เมื่อเฉียวเวยเวยตื่นขึ้นมาตะวันก็คล้อยต่ำแสงร่ำไร ๆ นางงัวเงียพูดขึ้น
“นำกระจกมาให้ข้า”
ม่านม่านถือกระจกให้เฉียวเวยเวยมองตนเองได้อย่างถนัดตา
หญิงสาวเปิดสาบเสื้อลง ริมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างพอใจ ร่องรอยรอยจูบของตันหรงนั่นเด่นชัดในผิวขาวเนียนละเอียด แค่มองดูเท่านี้ก็รู้ว่าพวกนางและเขาผ่านช่วงเร่าร้อนด้วยกัน นางดึงสาบคอเสื้อขึ้นแล้วพูด
“ไปจัดการค่าใช้จ่ายด้วย”
“เจ้าค่ะ นายหญิง...ท่านจะกลับจวนเลยหรือไม่เจ้าค่ะ หรือจะทานอาหารที่นี่ก่อน”
“กลับจวนเลย”
เมื่อพูดเสร็จชิงชิงก็ออกไปข้างนอก ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล พวกนางอยู่ในห้องตลอดย่อมรู้ว่านายหญิงยังไม่ถึงขั้นนั้น กระนั้นนางก็รู้สึกไม่สบายอย่างยิ่ง ทว่าแต่ไหนแต่ไร นายหญิงจะทำสิ่งใดพวกนางล้วนไม่เคยสอดปากนอกจากตั้งใจปรนนิบัติตามคำสั่งเท่านั้น
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
เฮ้อ!! ก็หวังแค่ว่านายหญิงจะมีความสุข
เมื่อกลับมาถึงจวน แม่นมฝูรออย่างกระวนกระวายใจ ไม่รู้ว่าคุณหนูของตนเองจะก่อเรื่องอันใดอีกหรือไม่
เมื่อเห็นร่างบางกำลังเดินมาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พูดขึ้น
“ฮูหยินน้อย นายท่านกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
เดิมแม่นมฝูก็ไม่เห็นด้วยที่คุณหนูของนางต้องการแต่งงานกับ หลีเซียวหยวน เสียทั้งกายและหัวใจ แถมมอบเงินอีกฝ่ายตั้งมากมายกระนั้นกลับไม่ได้ความใส่ใจกลับมาแม้แต่น้อย
หากเฉียวเวยเวยต้องการหย่า นางย่อมยินดี
“ดี!!... ในเมื่อเขามาแล้วจะได้คุยเรื่องที่ค้างคา”
เฉียวเวยเวยไปหาหลีเซียวหยวนโดยที่ยังไม่ผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย นางต้องการย้ำถึงสถานที่และการกระทำของตนเองในวันนี้
หลีเซียวหยวนขมวดคิ้วมองเฉียวเวยเวย
แววตาแฝงความประหลาดใจกับกลิ่นกายของนาง
หญิงสาวเดินเข้าไปยืนกลางห้องแล้วถอดเสื้อด้านนอกออก มุมปากของหลีเซียวหยวนเหยียดยิ้มเล็กน้อย ทว่าเมื่อเขาเห็นรอยแดง พอเพ่งมองยิ่งตกตะลึง นี่ไม่ใช่ร่องรอยของเขาอย่างแน่นอน
หลีเซียวหยวนปรี่ตรงเข้าไปหาเฉียวเวยเวยอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาถลึงตามองหญิงสาวอย่างดุดัน
เพียะ!!
เสียงฝ่ามือกระทบกับใบแก้มนวลดังสนั่น ทำให้บ่าวไพร่ข้างนอกสะดุ้งตัว
เฉียวเวยเวยเซหันไปตามแรงของฝ่ามือ
นางยกมือกุมแก้มก้มหน้าลง
ชิงชิงและม่านม่านกำลังจะปรี่เข้าไป บ่าวหน้าห้องก็ขัดขวางเกิดเสียงดังโหวกเหวกขึ้น เฉียวเวยเวยจึงพูดขึ้น
“ไม่ต้องเข้ามา ข้าไม่เป็นไร”
หลีเซียวหยวนชะงักเขาจ้องมองฝ่ามือของตนเอง กำลังก้มลงไปหวังจะประครองหญิงสาวด้วยความรู้สึกผิด ขณะนั้นเฉียวเวยเวยก็หันจ้องมองกลับมา ใบหน้าและสายตาของนางล้วนว่างเปล่า นางเช็ดเลือดที่มุมปากลวกๆ สะบัดมือของชายหนุ่มออก
“ตบครั้งนี้ ข้าให้ท่าน...ครั้งนี้...ข้ายังไม่ได้สวมหมวกให้ท่าน แต่หากท่านยังไม่เขียนหนังสือหย่า ข้ารับปากว่าท่านจะได้สวมหมวกใบเขียวอย่างแน่นอน”
ความรู้สึกผิดของหลีเซียวหยวนเมื่อสักครู่พลันสลายหลายไป สายตาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นเยือกขึ้น
“เจ้ากล้า”
“ฮ่า ฮ่า ไยข้าจะไม่กล้า ข้าเตือนท่านแล้วนะ”
เฉียวเวยเวยหมุนกายกำลังจะเดินออกจากห้อง
หลีเซียวหยวนเห็นเช่นนั้นก็รีบก้าวขาออกไป พลางกระชากแขนดึงตัวนางกลับมาอย่างรุนแรง พร้อมตะคอกถาม
“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่”
“ท่านโง่เขลาหรืออย่างไร ความต้องการของข้าคือ หนังสือหย่า มิใช่ข้าแจ้งท่านไปแล้วหรือไร ปล่อยข้านะ”
เฉียวเวยเวยเอ่ยน้ำเสียงยั่วโมโห พลางพยายามแกะมือของ หลีเซียวหยวนออก
เมื่อเห็นว่าเฉียวเวยเวยดื้อดึงไม่ยอมจำนนง่าย ๆ เหมือนที่ผ่านมา
หลีเซียวหยวนก็ข่มอารมณ์เค้นคำพูดดี ๆ ออกมา
“หากเจ้าไม่พอใจ เช่นนั้นข้าเพิ่มจำนวนวันให้เจ้าดีหรือไม่”
“ฮ่า ฮ่า หากข้าบอกว่าข้าต้องการทุกวันท่านจะให้ข้าได้หรืออย่างไร”
“เจ้าก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เฉียวเวยเวย อย่าบีบคั้นข้าเกินไป ...เมื่อก่อนเป็นเจ้าเองที่บอกข้าว่า-ยอมทุกอย่าง-”
น้ำเสียงของชายหนุ่มกำลังคำรามข่มขู่ ความรู้สึกเจ็บแปลบเข้ามาหัวใจของเฉียวเวยเวยขึ้นมาอีกครั้ง วาจานี้เป็นเจ้าของร่างคนเดิมที่เคยลั่นไว้ นางบอกกับหลีเซียวหยวนขอเพียงให้นางเคียงคู่เป็นฮูหยิกเอกของเขา นางยินยอมที่จะกล้ำกลืนทุกอย่าง
เฉียวเวยเวยเผยปากเหยียดยิ้มเยาะเย้ยหยันตนเอง นางพูดขึ้นน้ำเสียสั่นเครือแฝงความรู้สึกเจ็บปวดที่อยู่ภายใน
“ท่านเสนาบดี ท่านกล้าพูดหรือไม่ว่าท่านเชื่อ เชื่อวาจาของสตรีที่มีความรัก...กระนั้น... ข้าจึงไม่กล่าวโทษท่าน ..ท่านมีฮูหยินรองของท่าน ตอนนี้ข้ารู้แล้ว ข้าไม่อาจจะฝืนทนต่อไป ต่อจากนี้ข้าขอสิ้นวาสนาต่อท่าน”
เฉียวเวยเวยยิ้มพราว แววตาเย็นชาเฉียบขาด
หลีเซียวหยวนชะงัก มองสตรีตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
ดวงตาที่จ้องมองมาดำขลับฉายประกายคมกริบ กรีดเข้าไปถึงหัวใจ เฉียวเวยเวยไม่เพียงงดงามทว่าวันนี้นางกลับแฝงความสง่างามน่าหลงใหล
เฉียวเวยเวยก็หมุนกายออกไปไม่รอคำตอบ นางกลับไปรอหนังสือหย่าในเรือนอย่างมั่นใจ
ตอนพิเศษ ทุกอย่างราบรื่น เมิ่งซูซูพร้อมบ่าวเดินไปตามทางหินขนาดใหญ่ลอดผ่านซุ้มดอกเหมย จนกระทั่งมาถึงลานกว้าง นางเหม่อมองไปยังเรือนไผ่หยกเบื้องหน้า วันนี้นางตั้งใจมาปรึกษานายหญิงเวย เรื่องการขอให้สามีรับอนุ นางเคยพูดเรื่องนี้หลายครั้ง ทว่าก็โดนสามีและแม่สามีระงับมาโดยตลอด บอกว่าทายาทไม่ต้องรีบร้อน คราวแรกนางคิดว่าทั้งสองคงไม่อยากจะทำร้ายจิตใจนาง จึงกล่าวถนอมน้ำใจกัน ทว่าอยู่มาหลายปีนางจึงเชื่อสนิทว่าพวกเขาหาได้สนใจเรื่องนี้ ตอนนี้ทายาทรุ่นที่สองของตระกูลเวยมีเพียงสอง ซึ่งเป็นบุตรของนางคนเท่านั้น นับได้ว่ามีจำนวนน้อยเกินไปจนน่าใจหาย นางรับรู้ว่ามีเพียงนางที่ร้อนรนอยู่ฝ่ายเดียว บ่าวที่อยู่ตรงหน้ามองเห็นนางก็รีบเดินเข้ามาหาคารวะกล่าวทักทายอย่างยินดี “นายหญิงน้อย ท่านมาขอพบนายหญิงหรือเจ้าคะ” หญิงสาวพยักหน้าพร้อมเอ่ยถาม“ท่านแม่อยู่ในเรือนหรือไม่” “อยู่เจ้าค่ะ นายหญิงกำลังทานของว่างพร้อมคุณชายใหญ่กับคุณหนูรองเจ้าค่ะ” “เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่นี่เสียเล่า”เมิ่งซูซูเอ่ยถาม พลางเดินไปยังหน้าเรือน เมื่อไปถึงก็หันไปสาวใช้ “ข้าจะเข้าไปเรียนนายหญ
ตอนที่ 42 ความรักที่รออยู่เฉียวเวยเวยวางหนังสือนิยายลง แล้วบิดร่างกายไปมาพลางหยิบของว่างขึ้นมากิน แล้วพูดขึ้น“นายน้อยคงอยู่ที่เรือนข้าจะไปหาเขาสักหน่อย”“นายน้อยน่าจะอยู่ที่เรือนโอสถ ที่นั้นค่อนข้างไกล นายหญิงให้ข้าเตรียมเสลี่ยงหามดีหรือไม่เจ้าค่ะ” ม่านม่านเอ่ยแนะนำเฉียวเวยเวยส่ายหน้า“ไม่ต้องข้าอยากจะเดินออกกำลังด้วย” หญิงสาวก้าวเดินออกมาไปตามทางคดเคี้ยวเลียบสระบัวที่สร้างขึ้นมาใหม่ สระกว้างคลื่นลมสงบนิ่ง เมื่อนางทอดสายตามองไปก็เห็นแผ่นฟ้ากว้างไกลสุดตา ทำให้นางรู้สึกปลอดโปร่ง ทว่าเมื่อมองเห็นหลังคาเรือนโอสถอยู่ไกล ๆทำให้ความคิดหยุดชะงัก“ไกลจริง ๆ” นางพึมพำขึ้นมาชิงชิงจึงพูด“นายหญิงเช่นนั้นข้าให้คนหามเสลี่ยงตามมาดีกว่าเจ้าค่ะ หากนายหญิงเหนื่อยจะได้ปรับเปลี่ยนได้”เฉียวเวยเวยเห็นด้วยจึงพยักหน้าตอบรับ นางก้าวเดินออกไปไม่รีบเร่ง สายลมโบกพัดดอกเหมยต่างก็ร่วงลงพื้นเกลื่อน กลิ่นหอมโชยมาระลอก ระลอก ไม่นานนางก็มาหยุดอยู่หน้าเรือนโอสถเมื่อเดินเข้าไปข้างใน เฉียวเวยเวยก็เห็นร่างสูงโปร่งของเวยซา นางหยุดพินิจอีกฝ่าย จากเด็กหนุ่มที่มีความกระตื้อรือร้นและสับสนกับในยุคสมัยใ
ตอนที่ 41 ยังไม่ต้องกลับจวน หลังแต่งงานเมื่อครบสามวันตามธรรมเนียมคู่แต่งงาน ฝ่ายหญิงต้องกลับไปเยี่ยมบ้านสกุลเดิม เพื่อให้ญาติฝ่ายหญิงได้รับรู้ว่าหญิงสาวแต่งออกไปแล้วเป็นอย่างไร ทว่าเมิ่งซูซูกลับยืนยันว่านางจะกลับสกุลเมิ่งเพียงลำพัง เวยซาก้มมองเมิ่งซูซูที่กำลังช่วยชายหนุ่มแต่งกายอย่างตั้งใจ ใบหน้างามเรียวน่ารักแดงระเรื่อน้อย ๆ หลังจากผ่านพ้นเรื่องเมื่อคืนก็ทำให้เขารู้สึกสนิทชิดเชื้อกับหญิงสาวมากกว่าเดิม มีความผูกพันธ์ซับซ้อนถักทอดก่อขึ้นมา เมื่อหญิงสาวบอกว่าจะกลับบ้านคนเดียวความรู้สึกอึดอัดที่มากกว่าปกติ ทำให้เวยซาเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง“ซูซู เจ้าต้องการที่จะกลับเยี่ยมบ้านคนเดียวหรือ”เมิ่งซูซูเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่ม ยิ้มตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน“เจ้าค่ะ..หากสกุลเมิ่งเห็นว่าข้าไร้ประโยชน์จึงจะปลดปล่อยข้า”เวยซากุมมือของหญิงสาวขึ้นมา ได้กลิ่นกายของหญิงสาวหอมละมุนโชยมาแตะปลายจมูกภาพแนบชิดผุดขึ้นมา ชายหนุ่มอดกลั้นกลืนน้ำลายแล้วพูดขึ้น“ไม่ใช่ว่า เจ้ารังเกียจตระกูลเวย รังเกียจข้าและโกรธที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้” น้ำเสียงของเวยซาแฝงความน้อยใจ เมิ่งซูซูรีบคุกเข่าลง ใบหน
ตอนที่ 40 ลองดูสักครั้ง วันเวลาพ้นผ่านจนกระทั่งมาถึงวันแต่งงานของเวยซา แขกเหรือผู้คนมากหน้าหลายตา ตรงจัดงานพิธีเป็นเรือนของเวยซาที่แยกออกมาทำให้หลายคนที่อยากจะชมจวนของเฉียวเวยเวยและเรือนไผ่หยกต่างก็ผิดหวังไปตาม ๆ กัน กระนั้นแม้จะไม่ได้เห็นตัวเรือนเต็มทว่าเมื่อลอบมองเข้าไปเห็นหลังคาใหญ่ตระการก็ทำให้อดตื่นเต้นไม่ได้ “ยินดีด้วยนะนายหญิงเวย”เสียงผู้คนกล่าวแสดงยินดีดั่งกึกก้อง กลิ่นอายมงคลล้วนทำให้ใบหน้าของคนในตระกูลเวยระบายเต็มไปด้วยความอิ่มเอิบ เฉียวเวยเวยพร้อมเจียฟางมารดาของเวยซายืนรับแขกอยู่ด้านหน้า เผยลู่แอบมองใบหน้าเฉียวเวยเวยที่เต็มไปด้วยความปิติตื่นเต้นยินดี ได้เห็นนางคลี่ยิ้มอย่างงดงามทำให้เขารู้สึกอบอุ่น ผุดรอยยิ้มที่มุมปากดวงตาเป็นประกาย แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง โค้งคำนับแล้วพูดขึ้น “นายหญิง ฮูหยินเจีย เชิญพวกท่านเข้าไปนั่งข้างในเถิดตรงนี้ข้าจะรับผิดชอบเอง” เฉียวเวยเวยหันมายิ้มให้เผยลู่ ความจริงนางตอนนี้ก็เหนื่อยแล้วเมื่อสักครู่ในใจก็ครุ่นคิดอยู่ตลอด ผู้ใดเชิญแขกมากมายขนาดนี้จึงรีบตอบรับ “เช่
ตอนที่ 39 ต้อนรับแขกพิเศษ อากาศยามเช้าเริ่มเหน็บหนาวขึ้นกว่าทุกวัน แม้ภายในห้องจะอบอุ่นดั่งวสันตฤดู เฉียวเวยเวยก็รู้สึกเกียจคร้านนางซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มอุ่นนอนแช่ตัวในเตียงนอน สูดดมกลิ่นอายความหนาวนับได้ว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ทว่าเสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกข้างนอกทำให้นางเผยหน้าออกมา “เวยเวย ข้ามารอทานข้าวต้มร้อนกับเจ้าอยู่นะ” “เล่อเล่อหรือเข้ามาสิ” คุนเล่อเปิดประตูเข้ามาพร้อมบ่าวไพร่ ชายหนุ่มเดินเข้าไปนั่งข้างเตียงหยิบผ้าอุ่นซับเช็ดหน้าหญิงสาว เฉียวเวยเวยเอนกายกอดเอวอีกฝ่ายพูดเสียงอ้อน “เล่อเล่อ เจ้าไปไหนมาเหตุใดไม่ยอมกลับเรือน” คุนเล่อพลางซับใบหน้าหญิงสาวด้วยมืออันอ่อนโยน “นายหญิงเวย ท่านไม่อายผู้อื่นหรือ ตอนนี้นับว่าท่านมารดาผู้อื่นแล้วนะ” “เช่นนั้น คุนเล่อเจ้าเป็นท่านพ่อบุญธรรมด้วยดีหรือไม่” “ตามใจเจ้าสิ” คุนเล่อกล่าวอย่างไม่ขัดข้อง ทว่ากลับเป็นเฉียวเวยเวยที่คิดขัดแย้งขึ้นมา “ไม่ได้สิ หากเจ้าแต่งเป็นนายท่านของบ้าน ถ้าเจ้ามีคนที่ชื่นชอบจะยุ่งยากเกินไป”
ตอนที่ 38 เฝ้ารอวัน กลุ่มเหล่าฮูหยินจากขุนนางชั้นรองลงมาจะนั่งอยู่เรือนที่ห่างออกไป เมิ่งฮูหยินวันนี้ก็พาเมิ่งซูซูมาร่วมงานด้วย หวังจะได้มีโอกาสได้พูดคุยกับเฉียวเวยเวย ทว่าด้วยฐานะที่แตกต่างกันทำให้พวกนางไม่มีแม้โอกาสจะกล่าวทักทายอีกฝ่าย ดูเหล่าฮูหยินสูงศักดิ์ดูครื้นเครงเสียงหัวเราะผสมกลิ่นน้ำหอมโชยอบอวลอ้อยอิ่งมา หลายคนสบตากันใคร่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฮูหยินรองนายอำเภอคนหนึ่งก็พูดขึ้น “เมื่อสักครู่ข้าแอบถามนางกำนัล ถึงได้รู้ว่านายหญิงเวยนำน้ำหอมใหม่ของร้านเวยเฟยมาให้เหล่าฮูหยินสูงศักดิ์ได้ทดลองใช้ ครั้งนี้ข้าอาจจะต้องขออาศัยวาสนาเมิ่งฮูหยินแล้ว เมื่อสักครู่ท่านยังกล่าวว่าสนิทกับนายหญิงเวยไม่น้อย” ฮูหยินที่นั่งข้างเอามือปิดปากคล้ายกลั้นหัวเราะแล้วพูดขึ้น “หรูฮูหยิน ข้าว่าที่สนิทกล่าวเองเสียมากกว่า งานหมั้นหมายที่เกิดขึ้นใครบ้างจะไม่รู้ว่าเหตุเกิดจากอะไร” เหล่าฮูหยินต่างพาเอามือปิดปากหัวเราะ เมิ่งฮูหยินพยายามเก็บสีหน้า นางเชิดหน้าขึ้นแล้วถลึงตาขวางใส่เมิ่งซูซู กระซิบเก็บเสียงผ่านช่องฟัน “