Home / รักโบราณ / เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่ / ตอนที่ 2 ชีวิตใหม่…ดอกหญ้าก็มีหัวใจ

Share

ตอนที่ 2 ชีวิตใหม่…ดอกหญ้าก็มีหัวใจ

last update Last Updated: 2025-08-06 20:19:37

ผ้าแพรรู้สึกสับสนอย่างหนัก นางไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ใด และเหตุใดจึงไม่สามารถขยับร่างกายได้ ความทรงจำสุดท้ายที่ยังคงหลงเหลือ คือภาพรถชนเสาไฟฟ้าอย่างแรงจนหมดสติไป หลังจากนั้น…ทุกอย่างก็ดับวูบ

‘มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…’ นางครุ่นคิดในความเงียบ และในขณะนั้นเอง เสียงจากบ้านไม้ไผ่หลังเล็กที่อยู่เบื้องหน้าก็ดังขึ้น

“ท่านแม่ขอรับ ท่านเป็นเช่นไรบ้าง?”

เป็นเสียงของเด็กชายคนหนึ่ง พูดภาษาจีนชัดถ้อยชัดคำ ซึ่งฟังดูไม่เหมือนภาษาที่นางใช้ในชีวิตประจำวันเลยแม้แต่น้อย

‘ภาษาจีน?’ นางคิดอย่างประหลาดใจ ทั้งที่ตนเป็นคนไทยแท้ ทำไมถึงเข้าใจถ้อยคำเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายราวกับเป็นภาษาแม่

ในไม่ช้า เด็กชายอายุราวสิบขวบเดินออกมาจากตัวบ้าน ในมือหิ้วถังไม้เก่าใบหนึ่งไว้แน่น เขาตรงไปยังเล้าไก่ใกล้ ๆ และเทน้ำให้ไก่ป่าดื่มอย่างคล่องแคล่ว

เริ่นเหว่ยหยาง เด็กชายผู้นั้น เดินเข้ามาตามกิจวัตร สายตาของเขาเหลือบไปเห็นต้นหญ้าต้นหนึ่งงอกอยู่ข้างเล้า มันมีขนาดเล็กจิ๋ว แต่กลับมีดอกสีม่วงอ่อนบานสะพรั่ง ราวกับของขวัญจากธรรมชาติที่ซุกซ่อนความงามไว้ในความธรรมดา

เขาเดินเข้าไปใกล้ เอื้อมมือรดน้ำลงไปที่ลำต้น

“เจ้าก็ต้องการน้ำเช่นกันใช่ไหม ต้นหญ้าน้อย” เขากระซิบเบา ๆ ราวกับพูดกับสิ่งมีชีวิต

ผ้าแพรได้ยินถ้อยคำนั้น นางถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ เด็กน้อยคนนั้น… กำลังพูดกับนางงั้นหรือ?

“เดี๋ยวก่อน เจ้าพูดถึงข้างั้นเหรอ? ต้นหญ้าอะไร? แล้วทำไมเจ้าต้องรดน้ำข้าด้วย? หยุดก่อน อย่าเพิ่งไป!”

นางพยายามเปล่งเสียงสุดแรงเกิด ทว่าไม่มีเสียงใดหลุดออกไป เด็กชายเดินจากไปโดยไม่รู้เลยว่า ต้นหญ้าต้นนั้น…กำลังส่งเสียงร้องขอให้เขาอยู่ต่อ

‘นี่ข้าตายไปแล้วจริง ๆ หรือ? แล้วมาเกิดใหม่เป็นต้นหญ้าอย่างนั้นเหรอ…?’

ผ้าแพรรู้สึกราวกับฟ้าถล่มลงมาตรงหน้า ดาราสาวผู้เคยเฉิดฉาย ต้องมาเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กจ้อยในมุมลืมของโลกใบนี้

‘ทำไมสวรรค์ถึงได้ใจร้ายขนาดนี้…’

ทว่าไม่นานหลังจากหยาดน้ำรดลงบนร่าง บางสิ่งบางอย่างภายในก็เปลี่ยนไป ความอ่อนล้าที่เคยถาโถมเริ่มจางหาย ความหิวกระหายก็ถูกแทนที่ด้วยพลังงานบางเบา อบอุ่น…นุ่มนวล

แม้จะยังขยับร่างกายไม่ได้ แต่นางรับรู้ได้ชัดว่ากำลังมีชีวิต

นางแหงนมองฟ้า แม้จะไร้ใบหน้า ไร้ดวงตา แต่วิญญาณของนางยังสามารถส่งเสียงสาปแช่งออกไปในใจ

‘สวรรค์! เจ้าให้ข้ามาเกิดใหม่ทั้งที ทำไมต้องเป็นต้นหญ้าด้วย!? ชีวิตมันมีให้เลือกตั้งมากมาย!’

น้ำใส ๆ ค่อย ๆ ไหลรินจากปลายใบอ่อนของต้นหญ้า หยดลงบนผืนดินเบื้องล่าง และทันใดนั้น พื้นดินรอบต้นไม้เล็ก ๆ ก็เริ่มเปลี่ยนแปลง กลายเป็นผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ขึ้นอย่างลึกลับ…โดยที่ผ้าแพรไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย

ภายในบ้านไม้ไผ่หลังเล็ก หญิงสาวผู้ร่างกายซูบผอม นอนหายใจรวยรินอยู่บนฟูกบาง ๆ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอ่อนล้า ร่างกายอ่อนแอมานานหลายปี นับตั้งแต่ย้ายมาตั้งรกรากในหมู่บ้านแห่งนี้ เงินที่มีก็หมดไปกับที่ดินและการสร้างบ้านหลังนี้ แค่พอให้มีหลังคาคุ้มหัว

เด็กชายคนเดิมเดินเข้ามาพร้อมถ้วยข้าวใบบิ่น รอยยิ้มบางที่หาได้ยากปรากฏบนใบหน้าขณะยื่นถ้วยนั้นให้มารดา

“ท่านแม่ขอรับ ลองทานอะไรสักหน่อยเถอะ เมื่อครู่นี้ข้าไปดูเล้าไก่ แม่ไก่ออกไข่มาหนึ่งฟองพอดี ข้าต้มข้าวต้มไว้ ท่านลองทานดูนะขอรับ”

เขานั่งลงข้างเตียง ยื่นช้อนตักข้าวต้มอุ่น ๆ ส่งให้ผู้เป็นแม่ด้วยมือเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความหวัง

เริ่นหรงฮวา มองหน้าลูกชาย น้ำตาซึมขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “เจ้ากินเถอะ แม่ยังไม่หิวเท่าไร”

เสียงของนางเบาราวกระซิบ อ่อนแรงจนแทบไม่หลงเหลือพลังใด

“ท่านแม่ ทานเถอะนะขอรับ ข้าก็มีอยู่แล้ว แต่ท่านต้องการอาหารมากกว่าข้า ถ้าท่านทานหมด ข้าจะออกไปกินบ้าง” เด็กชายพูดอย่างหนักแน่น

เริ่นหรงฮวารู้ดีว่าอาหารในบ้านเหลืออยู่น้อยเต็มที บางทีถ้วยในมือนี้…อาจเป็นมื้อสุดท้ายของวัน

แต่นางก็จำใจอ้าปากรับข้าวสองสามคำ น้ำตาคลออย่างเงียบงัน “แม่กินอิ่มแล้ว เจ้าเอาไปกินเถอะ” เสียงของนางเต็มไปด้วยความรักและอ่อนโยน

“ท่านแม่ ท่านทานอีกหน่อยเถอะขอรับ ข้าอยากให้ท่านหายดีไว ๆ” เด็กชายกล่าวพลางจ้องหน้าผู้เป็นแม่ด้วยดวงตาใสบริสุทธิ์

เขายอมอดได้… แต่ไม่ยอมให้ท่านแม่ต้องจากเขาไปด้วยท้องที่ว่างเปล่า

เมื่อเห็นแววตาเป็นห่วงเป็นใยของลูกชาย เริ่นหรงฮวาจึงจำยอมรับไข่ในถ้วยเข้าปากอีกคำอย่างเชื่องช้า

“ตอนนี้แม่อิ่มแล้ว… เจ้ากินเถิด ร่างกายของเจ้าก็ต้องการการบำรุงเช่นกัน” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบแผ่ว แม้จะอ่อนแรง แต่ก็เต็มไปด้วยความห่วงใย

เมื่อได้ยินดังนั้น เด็กชายก็ไม่เซ้าซี้ให้มารดากินต่อ เพราะรู้ดีว่าหากฝืน นางยิ่งจะไม่ยอม เขายิ้มจาง ๆ แล้วหยิบถ้วยยาขึ้นมาถือไว้ในมือ

“ถ้าอย่างนั้น ท่านแม่กินยาเสียหน่อยเถอะนะขอรับ… ท่านหมอบอกว่าต้องกินยาต่อเนื่องถึงจะหายได้ ไม่ต้องเป็นห่วงข้าเลย ข้าดูแลตัวเองได้แล้วจริง ๆ” เสียงของเขาหนักแน่นเกินกว่าวัย ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว

“ลูกของแม่… โตเป็นหนุ่มแล้วจริง ๆ” เริ่นหรงฮวายกมือผอมบางอย่างยากลำบากขึ้น ลูบใบหน้าลูกชายเบา ๆ ด้วยแรงทั้งหมดที่มี

เริ่นเหว่ยหยางแนบแก้มกับมืออันแห้งกร้านของมารดา ปล่อยให้ความอบอุ่นเพียงน้อยนิดจากฝ่ามือนั้นซึมลึกลงไปในหัวใจ ดวงตาของเขาร้อนผ่าว แต่กลับฝืนยิ้มเมื่อสบตากับนางอีกครั้ง

“ท่านแม่รีบกินยาเถอะขอรับ เดี๋ยวมันจะเย็นเสียก่อน”

เมื่อมารดากินยาเรียบร้อย และเริ่มเข้าสู่นิทรา เด็กชายจึงลุกจากข้างเตียง เดินไปยังลานหลังบ้านอย่างเงียบงัน เขาเปิดกล่องไม้เก่า ๆ ที่ซุกไว้ใต้ถุนบ้าน หยิบธนูคันโตที่เคยเป็นของบิดาออกมาถือไว้

ธนูนั้นมีขนาดใหญ่เกินตัว ยามแรกที่ลองฝึกยิง แขนของเขาแทบจะยกไม่ขึ้น ทว่าด้วยความตั้งใจและการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกวันนี้ เขาสามารถยกมันขึ้นได้มั่นคงยิ่งขึ้นทุกวัน

เขาลูบผ่านตัวธนูเบา ๆ ดวงตาหม่นเศร้า หวนคิดถึงพ่อผู้จากไปเหลือไว้เพียงอาวุธชิ้นนี้กับความทรงจำ

ทุกการเคลื่อนไหวของเด็กชายตกอยู่ในสายตาของผ้าแพรมาโดยตลอด

นางมองเขาด้วยความรู้สึกปนเป ทั้งสงสาร ทั้งอบอุ่นใจ เด็กชายคนนี้… แม้จะยังเล็ก แต่กลับมีหัวใจแข็งแกร่งไม่แพ้ผู้ใหญ่

‘ข้าจะช่วยเขาได้บ้างไหมนะ…?’

ความคิดแวบนั้นผุดขึ้นมาในใจ แต่ก็จางหายไปในพริบตา เมื่อนางนึกขึ้นได้ว่า แม้แต่ร่างของตนก็ยังขยับไม่ได้

‘แค่ช่วยตัวเองยังทำไม่ได้ แล้วจะมีแรงอะไรไปช่วยใครกัน…’

นางถอนหายใจเบา ๆ อย่างยอมจำนนต่อโชคชะตา

แต่ทันใดนั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่ง

คล้ายม่านบาง ๆ โปร่งใสแผ่คลุมอยู่เบื้องหน้า เป็นสิ่งที่เคยมีอยู่ แต่ไม่เคยมองเห็นชัด ม่านนั้นกั้นระหว่างนางกับโลกเบื้องหลัง แต่ไม่ว่าจะเพ่งมองเพียงใด ภายในม่านกลับว่างเปล่า มืดสนิท

วันเวลาค่อย ๆ เคลื่อนผ่านไปช้า ๆ

ผ้าแพรไร้สิ่งให้ทำ นอกจากเฝ้ามองเหตุการณ์รอบตัว

บางวันเด็กชายก็ทะเลาะกับฝูงไก่ที่พยายามเข้ามาจิกกินใบของนาง ไก่ป่าพวกนั้นดูเหมือนจะคึกคักและไม่เกรงกลัวอะไรในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป…

มันกลับไม่กล้าเข้าใกล้นางอีกเลย ไม่ใช่เพราะมีสิ่งใดกีดขวาง แต่ดูเหมือนพวกมันจะรับรู้ถึงบางสิ่งจากตัวนาง

บางสิ่ง… ที่นางเองก็ไม่เข้าใจ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 5 ความสัมพันธุ์ที่แปลก

    ขณะที่เริ่นเหว่ยหยางบังคับเกวียนลามุ่งหน้ากลับหมู่บ้าน เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีตั้งแต่ยังไม่พ้นเขตเมือง สัมผัสแปลก ๆ เหมือนมีสายตาคอยจับจ้องอยู่เบื้องหลังตั้งแต่ตอนที่เขาขายกวางตัวนั้นมือเล็ก ๆ กำแน่นตรงหน้าอก ที่ซ่อนเงินทั้งหมดไว้ในเสื้อผ้าชั้นใน ความกังวลเกาะกินหัวใจ เขาได้แต่ภาวนาว่า ขอให้ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในคืนที่ดึกดื่นเช่นนี้เมื่อเดินทางมาได้ครึ่งทาง ชายผู้หนึ่งก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้กระโจนเข้าขวางเกวียนของเขา ชายคนนั้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าขาดวิ่น ร่างผอมโซจนแทบเห็นกระดูก เหว่ยหยางรีบหยุดเกวียนด้วยความตกใจเขาจับจ้องชายเบื้องหน้าด้วยสายตาแข็งกร้าว ก่อนเอ่ยเสียงนิ่ง“เจ้าคือใคร? มาขวางทางข้าทำไม?”ขณะนั้น ดวงตาของเขากวาดไปสองข้างทาง สำรวจว่าอาจมีใครซ่อนตัวอยู่อีกชายขอทานหัวเราะในลำคอ พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เจ้าหนูน้อย ข้ารู้นะว่าเจ้าเพิ่งขายของมีค่า ได้เงินมาไม่น้อย เอามาแบ่งข้าบ้างสิ แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ”ได้ยินเช่นนั้น เหว่ยหยางกลับแสยะยิ้มเย็น มองชายตรงหน้าขึ้นลงราวกับประเมินศัตรู“เจ้าก็มีมือมีเท้าครบ เหตุใดไม่ไปหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง ต้องมาดักปล้นเด็กเช่นข้า เจ้านึกว่าข้

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 4 เข้าเมืองขายของ

    เริ่นเหว่ยหยางรีบวิ่งไปยังบ้านของท่านป้าฟ่านหนิงซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากบ้านของเขา แต่ก่อนในยามที่บ้านเขาขาดแคลนอาหาร ท่านป้าฟ่างหนิงก็มักจะนำอาหารมาแบ่งปันให้อย่างไม่ขาดสาย เป็นผู้ใหญ่ใจดีที่เขานับถือเสมอมาเมื่อมาถึงหน้าบ้าน เขาหยุดยืนหอบหายใจอยู่หน้ารั้วดินเหนียวที่ก่อขึ้นอย่างมั่นคง ตัวบ้านดูดีกว่าของเขามากนัก“ท่านป้าฟ่านหนิงขอรับ!” เขาเรียกออกไปด้วยเสียงดังฟังชัดไม่นาน หญิงสูงวัยผู้หนึ่งก็เปิดประตูออกมา นางชะเง้อมองก่อนจะเห็นหน้าเด็กชายผู้คุ้นเคย จึงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน“เหว่ยหยางหรือ? มาหาข้ามีธุระอันใดหรือ?” นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แม้จะเป็นเวลาดึกแล้วเด็กชายรีบยกมือไหว้ และเอ่ยสิ่งที่ตนต้องการอย่างไม่รีรอ“ข้ามีเรื่องรบกวนท่านป้าเพียงเล็กน้อยขอรับ ข้าอยากขอยืมเกวียนลาของท่าน เพื่อจะนำของเข้าเมือง”“เจ้าอยากเข้าเมืองในเวลานี้หรือ?” นางถามอย่างประหลาดใจ“ใช่ขอรับ และข้ายังอยากขอร้องให้ท่านช่วยไปดูแลท่านแม่ให้สักพัก พอดีข้าต้องรีบเอาของไปขายข้างในเมืองให้ทันตลาด” เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ปิดบัง เพราะรู้ว่าท่านป้าฟ่านหนิงเป็นคนใจดีและไว้ใจได้นางพยักหน้าโดยไม่ลังเล “ได้สิ เ

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 3 ความหลัง

    ผ้าแพรเลิกสนใจเหล่าไก่ที่เคยเดินเข้ามารบกวน และหันสายตามองไปยังเด็กชายผู้มีแววตาโตเกินวัย เขานั่งพิงฝาไม้ของเล้าไก่ เศษไม้ไผ่ในมือถูกจับเล่นเบา ๆ พลางทอดสายตามองไปยังที่ว่างเบื้องหน้าเริ่นเหว่ยหยางนั่งนิ่ง ท่ามกลางสายลมอ่อนของยามบ่ายที่พัดผ่านใบหญ้าให้เอนลู่ช้า ๆ ข้างเล้าไก่ทรุดโทรมในหมู่บ้านเล็ก ๆ ห่างไกลผู้คน ดอกหญ้าแห้งเหี่ยวโผล่ขึ้นจากผืนดินแข็งกระด้าง สะท้อนความว่างเปล่าที่ไม่มีใครเหลียวแลแม้จะมีอายุเพียงสิบขวบ แต่แววตาของเขากลับแข็งกร้าวเกินวัยนัก ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่ทอดยาวไร้จุดสิ้นสุด เสียงจิ้งหรีดร้องระงม เสียงไก่ขันดังแทรกอยู่ใกล้ ๆ เขาเงียบงัน ราวกับกำลังกลืนกินความทรงจำบางอย่างที่ฝังแน่นไม่เคยจางเขาคือ “หวังเหว่ยหยาง” บุตรชายของแม่ทัพหวังแห่งเมืองหลวง ผู้เคยเป็นเสาหลักของกองทัพแคว้นชาง แต่ในวันที่อำนาจเริ่มสั่นคลอน ขุนนางผู้ละโมบและจักรพรรดิผู้หวาดระแวงก็ร่วมกันวางแผนโค่นล้มตระกูลหวังจนสิ้นคืนนั้น… ตอนที่เขาอายุเพียงห้าขวบ เปลวไฟลุกท่วมทั่วจวนใหญ่ เสียงดาบฟาดฟันปะทะกันระงม เสียงทหารโห่ร้องดังทั่วฟ้าเหว่ยหยางถูกปลุกขึ้นจากนิทราด้วยมือสั่นเทาของมารดา มือที

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 2 ชีวิตใหม่…ดอกหญ้าก็มีหัวใจ

    ผ้าแพรรู้สึกสับสนอย่างหนัก นางไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ใด และเหตุใดจึงไม่สามารถขยับร่างกายได้ ความทรงจำสุดท้ายที่ยังคงหลงเหลือ คือภาพรถชนเสาไฟฟ้าอย่างแรงจนหมดสติไป หลังจากนั้น…ทุกอย่างก็ดับวูบ‘มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…’ นางครุ่นคิดในความเงียบ และในขณะนั้นเอง เสียงจากบ้านไม้ไผ่หลังเล็กที่อยู่เบื้องหน้าก็ดังขึ้น“ท่านแม่ขอรับ ท่านเป็นเช่นไรบ้าง?”เป็นเสียงของเด็กชายคนหนึ่ง พูดภาษาจีนชัดถ้อยชัดคำ ซึ่งฟังดูไม่เหมือนภาษาที่นางใช้ในชีวิตประจำวันเลยแม้แต่น้อย‘ภาษาจีน?’ นางคิดอย่างประหลาดใจ ทั้งที่ตนเป็นคนไทยแท้ ทำไมถึงเข้าใจถ้อยคำเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายราวกับเป็นภาษาแม่ในไม่ช้า เด็กชายอายุราวสิบขวบเดินออกมาจากตัวบ้าน ในมือหิ้วถังไม้เก่าใบหนึ่งไว้แน่น เขาตรงไปยังเล้าไก่ใกล้ ๆ และเทน้ำให้ไก่ป่าดื่มอย่างคล่องแคล่วเริ่นเหว่ยหยาง เด็กชายผู้นั้น เดินเข้ามาตามกิจวัตร สายตาของเขาเหลือบไปเห็นต้นหญ้าต้นหนึ่งงอกอยู่ข้างเล้า มันมีขนาดเล็กจิ๋ว แต่กลับมีดอกสีม่วงอ่อนบานสะพรั่ง ราวกับของขวัญจากธรรมชาติที่ซุกซ่อนความงามไว้ในความธรรมดาเขาเดินเข้าไปใกล้ เอื้อมมือรดน้ำลงไปที่ลำต้น“เจ้าก็ต้องการน้ำเช่นกันใช

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น

    ณ สถานที่ถ่ายทำละครแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่หลายคนกำลังเตรียมเซ็ตฉากอย่างขะมักเขม้น เสียงจากห้องด้านข้างดังลอดออกมาเบา ๆ ห้องที่นักแสดงนำของเรื่องกำลังนั่งอ่านบทอยู่ไม่ไกลนัก“ผ้าแพร ได้เวลาถ่ายทำต่อแล้ว มัวทำอะไรอยู่!” ผู้จัดการส่งเสียงเรียกดาราสาวดาวรุ่งผู้กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้“ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันตามไป” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นตอบเรียบ ๆเธอคือ “ผ้าแพร” ดาราสาวที่เพิ่งเข้าสู่วงการ แต่กลับได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ทั้งที่เมื่อไม่นานมานี้ยังเป็นเพียงพนักงานในร้านสะดวกซื้อใจกลางเมือง ความสวยที่โดดเด่นสะดุดตานั่นเองที่ทำให้เธอถูกแมวมองชักชวนเข้าสู่วงการบันเทิง หลังจากผลงานเรื่องแรกออกฉาย กระแสตอบรับก็ถาโถมจนชีวิตของเธอเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเธอรีบเก็บบทละครแล้วเดินตามผู้จัดการเข้าไปในกองถ่าย ใช้เวลาอยู่หน้ากล้องตั้งแต่เช้าจรดเย็น จนร่างกายแทบหมดแรงผ้าแพรเดินออกจากกองถ่ายพลางนวดไหล่เบา ๆ ความเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่จนไม่อยากแวะไปไหนต่อ อยากกลับไปซบเตียงนุ่ม ๆ ที่บ้านมากกว่า เพื่อให้หน้าตาได้พักผ่อน และพร้อมสำหรับการถ่ายทำในวันพรุ่งนี้“ให้พี่ไปส่งที่บ้านไหม?” ผู้จัดการสาวหันมาถามด้วยน้ำเส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status