Home / รักโบราณ / เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่ / ตอนที่ 2 ชีวิตใหม่…ดอกหญ้าก็มีหัวใจ

Share

ตอนที่ 2 ชีวิตใหม่…ดอกหญ้าก็มีหัวใจ

last update Last Updated: 2025-08-06 20:19:37

ผ้าแพรรู้สึกสับสนอย่างหนัก นางไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ใด และเหตุใดจึงไม่สามารถขยับร่างกายได้ ความทรงจำสุดท้ายที่ยังคงหลงเหลือ คือภาพรถชนเสาไฟฟ้าอย่างแรงจนหมดสติไป หลังจากนั้น…ทุกอย่างก็ดับวูบ

‘มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…’ นางครุ่นคิดในความเงียบ และในขณะนั้นเอง เสียงจากบ้านไม้ไผ่หลังเล็กที่อยู่เบื้องหน้าก็ดังขึ้น

“ท่านแม่ขอรับ ท่านเป็นเช่นไรบ้าง?”

เป็นเสียงของเด็กชายคนหนึ่ง พูดภาษาจีนชัดถ้อยชัดคำ ซึ่งฟังดูไม่เหมือนภาษาที่นางใช้ในชีวิตประจำวันเลยแม้แต่น้อย

‘ภาษาจีน?’ นางคิดอย่างประหลาดใจ ทั้งที่ตนเป็นคนไทยแท้ ทำไมถึงเข้าใจถ้อยคำเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายราวกับเป็นภาษาแม่

ในไม่ช้า เด็กชายอายุราวสิบขวบเดินออกมาจากตัวบ้าน ในมือหิ้วถังไม้เก่าใบหนึ่งไว้แน่น เขาตรงไปยังเล้าไก่ใกล้ ๆ และเทน้ำให้ไก่ป่าดื่มอย่างคล่องแคล่ว

เริ่นเหว่ยหยาง เด็กชายผู้นั้น เดินเข้ามาตามกิจวัตร สายตาของเขาเหลือบไปเห็นต้นหญ้าต้นหนึ่งงอกอยู่ข้างเล้า มันมีขนาดเล็กจิ๋ว แต่กลับมีดอกสีม่วงอ่อนบานสะพรั่ง ราวกับของขวัญจากธรรมชาติที่ซุกซ่อนความงามไว้ในความธรรมดา

เขาเดินเข้าไปใกล้ เอื้อมมือรดน้ำลงไปที่ลำต้น

“เจ้าก็ต้องการน้ำเช่นกันใช่ไหม ต้นหญ้าน้อย” เขากระซิบเบา ๆ ราวกับพูดกับสิ่งมีชีวิต

ผ้าแพรได้ยินถ้อยคำนั้น นางถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ เด็กน้อยคนนั้น… กำลังพูดกับนางงั้นหรือ?

“เดี๋ยวก่อน เจ้าพูดถึงข้างั้นเหรอ? ต้นหญ้าอะไร? แล้วทำไมเจ้าต้องรดน้ำข้าด้วย? หยุดก่อน อย่าเพิ่งไป!”

นางพยายามเปล่งเสียงสุดแรงเกิด ทว่าไม่มีเสียงใดหลุดออกไป เด็กชายเดินจากไปโดยไม่รู้เลยว่า ต้นหญ้าต้นนั้น…กำลังส่งเสียงร้องขอให้เขาอยู่ต่อ

‘นี่ข้าตายไปแล้วจริง ๆ หรือ? แล้วมาเกิดใหม่เป็นต้นหญ้าอย่างนั้นเหรอ…?’

ผ้าแพรรู้สึกราวกับฟ้าถล่มลงมาตรงหน้า ดาราสาวผู้เคยเฉิดฉาย ต้องมาเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กจ้อยในมุมลืมของโลกใบนี้

‘ทำไมสวรรค์ถึงได้ใจร้ายขนาดนี้…’

ทว่าไม่นานหลังจากหยาดน้ำรดลงบนร่าง บางสิ่งบางอย่างภายในก็เปลี่ยนไป ความอ่อนล้าที่เคยถาโถมเริ่มจางหาย ความหิวกระหายก็ถูกแทนที่ด้วยพลังงานบางเบา อบอุ่น…นุ่มนวล

แม้จะยังขยับร่างกายไม่ได้ แต่นางรับรู้ได้ชัดว่ากำลังมีชีวิต

นางแหงนมองฟ้า แม้จะไร้ใบหน้า ไร้ดวงตา แต่วิญญาณของนางยังสามารถส่งเสียงสาปแช่งออกไปในใจ

‘สวรรค์! เจ้าให้ข้ามาเกิดใหม่ทั้งที ทำไมต้องเป็นต้นหญ้าด้วย!? ชีวิตมันมีให้เลือกตั้งมากมาย!’

น้ำใส ๆ ค่อย ๆ ไหลรินจากปลายใบอ่อนของต้นหญ้า หยดลงบนผืนดินเบื้องล่าง และทันใดนั้น พื้นดินรอบต้นไม้เล็ก ๆ ก็เริ่มเปลี่ยนแปลง กลายเป็นผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ขึ้นอย่างลึกลับ…โดยที่ผ้าแพรไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย

ภายในบ้านไม้ไผ่หลังเล็ก หญิงสาวผู้ร่างกายซูบผอม นอนหายใจรวยรินอยู่บนฟูกบาง ๆ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอ่อนล้า ร่างกายอ่อนแอมานานหลายปี นับตั้งแต่ย้ายมาตั้งรกรากในหมู่บ้านแห่งนี้ เงินที่มีก็หมดไปกับที่ดินและการสร้างบ้านหลังนี้ แค่พอให้มีหลังคาคุ้มหัว

เด็กชายคนเดิมเดินเข้ามาพร้อมถ้วยข้าวใบบิ่น รอยยิ้มบางที่หาได้ยากปรากฏบนใบหน้าขณะยื่นถ้วยนั้นให้มารดา

“ท่านแม่ขอรับ ลองทานอะไรสักหน่อยเถอะ เมื่อครู่นี้ข้าไปดูเล้าไก่ แม่ไก่ออกไข่มาหนึ่งฟองพอดี ข้าต้มข้าวต้มไว้ ท่านลองทานดูนะขอรับ”

เขานั่งลงข้างเตียง ยื่นช้อนตักข้าวต้มอุ่น ๆ ส่งให้ผู้เป็นแม่ด้วยมือเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความหวัง

เริ่นหรงฮวา มองหน้าลูกชาย น้ำตาซึมขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เจ้ากินเถอะ แม่ยังไม่หิวเท่าไร”

เสียงของนางเบาราวกระซิบ อ่อนแรงจนแทบไม่หลงเหลือพลังใด

“ท่านแม่ ทานเถอะนะขอรับ ข้าก็มีอยู่แล้ว แต่ท่านต้องการอาหารมากกว่าข้า ถ้าท่านทานหมด ข้าจะออกไปกินบ้าง” เด็กชายพูดอย่างหนักแน่น

เริ่นหรงฮวารู้ดีว่าอาหารในบ้านเหลืออยู่น้อยเต็มที บางทีถ้วยในมือนี้…อาจเป็นมื้อสุดท้ายของวัน

แต่นางก็จำใจอ้าปากรับข้าวสองสามคำ น้ำตาคลออย่างเงียบงัน “แม่กินอิ่มแล้ว เจ้าเอาไปกินเถอะ” เสียงของนางเต็มไปด้วยความรักและอ่อนโยน

“ท่านแม่ ท่านทานอีกหน่อยเถอะขอรับ ข้าอยากให้ท่านหายดีไว ๆ” เด็กชายกล่าวพลางจ้องหน้าผู้เป็นแม่ด้วยดวงตาใสบริสุทธิ์

เขายอมอดได้… แต่ไม่ยอมให้ท่านแม่ต้องจากเขาไปด้วยท้องที่ว่างเปล่า

เมื่อเห็นแววตาเป็นห่วงเป็นใยของลูกชาย เริ่นหรงฮวาจึงจำยอมรับไข่ในถ้วยเข้าปากอีกคำอย่างเชื่องช้า

“ตอนนี้แม่อิ่มแล้ว… เจ้ากินเถิด ร่างกายของเจ้าก็ต้องการการบำรุงเช่นกัน” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบแผ่ว แม้จะอ่อนแรง แต่ก็เต็มไปด้วยความห่วงใย

เมื่อได้ยินดังนั้น เด็กชายก็ไม่เซ้าซี้ให้มารดากินต่อ เพราะรู้ดีว่าหากฝืน นางยิ่งจะไม่ยอม เขายิ้มจาง ๆ แล้วหยิบถ้วยยาขึ้นมาถือไว้ในมือ

“ถ้าอย่างนั้น ท่านแม่กินยาเสียหน่อยเถอะนะขอรับ… ท่านหมอบอกว่าต้องกินยาต่อเนื่องถึงจะหายได้ ไม่ต้องเป็นห่วงข้าเลย ข้าดูแลตัวเองได้แล้วจริง ๆ” เสียงของเขาหนักแน่นเกินกว่าวัย ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว

“ลูกของแม่… โตเป็นหนุ่มแล้วจริง ๆ” เริ่นหรงฮวายกมือผอมบางอย่างยากลำบากขึ้น ลูบใบหน้าลูกชายเบา ๆ ด้วยแรงทั้งหมดที่มี

เริ่นเหว่ยหยางแนบแก้มกับมืออันแห้งกร้านของมารดา ปล่อยให้ความอบอุ่นเพียงน้อยนิดจากฝ่ามือนั้นซึมลึกลงไปในหัวใจ ดวงตาของเขาร้อนผ่าว แต่กลับฝืนยิ้มเมื่อสบตากับนางอีกครั้ง

“ท่านแม่รีบกินยาเถอะขอรับ เดี๋ยวมันจะเย็นเสียก่อน”

เมื่อมารดากินยาเรียบร้อย และเริ่มเข้าสู่นิทรา เด็กชายจึงลุกจากข้างเตียง เดินไปยังลานหลังบ้านอย่างเงียบงัน เขาเปิดกล่องไม้เก่า ๆ ที่ซุกไว้ใต้ถุนบ้าน หยิบธนูคันโตที่เคยเป็นของบิดาออกมาถือไว้

ธนูนั้นมีขนาดใหญ่เกินตัว ยามแรกที่ลองฝึกยิง แขนของเขาแทบจะยกไม่ขึ้น ทว่าด้วยความตั้งใจและการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกวันนี้ เขาสามารถยกมันขึ้นได้มั่นคงยิ่งขึ้นทุกวัน

เขาลูบผ่านตัวธนูเบา ๆ ดวงตาหม่นเศร้า หวนคิดถึงพ่อผู้จากไปเหลือไว้เพียงอาวุธชิ้นนี้กับความทรงจำ

ทุกการเคลื่อนไหวของเด็กชายตกอยู่ในสายตาของผ้าแพรมาโดยตลอด

นางมองเขาด้วยความรู้สึกปนเป ทั้งสงสาร ทั้งอบอุ่นใจ เด็กชายคนนี้… แม้จะยังเล็ก แต่กลับมีหัวใจแข็งแกร่งไม่แพ้ผู้ใหญ่

‘ข้าจะช่วยเขาได้บ้างไหมนะ…?’

ความคิดแวบนั้นผุดขึ้นมาในใจ แต่ก็จางหายไปในพริบตา เมื่อนางนึกขึ้นได้ว่า แม้แต่ร่างของตนก็ยังขยับไม่ได้

‘แค่ช่วยตัวเองยังทำไม่ได้ แล้วจะมีแรงอะไรไปช่วยใครกัน…’

นางถอนหายใจเบา ๆ อย่างยอมจำนนต่อโชคชะตา

แต่ทันใดนั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่ง

คล้ายม่านบาง ๆ โปร่งใสแผ่คลุมอยู่เบื้องหน้า เป็นสิ่งที่เคยมีอยู่ แต่ไม่เคยมองเห็นชัด ม่านนั้นกั้นระหว่างนางกับโลกเบื้องหลัง แต่ไม่ว่าจะเพ่งมองเพียงใด ภายในม่านกลับว่างเปล่า มืดสนิท

วันเวลาค่อย ๆ เคลื่อนผ่านไปช้า ๆ

ผ้าแพรไร้สิ่งให้ทำ นอกจากเฝ้ามองเหตุการณ์รอบตัว

บางวันเด็กชายก็ทะเลาะกับฝูงไก่ที่พยายามเข้ามาจิกกินใบของนาง ไก่ป่าพวกนั้นดูเหมือนจะคึกคักและไม่เกรงกลัวอะไรในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป…

มันกลับไม่กล้าเข้าใกล้นางอีกเลย ไม่ใช่เพราะมีสิ่งใดกีดขวาง แต่ดูเหมือนพวกมันจะรับรู้ถึงบางสิ่งจากตัวนาง

บางสิ่ง… ที่นางเองก็ไม่เข้าใจ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 48 แต่งงาน

    เมื่อคิดถึงฟ่านอิง เด็กน้อยก็คลานเข้ามาหานางพอดี เขายังดูน่ารักมากขึ้นทุกวัน ฮวาอี้อุ้มเขาไว้ในอ้อมแขน เดินชมร้านไปพลาง เด็กน้อยก็มองนางด้วยสายตาใสซื่อราวกับกำลังพยายามจดจำใบหน้าของผู้คนรอบตัวอย่างจริงจังเวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือน จนถึงกำหนดวันแต่งงาน ฮวาอี้กลับไปพักที่บ้านของเหว่ยหยาง และเข้าไปเตรียมตัวที่ร้านในเมืองหลวงเมื่อถึงวันงาน เหว่ยหยางส่งเกี้ยวแปดคนหามมาอย่างยิ่งใหญ่เพื่อรับตัวเจ้าสาว ผู้คนริมทางต่างพากันชื่นชมและยินดี เมื่อเกี้ยวหยุดหน้าบ้าน เขาก็เป็นผู้มารับตัวนางด้วยตนเองฮวาอี้สวมชุดเจ้าสาวสีแดงสดงดงาม ผ้าคลุมหน้าสีเดียวกันปิดบังใบหน้าไว้ บนศีรษะประดับด้วยปิ่นที่เหว่ยหยางเคยมอบให้นางเมื่อครั้งก่อน แซมด้วยปิ่นหยกอันใหม่ที่ส่องประกายเจิดจรัสยิ่งนักหลังพิธีเสร็จสิ้น เหว่ยหยางพานางเข้าห้องหอ ซึ่งเป็นห้องเดิมที่นางเคยนอนป่วยอยู่ บัดนี้ถูกประดับตกแต่งด้วยผ้าแพรสีแดงสด ดูอบอุ่นและเป็นสิริมงคลยิ่งนัก“ฮวาอี้…” เขาเอ่ยเรียกนางเบา ๆ“เจ้าค่ะ” เสียงตอบรับของนางนุ่มนวล เจือความเขินอาย“ตอนนี้เจ้าเป็นภรรยาของข้าแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเสียเปรียบอีก คืนนี้เจ้าตรวจร่างกายของข้าได้เต็มที

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 47 ฟื้นแล้ว

    “เจ้าเช็ดน้ำลายเสียหน่อยเถิด” เหว่ยหยางเอ่ยยิ้ม ๆฮวาอี้รีบยกมือเช็ดปากทันที ทว่ากลับไม่มีอะไรอย่างที่เขาว่า นางจึงหันมามองเขาตาขวางเหว่ยหยางหัวเราะเสียงดัง เขารู้สึกว่าการมีนางอยู่ให้หยอกเย้าเช่นนี้ คือความสุขที่แท้จริงของเขา“ข้าอยากออกไปข้างนอกแล้ว” ฮวาอี้รีบเปลี่ยนเรื่อง“ได้เลย หากทุกคนได้เห็นเจ้า คงดีใจกันไม่น้อย โดยเฉพาะท่านแม่ของข้า” เขาตอบก่อนจะเข้ามาพยุงนาง แม้นางจะเดินได้แล้ว แต่เขาก็ยังคงห่วงใยอย่างไม่คลายฮวาอี้รับรู้ถึงความใส่ใจของเขา จึงยินยอมให้เขาช่วยพยุงโดยไม่ขัดขืน นางกลับรู้สึกอบอุ่น… อยากให้เขาเอาใจใส่เช่นนี้ตลอดไปจริง ๆเมื่อเดินออกมานอกเรือน กลับไม่พบผู้ใดอยู่เลยแม้แต่คนเดียว เป็นเรื่องแปลกที่ไม่มีบ่าวมาคอยดูแล“ทุกคนไปไหนกันหมดหรือ?” ฮวาอี้ถามอย่างสงสัย“ตอนนี้ท่านแม่ไปช่วยงานที่อีกเรือนหนึ่ง ข้าจะพาเจ้าไปดูด้วยตนเอง”“ช่วยงานอะไรหรือ? ที่นี่มีงานให้ทำด้วยหรือ?” นางถามอย่างแปลกใจเหว่ยหยางไม่ปล่อยให้ความสงสัยนั้นอยู่นาน เขาจูงมือนางมายังเรือนหลังหนึ่งซึ่งมีบ่าวรับใช้นั่งทำงานกันอยู่หลายคน และตรงกลางเรือนก็คือมารดาของเขาเมื่อสายตาของฮวาอี้มองไปยังสิ่งที่พวกเขา

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 46 กลับบ้าน

    “ข้าไม่ขอกลับไปยังโลกเดิมอีก… ในเมื่อที่แห่งนี้มีคนที่รักข้ารออยู่ ข้าย่อมไม่หนีเขาไปที่ใดได้อีก ท่านสามารถส่งข้ากลับไปได้หรือไม่?” หญิงสาวกล่าวด้วยเสียงสั่น น้ำตาไหลพรากลงมาตามพวงแก้มชายชราแย้มยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “หากเจ้าเลือกเช่นนี้ ตัวตนของเจ้าในโลกเดิมจะสูญสลายไปทันที… เจ้ายอมรับได้แล้วจริงหรือ?”“ข้ายอมรับ” ฮวาอี้ตอบด้วยแววตามุ่งมั่น น้ำเสียงหนักแน่นเปี่ยมความเชื่อมั่นเมื่อได้รับคำยืนยันอีกครั้ง ชายชราก็โบกมือเบา ๆ ภาพของร่างในโรงพยาบาลค่อย ๆ จางหาย พร้อมกับเรื่องราวในโลกเดิมที่นางเคยดำรงอยู่“บัดนี้ เจ้าหาได้มีตัวตนในโลกเดิมอีกต่อไปแล้ว… เจ้าจงใช้ชีวิตที่เจ้าเลือกให้คุ้มค่า ส่วนมิติที่ข้ามอบให้ จะยังคงอยู่ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของเจ้า ขอให้เจ้าพบความสุขในสิ่งที่เลือกไว้เถิด”เมื่อกล่าวจบ ร่างของชายชราก็ค่อย ๆ เลือนหายไปจากสายตา เหมือนสายลมที่พัดผ่านฮวาอี้ตกใจ รีบร้องเรียกเสียงหลง “เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ! ท่านยังไม่ส่งข้ากลับไปเลย ข้าจะกลับไปโลกนั้นได้อย่างไร!” นางโอดครวญอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดเขาจึงไม่เคยบอกอะไรให้นางรู้ล่วงหน้าสักครั้งแต่ไม่นานนัก เส้นทางสีขาวสว่างไสวก็ปรากฏขึ้นตร

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 45 ความฝัน

    ไป๋จิ้งอวี่รับดาบนั้นไว้ แต่แรงปะทะรุนแรงจนเขากระอักเลือดออกมา ร่างกายของเขาเองก็อ่อนแรงเต็มที ทว่าในห้วงสุดท้ายนั้น เขาก็เหลือบไปเห็นนักฆ่าคนสนิทปรากฏตัวขึ้น เขาซ่อนรอยยิ้มไว้ในเงามืด ศึกครั้งนี้เขายังไม่แพ้!นักฆ่าในชุดดำที่เพิ่งมาถึง รีบพุ่งเข้าหาด้วยความรวดเร็ว ดาบในมือฟาดลงมาเพื่อช่วยเจ้านายของตนโดยไม่ลังเลฮวาอี้ที่เห็นดังนั้น รีบผลักเหว่ยหยางให้พ้นทาง แล้วรับคมดาบแทน ร่างของนางทรุดลงทันทีตรงหน้าชายคนรัก“ไม่!!” เหว่ยหยางตะโกนลั่น ก่อนจะใช้ดาบในมือตวัดแทงทะลุร่างของไป๋จิ้งอวี่ทันที ศัตรูตัวฉกาจล้มลงในบัดดลเหว่ยหยางรีบโผเข้าประคองร่างของฮวาอี้ไว้ในอ้อมแขน “ฮวาอี้… เจ้าฟังข้าอยู่หรือไม่… อย่าเป็นอะไรไปเลย…” เสียงของเขาสั่นเครือ มือของเขากุมมือของนางไว้แน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นคมดาบเล่มนั้นปักกลางอกซ้ายของนางพอดี เลือดสีแดงไหลรินลงมาเปื้อนเสื้อคลุมสีอ่อนอย่างน่าสลดใจชายชุดดำอีกคนที่เหลืออยู่เห็นท่าไม่ดี พยายามหนีเอาตัวรอด แต่ยังไม่ทันพ้นระยะ ก็ถูกชายหน้าหวานผู้หนึ่งแทงร่างจนสิ้นใจไป๋เทียนวิ่งตรงเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ เมื่อมองเห็นหญิงสาวในอ้อมแขนของเหว่ยหยาง เขา

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 44 ไม่คาดคิด

    “เจ้าช่างปากหวานเสียจริง…” ฮวาอี้ยิ้มบาง “แล้วเจ้าส่งคนไปดูทางขบวนเจ้าบ่าวหรือยัง?”“ข้าน้อยส่งไปแล้วตามที่นายหญิงสั่งเจ้าค่ะ” ลัวหยูตอบด้วยความเคารพ นางไม่เข้าใจนักว่านายหญิงกังวลสิ่งใด เพราะเหว่ยหยางเองก็เป็นผู้มีฝีมือสูงส่ง ไม่มีใครกล้ารังแกได้ง่าย ๆ“ดี…ข้าค่อยวางใจได้หน่อย” ฮวาอี้พึมพำเบา ๆ พลางลูบต้นหญ้าปักกิ่งในมืออย่างแผ่วเบา หากเกิดเหตุร้ายใด ๆ ขึ้น นางยังมีวิธีช่วยเหลือเขาทางฝั่งของ เหว่ยหยางเขาสวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงเข้มอย่างสง่างาม แววตาเต็มไปด้วยความสุข ในที่สุด…วันที่เขารอคอยก็มาถึงระหว่างทางขบวนขันหมากกำลังเคลื่อนตัวอย่างสงบ ผ่านเส้นทางแคบในหุบเขา ท่ามกลางเสียงดนตรีและเสียงหัวเราะเบา ๆ ของผู้ร่วมขบวนกระทั่ง…เงาดำหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้า!ชายในชุดดำกระโจนออกมายืนขวางทางรถม้าอย่างไม่เกรงกลัวสายตาใด ๆ“นายท่าน! เกิดเรื่องแล้วขอรับ!”เสียงอู๋หยวนดังขึ้นอย่างร้อนรน ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดผิดปกติ…“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” เหว่ยหยางขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียด รู้สึกถึงลางร้ายบางอย่าง“มีชายชุดดำขวางหน้ารถม้าของเราขอรับ!”“ถ้าเช่นนั้น ฆ่ามันเสีย!” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงกร้าว โม

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 43 ตอบรับแต่งงาน

    “เจ้า…ปลูกมันขึ้นมาได้เช่นไร?” เขาเอ่ยถามเสียงสั่นอย่างไม่เชื่อสายตา“ข้าก็ปลูกมันลงในดินธรรมดาเท่านั้น มันก็ขึ้นมาเอง ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลยขอรับ” เหว่ยหยางพูดออกมาด้วยท่าทางโอ้อวดเล็กน้อยเจ้าของร้านขายยามองทั้งสองด้วยสายตาเคลือบความหมั่นไส้ แต่ในใจก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอันใด เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมิใช่เรื่องธรรมดา ต้นโสมสวรรค์จะเติบโตได้ต้องอาศัยปัจจัยบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ง่ายดาย เช่นเดียวกับโชคชะตาและบุญวาสนา และแม้จะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายใช้วิธีใด แต่เรื่องนี้ก็ไม่สมควรถามออกไปตรง ๆ“แล้วต้นโสมต้นนี้… เจ้าจะนำกลับไปหรือไม่? หากไม่ ข้าขอซื้อต่อในราคาที่สูงกว่าหลายเท่า” เขาถามพลางจับต้นโสมแน่นราวกับกลัวว่ามันจะหลุดมือเหว่ยหยางแย้มยิ้มบาง “หากไม่ใช่เพราะท่านมอบเมล็ดให้ข้า ข้าก็ไม่มีวันได้ต้นโสมต้นนี้มา ข้ามอบมันให้ท่านโดยไม่คิดสิ่งตอบแทนใด ๆ ถือว่าข้าได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว และเมื่อสัญญานั้นสิ้นสุด ข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะได้กลับมาพบท่านอีกหรือไม่”เจ้าของร้านขายยาพลันยิ้มกว้างด้วยความยินดีที่ได้ต้นโสมสวรรค์มาโดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่ตำลึงเดียว แต่เมื่อได้ยินว่าเหว่ยหยางจะจากไป ก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status