Home / วาย / เกิดใหม่เป็นมารดาใจร้าย / บทที่ 4 เตรียมตัวเข้าเมืองหลวง

Share

บทที่ 4 เตรียมตัวเข้าเมืองหลวง

last update Huling Na-update: 2025-10-12 12:23:27

บ้านหลังขนาดพอดีสามารถอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่มีรั้วรอบขอบชิดอยู่เกือบท้ายหมู่บ้าน ห่างจากบ้านของไป๋หลินเพียงแค่เดินไปหนึ่งเค่อก็ถึงแล้ว เป็นบ้านของตระกูลสวีที่พี่สามของหลัวฟางแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ หลัวหนิงเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลสวีเพราะบ้านสวีมีพี่ฉางฝูเป็นลูกชายคนโตและฉางซูบุตรเกอคนเล็กที่ออกเรือนไปกับคนหมู่บ้านข้าง ๆ ถ้าเทียบฐานะกับตระกูลอื่นในหมู่บ้านถงหยาง ตระกูลสวีเองก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรแต่ด้วยความขยันจึงทำให้ไม่ลำบาก บ้านสวีทุกคนในบ้านล้วนแต่มีจิตใจที่ดีไม่ขี้อิจฉามีน้ำใจและซื่อสัตย์ช่วยเหลือคนอื่นเสมอ จึงมักมีคนชอบมาจ้างไปทำงานบ่อย ๆ

ถัดไปอีกไม่ไกลกันมากเพียงประมาณหนึ่งหลี่ก็มีบ้านขนาดหลังเท่ากัน บ้านของตระกูลอู๋ที่พี่สี่หลัวเหมยแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้เล็ก บ้านอู๋มีลูกชายคนโตอย่างอู๋อี้หลงพ่อหม้ายลูกติด ส่วนลูกคนรองเป็นเกออู๋อี้ผิงแต่งงานออกเรือนไปแล้ว คนสุดท้ายคือพี่เขยอย่างอู๋อี้ฟาน ฐานะทางบ้านก็ไม่ต่างอะไรจากบ้านสวี แต่จิตใจดีขยันทำมาหากินจึงไม่ลำบาก

บ้านอีกหลังที่อยู่ใกล้กับบ้านตระกูลอู๋เป็นบ้านตระกูลจู บ้านหลังสุดท้ายของหมู่บ้านถงหยางขนาดบ้านจะเล็กลงมาสักหน่อยแต่ก็อบอุ่นเต็มไปด้วยความสุข เพราะในบ้านมีทั้งพ่อแม่ปู่ย่าลูกชายลูกสะใภ้และหลานแฝดอีกสามคน พี่ห้าหลัวหมิงแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้คนเดียวของบ้านเนื่องจากบ้านจูมีลูกชายเพียงคนเดียวคือพี่ซีห่าว จึงทำให้พี่เขยเป็นเสาหลักของครอบครัว ฐานะบ้านจูอยู่ในระดับถือว่าพอกินพอใช้ไม่ลำบาก คนบ้านจูเองทุกคนก็ขยันไม่แพ้บ้านอื่น เวลาใครต้องการจ้างงานจะนึกถึงคนบ้านจู บ้านอู๋ และบ้านสวี อยู่เสมอเพราะคนสามบ้านนี้ทำงานดีนายจ้างไว้ใจได้ว่างานต้องออกมาเรียบร้อยดีแน่นอน

หลังจากที่ลูก ๆ กลับมาจากบ้านใหญ่ไป๋หลินจึงชวนเด็กทั้งสี่มาบ้านลุงสาม ป้าสี่ และลุงห้า เพื่อนำเงินจำนวนหนึ่งที่ได้จากการขายโสมมาแบ่งให้พี่สามีทั้งสามด้วย เนื่องจากพี่สามพี่สี่และพี่ห้าเองก็มีบุญคุณคอยช่วยเหลือสี่แฝดมาตลอด วันที่ไป๋หลินนอนหมดสติข้างทางมีชาวบ้านมาส่งข่าวที่บ้านถานรอง วันนั้นหลัวหนิง หลัวเหมยและหลัวหมิง มาเยี่ยมหลัวฟางที่บ้านพอดีเลยรู้ว่าน้องสะใภ้หมดสติที่ข้างทาง ทั้งสามก็รีบไปช่วยนำตัวน้องสะใภ้และกลับมาบ้านทันที ถึงจะเคยถกเถียงกันบ่อยครั้งไม่ชอบใจในตัวน้องสะใภ้คนนี้มากนัก แต่เมื่อลำบากก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือกันเสมอ เพราะลูกบ้านถานทั้งหกคนถูกสอนมาให้มีจิตใจดี เห็นคนล้มอย่าข้ามถึงจะไม่ชอบใจเมื่อลำบากควรช่วยให้เต็มที่

ไป๋หลินได้มอบเงินให้ทั้งสามบ้าน บ้านละ 700 ตำลึงทอง แน่นอนว่าทั้งสามบ้านปฏิเสธทันทีว่าไม่รับเด็ดขาด ถึงไป๋หลินจะใช้ข้ออ้างว่าพี่ทั้งสามช่วยครอบครัวเขามาตลอด ทั้งคนสามก็ให้เหตุผลคืนมาว่าพี่น้องกันไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว แต่ด้วยความดื้อไป๋หลินก็หาทางทำให้พี่สามีทั้งสามรับเงินจนได้ด้วยการใช้ลูกอ้อนจนพี่สามียอมใจอ่อน เนื่องจากมีความทรงจำหนึ่งแวบเข้ามาในหัวก่อนที่ไป๋หลินจะออกมาจากบ้าน เขาเคยได้ยินพี่เกอพี่สาวของสามีเคยบ่นตอนที่มาหาหลัวฟางคงนึกว่าน้องสะใภ้จะไม่ได้ยิน ทั้งสามบ่นว่าไป๋หลินสมัยเด็ก ๆ นั้นน่ารักน่าเอ็นดูเป็นเด็กดีมาก และไป๋หลินชอบเคยมาเล่นกับพวกตนบ่อย ๆ มักจะอ้อนให้ทำขนมให้ทานเสมอ แถมยังปากหวานว่าพี่ทั้งสามทำขนมอร่อยมากที่สุดเลย พอไป๋หลินโตขึ้นก็งดงามนิสัยใช้ได้เลย แต่พอลี่เว่ยชุนเข้าหาไป๋หลินนิสัยก็เริ่มเปลี่ยนไป พอยิ่งคบหาเป็นสหายกับลี่เว่ยรุ่ยน้องสาวของเว่ยชุนยิ่งนิสัยร้ายกาจขึ้น จากที่เคยไปมาหาสู่กันก็เริ่มห่างเหินมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่แต่งงานกับหลัวฟางก็นึกว่าไป๋หลินจะเปลี่ยนไปแต่กลับยิ่งแหย่กว่าเดิมอีก ทั้งสามก็ได้แต่ปลงตกและเสียดายเด็กน้อยที่เคยขี้อ้อนของพวกเขาหายไปแล้ว

พอรู้ข่าวว่าไป๋หลินได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งสามดีใจมากที่ครอบครัวน้องเล็กจะได้สงบสุขสักที พอมาวันนี้ยิ่งมาเจอไป๋หลินอ้อนอีก จึงทำให้นึกถึงสมัยเด็ก ๆ ที่ทั้งสามเคยมีเด็กเกอแก้มป่องชอบมาเล่นด้วยจนลืมกลับบ้าน ทำเอาพ่อแม่และพี่ชายทั้งสามของบ้านจางออกมาตามบ้านทุกวัน หลัวหนิงเองก็เคยจับคู่ให้น้องเล็กของตนเองกับไป๋หลินอยู่นะ ตอนนั้นไป๋หลินนิสัยดีมากแต่พอรู้ว่าไป๋หลินชอบเว่ยชุนก็ล้มเลิกไป พอได้มาเป็นน้องสะใภ้ก็ทำเอาหลัวหนิงปวดหัวแทนหลัวฟางทุกวัน

ไป๋หลินเมื่อมอบเงินให้ทั้งสามบ้านเสร็จก็รีบพาลูก ๆ กลับทันที เมื่อเห็นว่าน้องสะใภ้ไปแล้วหลัวเหมยกับหลัวหมิงก็พากันมารวมตัวที่บ้านตระกูลสวีทันที

"มาหาพี่แบบนี้พวกเจ้าก็ได้เช่นกันใช่ไหม" หลัวหนิง

"ใช่ 700 ตำลึงทอง ถึงจะได้เงินเยอะแต่ข้าก็เกรงใจน้องสะใภ้อยู่ดี" หลัวเหมย

"ข้าไม่อยากเชื่อว่าไป๋หลินจะกลับมาเป็นเด็กดีอีกครั้ง พูดแล้วก็นึกถึงสมัยก่อนเลยนะ พวกท่านว่าไหม" หลัวหมิง

"นั้นสินะ เจ้าเด็กแก้มป่องปากหวานชอบอ้อนให้พวกเราทำขนมให้กิน" หลัวหนิง

"เล่นจนลืมเวลากลับบ้าน ฮ่า ฮ่า ข้าจำได้ดี" หลัวเหมย

บ้านถานใหญ่กับบ้านเดิมไป๋หลินห่างกับเพียงหนึ่งหลี่ จึงทำให้ไป๋หลินในตอนเด็กออกไปเล่นกับบ้านถานได้ทุกวัน หากถามว่าแล้วไป๋หลินกับหลัวฟางก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กใช่หรือ ก็ใช่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กก็จริงแต่ไป๋หลินกับหลัวฟางไม่ได้มีจิตพิศวาสให้กันเลยแม้แต่น้อย คุยกันก็น้อยครั้งได้ถึงไป๋หลินไปบ้านถานใหญ่ถูกวันก็จริง แต่หลัวฟางก็ไม่ได้อยู่บ้านมักตามพ่อแม่กับพี่ชายไปไร่ ไม่ก็ออกไปกับเด็กผู้ชายวัยเดียวกันในหมู่บ้าน ส่วนพี่สามพี่สี่และพี่ห้าที่อยู่ติดบ้านจึงสนิทกันกับไป๋หลินตอนเด็กมากกว่าหลัวฟาง

 ถามว่าไปหลินมีเพื่อนวัยเดียวไหมก็พอมีบ้างแต่ไม่ค่อยสนิท เพราะถูกแกล้งบ่อยไป๋หลินจึงไม่ค่อยไปสุงสิงด้วย อีกทั้งตอนเด็กมักถูกเว่ยรุ่ยรังแกอิจฉาที่ไป๋หลินเกิดมามีทุกอย่างพร้อม จึงเป็นหัวโจกรุมแกล้งไป๋หลินจนร้องไห้กลับบ้านทุกครั้งเวลาออกไปข้างนอก อีกทั้งที่บ้านก็มีแต่พี่ผู้ชายไม่มีเกอหรือสตรีเลยมีเพียงท่านแม่ที่เป็นเกอคนเดียวแต่ก็ไม่ว่างเล่นด้วย เพราะต้องทำงานดูแลบ้านแม่จางเคยไปตามต่อว่าบ้านลี่และบ้านอื่นหลายครั้งที่มารังแกไป๋หลิน แต่ก็ไม่เป็นผลลูกน้อยก็ยังถูกแกล้งอยู่ดีและยังมักแอบออกไปเล่นข้างนอกเหมือนเดิม

สาเหตุที่ทำให้เกอกับสตรีบ้านถานได้รู้จักไป๋หลินน้อย ก็เพราะถูกเพื่อนวัยเดียวรังแกแล้วนั่งร้องไห้คนเดียวที่ศาลา  สามพี่น้องบ้านถานผ่านมาเห็นพอดีก็นึกว่าเด็กหลงทางที่ไหน พอเข้าไปพูดก็รู้ว่าเป็นลูกเกอคนเล็กบ้านจางเลยพาไปส่งที่บ้าน พร้อมกับบอกไป๋หลินว่าหากไม่มีเพื่อนเล่นวันหลังไปเล่นที่บ้านถานก็ได้ ตั้งแต่วันนั้นไป๋หลินก็ไปบ้านถานเกือบทุกวัน พอโตจนถึงวัยปักปิ่นไป๋หลินก็ไม่มาบ้านถานเลยจนทั้งสามคนออกเรือนไป ความห่างเหินก็เข้ามาแทนที่พร้อมความไม่ชอบใจที่ไป๋หลินกลายเป็นคนร้ายกาจใจร้ายกับหลานน้อยทั้งสี่

"ดูเหมือนความขี้อ้อนจะกลับมาด้วยนะข้าว่า ฮ่า ฮ่า " หลัวหมิง

กิจวัตรประจำวันของไป๋หลินยังเหมือนเดิม ในทุกเช้าดูแลอาหารการกินให้ลูกกับสามี และทุกเช้าไป๋หลินต้องมีเมนูสุขภาพให้สี่แฝดพี่น้องได้ทานเพื่อบำรุงเติมสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย ด้วยเมนูง่าย ๆ อย่างน้ำเต้าหู้บางวันก็มีเป็นน้ำนมข้าวโพดแสนหอมหวาน เป็นเมนูเครื่องดื่มบำรุงร่างกายรับยามเช้า ส่วนอาหารมื้อเช้าไป๋หลินจะทำเมนูโจ๊กแต่เนื้อสัตว์จะสลับหมุนเปลี่ยนกันไป ในแต่ละวันว่าจะมีเนื้อสัตว์ชนิดไหนอยู่ในบ้าน หากวันไหนเขารีบขึ้นเขาไป๋หลินก็จะทำอาหารที่ไม่ยุ่งยาก แต่ลูกแฝดชอบมากคือเมนูไข่ดาวกับไส้กรอกทอดที่เขาทำเองจากเนื้อล้วน ราดซอสมะเขือเทศที่ทำเองอีกเช่นเคยรสกลมกล่อม ทานพร้อมกับขนมปังที่ได้สูตรมาตอนอยู่ค่ายอาสา ถึงจะแปลกตาสำหรับสามีและลูกแต่ทั้งห้าคนก็ทานไม่เคยเหลือ หรือในบางวันได้วัตถุดิบใหม่มาไป๋หลินก็จะรังสรรค์เมนูสุขภาพแสนอร่อยและแปลกตาให้สามีกับลูกได้ทานอย่างไม่มีเบื่อ จนเจ้าเด็กปากหวานทั้งสี่ชมท่านแม่ไม่ขาดปาก ไป๋หลินยังทำไปเผื่อบ้านใหญ่กับบ้านเดิมอีกด้วยเขาเขียนสูตรเมนูสุขภาพทั้งหมด เขาจดให้ท่านแม่ทั้งสองกับพี่สะใภ้ไว้ทำให้คนที่บ้านทาน ดูเหมือนว่าสี่แฝดเริ่มมีแก้มกลมป่องแทบแตกใครเห็นก็ต้องอดใจไม่ไหวมือไวอยากสัมผัสแก้มของเด็กทั้งสี่

 หน้าที่ของไป๋หลินนอกจากสอนหนังสือให้ลูกทั้งสี่แล้ว เขายังอีกหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือเป็นหมอรักษาคนไหนหมู่บ้าน ตอนนี้ภัสกรอยู่ในร่างของไป๋หลินนับตั้งวันแรกจนถึงวันนี้ก็จะครบหนึ่งเดือนแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในบ้านถานรองตั้งแต่สะใภ้เล็กเปลี่ยนแปลงปรับปรุงตัวเองเป็นคนดีขยันทำมาหากิน ฝีมือเรื่องการรักษาก็เลื่องลือไปทั่วหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียง ไป๋หลินได้นำเงินบางส่วนที่ได้จากการขายบัวหิมะมาซื้อที่ดินข้างบ้านเพื่อสร้างโรงหมอเล็ก ๆ ไว้รักษาชาวบ้านทุกคนโดยไม่เก็บค่ารักษามีเพียงกล่องบริจาคเป็นค่าสมุนไพรเท่านั้น ใครอยากจ่ายเท่าไหร่ก็ได้สามารถหยอดเงินลงกล่องที่มีให้ตรงจุดจับบัตรคิวได้เลยหรือจ่ายก็ไม่ว่ากัน แต่ด้วยอาจเป็นเพราะชาวบ้านในหมู่บ้านถงหยางแข็งแรงกันมากจึงไม่ค่อยมีใครมารักษามากนัก ส่วนมากก็เป็นคนยากคนจนที่ไม่มีเงินรักษาและคนจากหมู่บ้านอื่นมารักษาวันหนึ่งก็ตกสิบถึงสิบสองคนกำลังดี

เรื่องที่ไป๋หลินเปิดโรงหมอเป็นที่ชื่นชมมากใคร ๆ ในหมู่บ้านต่างก็พูดว่าไป๋หลินเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วเป็นคนดีมากจริง ๆ รักษาคนไข้ไม่รับเงินช่างมีจิตใจเมตตาราวกับพระโพธิสัตว์ แถมยังเป็นหน้าเป็นตาของหมู่บ้านผู้ใหญ่บ้านท่านลุงตงหลุนเห่อเป็นพ่อตาลูกน้องคนสนิทของท่านเจ้าเมือง ได้ร้องขอให้ลูกเขยช่วยส่งหนังสือขอไปยังสำนักหมอประจำเมืองหมิงโจวขอให้ไป๋หลินเข้าไปทดสอบเพื่อรับหนังสือรับรอง อย่างน้อยมีหนังสือไว้ก็ดีจะได้ไม่ต้องกลัวจะโดนกล่าวหาว่าเป็นหมอเถื่อน

ท่านเจ้าเมืองหวังหรันป๋อที่ทราบข่าวว่ามีหมอจากหมู่บ้านถงหยาง ต้องการจะเข้ามาขอทดสอบเพื่อรับหนังสือรับรองจากสำนักหมอประจำเมืองก็ยินดีและอยากสนับสนุนด้วย เพราะท่านเจ้าเมืองก็กลุ้มใจในเรื่องที่เมืองหมิงโจวนั้นไม่มีหมอเก่ง ๆ ที่ฝีมือการรักษาเทียบเท่าเมืองหลวงได้เลย ที่สำนักหมอก็เป็นเพียงขุนนางฝ่ายอื่นมาประจำการ ไม่ได้มีหมอที่คอยรักษาผู้ป่วยอยู่เลยสักคน ตอนเข้าไปประชุมที่เมืองหลวงอยากถามพี่เขยของตัวเองเหลือเกินว่าจะสร้างสำนักหมอไว้เพื่ออะไรถ้าไม่มีหมออยู่สักคน ประชาชนในเมืองหมิงโจวต้องรอคอยหมอจากเมืองหลวงที่จะมาเปิดการรักษาเดือนละสองครั้งเท่านั้น พอเห็นประชาชนในเมืองที่ยากจนต้องทนรอการรักษาหรือบางคนก็ลงทุนเก็บเงินเป็นปี ๆ เพื่อเดินทางไปรักษาที่เมืองหลวง ในฐานะท่านเจ้าเมืองหวังหรันป๋อก็ได้แต่เสียใจ

ที่จริงท่านเจ้าเมืองเคยขอกับทางเมืองหลวงไปแล้ว ว่าให้ช่วยส่งหมอมาประจำการที่หมิงโจวหลายครั้งแต่ไม่เคยสำเร็จ ทางสำนักหมอหลวงก็แจ้งมาว่าทางเมืองหลวงก็ขาดแคลนเช่นกัน พอหวังหรันป๋อไปตรวจสอบก็แทบอยากจะตะโกนใส่หน้าผู้ที่ดูแลสำนักหมอหลวงเหลือเกินว่า ขาดแคลนบ้าบออะไรหมอแทบจะเดินเหยียบเท้ากันตายอยู่แล้วจะหวงไว้ทำไม จนมีคนสนิทของเขามาบอกว่าพ่อตาต้องการให้หมอจากหมู่บ้านเข้ารับการทดสอบ หวังหรันป๋อก็ไม่รอช้าอนุญาตทันที

 พอผลการทดสอบออกมาไป๋หลินผ่านการทดสอบได้เป็นหมอขั้นสาม โชคดีที่เมื่อชาติก่อนได้ศึกษาการแพทย์แผนโบราณของจีนมาอย่างละเอียดจึงสามารถตีเนียนแสดงการรักษาให้เหมือนหมอยุคนี้ได้ หากใช้การแพทย์ปัจจุบันมีหวังเรื่องไม่จบแค่นี้แน่นอน เผลอ ๆ อาจถูกกล่าวหาว่าเป็นลัทธิประหลาดได้เลย เมื่อข่าวการทดสอบกระจายไปทั่วหมู่บ้านทุกคนก็ต่างมารวมยินดีด้วย คนป่วยก็เพิ่มขึ้นจนต้องขอให้พี่หลัวเหมย พี่หลิงฉี และพี่เซียวหรัว ที่พอรู้เรื่องสมุนไพรมาช่วยดูแลผู้ป่วยและค่อยช่วยจัดยาตามเทียบยาให้ผู้ป่วยนำกลับบ้าน ทั้งสามตอนแรกจะไม่ยอมรับเงินค่าจ้างแต่ไป๋หลินรีบยัดใส่มือทั้งสามคนแล้ววิ่งหนีจึงทำให้ปฏิเสธไม่ได้

แน่นอนว่ามีคนชมก็ต้องมีคนเกลียดโดยเฉพาะสะใภ้รองบ้านเวินกับสะใภ้สี่บ้านเหยียนยิ่งเจ็บแค้นเข้าไปอีกเมื่อแม่สามีทั้งคู่เอาไป๋หลินไปเปรียบเทียบ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้หากทั้งคู่ลงมือรังแกหรือหาเรื่องไป๋หลินอีกพวกเขาได้ถูกแม่สามีบังคับหย่าขาดแน่ ๆ ยิ่งช่วงนี้ความสัมพันธ์กับสามีเองก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่

"ทำไมทุกคนในหมู่บ้านถึงได้ชมมันนักนะ ทีเมื่อก่อนมันทำตัวร้ายกาจกับลูก ๆ ของมัน ยังพากันจับกลุ่มนินทาอยู่เลย" สะใภ้เวิน

"นั้นสิ แค่มันรักษาเป็นก็พากันสรรเสริญเยินยอมันแล้ว พูดมาแล้วข้าก็เจ็บใจที่วันนั้นมันทำพวกเราต้องอับอาย" สะใภ้เหยียน

"ข้าว่าเอาไว้หาโอกาสเหมาะเอาคืนมันดีกว่า" สะใภ้เวิน

"ดีสิ ข้าละอยากเอาคืนมันมาก ถ้าไม่ติดว่าต้องถูกบังคับหย่าขาดนะ ปานนี้ข้าบุกไปตบมันที่โรงหมอแล้ว" สะใภ้เหยียน

"ไม่ต้องห่วงหรอก คราวนี้เราต้องว่างแผนไม่ให้ใครจับได้" สะใภ้เวิน

ทั้งคู่ได้แต่เก็บความแค้นเอาไว้ในใจรอวันเอาคืนไป๋หลิน แต่ไม่เคยมองการกระทำหรือโทษตัวเองเลยว่านิสัยของตัวเองนั้นร้ายกาจเพียงใด

ไป๋หลินได้ปรึกษากับทางสามี บ้านเดิมและบ้านใหญ่แล้วเรื่องที่จะซื้อที่ดินในตัวเมืองหมิงโจวเพื่อเปิดโรงหมอ พี่สะใภ้ใหญ่บ้านเดิมจึงออกความคิดเห็นว่าให้น้องเล็กลองเข้าไปศึกษาแบบโครงสร้างจากโรงหมอในเมืองหลวงดูก่อน ไปดูโรงหมอที่ตระกูลหวงก็ได้เพราะพี่ชายคนโตของพี่หลิงฉีเป็นหมออยู่ที่นั่นพอดี ระหว่างศึกษาก็สามารถพักที่บ้านเดิมของพี่หลิงฉีบ้านตระกูลหม่าได้เช่นกัน จะได้ไม่ต้องเสียเงินเสียเวลาเปิดโรงเตี๊ยม ทุกคนจึงตกลงว่าจะเดินทางไปเมืองหลวงกับไป๋หลินด้วย เนื่องจากครอบครัวพี่ใหญ่ถือโอกาสพาพี่หลิงฉีกับลูก ๆ ไปเยี่ยมบ้านเดิม พี่รองเองก็เช่นกันจะพาพี่สะใภ้รองเถียนเหมยและลูกไปเยี่ยมท่านตาท่านยายด้วย บ้านถานรองเองก็ขนไปกันทั้งบ้านเช่นกัน

"ถ้าอย่างนั้นท่านพี่ข้าว่าเราไปซื้อเกวียนดีหรือไม่ หรือจะซื้อรถม้าดี" ไป๋หลิน

"ท่านแม่ ข้าว่าซื้อทั้งสองเลยดีกว่าขอรับ" ลู่ตง

"จริงอย่างที่เจ้าพูดเจ้าใหญ่ แม่ซื้อทั้งสองเลยดีกว่า" ไป๋หลิน

"เจ้าลืมไปหรือเปล่าว่ารถม้าประจำตำแหน่งจากทางการจะมอบให้อยู่แล้ว เพียงแต่กำหนดจะมามอบให้เดือนหน้า ข้าว่าซื้อแค่เกวียนใช้ไปก่อนก็พอ" หลัวฟาง

"จริงด้วยท่านพี่ ข้าลืมไปเลย" ไป๋หลิว

"หลินเอ๋อร์ของพ่อมัวแต่รักษาผู้ป่วยจนลืมไปเลยเหรอ อย่าหักโหมมากนักนะลูก" ไป๋เฉิง

พ่อจางพูดออกมาด้วยความเป็นห่วงลูกเกอคนนี้มาก ถึงจะแต่งงานมีครอบครัวจนมีลูกแล้ว ด้วยความเป็นพ่อก็ยังห่วงลูกคนเล็กอยู่ดี แต่วันนี้ที่ท่าทางคุยกันระหว่างสามีภรรยาบ้านถานรองนั้นมันสบายขึ้นไม่มีความอึดอัดเหมือนแต่ก่อน จนคนบ้านเดิมยิ่งพี่ชายทั้งสามของไป๋หลินรับรู้ได้ว่าน้องเขยคงเปิดใจให้ไป๋หลินมากขึ้น ถึงจะหวงน้องมากแค่ไหนแต่ก็ดีใจที่ครอบครัวน้องเล็กนั้นกำลังจะสมบูรณ์ หลานทั้งสี่ก็ไม่ต้องคอยหวาดกลัวมารดาอีกแล้ว

"ยิ่งเปิดโรงหมอในเมืองคนต้องยิ่งเพิ่มมากขึ้นแน่เลย แม่ว่าเจ้าจ้างผู้ช่วยเพิ่มอีกก็ดีนะ" รั่วอี้

"งั้นถ้าจ้างพี่สะใภ้ทั้งบ้านเดิมและบ้านใหญ่ดีหรือไม่ เพราะทุกคนล้วนมีความรู้ด้านสมุนไพรน่าจะช่วยข้าได้เยอะเลยนะขอรับ" ไป๋หลิว

"ได้สิ ทางนี้บ้านเดิมได้อยู่แล้ว เพราะงานบ้านบางส่วนแม่ทำแทนได้ บางส่วนก็ทำก่อนออกไปทำงานก็ได้" รั่วอี้

"ข้ายังไงก็ได้อยู่แล้ว แล้วแต่ท่านแม่เลยขอรับ" หลิงฉี

"ข้าก็คิดเหมือนท่านแม่เจ้าค่ะ" เถียนเหมย

"ข้าด้วยขอรับ"เซียวหรัว

"ถ้ายังนั้นจ้างพี่หลัวหนิง พี่หลัวเหมย และพี่หลัวหมิงด้วยดีกว่า" ไป๋หลิน

"จ้างพี่อี้หลงด้วยสิ เขาเคยทำงานที่โรงหมอมาก่อนน่าจะช่วยรักษาอาการเบื้องต้นได้" หลังฟาง

"จริงด้วยน้องเล็ก พี่เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าพี่อี้หลงเคยทำงานที่โรงหมอในเมืองมาก่อนนะ เจ้าลองไปถามเขาดูว่าสนใจหรือไม่" ไป๋หลง

"ได้ขอรับ" ไป๋หลิน

เมื่อคุยธุระเสร็จและตกลงกันได้อย่างลงตัว สองสามีบ้านถานรองก็พาลูกแฝดทั้งสี่กลับบ้านทันที เพราะกำหนดการเดินทางเข้าเมืองคือวันมะรืน พวกเขาต้องไปเตรียมของและซื้อเกวียน ไหนจะต้องบอกให้ท่านแม่สามีมาค่อยช่วยดูแลบ้านให้อีก  พอถึงบ้านหลัวฟางก็รีบแยกตัวไปบ้านใหญ่ทันทีเพื่อลางาน และบอกฝากท่านแม่เรื่องบ้านอีกด้วย

"ท่านแม่ เราจะไปนอนบ้านท่านลุงสะใภ้หรือขอรับ" ลู่เซียน

"ใช่แล้วจ้ะ เราต้องอยู่เมืองหลวงประมาณหนึ่งถึงสองอาทิตย์ เพื่อแม่จะได้ดูแบบโครงสร้างมาทำโรงหมอที่หมิงโจวยังไงละ" ไป๋หลิน

"แล้วที่เมืองหลวงจะมีขนมอร่อย ๆ ให้หรือไม่ขอรับ" ลู่ฉิน

"มีแน่นอน แม่จะซื้อให้พวกเจ้ากินทุกอย่างเลยดีไหม" ไป๋หลิน

"ดีขอรับ ข้าอยากได้ของเล่นด้วย" ลู่ตง

"ข้าด้วย ขอรับ" ลู่ถิง

"ได้ ๆ ถ้าพวกเจ้าสัญญาว่าเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซนไม่งอแงแม่จะซื้อให้ทุกอย่างเลย" ไป๋หลิน

เด็กทั้งสี่ดีใจมากที่จะได้ไปเมืองหลวงด้วย ท่านแม่ยังจะซื้อขนมกับของเล่นให้อีกด้วย ท่านแม่ใจดีมากเลยขอให้ใจดีแบบดีตลอดไปเลยนะพวกข้าสัญญาจะเป็นเด็กดีของท่านพ่อท่านแม่ โตขึ้นพวกเขาจะเป็นคนเก่งเหมือนท่านพ่อท่านแม่ให้ได้

"แต่ข้ามีเรื่องสงสัยขอรับท่านแม่ ว่าทำไมหมิงโจวถึงไม่มีโรงหมอละ แล้วหมอไปไหนกันหมด" ลู่ฉิน

"จริงขอรับ ตอนที่ท่านพ่อป่วยก็ไม่เห็นมีหมอมารักษาสักคนจนท่านแม่ต้องรักษาเอง" ลู่ถิง

"ในหัวเล็ก ๆ ของพวกเจ้าคงมีคำถามมากเลยสิ ช่างถามเสียจริงเจ้าตัวเล็ก แม่เองก็ไม่รู้ว่าหมอไปไหนกันหมดไว้เราค่อยไปถามหมอที่เมืองหลวงแล้วกันนะ" ไป๋หลิน

"ขอรับ" ลู่ถิง

ไป๋หลินเองก็สงสัยว่าทำไมไม่มีหมอที่เมืองนี้ทั้งที่มีสำนักหมอประจำเมือง วันที่ไปทดสอบก็แต่ขุนฝ่ายอื่นที่ไม่ใช่หมอดูแลเป็นหัวหน้าอยู่เขาเองก็งงมากแต่ช่างเถอะคิดไปก็เท่านั้น แต่จะว่าไปลูกเขาเจ้าแฝดทั้งสี่ช่างฉลาดช่างถามดีจริง ๆ เคยได้ยินเขาบอกว่าเด็กช่างคิดช่างถามนั้นเป็นเด็กฉลาดดูท่าจะจริง เพราะสังเกตตอนสอนหนังสือทุกคนหัวไวและมีความจำดีมาก แต่ด้านสมาธิจะเป็นแฝดคู่น้องที่สามารถหนังสืออ่านได้นานโดยไม่รู้จักเบื่อ ต่างจากคู่พี่ที่ชอบออกกำลังมากกว่า ไป๋หลินได้พาลูกออกกำลังกายและฝึกกังฟูท่าพื้นฐานง่าย ๆ ที่มีสอนในหนังสือปลุกพลังลมปราณ ดูเหมือนเจ้าใหญ่เจ้ารองจะชอบมาก ออกกำลังไปเท่าไหร่ก็ไม่มีบ่นว่าเหนื่อยยิ่งเหงื่อออกเยอะยิ่งชอบ

ไป๋หลินได้บอกสามีว่าตอนนี้กำลังฝึกพลังลมปราณ หากอนาคตเปิดโรงหมอเกิดดังขึ้นมาต้องมีผู้ไม่หวังดีมาทำร้ายเขาแน่ หลัวฟางได้ฟังแบบนั้นจึงขอฝึกด้วยเขาเองก็เคยคิดไว้เช่นกัน หากภรรยาเปิดโรงหมอสำเร็จเขาจะหยุดทำงานสร้างบ้านมาช่วยภรรยาดูแลโรงหมอด้วย เพราะเขาเองพอรู้เรื่องสมุนไพรอยู่บ้างน่าจะช่วยไป๋หลินได้บ้างไม่มากก็น้อย

หลัวฟางกลับมาถึงบ้านภรรยาก็เตรียมอาหารเย็นไว้รอทันที วันนี้ยังมีเมนูหมูผัดเปรี้ยวหวานของชอบเขาอีกด้วย หลัวฟางรู้สึกดีมากที่ภรรยาเอาใจใส่ตนและลูกทั้งสี่ แต่ก็สงสารเพราะตั้งแต่ไป๋หลินเป็นคนขยันก็ทำงานแทบไม่ได้พักเลย ไหนจะรักษาคนไข้แล้วยังทำงานบ้านอีก ถ้าช่วยทำอาหารแทนภรรยาก็กลัวว่าลูกจะกินไม่ได้เพราะเคยลองทำแล้วจนเด็ก ๆ บอกไปขอข้าวบ้านท่านย่ากินดีกว่า สงสัยหลังจากนี้เลิกงานต้องแวะบ้านใหญ่แอบเรียนทำอาหารกับท่านแม่แล้วละ

วันนี้สี่แฝดขอนอนกับท่านแม่เพราะอยากฟังนิทานที่ท่านแม่เล่าค้างไว้เมื่อคืนก่อน พวกเขาอยากฟังให้จบวันนี้จะได้ไม่ต้องค้างคา ตกลงกับท่านแม่ได้สี่พี่น้องบ้านถานรองก็รีบหอบหมอนหอบผ้าห่มวิ่งเข้าห้องท่านแม่ทันที ทิ้งให้ท่านพ่ออย่างหลัวฟางนั่งงงจนพูดไม่ออก ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากมารับรู้อีกทีคือคืนนี้เขาต้องนอนคนเดียวเรื่องอะไรจะยอมละ หลัวฟางเองก็อยากนอนกับไป๋หลินแต่ก็กลัวภรรยาเหนื่อยเลยไม่ได้ลองขอสักที

ไป๋หลิวเล่านิทานไปสักพักจนลูกหลับกันหมด เขาจึงได้จัดท่าทางการนอนของลูกทั้งสี่และห่มผ้าให้ก่อนออกมาเตรียมของที่จะเดินทางไปเมืองหลวง พรุ่งนี้เข้าตั้งใจจะประกาศปิดโรงหมอชั่วคราวโดยฝากพี่สะใภ้ทั้งสามช่วยบอกข่าวและจะไปบอกลุงผู้ใหญ่ช่วยกระจายข่าวอีกด้วย

"ลูกหลับกันหมดแล้วเหรอ" หลัวฟาง

"ใช่ขอรับ หลับเร็วมากน่าจะเล่นกับพี่ ๆ บ้านเดิมจนเหนื่อยเลยเผลอหลับกันหมด" ไป๋หลิน

"อ เออ ไป๋หลินคืนนี้เจ้ามานอนกับพี่ไหม นอนกับพี่ก็ได้นะเจ้าจะได้นอนสบาย ไม่ต้องเบียดลูก" หลัวฟาง

"ท่านจะไม่อึดอัดหรือขอรับ" ไป๋หลิน

"จะอึดอัดได้ยังไงเราเป็นสามีภรรยากันนะ นอนด้วยกันไม่เห็นจะแปลก" หลัวฟาง

"งั้นคืนนี้ข้าขอนอนด้วยนะขอรับ ท่านพี่" ไป๋หลิน

สถานการณ์ตอนนี้ไป๋หลินกับหลัวฟางต่างก็ตกอยู่ในอาการเขินหน้าแดงกันทั้งคู่ เพราะตลอดห้าปีที่ผ่านมานี้เป็นครั้งแรกที่หลัวฟางชวนไป๋หลินนอนด้วย ถ้าทั้งคู่จะเขินกันเองก็คงไม่แปลกและคืนนั้นสองสามีภรรยาก็ได้นอนด้วยกัน ด้วยความเต็มใจทั้งสองฝ่ายเป็นคืนแรก

เช้าวันต่อมาเป็นเช้าอันแสนสดใสมากของหลัวฟาง เพราะเมื่อคืนเขานอนหลับสนิทแถมยังได้นอนกอดไป๋หลินหลับสบายทั้งคืน แต่มีคนที่เขินหน้าแดงตั้งแต่เช้า เพราะตื่นขึ้นมาเจอว่าตัวเองนอนอยู่ในอ้อมกอดของสามี ไป๋หลินก็เขินจนอยากแทรกแผ่นดินหนี ถึงจะรู้สึกดีแต่ก็เขินเป็นนะ ถึงตอนที่ยังเป็นภัสกรนอนกับลูกน้องบ่อยก็จริง แต่ตอนนี้นอนกับสามีแถมยังมากอดตอนไม่รู้ตัวอีก ไม่ใช่เมื่อคืนนอนน้ำลายยืดนอนท่าพิสดารหรือไม่ก็ไม่รู้ ถ้าเป็นจริงก็น่าอายอยู่นะ

สี่แฝดที่ตื่นนอนมาด้วยความงงเมื่อคืนนอนห้องท่านแม่แต่ตื่นมาไม่เจอท่านแม่ แต่เห็นว่าท่านแม่เดินออกมาจากห้องท่านพ่อแทน ทั้งยังหน้าแดงอีกด้วยหรือว่าโดยท่านพ่อดุอีกแล้ว

"ท่านพ่อดุท่านแม่อีกแล้วใช่ไหมขอรับ" ลู่ตง

"พ่อเปล่าสักหน่อย" หลัวฟาง

"แล้วทำไมท่านแม่หน้าถึงเป็นแบบนั้นหรือท่านแม่ไม่สบาย" ลู่ถิง

"ไม่ใช่ พวกเจ้าเอาหูมานี้" หลัวฟาง

หลัวฟางบอกลูกว่าเมื่อคืนท่านแม่นอนกับท่านพ่อที่ห้องทั้งคืนสงสัยจะเขินจึงหน้าแดง เขาเลยกำชับว่าไม่ให้ไปถามท่านแม่อีก เดี๋ยวแม่เขินมากเข้าเดี๋ยวไม่ยอมนอนกับพ่ออีก พวกเจ้าสี่คนจะอดได้น้องสาวน้องเกอนะ พวกบอกว่าจะไม่ได้น้องอีกสี่แฝดรับปากทันทีเพราะพวกเขาอยากได้น้องสาวน้องเกอมาก พวกเขาเคยเห็นพี่สาวพี่เกอบ้านใหญ่กับบ้านเดิมอ้อนพี่ชายแล้วน่ารักมาก ก็อยากได้น้องสาวน้องเกอมาคอยอ้อนเหมือนกันนะ ที่บ้านมีแต่เด็กผู้ชายเห็นแถมหน้าเหมือนกันอีก พอหน้ากันแล้วก็ได้แต่ขนลุกเหมือนส่องกระจกแล้วเห็นตัวเองอีกคน

เมื่อคืนที่หลัวฟางได้กอดไป๋หลิน เพราะกลิ่นประจำกายของไป๋หลินนั้นหอมมากกว่าแต่ก่อน เกอทุกคนนอกจากจะมีสัญญาลักษณ์สีแดงบนตามร่างกายไว้บอกว่าเป็นเกอแล้ว ยังมีกลิ่นประจำกายอีกด้วยซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลิ่นดอกไม้ผลไม้แตกต่างกันออกไป ของไป๋หลินจะเป็นของกลิ่นดอกถาวฮวา เมื่อก่อนหลัวฟางไม่ชอบกลิ่นของไป๋หลินมามันเป็นกลิ่นดอกถาวฮวาที่ฉุนมากจนปวดหัว แต่มาวันที่ไป๋หลินฟื้นขึ้นมาก็พบว่ากลิ่นของภรรยาตนเองนั้นเปลี่ยนไป รู้สึกหอมหวานไม่ฉุนเหมือนเมื่อก่อน จนเมื่อคืนหลัวฟางเผลอนอนกอดสูดดมกลิ่นจนหลับไป

พอถึงยามเฉินทุกคนในบ้านถานรองก็รีบไปขึ้นเกวียนโดยสารประจำหมู่บ้านเข้าเมืองทันที เพราะตั้งใจจะเข้าเมืองไปซื้อเกวียนและของที่จำเป็นในการเดินทางเข้าเมืองหลวง ถึงเมืองหลวงอย่างเว่ยโจวจะไม่ไกลจากหมิงโจวมาก แต่ก็ใช้เวลาเดินทางหนึ่งวันในการเดินทาง และต้องมีพักค้างแรมกันตามหมู่บ้านอื่นด้วยแน่นอน แต่ถ้าเดินทางด้วยรถม้าใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวันก็ถึงแล้ว ครั้งนี้ใช้เกวียนก็อาจจะต้องใช้เวลาหน่อย

ครอบครัวบ้านถานรองพอถึงตัวเมืองก็มุ่งตลาดค้าวัวทันที พวกเขาเลือกซื้อวัววัยหนุ่มที่มีลักษณะดีมาคู่หนึ่ง ที่ตลาดยังมีเกวียนขายอีกด้วยมาที่เดียวแต่ได้ครบทั้งสองอย่างเลย พวกเขาเลือกเกวียนที่มีหลังคาหลบแดดหลบฝนได้ ถึงราคาจะแพงแต่ก็คุ้มค่าถ้าเทียบกับการเดินทางระยะไกล เด็กที่ได้นั่งเกวียนใหม่เป็นของตัวเองก็ดีใจกันใหญ่ถึงกับขึ้นไปนอนแผ่เรียงกันสี่พี่น้องทำเอาพ่อกับแม่ขำและเอ็นดูมาก พอได้เกวียนก็พาก็ไปซื้อของใช้และเสบียงเพื่อที่จะทำเผื่อครอบครัวพี่ใหญ่พี่รองด้วย เสบียงที่ไป๋หลินซื้อจะเป็นจำพวกเนื้อสัตว์เขาจะทำเมนูหมูแดดเดียวกับเนื้อแดดเดียวกินคู่กันกับข้าวเหนียวมันเข้ากันดีมาก สูตรหมักเนื้อนั้นได้มาจากคุณยายที่เคยเป็นต้นเครื่องเก่าในวัง สอนให้ตั้งแต่ยังเด็กและตอนอยู่ค่ายอาสาชอบทำกินบ่อยมากจนแทบจะเปิดร้านขายได้เลย

เมื่อกลับถึงบ้านไป๋หลินกับสามีต่างก็แยกกันทำหน้าที่ตัวเองแบ่งกันไว้ โดยที่หลัวฟางจะเตรียมของต่าง ๆ ที่จำเป็น ส่วนไป๋หลินก็รีบลงมือเตรียมเสบียงให้พอสำหรับการเดินทางเฉพาะขาไปเท่านั้น ส่วนขากลับค่อยไปหาดูวัตถุดิบเลือกซื้อที่เมืองหลวงอีกที

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เกิดใหม่เป็นมารดาใจร้าย   บทที่ 20 กลับหมิงโจวก็มีเรื่องเลย

    เมื่อถึงกำหนดวันเดินทางกลับเมืองหมิงโจวทุกคนออกเดินทางกันแต่เช้า ฮ่องเต้เปลี่ยนใจจากที่ตอนแรกจะมุ่งหน้ากลับเมืองหลวง แต่ทรงเปลี่ยนพระทัยไปเมืองหมิงโจวก่อนแล้วค่อยกลับเมืองหลวง พี่หลงเห่อต้องการไปดูการเปลี่ยนแปลงของสำนักหมอหลวงประจำเมืองด้วย ทั้งยังจะเดินทางไปที่วัดซ่งซานเพื่อทำบุญขอพรให้ราษฎรแคว้นเว่ยมีความสุขกินดีอยู่ดีไม่อดอยาก ขอให้ประชาชนสุขกายสุขใจ ไป๋หลินได้ฟังเหตุผลของพี่หลงเห่อแล้ว ก็ได้แต่ชื่นชมว่าเป็นฮ่องเต้ที่ดีมีเมตตาและรักราษฎรเป็นห่วงราษฎรอย่างแท้จริงพอถึงเมืองหมิงโจวทุกคนก็แยกย้ายกับกลับบ้านไปพักผ่อน เพราะร่างกายเหนื่อยล้าจากการเดินทางเป็นอย่างมาก สี่แฝดที่พอกลับถึงบ้านหัวถึงหมอนก็หลับปุ๋ยไม่ออกไปเล่นกับพี่ ๆ บ้านใหญ่เลย บอกท่านพ่อท่านแม่ว่าขอนอนกลางวันก่อน พอตื่นถึงจะเอาของเล่นไปให้พี่ชายพี่สาวบ้านใหญ่ บ้านอู๋ บ้านสวี และบ้านจู ไป๋หลินจึงบอกว่าจะพาสี่แฝดไปเองจะเอาของฝากไปให้บ้านใหญ่ และยังแบ่งไปให้พี่สามพี่สี่และพี่ห้าอีกด้วยเมื่อพักผ่อนเต็มที่ทุกคนก็กลับมาทำหน้าที่ทำงานของตัวเอง พอไป๋หลินเข้าเมืองไปที่โรงหมอก็ได้ยินข่าวลือแปลก ๆ จากชาวบ้านที่มารักษา เล่ากันว่ามีคนพบ

  • เกิดใหม่เป็นมารดาใจร้าย   บทที่ 19 ช่วยคนแล้วได้โชคอีกครั้ง

    เมื่อปิดคดีผีน้ำได้สำเร็จพี่หลงเห่อบอกว่าจะพาอยู่เที่ยวที่หลางโจวต่ออีกสักสองอาทิตย์ค่อยเดินทางกลับเมืองหลวง ไป๋หลินได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมากเพราะยังเดินสายกินของอร่อยยังไม่ครบทั่วเมืองหลางโจวเลย สี่แฝดบ้านถานรองพอได้ยินว่าท่านลุงฮ่องเต้จะพาอยู่เที่ยวต่อก็ดีใจกันยกใหญ่ รีบไปอ้อนท่านพ่อท่านแม่พาออกไปเที่ยวตลาดพร้อมบอกว่าอยากได้ของเล่นที่มีขายในเมืองนี้และขนมไปฝากพี่ ๆ บ้านใหญ่ ทั้งอยากได้ของฝากไปให้ท่านปู่ท่านย่า ฝากท่านลุงท่านป้าทุกคนด้วย นับวันสี่แฝดก็ยิ่งฉายแววฉลาดและกตัญญูรู้คุณจริง ๆ รู้จักแบ่งปันและนึกถึงผู้มีพระคุณว่าใครที่เคยดีกับพวกเขา หลัวฟางกับไป๋หลินเห็นลูกทั้งสี่เป็นเด็กดีแบบนี้ก็ยิ่งปลื้มใจมากหลังมื้ออาหารเช้าครอบครัวบ้านถานรองก็ขอตัวออกมาเดินเที่ยวย่อยอาหารที่ตลาดท่าเรือ วันนี้ไป๋หลินตั้งจะไปหาเคยมาทำกะปิเอากลับไปหมิงโจวด้วย ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจดสูตรเอาไว้ให้พี่จงเห่อหาคนช่วยทำให้ แล้วค่อยส่งกะปิที่ได้ไปให้เขาที่เมืองหมิงโจวอีกที หรือไม่ก็ให้พี่จงเห่อช่วยหาคนตากเคยแตกส่งไปให้ก็ได้ ถึงจะทำไว้ใช้เองจำนวนมากแต่คนที่ชอบอาหารทำจากกะปิแบบเขามันต้องหมดภายในไม่กี่สัปดาห์แน่นอน หาก

  • เกิดใหม่เป็นมารดาใจร้าย   บทที่ 18 คดีเก่าที่คุ้นเคย

    เมื่อองครักษ์วิ่งเข้ามาถวายการรายงานว่ามีคนพบร่างนางกำนัลในจวนเสียชีวิตที่แม่น้ำท้ายจวนอีกแล้ว ไป๋หลินและทุกคนที่เคยไขคดีผีน้ำที่วังหลวงพร้อมด้วยตวนอ๋อง ทั้งหมดพากันตรงไปที่ท้ายจวนทันทีเพื่อไปดูศพของเหยื่อ พอไปถึงก็เห็นว่าเป็นนางกำนัลของจวนตวนอ๋องที่ชื่อว่าหนิงจิงไป๋หลิน หลัวฟางและจวินอ๋องไม่รอช้าเขาไปตรวจดูศพ แล้วก็พบว่าที่คอของเหยื่อมีรอยเข็มปักอยู่ที่คอจริง ๆ เหมือนกับศพในคดีผีน้ำที่เมืองหลวงเลย แต่ต้องตรวจดูก่อนว่าพิษที่ใช้นั้นเป็นตัวเดียวกันกับในคดีของอดีตหมอหลวงใหญ่หรือไม่ เพราะถ้าเป็นพิษตัวนั้นคงไม่มีทางเป็นไปได้เนื่องจากคนปรุงยาได้ถูกประหารชีวิตและถูกจำคุกตลอดชีวิตไปแล้ว ไป๋หลินกลัวจะเป็นคดีเลียนแบบและน่าจะเป็นพิษตัวใหม่ที่คิดค้นขึ้นมา อย่างไรก็ต้องเจาะเลือดไปตรวจก่อน หากเป็นพิษตัวใหม่จริงงานนี้คงต้องทำยาถอดเตรียมไว้หลายชุดแล้วสิ"ข้าว่าคนร้ายคงใช้วิธีซัดเข็มพิษเข้าตัวเหยื่อ ในตอนที่เหยื่อยังไม่ทันตั้งตัว แค่เข็มเดียวก็สามารถตายได้ขนาดนี้ ดูท่าพิษน่าจะร้ายแรงกว่าพิษของคดีผีน้ำที่เมืองหลวงนะขอรับ" หลัวฟาง"ข้าคิดว่าน่าจะเป็นคดีเลียนแบบ ส่วนตัวพิษน่าจะเป็นพิษตัวใหม่ที่คิดค้นขึ

  • เกิดใหม่เป็นมารดาใจร้าย   บทที่ 17 เมืองหลางโจว

    เมื่อถึงกำหนดเดินทางออกจากเมืองฝูโจวเพื่อไปเมืองหลางโจว ก็ใช้เวลาเดินทางสี่วันสี่คืนก็ถึงเมืองหลางโจว พอถึงจวนเจ้าเมืองตวนอ๋องก็ออกมาต้อนรับพร้อมกับพระชายาและองค์ชายน้อยทั้งสามพระองค์ คณะพ่อค้าตระกูลหวงถึงเมืองหลางโจวในยามมื้อเที่ยงพอดี ตลอดทางมีแวะพักตามอำเภอต่าง ๆ เพื่อไม่เร่งรีบจนเกินไปอาจทำให้ทุกคนเหนื่อยได้ตวนอ๋องหรืออดีตองค์ชายห้า จงเห่อ อายุ 27 ปี พระโอรสร่วมอุทรเดียวกันกับฮ่องเต้ จวินอ๋อง รุ่ยอ๋อง และฉินอ๋อง ตวนอ๋องมีพระชายาเป็นญาติกับฮองเฮาเฟยหย่า พระชายาเกาเจียวจิน อายุ 26 ปี ทรงมีพระโอรสแฝดและพระธิดาหนึ่งพระองค์ โอรสองค์โตแฝดพี่เป็นเอกบุตร องค์ชายจงเอิน อายุ 10 ขวบ แฝดน้องเป็นบุตรเกอ องค์ชายจงหมิง อายุ 10 ขวบ และคนสุดท้ายเป็นพระธิดา องค์หญิงจงฝู อายุ 8 ขวบตวนอ๋องเป็นสหายรักของพี่ใหญ่ไป๋อัน จึงไม่แปลกที่จะเอ็นดูไป๋หลินเหมือนน้องชายแท้ ๆ พอรู้ว่าฮ่องเต้ จวินอ๋องและรุ่ยอ๋องรับไป๋หลินเป็นน้องบุญธรรม ตวนอ๋องจะน้อยหน้าได้อย่างไรก็ต้องรับไป๋หลินเป็นน้องบุญธรรมด้วยอีกคน สี่แฝดที่คิดในใจว่าแล้วว่าพวกเขาทั้งสี่ต้องมีท่านลุงเพิ่มมาอีกแน่นอน ญาติเยอะจริง ๆ แค่นี้ก็นับกันไม่ไหวแล้วว่า

  • เกิดใหม่เป็นมารดาใจร้าย   บทที่ 16 เมืองฝูโจว

    ขบวนพ่อค้าตระกูลหวงได้ออกจากอำเภอหลินจือในยามเหมา เพื่อที่วันนี้ตั้งใจจะพากันไปแวะเที่ยวและหยุดพักค้างคืนที่อำเภอซินเจิ้งในเมืองฝูโจว เพราะที่นั่นมีน้ำตกที่ไหลมาจากภูเขาฝังเข็มชะลอยงซานทิวทัศน์สวยงาม ยังมีบ่อน้ำพุร้อนได้ให้แช่คลายเหนื่อยหลายบ่อ ไป๋หลินได้ยินที่พี่หลงเห่อบอกว่ามีบ่อน้ำพุร้อน เขาก็ถึงกับตาโตอยากให้ถึงอำเภอซินเจิ้งแล้วสิ อยากไปแช่น้ำร้อนคลายเหนื่อยเหมือนกัน สมัยยังเป็นภัสกรหากมีโอกาสได้หยุดพักร้อนเขามักจะบินไปเที่ยวญี่ปุ่น เพื่อไปแช่ออนเซ็นคลายปวดเมื่อยตามร่างกาย เพราะงานของภัสกรนั้นมีทั้งความเครียดและใช้ร่างกายอย่างหนัก จึงต้องหาวิธีบำบัดที่ทำให้ร่างกายได้พักผ่อนและฟื้นตัวเร็วขึ้นในที่สุดไป๋หลินกับขบวนก็เดินทางถึงอำเภอซินเจิ้งในช่วงเที่ยงพอดี จึงได้เข้าพักโรงเตี๊ยมประจำอำเภอที่ใกล้กับบ่อน้ำพุมากที่สุด บ่อน้ำพุที่อำเภอซินเจิ้งนั้นเกิดโดยธรรมชาติ ใคร ๆ ก็สามารถเข้าไปแช่ได้แต่ถ้าบ้านใครโชคดีหน่อยมีบ่อน้ำพุในพื้นที่ของตัวเองก็สามารถเปิดโรงเตี๊ยมให้แขกมาพัก พร้อมใช้บริการแช่น้ำพุงร้อนได้ วันนี้ขบวนพ่อค้าตระกูลหวงเลือกพักที่โรงเตี๊ยมเฉิงไฉ โรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ที่สุดในอำเภอซินเจ

  • เกิดใหม่เป็นมารดาใจร้าย   บทที่ 15 เดินทางไปเที่ยวหลางโจว

    หลัวฟางกับไป๋หลินช่วงนี้ไม่ว่างเลยงานรัดตัวไปหมด ทั้งงานที่โรงหมอก็ยุ่งมากผู้คนมารักษากันเยอะส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านที่ไม่ค่อยมีเงินมารักษา แต่ไป๋หลินก็ไม่ได้เก็บค่ารักษาแต่อย่างใด เพราะไป๋หลินประกาศไปแล้ว ชาวบ้านยากจน คนเร่ร่อนหรือแม้แต่ขอทาน หากเจ็บป่วยมารักษาได้ไม่คิดเงิน แถมโรงหมอกังอันยังมีน้ำแกงกับหมั้นโถแจกให้กินอิ่มท้องอีกด้วย บางวันก็จะเป็นโจ๊กไก่หรือโจ๊กหมูสลับหมุนเวียนกันไป หากถามว่ารักษาแล้วไม่เอาเงินกับผู้ป่วยจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าแรงของหมอกับคนงานกันล่ะ เงินของไป๋หลินกับหลัวฟางมีมากอยู่แล้ว ไป๋หลินได้เงินจากการเป็นขุนนางระดับสูงและการรักษาพวกขุนนางกับเศรษฐีรักษาครั้งหนึ่งก็ได้เงินหลายตำลึงทองส่วนหลัวฟางก็ได้เงินจากการค้าสมุนไพรมาช่วยภรรยาอีกแรง เพราะก่อนที่โรงหมอจะสร้างเสร็จแล้วเปิดทำการ หลัวฟางได้มีกิจการการค้าสมุนไพรขายโดยที่หลัวฟางเป็นคนปลูกสมุนไพรเอง เอาไว้รักษาคนไข้ในโรงหมอกังอันและเอาไว้ขายให้กับโรงหมอเจ้าอื่น ๆ และส่งขายให้กับร้านยาตระกูลเผิงอีกด้วย แต่ตั้งได้ฝึกพลังลมปราณคลื่นบูรพาหลัวฟางรู้สึกว่ามีพละกำลังมากขึ้น บวกกับการทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ภรรยาทำให้ทานทุกเ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status