ หน่อยสิ”
ถึงหมิงเองแม้ไม่ชอบหน้าเฟยอยู่ก็ตาม แต่ทางออกที่จะทำให้ตาแก่ของเขาเลิกตอแยเรื่องงานแต่งงานก็มีแต่ทางนี้เท่านั้น..
โปรดติดตามตอนต่อไป..
“หรือมึงไม่อยาก?”แม้จะรู้สึกแปลกใจอยู่ทว่าแรงปรารถนาเองก็มีมากพอสมควร“เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะไม่ได้ทำแบบนี้แล้ว”ขณะเฟยกำลังก้มหน้าลงไปใช้ปากช่วยทำให้คนพี่อยู่นั้นกลับหลุดถ้อยคำที่ทำให้หมิงถึงกับต้องหยุดค้างไปกลางคัน“อีกหน่อยจะไม่ได้ทำ? หมายความว่าไง?”หมิงถามทวนอีกครั้งพร้อมกับช้อนคางคนด้านล่างให้เงยหน้าขึ้น ทั้งสองจ้องตากันอยู่สักพัก ก่อนจะเป็นยัยน้องเองที่เป็นฝ่ายถอนหายใจออกมาแล้วผุดลุกขึ้นนั่งข้างกายหมิง“กูตัดสินใจว่าจะไปเรียนแลกเปลี่ยนน่ะ”ราวกับฝันที่หมิงวาดไว้พังลงตรงหน้า เมื่อเฟยเอ่ยออกมาถึงการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่เขาเองก็ไม่ได้คิดถึงมันมาก่อน“ความจริงกูตั้งใจว่า...หลังหย่าค่อยไปน่ะ แต่ตอนนี้คุณลุงเขาไม่ได้เร่งรัดอะไรแล้วไง กูก็เลย...อยากใช้โอกาสนี้รีบไปก่อนที่เขาจะไม่อนุญาต”ช่วงที่ผ่านเหตุการณ์ลักพาตัวครั้งนั้น เฟยก็รู้ถึงความรู้สึกจริง ๆ ที่ตัวเองมีต่อหมิงแล้ว นั่นไม่ใช่แค่ความรู้สึกหวั่นไหวแต่เป็นความรู้สึกชอบ เป็นห่วง คิดถึงจนสามารถเรียกได้ว่ามันเป็นความรักได้เลยเพียงแต่เฟยไม่รู้ว่าอีกคนคิดเช่นไร แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากรู้ว่าเจ้าตัวรู้สึกอะไรกับตัวเองหรือไม่ เพราะเฟยกลั
ณ คอนโดแห่งหนึ่งย่านชานเมือง“นอนห้องนี้แล้วกัน”หวังเดินนำไปยังห้องนอนห้องหนึ่ง พลางเปิดประตูแล้วบอกให้อีกคนเข้าพักที่นี่ เฟยได้แต่ทำว่าง่ายทว่าสายตากลับพยายามสอดส่ายมองว่ามีบริเวณไหนบ้างที่ตนจะสามารถหลบหนีออกไปได้ก่อนหน้านั้นโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวก็ถูกลียึดไว้แล้วส่งให้หวังไปเรียบร้อยแล้ว การจะติดต่อกับคนภายนอกจึงถูกตัดไป“ทะ ทำไมระเบียงเป็นกระจกปิดตายล่ะครับ? แบบนี้ได้อึดอัดตายกันพอดี” สายตากวาดไปรอบห้องแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าระเบียง ที่ปกติตามคอนโดทั่วไปจะสามารถเปิดออกได้“กูสั่งให้คนเอาประตูเลื่อนออกน่ะ มึงจะได้หนีไปไม่ได้ไง”เรื่องนี้หวังคงคิดมาอย่างดี เพราะแม้ว่าเขาจะรู้จักเฟยคนนี้ดีแค่ไหน ทว่าคนตรงหน้านี้กลับดูแตกต่างราวกับคนละคน ซึ่งเขามั่นใจว่าถ้ามีช่องทางให้หนีได้ละก็ไม่ว่าจะระเบียง หรือแค่หน้าต่างโง่ ๆ เจ้าตัวก็คงสามารถหนีตนไปแน่นอน“หึ เฮียกะจะขังไว้ที่นี่เลยสินะครับ?”“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก แค่จนกว่างานแต่งนั่นจะยกเลิกไปน่ะ”ยามนี้เฟยคิดถึงหมิง คิดถึงเฟียสุดหัวใจ ไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะสามารถตามรอยจากมือถือ และหาที่อยู่ของเขาเจอหรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องหาหนทางด้ว
ณ คอนโดแห่งหนึ่งย่านชานเมือง“เข้าไป! พวกมึงจับมันดี ๆ สิวะ!” ลีตะโกนออกคำสั่งให้ลูกน้องที่หวังส่งไปลักพาตัวเฟยมา ให้นำเข้ามาในห้องพักย่านห่างไกลจากการตามหาของหมิง และเฟียสภาพยัยหนูเฟยที่ถูกนำตัวเข้ามามีแต่รอยช้ำจากการถูกตบถูกทำร้าย และมีเลือดออกที่บริเวณมุมปากหวังที่ได้ยินเสียงก็รีบวิ่งมาดู ทว่าก็กลับต้องชักสีหน้าเมื่อเห็นสภาพของคนน้องไม่เป็นไปตามที่ตนกำชับ“กูสั่งไปแล้วเหรอ...ว่าห้ามใครทำร้ายเฟย!” รอยยิ้มกว้างด้วยความดีใจในตอนแรกเปลี่ยนกลับมาเป็นโกรธเกรี้ยวขึ้นมา“ใครใช้ให้มีปากดีใส่กูล่ะ อีกอย่างก็เพราะมันเสือกโทรหาหมิงไงล่ะ ดีนะที่กูจับได้” นายเอกของซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้คีพความเป็นนายเอกอีกต่อไป สีหน้าหงุดหงิด และรังเกียจ ทุกแสดงออกมาจนหมดเฟยได้เห็นอีกมุมของทั้งสองคนจากที่ต่างออกไปมาก เมื่อก่อนที่มักเห็นทั้งคู่เป็นคนสุภาพ แต่บัดนี้ไม่มีแม้แต่คราบของตัวละครที่เขาดูมาก่อนเลยสักนิด“พวกมึงกลับไปได้ล่ะ โดยเฉพาะมึงไอ้ลี...อย่าคิดนะว่ามึงจะเอาเหตุผลเหี้ยอะไรนั่นมาอ้างแล้วกูจะปล่อยมึงไป ถ้าไม่ติดว่ามึงยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง...มึงได้ตายห่าอยู่ข้างถนนไปนานแล้ว!”หวังกระชากคอเสื้อลีเข้า
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 วันก่อน..˜“เฟยนอนหรือยัง เจ๊เข้าไปหาได้ไหม?”เฟียพยายามเคาะเรียกน้องชายหลังจากที่เธอไล่ให้เพื่อนสนิทกลับไปก่อน เพราะอยากให้ทั้งสองฝ่ายอารมณ์เย็นลงแล้วค่อยมาคุยกัน ซึ่งไม่นานเฟยก็เป็นฝ่ายเดินมาเปิดประตูให้ร่างบางเดินนำพี่สาวเข้าไปด้านใน ก่อนจะนั่งลงบนเตียงหลังกว้างด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ...บอกเจ๊ได้ไหม?”เฟียเดินไปนั่งลงข้าง ๆ โอบไปยังไหล่ของเฟยพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้คาดคั้น“เรื่องมันยาวอะเจ๊ แต่สรุปสั้น ๆ เลยก็คือลีมันจ้างคนมาทำร้ายตัวเองเพื่อใส่ร้ายเฟย แล้วหยางกับหมิงก็เชื่อ”เฟยเล่าเพียงแค่นั้น ทว่าเฟียก็พอจะเดาสถานการณ์ที่เหลืออยู่ออก เธอต่อยมือลงบนที่นอนเพื่อระบายโกรธ ซึ่งไม่ได้โกรธที่ลีทำแบบนั้น แต่เธอโกรธที่ตัวเองไม่ดื้อตามน้องชายไปด้วย เพราะอย่างน้องเธอนี่แหละที่จะสามารถเป็นพยานยืนยันได้ว่าเฟยไม่ได้เป็นคนทำ“เจ๊ขอโทษนะ ฮึก” เฟียขอโทษน้องชายเสียงสั่ง เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถปกป้องน้องชายผู้เป็นที่รักได้“ขอโทษทำไม เจ๊ไม่เกี่ยวซะหน่อย” พอเฟยได้ยินเช่นนั้นก็หันไปโอบไหล่เล็ก ๆ ของพี่สาวพลางลูบเบา ๆ เพื่อปลอบ“เจ๊จะไปบอกไ
“ยกเลิกงานแต่งไปซะ”หลังประโยคนั้นบรรยากาศกลับเงียบลงทันตา เฟยนิ่งคิดว่าที่อีกคนนัดตนมาแล้วพูดเช่นนี้เพราะอะไรกันแน่“หึ แล้วกูต้องทำตามที่มึงพูดด้วยเหรอ?” ยัยหนูเฟยสวนกลับกลอกตาทำเหมือนไม่ใส่ใจฟังที่ลีบอก พลางยกขาขึ้นมาไขว่ห้างทำราวกับไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร“ไม่แปลกใจหน่อยเหรอที่ผมก็มาคุยกับคุณเรื่องนี้น่ะ”แน่นอนว่าเฟยก็ต้องแปลกใจอยู่แล้ว เพียงแต่จะให้แสดงทีท่าเช่นนั้นต่อหน้าฝ่ายตรงข้ามก็อาจเป็นการเผยไต๋ให้อีกคนคาดเดาความคิดของเขาได้“ก็ไม่นี่ แล้วไง...สรุปนี่เรียกมาคุยแค่นี้ใช่ไหม? งั้นกูขอตัว”“ดูท่าจะมั่นใจมากสินะว่าทำแบบนี้แล้วจะทำให้เฮียหยางหันกลับไปสนใจน่ะ...ไม่คิดบ้างเหรอว่าลูกไม้แค่นี้มันอ่อนเกินไปหน่อยน่ะ เฮ้ออ ถ้าเป็นผมคงทำได้ดีกว่านี้” คำพูดยืดยาวทำให้ เฟยต้องหยุดฟังโดยไม่ทันรู้ตัวทำไมกันนี่เขายังแสดงออกไม่พออีกเหรอว่าตัวเองไม่ได้สนใจในตัวของหยางอีกต่อไปแล้ว..“เฮ้ออ พูดจนปากเปียกปากแฉะ มึงก็ไม่เข้าใจอยู่ดีสินะว่าที่กูแต่งงานน่ะ...ไม่ใช่เพราะไอ้หยาง”“แล้วมันเพราะอะไรล่ะ? จะบอกว่าเป็นเพราะคุณชอบเฮียหมิงงั้นเหรอ หึ ๆ อย่ามาพูดให้ขำหน่อยเลย เอาตรง ๆ นะที่พวกคุณเล่นละครว่าร
“ช่วยกูแยกเฟยออกจากไอ้หมิงซะ”“หึ ชอบมันมากสินะ” พอได้ยินเช่นนั้นก็ทำเอาลีพ่นเสียงหัวเราะในลำคอออกมาอย่างนึกขบขัน ไม่คิดว่าคนอย่างหวังจะมีความคิดอยากแย่งชิงแบบนี้กับเขาด้วย“คิดว่าคนอย่างมึงมีสิทธิ์จะมาเรียกเฟยว่ามันงั้นเหรอ?”เบต้าหนุ่มยกเหล้าขึ้นจิบเบา ๆ พลางมองแก้วในมือก่อนจะเงยหน้าจ้องไปที่อีกคนด้วยสายตาดูถูก“ทำไม!? มันมีดีกว่าตรงไหน ก็แค่คุณหนูเอาแต่ใจ...”เพล้ง!แก้วถูกเขวี้ยงผ่านหน้าไปยังด้านหลังโอเมก้าหนุ่ม ก่อนมันจะตกกระทบลงพื้นดังสนั่น ทำเอาร่างบางสะดุ้งตกใจหน้าซีดไม่คิดว่าคนสุภาพเช่นนั้นจะมีมุมน่ากลัวแบบนี้ด้วย“ต้องถามว่ามึงมีอะไรเอามาเทียบกับเฟยได้หรือเปล่ามากกว่า”“เฮีย!”“หรือว่าไม่จริง?” ลีถึงกับพูดไม่ออกได้แต่คว้าแก้วค็อกเทลของตัวเองมาดื่มรวดเดียวจนหมด สีหน้าเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูก“ถ้าช่วยแล้วจะได้อะไรล่ะ?”“ก็ได้ไอ้หมิงคืนไปไม่ใช่หรือไง?”“ทำไมพูดแบบนั้นอะ! ลีไม่ได้...คิดอะไรกับเฮียหมิงแล้วซะหน่อย” ทำเป็นเฉไฉไปอย่างนั้น ทว่าในใจกลับรู้สึกเต้นเร่าเพราะถูกอีกคนจับทางเอาได้ หากยังด้อแพร่งไม่ให้ความร่วมมือต่อไปดีไม่ดีเรื่องนี้คงได้ไปเข้าหูของหยางอย่างแน่นอน“เฮียจะทำยังไง