Share

ตอนที่ 3 ความหลัง

last update Last Updated: 2025-08-06 20:20:17

ผ้าแพรเลิกสนใจเหล่าไก่ที่เคยเดินเข้ามารบกวน และหันสายตามองไปยังเด็กชายผู้มีแววตาโตเกินวัย เขานั่งพิงฝาไม้ของเล้าไก่ เศษไม้ไผ่ในมือถูกจับเล่นเบา ๆ พลางทอดสายตามองไปยังที่ว่างเบื้องหน้า

เริ่นเหว่ยหยางนั่งนิ่ง ท่ามกลางสายลมอ่อนของยามบ่ายที่พัดผ่านใบหญ้าให้เอนลู่ช้า ๆ ข้างเล้าไก่ทรุดโทรมในหมู่บ้านเล็ก ๆ ห่างไกลผู้คน ดอกหญ้าแห้งเหี่ยวโผล่ขึ้นจากผืนดินแข็งกระด้าง สะท้อนความว่างเปล่าที่ไม่มีใครเหลียวแล

แม้จะมีอายุเพียงสิบขวบ แต่แววตาของเขากลับแข็งกร้าวเกินวัยนัก ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่ทอดยาวไร้จุดสิ้นสุด เสียงจิ้งหรีดร้องระงม เสียงไก่ขันดังแทรกอยู่ใกล้ ๆ เขาเงียบงัน ราวกับกำลังกลืนกินความทรงจำบางอย่างที่ฝังแน่นไม่เคยจาง

เขาคือ “หวังเหว่ยหยาง” บุตรชายของแม่ทัพหวังแห่งเมืองหลวง ผู้เคยเป็นเสาหลักของกองทัพแคว้นชาง แต่ในวันที่อำนาจเริ่มสั่นคลอน ขุนนางผู้ละโมบและจักรพรรดิผู้หวาดระแวงก็ร่วมกันวางแผนโค่นล้มตระกูลหวังจนสิ้น

คืนนั้น… ตอนที่เขาอายุเพียงห้าขวบ เปลวไฟลุกท่วมทั่วจวนใหญ่ เสียงดาบฟาดฟันปะทะกันระงม เสียงทหารโห่ร้องดังทั่วฟ้า

เหว่ยหยางถูกปลุกขึ้นจากนิทราด้วยมือสั่นเทาของมารดา มือที่เปื้อนเลือด…

“เหว่ยหยาง… อย่าร้อง อย่ากลัวไปนะลูก ตามแม่มาเถอะ” น้ำเสียงของนางแม้จะสั่น แต่แฝงไว้ด้วยความกล้าหาญอันเปี่ยมล้น

นางแบกลูกชายวิ่งฝ่าความมืด ทั้งที่เลือดจากบาดแผลยังไหลไม่หยุด ไม่ยอมพัก ไม่ยอมหยุดฝีเท้า ทั้งสองหนีออกจากเมืองหลวง ฝ่าป่าฝ่าเขา ใช้เวลาหลายวัน จนในที่สุดก็มาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้

ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองคือใคร มารดาของเขาแสร้งเป็นเพียงหญิงเดินทางที่มากับบุตรชาย นางใช้เงินที่เหลืออยู่น้อยนิดซื้อที่ดินและกระท่อมร้างใกล้ตีนเขาอันแห้งแล้ง เหว่ยหยางพยายามปีนเขาเพื่อจับไก่ป่ามาได้สองตัว จากนั้นก็ช่วยกันทำเล้าไก่ไว้ให้พอมีไข่เลี้ยงชีวิตประทังกันไปวัน ๆ

เขาต้องเติบโตด้วยตนเองตั้งแต่วันที่หนีออกมา ต้องดูแลมารดาที่อ่อนแรงลงทุกวันด้วยสองมือของเด็กชายอายุเพียงสิบปี

แต่เขาไม่เคยร้องไห้…

ไม่ใช่เพราะไม่เจ็บ ไม่เสียใจ

แต่เพราะเขาได้สาบานไว้แล้วว่า วันหนึ่ง เขาจะกลับไปทวงคืนความยุติธรรมให้ตระกูลหวัง แซ่เดิมของท่านพ่อ ถึงตอนนี้เขากับมารดาจะเปลี่ยนมาใช้นามสกุล “เริ่น” ซึ่งเป็นแซ่ที่มารดาตั้งขึ้นเพื่อปกปิดตัวตน

แม้ชีวิตจะเริ่มต้นจากจุดที่ต่ำที่สุด

เขาก็จะปีนขึ้นไปให้ถึงยอดฟ้าอีกครั้ง เพื่อความยุติธรรม… หรือเพื่อแก้แค้นให้ท่านพ่อผู้ล่วงลับ

เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ฝังลึกในใจ เหว่ยหยางก็กำมือแน่นด้วยความคับแค้น แล้วจู่ ๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นต้นหญ้าต้นหนึ่ง มันมีดอกสีม่วงชูช่อไหวอยู่ท่ามกลางแดดอ่อน ยามจ้องมอง เขากลับรู้สึกสงบลงอย่างประหลาด ราวกับมันปลอบโยนหัวใจที่ด้านชาให้กลับมีชีวิตอีกครั้ง

เขาเดินเข้าไปใกล้ รดน้ำให้มันอีกครั้งอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหยุดมองรอบ ๆ

แล้วก็ต้องประหลาดใจ…

บริเวณที่ต้นหญ้าต้นนี้ขึ้น กลับดูเขียวชอุ่ม สดใส ผิดกับพื้นดินโดยรอบซึ่งแห้งแล้งและไร้ชีวิต ที่นี่ไม่เคยปลูกอะไรขึ้นเลยแม้แต่ต้นเดียว แต่ต้นหญ้าเล็ก ๆ นี้กลับเติบโตงอกงามราวกับได้รับพรจากฟ้า

เขาคิดแล้วก็หัวเราะเบา ๆ กับตนเอง ก่อนจะเดินหยิบธนูคู่ใจเข้าไปยังภูเขาใหญ่เบื้องหน้า

วันนี้…เขาต้องหาอาหารมาให้มารดา

แม้ต้องเดินผ่านหุบเขา แม้จะพบชาวบ้านระหว่างทางบ้าง แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้เขานัก เพราะทุกคนรู้ว่าเขาไม่ใช่คนในหมู่บ้าน และนั่นก็อาจเป็นสิ่งที่ดี…

สำหรับครอบครัวของเขา การไม่เป็นที่สนใจ คือความปลอดภัยสูงสุดในตอนนี้

เหว่ยหยางเดินไปตามทางที่ไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรเท่าใดนัก สองเท้าเหยียบย่ำผ่านพื้นหญ้าแห้งกรัง ต้นไม้ที่เคยเขียวชอุ่มบัดนี้กลับเหี่ยวเฉาราวกับหมดสิ้นชีวิต

‘นานแค่ไหนแล้ว… ที่ฝนไม่ตกลงมาในหมู่บ้านแห่งนี้?’

เขาเงยหน้ามองฟ้าแห้งแล้ง ก่อนจะก้มมองพื้นดินแตกระแหงใต้ฝ่าเท้า หัวใจของเด็กชายอายุเพียงสิบขวบเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง

ขณะเดียวกัน คล้อยหลังเหว่ยหยางไป ชาวบ้านที่เดินผ่านกลับมองตามเขาด้วยแววตาเวทนาและสลดใจ ต่างหันมาสบตากันและพูดถึงเรื่องราวของเด็กชายที่พึ่งพาตนเองเกินวัย

“ดูเด็กผู้นั้นสิ… อายุแค่นี้แต่ใจเด็ดนัก” หญิงผู้หนึ่งเอ่ยเบา ๆ

“ถ้าไม่กล้า แล้วจะมีอะไรกินเล่า ได้ข่าวว่ามารดาของเขาล้มป่วยมานานแล้ว… แม้แต่จะลุกก็ยังทำไม่ได้ น่าสงสารจริง ๆ” อีกคนพูดพลางส่ายหน้าอย่างเศร้า

ทั้งสองหันกลับไปมองทางที่เด็กชายเพิ่งเดินผ่าน ก่อนจะเร่งฝีเท้ากลับบ้านของตน

ทว่าเหว่ยหยางไม่รับรู้ถึงบทสนทนาเหล่านั้นเลย เขามุ่งหน้าสู่ป่าด้วยใจตั้งมั่น หวังเพียงจะหาอาหารประทังชีวิต และหากโชคดีอาจได้สัตว์สักตัวไปขายในเมือง เพื่อแลกกับเงินซื้อข้าวสารและเสื้อผ้ารับลมหนาวที่ใกล้เข้ามาทุกที

ดูเหมือนสวรรค์จะยังไม่ลืมเขา…

เพียงไม่นานหลังจากเข้าสู่ป่าลึก เขาก็พบกับกวางป่าตัวหนึ่ง แม้ไม่ใหญ่นัก แต่ก็ถือว่าเป็นสัตว์ตัวแรกที่เขามีโอกาสล่าได้ด้วยตนเอง

เหว่ยหยางลดฝีเท้าช้า ๆ ย่องเข้าใกล้อย่างระมัดระวัง สายตาจับจ้องไปยังกวางที่กำลังเล็มหญ้าแห้ง มือที่จับธนูสั่นเล็กน้อยเพราะทั้งวันยังไม่ได้กินอาหาร แต่เด็กชายก็รวบรวมสติทั้งหมด ยกธนูขึ้น เล็งอย่างมั่นคง ก่อนจะปล่อยลูกศรพุ่งออกไปอย่างแม่นยำ

เสียงแหลมของธนูฉีกอากาศเพียงชั่ววินาที ก่อนจะปักเข้าที่ลำคอของกวางอย่างพอดิบพอดี ร่างของมันทรุดลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

หัวใจของเหว่ยหยางเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นและดีใจ เขารีบตรงเข้าไปดูร่างของกวางเพื่อแน่ใจว่ามันหมดลมหายใจแล้วจริง ๆ

กวางตัวนี้แม้จะไม่ได้ใหญ่โตนัก แต่ก็ยังโตเกินกว่าเขาหลายเท่าตัว โชคดีที่เขานำเชือกที่ถักจากเถาวัลย์ติดตัวมาด้วย เขาใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดหลายปี ผูกกวางเข้ากับไม้ที่เตรียมไว้เป็นเลื่อนง่าย ๆ แล้วออกแรงลากมันไปตามทางราบที่ปกคลุมด้วยหญ้าแห้ง

เส้นทางนี้หลีกเลี่ยงผู้คนได้ดี และตรงกลับบ้านของเขาพอดี

การนำกวางไปขายในเมืองต้องเป็นไปอย่างมิดชิด และคนเดียวที่พอจะช่วยลากเกวียนได้ก็คือท่านป้าฟ่านหนิง

หลังจากฝืนแรงลากกวางมาจนถึงบ้าน เขาก็หาที่ลับตาเก็บมันไว้ก่อน แล้วจึงเดินเข้าไปดูมารดาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่านางยังคงหลับ เขาจึงย่อตัวลงจับแขนเบา ๆ พอแน่ใจว่าเพียงแค่หลับไปจึงวางใจ

เด็กชายเดินเข้าครัวไปหยิบข้าวต้มใส่ไข่ที่เขาเคี่ยวไว้ตั้งแต่เช้า โชคดีที่มันยังอุ่นอยู่ เขาจัดเตรียมน้ำและอาหารไว้พร้อมในถาด

เมื่อมองถ้วยข้าวต้ม กลิ่นหอมของมันทำให้น้ำลายส่อแววจะหลั่งไหล แต่เมื่อคิดถึงมารดาที่ยังป่วยไม่อาจช่วยเหลือตนเองได้ เด็กชายก็กัดฟัน หักห้ามใจ ปล่อยให้ความหิวรอไปก่อน

ผ้าแพรเฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยสายตาเงียบงัน

ตั้งแต่ที่เด็กชายลากสิ่งใดบางอย่างกลับมา แววตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับกำลังวางแผนหรือปิดบังอะไรอยู่ และไม่นาน เขาก็เดินออกจากบ้านอีกครั้ง

‘เจ้าเด็กคนนี้จะทำอะไรอีกหรือ?’ นางครุ่นคิดด้วยความสงสัย

ตั้งแต่ต้องมาเป็นต้นหญ้า นางก็รู้สึกว่าทุกอย่างลำบากเหลือเกิน ไม่มีพลังวิเศษ ไม่มีปาฏิหาริย์ ทุกวันก็ได้แค่มอง…เฝ้ามอง และเฝ้ารอ

‘นี่ข้าต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ไปตลอดเลยหรืออย่างไร…?’ ความน้อยใจถาโถมเข้ามาอย่างเงียบงัน ราวกับลมเย็นที่พัดผ่านกลางทุ่งร้าง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 48 แต่งงาน

    เมื่อคิดถึงฟ่านอิง เด็กน้อยก็คลานเข้ามาหานางพอดี เขายังดูน่ารักมากขึ้นทุกวัน ฮวาอี้อุ้มเขาไว้ในอ้อมแขน เดินชมร้านไปพลาง เด็กน้อยก็มองนางด้วยสายตาใสซื่อราวกับกำลังพยายามจดจำใบหน้าของผู้คนรอบตัวอย่างจริงจังเวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือน จนถึงกำหนดวันแต่งงาน ฮวาอี้กลับไปพักที่บ้านของเหว่ยหยาง และเข้าไปเตรียมตัวที่ร้านในเมืองหลวงเมื่อถึงวันงาน เหว่ยหยางส่งเกี้ยวแปดคนหามมาอย่างยิ่งใหญ่เพื่อรับตัวเจ้าสาว ผู้คนริมทางต่างพากันชื่นชมและยินดี เมื่อเกี้ยวหยุดหน้าบ้าน เขาก็เป็นผู้มารับตัวนางด้วยตนเองฮวาอี้สวมชุดเจ้าสาวสีแดงสดงดงาม ผ้าคลุมหน้าสีเดียวกันปิดบังใบหน้าไว้ บนศีรษะประดับด้วยปิ่นที่เหว่ยหยางเคยมอบให้นางเมื่อครั้งก่อน แซมด้วยปิ่นหยกอันใหม่ที่ส่องประกายเจิดจรัสยิ่งนักหลังพิธีเสร็จสิ้น เหว่ยหยางพานางเข้าห้องหอ ซึ่งเป็นห้องเดิมที่นางเคยนอนป่วยอยู่ บัดนี้ถูกประดับตกแต่งด้วยผ้าแพรสีแดงสด ดูอบอุ่นและเป็นสิริมงคลยิ่งนัก“ฮวาอี้…” เขาเอ่ยเรียกนางเบา ๆ“เจ้าค่ะ” เสียงตอบรับของนางนุ่มนวล เจือความเขินอาย“ตอนนี้เจ้าเป็นภรรยาของข้าแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเสียเปรียบอีก คืนนี้เจ้าตรวจร่างกายของข้าได้เต็มที

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 47 ฟื้นแล้ว

    “เจ้าเช็ดน้ำลายเสียหน่อยเถิด” เหว่ยหยางเอ่ยยิ้ม ๆฮวาอี้รีบยกมือเช็ดปากทันที ทว่ากลับไม่มีอะไรอย่างที่เขาว่า นางจึงหันมามองเขาตาขวางเหว่ยหยางหัวเราะเสียงดัง เขารู้สึกว่าการมีนางอยู่ให้หยอกเย้าเช่นนี้ คือความสุขที่แท้จริงของเขา“ข้าอยากออกไปข้างนอกแล้ว” ฮวาอี้รีบเปลี่ยนเรื่อง“ได้เลย หากทุกคนได้เห็นเจ้า คงดีใจกันไม่น้อย โดยเฉพาะท่านแม่ของข้า” เขาตอบก่อนจะเข้ามาพยุงนาง แม้นางจะเดินได้แล้ว แต่เขาก็ยังคงห่วงใยอย่างไม่คลายฮวาอี้รับรู้ถึงความใส่ใจของเขา จึงยินยอมให้เขาช่วยพยุงโดยไม่ขัดขืน นางกลับรู้สึกอบอุ่น… อยากให้เขาเอาใจใส่เช่นนี้ตลอดไปจริง ๆเมื่อเดินออกมานอกเรือน กลับไม่พบผู้ใดอยู่เลยแม้แต่คนเดียว เป็นเรื่องแปลกที่ไม่มีบ่าวมาคอยดูแล“ทุกคนไปไหนกันหมดหรือ?” ฮวาอี้ถามอย่างสงสัย“ตอนนี้ท่านแม่ไปช่วยงานที่อีกเรือนหนึ่ง ข้าจะพาเจ้าไปดูด้วยตนเอง”“ช่วยงานอะไรหรือ? ที่นี่มีงานให้ทำด้วยหรือ?” นางถามอย่างแปลกใจเหว่ยหยางไม่ปล่อยให้ความสงสัยนั้นอยู่นาน เขาจูงมือนางมายังเรือนหลังหนึ่งซึ่งมีบ่าวรับใช้นั่งทำงานกันอยู่หลายคน และตรงกลางเรือนก็คือมารดาของเขาเมื่อสายตาของฮวาอี้มองไปยังสิ่งที่พวกเขา

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 46 กลับบ้าน

    “ข้าไม่ขอกลับไปยังโลกเดิมอีก… ในเมื่อที่แห่งนี้มีคนที่รักข้ารออยู่ ข้าย่อมไม่หนีเขาไปที่ใดได้อีก ท่านสามารถส่งข้ากลับไปได้หรือไม่?” หญิงสาวกล่าวด้วยเสียงสั่น น้ำตาไหลพรากลงมาตามพวงแก้มชายชราแย้มยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “หากเจ้าเลือกเช่นนี้ ตัวตนของเจ้าในโลกเดิมจะสูญสลายไปทันที… เจ้ายอมรับได้แล้วจริงหรือ?”“ข้ายอมรับ” ฮวาอี้ตอบด้วยแววตามุ่งมั่น น้ำเสียงหนักแน่นเปี่ยมความเชื่อมั่นเมื่อได้รับคำยืนยันอีกครั้ง ชายชราก็โบกมือเบา ๆ ภาพของร่างในโรงพยาบาลค่อย ๆ จางหาย พร้อมกับเรื่องราวในโลกเดิมที่นางเคยดำรงอยู่“บัดนี้ เจ้าหาได้มีตัวตนในโลกเดิมอีกต่อไปแล้ว… เจ้าจงใช้ชีวิตที่เจ้าเลือกให้คุ้มค่า ส่วนมิติที่ข้ามอบให้ จะยังคงอยู่ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของเจ้า ขอให้เจ้าพบความสุขในสิ่งที่เลือกไว้เถิด”เมื่อกล่าวจบ ร่างของชายชราก็ค่อย ๆ เลือนหายไปจากสายตา เหมือนสายลมที่พัดผ่านฮวาอี้ตกใจ รีบร้องเรียกเสียงหลง “เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ! ท่านยังไม่ส่งข้ากลับไปเลย ข้าจะกลับไปโลกนั้นได้อย่างไร!” นางโอดครวญอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดเขาจึงไม่เคยบอกอะไรให้นางรู้ล่วงหน้าสักครั้งแต่ไม่นานนัก เส้นทางสีขาวสว่างไสวก็ปรากฏขึ้นตร

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 45 ความฝัน

    ไป๋จิ้งอวี่รับดาบนั้นไว้ แต่แรงปะทะรุนแรงจนเขากระอักเลือดออกมา ร่างกายของเขาเองก็อ่อนแรงเต็มที ทว่าในห้วงสุดท้ายนั้น เขาก็เหลือบไปเห็นนักฆ่าคนสนิทปรากฏตัวขึ้น เขาซ่อนรอยยิ้มไว้ในเงามืด ศึกครั้งนี้เขายังไม่แพ้!นักฆ่าในชุดดำที่เพิ่งมาถึง รีบพุ่งเข้าหาด้วยความรวดเร็ว ดาบในมือฟาดลงมาเพื่อช่วยเจ้านายของตนโดยไม่ลังเลฮวาอี้ที่เห็นดังนั้น รีบผลักเหว่ยหยางให้พ้นทาง แล้วรับคมดาบแทน ร่างของนางทรุดลงทันทีตรงหน้าชายคนรัก“ไม่!!” เหว่ยหยางตะโกนลั่น ก่อนจะใช้ดาบในมือตวัดแทงทะลุร่างของไป๋จิ้งอวี่ทันที ศัตรูตัวฉกาจล้มลงในบัดดลเหว่ยหยางรีบโผเข้าประคองร่างของฮวาอี้ไว้ในอ้อมแขน “ฮวาอี้… เจ้าฟังข้าอยู่หรือไม่… อย่าเป็นอะไรไปเลย…” เสียงของเขาสั่นเครือ มือของเขากุมมือของนางไว้แน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นคมดาบเล่มนั้นปักกลางอกซ้ายของนางพอดี เลือดสีแดงไหลรินลงมาเปื้อนเสื้อคลุมสีอ่อนอย่างน่าสลดใจชายชุดดำอีกคนที่เหลืออยู่เห็นท่าไม่ดี พยายามหนีเอาตัวรอด แต่ยังไม่ทันพ้นระยะ ก็ถูกชายหน้าหวานผู้หนึ่งแทงร่างจนสิ้นใจไป๋เทียนวิ่งตรงเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ เมื่อมองเห็นหญิงสาวในอ้อมแขนของเหว่ยหยาง เขา

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 44 ไม่คาดคิด

    “เจ้าช่างปากหวานเสียจริง…” ฮวาอี้ยิ้มบาง “แล้วเจ้าส่งคนไปดูทางขบวนเจ้าบ่าวหรือยัง?”“ข้าน้อยส่งไปแล้วตามที่นายหญิงสั่งเจ้าค่ะ” ลัวหยูตอบด้วยความเคารพ นางไม่เข้าใจนักว่านายหญิงกังวลสิ่งใด เพราะเหว่ยหยางเองก็เป็นผู้มีฝีมือสูงส่ง ไม่มีใครกล้ารังแกได้ง่าย ๆ“ดี…ข้าค่อยวางใจได้หน่อย” ฮวาอี้พึมพำเบา ๆ พลางลูบต้นหญ้าปักกิ่งในมืออย่างแผ่วเบา หากเกิดเหตุร้ายใด ๆ ขึ้น นางยังมีวิธีช่วยเหลือเขาทางฝั่งของ เหว่ยหยางเขาสวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงเข้มอย่างสง่างาม แววตาเต็มไปด้วยความสุข ในที่สุด…วันที่เขารอคอยก็มาถึงระหว่างทางขบวนขันหมากกำลังเคลื่อนตัวอย่างสงบ ผ่านเส้นทางแคบในหุบเขา ท่ามกลางเสียงดนตรีและเสียงหัวเราะเบา ๆ ของผู้ร่วมขบวนกระทั่ง…เงาดำหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้า!ชายในชุดดำกระโจนออกมายืนขวางทางรถม้าอย่างไม่เกรงกลัวสายตาใด ๆ“นายท่าน! เกิดเรื่องแล้วขอรับ!”เสียงอู๋หยวนดังขึ้นอย่างร้อนรน ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดผิดปกติ…“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” เหว่ยหยางขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียด รู้สึกถึงลางร้ายบางอย่าง“มีชายชุดดำขวางหน้ารถม้าของเราขอรับ!”“ถ้าเช่นนั้น ฆ่ามันเสีย!” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงกร้าว โม

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 43 ตอบรับแต่งงาน

    “เจ้า…ปลูกมันขึ้นมาได้เช่นไร?” เขาเอ่ยถามเสียงสั่นอย่างไม่เชื่อสายตา“ข้าก็ปลูกมันลงในดินธรรมดาเท่านั้น มันก็ขึ้นมาเอง ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลยขอรับ” เหว่ยหยางพูดออกมาด้วยท่าทางโอ้อวดเล็กน้อยเจ้าของร้านขายยามองทั้งสองด้วยสายตาเคลือบความหมั่นไส้ แต่ในใจก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอันใด เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมิใช่เรื่องธรรมดา ต้นโสมสวรรค์จะเติบโตได้ต้องอาศัยปัจจัยบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ง่ายดาย เช่นเดียวกับโชคชะตาและบุญวาสนา และแม้จะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายใช้วิธีใด แต่เรื่องนี้ก็ไม่สมควรถามออกไปตรง ๆ“แล้วต้นโสมต้นนี้… เจ้าจะนำกลับไปหรือไม่? หากไม่ ข้าขอซื้อต่อในราคาที่สูงกว่าหลายเท่า” เขาถามพลางจับต้นโสมแน่นราวกับกลัวว่ามันจะหลุดมือเหว่ยหยางแย้มยิ้มบาง “หากไม่ใช่เพราะท่านมอบเมล็ดให้ข้า ข้าก็ไม่มีวันได้ต้นโสมต้นนี้มา ข้ามอบมันให้ท่านโดยไม่คิดสิ่งตอบแทนใด ๆ ถือว่าข้าได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว และเมื่อสัญญานั้นสิ้นสุด ข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะได้กลับมาพบท่านอีกหรือไม่”เจ้าของร้านขายยาพลันยิ้มกว้างด้วยความยินดีที่ได้ต้นโสมสวรรค์มาโดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่ตำลึงเดียว แต่เมื่อได้ยินว่าเหว่ยหยางจะจากไป ก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status