จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อทหารหน่วยรบพิเศษมาดแมนขวัญใจสาว ตายระหว่างปฏิบัติหน้าที่ทำให้วิญญาณย้อนไปอยู่ในยุคจีนโบราณ ตื่นมาในต่างยุคแบบงงแถมยังมีสามและลูกชายอีกสี่คน
View Moreณ ชายแดนของประเทศเวนราเนียที่ติดกับประเทศอาคาเดีย มีหน่วยรบพิเศษของกองกำลังนานาชาตินำทีมโดย เรือเอกนายแพทย์ภัสกร นพวรรณ ที่ทุกคนในหน่วยและค่ายอาสาเรียกว่า ผู้กองหมอกร นำทีมออกลาดตระเวนเนื่องจากได้รับรายงานจากศูนย์บัญชาการใหญ่ ณ วูโรวา เมืองหลวงของประเทศเวนราเนีย ส่งข่าวมาบอกว่าจะมีการลักลอบซื้อขายอาวุธสงครามกันที่ชายแดน จึงให้หน่วยรบพิเศษซีอาโนที่นำโดยภัสกรออกตรวจตราอย่างเข้มงวด
ประเทศเวนราเนียกับประเทศอาคาเดียทั้งสองประเทศเคยถูกกลุ่มก่อการร้ายยึดครองมาก่อน กลุ่มบีลามาเป็นกลุ่มที่ก่อเหตุไปทั่วโลก เมื่อ 5 ปีก่อนกลุ่มบีลามาอาศัยช่วงจังหวะที่ทั้งสองประเทศกำลังมีข้อพิพาทสู้รบกัน เข้ามายึดครองทั้งสองประเทศไว้และสังหารผู้นำของทั้งสองประเทศ จึงให้ประเทศเวนราเนียกับประเทศอาคาเดียตกอยู่สภาวะอันตรายเนื่องจากไร้ผู้นำ
จึงทำให้สหประชาชาติจัดตั้งองค์กร WN ที่รวบรวมเหล่านักรบสุดแกร่งของแต่ละประเทศมารวมกัน แล้วเข้าตีเอาประเวนราเนียคืนมาได้ ส่วนประเทศอาคาเดียนั้นเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ของกลุ่มบีลามา ไม่สามารถยึดคืนมาได้เนื่องจากประชากรของประเทศตกอยู่ในการควบคุมของกลุ่มบีลามาหมด หากทางองค์กร WN ยื่นมือเข้าไปช่วย ทางกลุ่มผู้ก่อการร้ายจะสังหารตัวประกันทันที
แน่นอนว่าทางองค์กร WN ก็ไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียจำนวนมากเพิ่มขึ้นอีก จึงได้เพียงจัดตั้งกลุ่มทหารอาสาคอยดูแลเขตชายแดนเท่านั้น
"ทุกคนระวังตัวด้วย อาจมีการดักซุ่มจากฝ่ายตรงข้าม แก๊ก ตู๊ม" ภัสกร
ประโยคสุดท้ายของภัสกรที่พูดกับลูกน้องในหน่วยรบพิเศษซีอาโน ก่อนร่างของเขาจะกระจายด้วยแรงระเบิดที่ฝ่ายศัตรูวางไว้เป็นกับดัก ด้วยความมืดทำให้ภัสกรมองไม่เห็นหลุมระเบิดที่กลุ่มบีลามาวางไว้จึงได้เหยียบระเบิดเข้าไปเต็ม ๆ
เรือเอกนายแพทย์ภัสกร นพวรรณ อายุ 35 ปี ได้เสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ สละชีพเพื่อมวลมนุษยชาติเหลือไว้เพียงคุณงามความดีที่ฝากไว้ ณ แผ่นดินประเทศเวนราเนีย
ทำไมมันเจ็บแบบนี้ผมตายไปแล้วนะ แต่ทำไมร่างกายถึงยังมีความรู้สึกอยู่ แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น จางไป๋หลินข้าขอฝากเจ้าดูแลท่านพี่กับลูก ๆ ข้าด้วยนะ เจ้าช่วยนะทำหน้าที่แม่แทนข้าด้วย ข้าต้องไปแล้วฝากเจ้าด้วยนะ
พอจางไป๋หลินคนเดิมฝากฝังคำขอเสร็จ ภาพความทรงจำในร่างเดิมก็ถ่ายทอดเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ภัสกรได้เห็น จึงได้รู้ว่าตนเองนั้นมาเกิดใหม่ในร่างของจางไป๋หลิน อายุ 21 ปี มีสามีชื่อถานหลัวฟางอายุ 24 ปี ลูกชายคนที่หกคนสุดท้องของบ้านตระกูลถาน มีอาชีพเป็นนายช่างสร้างบ้านที่ทำร่วมกับครอบครัว มีอาชีพเสริมเป็นช่างไม้ทำงานไม้ส่งให้ร้านในตัวเมือง ไป๋หลินกับหลัวฟางมีลูกด้วยกัน 4 คน ลูกชายแฝดคู่พี่วัย 5 ขวบ และลูกชายแฝดคู่น้องวัย 4 ขวบ เกอผู้นี้มีแต่เรื่องราวฉาวโฉ่ไม่เว้นในแต่ละวันที่สำคัญเกอคนนี้ที่ภัสกรเข้ามาอยู่ในร่างนี้เป็นคนที่ขี้เกียจตัวเป็นขนติดการพนัน ชอบใช้แรงงานลูกชายทั้งสี่แต่ก็ไม่ถึงทุบตีลูกเหมือนบ้านอื่น เวลาเล่นพนันเสียหรือลูก ๆ ทำงานไม่ได้ดั่งใจก็มักจะให้อดอาหารเป็นการลงโทษ
ถ้าถามว่าไม่รักลูกแล้วจะอยู่ทำไมไม่หย่าขาดออกไปเลย เหตุผลที่ไป๋หลินไม่ยอมหย่า เพราะเขายังไม่มีที่ไปที่ดีกว่านี้ ถ้าให้กลับไปบ้านเดิมก็เกรงใจพ่อแม่และยังอยากให้พ่อของเด็กพวกนี้หาเงินให้เขาใช้ จึงทนอยู่ถึงแม้ว่าสามีจะไม่รักเขาเลยก็ตาม เหตุผลที่ไป๋หลินผู้นี้ได้แต่งงานกับถานหลัวฟางเพราะไป๋หลินนั้นมีความรู้ด้านสมุนไพรแต่กลับเอามาใช้ในทางที่ผิด ไป๋หลินได้วางยาปลุกกำหนัดกับคนที่แอบชอบก็คือลี่เว่ยชุนเพื่อนสนิทของถานหลัวฟาง แต่แผนดันผิดพลาดคนดื่มยาปลุกกำหนัดกลับเป็นถานหลัวฟางแทน เขาจนได้เสียกับถานหลัวฟางเป็นสามีภรรยากัน
ที่จริงแล้วหลัวฟางนั้นไม่ได้มีคนที่หมายปองหรือถูกตาต้องใจใครไว้หรอก แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะแต่งงานเร็วขนาดนี้ เมื่อเหตุมันเกิดขึ้นหลัวฟางในฐานะลูกผู้ชายก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป ถึงจะไม่รักแต่ก็ต้องรักษาเกียรติให้กับอีกฝ่าย หลังแต่งงานได้ไม่นานไป๋หลินก็ตั้งท้องและคลอดลูกชายแฝดออกมาให้หลัวฟาง ปีต่อมาเข้าก็ได้ตั้งท้องลูกแฝดอีกครั้งและเป็นลูกชายทั้งคู่ ทำให้พ่อแม่สามีและพ่อแม่ของไป๋หลินดีใจมากคลอดลูกเพียงสองครั้งได้หลานชายถึงสี่คน
ใคร ๆ ในหมู่บ้านต่างก็อิจฉาไป๋หลิน แต่พอนึกถึงเรื่องที่สามีไม่รักแถมยังพลาดจากคนที่แอบรักอีกก็ยังแอบสมน้ำหน้าไป๋หลินและสะใจที่ไม่สมหวังในความรัก พอคลอดลูกไป๋หลินก็ไม่ได้ใส่ใจหรือดูแลลูก ๆ เหมือนแม่ทั่วไป เขากับเมินเฉยไม่สนใจคิดแค่เพียงว่าลูก ๆ เป็นเครื่องมือใช้หาเงินเท่านั้น เขาเห็นว่าช่วงที่ท้องสามีมักจะให้เงินใช้ไม่ขาดมือ หรือเป็นเพราะท้องอยู่จึงไม่กล้าขัดใจคนท้อง เพราะจะส่งผลเสียต่อเด็กในครรภ์ แต่พอคลอดลูกออกมาสามีกลับหันไปสนใจลูกมากกว่า พอแฝดคู่พี่ได้ 1 ขวบ ไป๋หลินก็คิดแผนเรียกร้องความสนใจเพื่อเอาเงินจากหลัวฟาง เขาจึงใช้แผนเดิมวางยาสามีจนทำให้ท้องลูกชายแฝดคู่น้องอีกคู่ แต่ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิมสามีก็สนใจเพียงแค่ลูก พอคลอดลูกสามีก็เมินเฉยต่อเขาเหมือนเดิมเงินก็ให้ใช้น้อยลง
"ท่านพ่อ ท่านแม่จะฟื้นขึ้นมาไหมขอรับ" ลู่เซียน
"ถ้าท่านแม่ฟื้นขึ้นมาจะดุด่าพวกข้าอีกไหม" ลู่ตง
"ข้ากลัวท่านพ่อ แต่ข้าก็อยากให้ทันแม่ฟื้นขึ้นมานะ" ลู่ฉิน
"ท่านพ่อข้าอยากเข้าไปดูท่านแม่" ลู่ถิง
เสียงเด็กน้อยที่เอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วงแม่ ทำให้ภัสกรในร่างของไป๋หลินตื่นจากภวังค์ความคิด ถึงแม่จะร้ายกาจดุด่าพวกเขาเพียงใด เด็กก็คือเด็กยังรักและห่วงใยมารดาของตัวเองเสมอ คิดมาแล้วอยากจิกหัวตบกระบาลไอ้เกอผีไป๋หลินคนเก่าเสียจริง ๆ เห็นแก่เงินเหลือเกิน
"อืม ลองเขาไปดูสิเผื่อเข้าฟื้นแล้ว แต่อย่าไปกวนแม่พวกเจ้ามากนะ ให้เขาได้พักผ่อน" หลัวฟาง
ในความทรงจำสามีของเขาเองก็แสนดีจริง ๆ หาเงินมาได้เท่าไหร่ก็ให้เมียใช้ตลอดไม่ขาดมือ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความรักนั้นบอกตรง ๆ นึกสงสารไป๋หลินในเรื่องนี้อยู่นะ อยากได้อีกคนเป็นสามีแต่กลับได้เพื่อนเขามาแทน ถึงจะมีเงินมากมายให้ใช้จ่ายไม่ขาดมือแต่ไป๋หลินยังต้องการความรักจากสามีอยู่ดี กับคนที่แอบรักก็ไม่เคยได้เช่นกัน
เพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาถึงจะมีลูกด้วยกันสี่คน ทั้งสองไม่เคยแสดงความรักต่อกันเลย แถมไป๋หลินยังชอบแอบไปดูเว่ยชุนที่บ้านลี่บ่อย ๆ จนคนบ้านลี่รำคาญ เนื่องจากลี่เว่ยชุนก็ได้แต่งงานย้ายไปอยู่บ้านภรรยาแล้ว แต่ไป๋หลินก็ยังมักจะไปคอยเฝ้าเว่ยชุนเกือบทุกวันเผื่อว่าเว่ยชุนกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ จนพ่อของเว่ยชุนจึงฝากหลัวฟางตักเตือนไป๋หลินหลายครั้ง แต่พอเตือนทีไรก็ทะเลาะกันทุกที ไป๋หลินก็ไม่ยอมเลิกพฤติกรรมบ้า ๆ นั้นสักที หากสามีเตือนอีกก็ขู่ว่าจะพาลูกหนีให้หลัวฟางตามหาไม่เจอ
ถึงบ้านเดิมของไป๋หลินจะรักและตามใจไป๋หลินมากแค่ไหน แต่ถ้าทำผิดพวกเขาก็ตักเตือน ไป๋หลินก็รับปากบอกว่าจะปรับปรุงตัวไม่ทำอีก แต่ไม่ก็ยอมทำสักทีเอาแต่ไปเฝ้าคนบ้านลี่เหมือนเดิม
ท่านแม่จางก็สงสารหลานชายทั้งสี่ที่มารดาไม่ใส่ใจ แต่ก็ได้แค่คอยให้ลูกชายคนโตแอบเอาขนมเอาอาหารไปให้หลาน ๆ ในวันที่ไป๋หลินไม่อยู่บ้านเท่านั้น ทางแม่สามีอย่างท่านแม่ถานเองก็สงสารหลาน ๆ จับใจแต่ก็ไม่สามารถเอาหลาน ๆ มาเลี้ยงเองได้ เพราะสะใภ้เล็กอย่างไป๋หลินขู่เอาไว้ว่าจะพาหลานทั้งสี่หนี แน่ละก็เครื่องมือหาเงินชั้นดีมีหรือไป๋หลินจะยอมให้แม่สามีเอาไปเลี้ยง
เมื่อหลายวันก่อนหลัวฟางได้เข้าเมืองไปส่งสินค้างานไม้ที่ลูกค้าสั่งทำ แต่พอขากลับเกิดพายุฝนตกหนักทำให้หลัวฟางตากฝนจนป่วยหนักติดเตียง จนไม่สามารถลุกออกไปทำงานหรือออกล่าสัตว์ก็ไม่ได้ ทำให้ที่บ้านขาดแคลนอาหารและเงิน ส่วนเงินก้อนสุดท้ายได้จากการขายงานไม้ให้ร้านในเมือง กะไว้ว่าจะเอาให้พี่ชายไปจ้างหมอจากเมืองหลวงมารักษาก็ถูกไป๋หลินขโมยไปซื้อของสดมาทำอาหารไปฝากบ้านลี่และเอาไปเล่นการพนันจนหมด จึงทำไม่มีเงินรักษาทำได้แค่อาศัยยาสมุนไพรพื้นบ้านจากท่านแม่ต้มกินบรรเทาอาการไปก่อน
ที่จริงทางบ้านเดินของภรรยารู้เรื่องก็ออกปากช่วยแต่ด้วยความเกรงใจจึงได้ปฏิเสธไป แต่ท่านแม่ยายก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี จึงทำได้เพียงคอยหาอาหารหาสมุนไพรมาช่วยลูกเขยเท่านั้น
เหตุผลที่ไป๋หลินคนเก่าตายก็มาจากที่เขาเข้าเมืองไปบ่อนการพนัน ก่อนเข้าเมืองเขาได้ข่าวว่าเว่ยชุนกลับมาเยี่ยมบ้านไป๋หลินจึงรีบทำน้ำแกงไปฝากและเพื่อหวังจะได้พูดคุยกับเว่ยชุน แต่พอเจอเว่ยชุนจูงมือภรรยาเข้าบ้าน ไป๋หลินถึงกับร้องไห้เสียใจจึงไปบ่อนการพนันเพื่อคล้ายความเศร้า แต่เล่นแล้วเสียเงินไปมากจึงโมโหระหว่างทางเดินกลับบ้านดันหน้ามืดเดินสะดุดล้มหัวฟาดเข้ากับก้อนหินสลบไปหลายชั่วยามก่อนที่จะมีคนมาพบ นำตัวกลับที่บ้านก็สายไปแล้วไป๋หลินได้จากโลกนี้ไปแล้ว
พอทางฝั่งบ้านเดิมทราบข่าวก็รีบพาหมอรักษาให้ยาตามอาการแล้วก็กลับไป แต่มันก็ไม่ทันการณ์เสียแล้วเพราะจางไป๋หลินได้จากโลกนี้ไปแล้ว มีเพียงภัสกรมาอยู่ในร่างนี้แทน
"ท ท่านแม่ฟื้นแล้ว ย ยังเจ็บอยู่ไหมขอรับ" ลู่เซียน
ลู่เซียนพี่คนโตของแฝดคู่พี่เอ่ยถามผู้เป็นมารดาด้วยควากล้า ๆ กลัว ๆ เพราะกลัวว่าไปจะทำให้ท่านแม่อารมณ์เสีย แล้วลุกขึ้นมาดุด่าตนกับน้องอีกสามคน
"ม แม่ขอน้ำหน่อยได้ไหม" ไป๋หลิน
เด็กน้อยทั้งสี่ถึงกับตกใจเมื่อไป๋หลินแทนตัวเองว่าแม่ เพราะปกติไป๋หลินจะแทนตัวเองว่าข้ากับลูกตลอด ที่สำคัญพี่ใหญ่ถามท่านแม่อีกครั้งก็ไม่โดนดุด่าแถมยังพูดดีด้วยอีกทำให้เด็ก ๆ ตื่นเต้นมากจึงอยากลองคุยกับท่านแม่อีก
"ด เดี๋ยวข้าไปเอามาให้เอง" ลู่ตง
ลู่ตงแฝดพี่คนรองอาสาไปเอาน้ำมาให้แม่ แต่มาถึงเขากลับทำน้ำหกเพราะสั่นกลัวจึงให้ถ้วยน้ำในมือหล่นหกใส่ที่นอนของแม่ ลู่ตงเอ่ยขอโทษด้วยความตื่นกลัวพร้อมหลับตาเตรียมรับฝ่ามือเพราะคิดว่าแม่ต้องตีเขาแน่ แต่เปล่าเลยมือท่านแม่ยกขึ้นมาลูบหัวเขาแล้วเอ่ยปลอบว่าไม่เป็นไร เขาจึงรีบเอาน้ำมาให้ท่านแม่ใหม่
"ท่านแม่หายดีแล้วเหรอขอรับ" ลู่ฉิน
ลู่ฉินลูกชายคนที่สามแฝดพี่ของลู่ถิงที่เห็นเหตุการณ์ต่อหน้า ตอนแรกก็ตื่นกลัวว่าพี่รองจะถูกท่านแม่ตี แต่พอเห็นว่าพี่รองไม่โดนตีแถมท่านแม่ยังลูบหัวอีกด้วย เขาจึงกล้าที่จะถามและเข้าหา
"ดีขึ้นแล้วละ แล้วนี่ยามไหนกันแล้ว กินข้าวกันหรือยังเด็ก ๆ " ไป๋หลิน
"กินแล้วขอรับ ท่านย่าเอามาให้" ลู่ถิง
ลู่ถิงน้องเล็กสุดของบ้านเอ่ยตอบท่านแม่ด้วยท่าทางน่ารัก จนไป๋หลินอดใจไม่ไหวเอื้อมไปลูบหัวเบา ๆ ตอนแรกลู่ถิงก็ตกใจนึกว่าแม่จะตีจึงหลับตาลง แต่พอรู้ว่าแม่ไม่ได้ตีจึงขยับเข้าไปใกล้ ๆ ให้ท่านแม่ลูบหัว
"เด็ก ๆ แม่คิดถึงจัง มาให้แม่กอดหน่อยได้ไหม" ไป๋หลิน
เมื่อได้ยินคำว่าคิดถึงออกจากปากแม่เด็กก็ไม่รอช้ารีบเข้าไปหาให้แม่กอดพร้อมร้องไห้น้ำตาไหล นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านแม่บอกคิดถึงพวกเขาและกอดพวกเขาสี่พี่น้อง ปกติท่านแม่ไม่เคยพูดดีด้วย ไม่เคยบอกคิดถึง ไม่เคยกอดพวกเขาเลย สี่พี่น้องเคยขอกอดท่านแม่นะแต่กลับโดนดุต่อว่าทำตัวน่าอึดอัด ขอบคุณสวรรค์ที่รับฟังคำอธิษฐานของพวกเขาสี่พี่น้องที่เคยขอไว้ อยากให้ท่านแม่ใจดีแล้วหันมารักพวกเขาบ้างเท่านั้น
"ไม่ร้องนะเด็กดี แม่ขอโทษนะ ต่อไปแม่จะไม่ด่าไม่ดุด่าพวกเจ้าอีกแล้ว ให้อภัยแม่ด้วยนะ ต่อไปเรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ" ไป๋หลิน
แม่ลูกทั้งห้าก็กอดกันร้องไห้จนผู้เป็นพ่อถึงกับน้ำตาซึม ถึงเขาจะไม่ได้รักไป๋หลินแต่ก็ไม่ได้เกลียดจนถึงขั้นอยู่ร่วมกันไม่ได้ พอได้ยินที่ไป๋หลินพูดกับลูกเขาเองก็ตกใจและดีใจกับลูก ๆ แต่อย่างไรก็ต้องคอยดูต่อไปว่าไป๋หลินจะทำตัวเป็นแม่ที่ดีได้กี่วัน
ไป่หลินคนใหม่เองก็ได้แต่ก่นด่าร่างเดิมในใจ มีลูกชายน่ารัก ๆ ถึงสี่คนทำไมไม่ใส่ใจบ้างนะ มันน่าตามไปตบกระบาลถึงโลกวิญญาณจริง ๆ
ระหว่างที่ทานข้าวอยู่เขานึกได้ว่าไป๋หลินคนเดิมมีความรู้เรื่องสมุนไพรพื้นฐานอยู่บ้าง ก็น่าจะพอให้ขึ้นเขาไปหาสมุนไพรมาขายหาเงินเข้าบ้านได้อยู่แล้ว ส่วนอาการของสามีทานข้าวเสร็จค่อยเข้าไปตรวจดูสักหน่อยถ้ารักษาได้เข้าจะรักษาให้เอง
ยังไงก่อนจะตายมาอยู่โลกนี้เขาคือ เรือเอกนายแพทย์ภัสกร นพวรรณ อายุ 35 ปี เป็นแพทย์มือหนึ่งของกรมทหารเรือเลยทีเดียว อีกทั้งยังได้มีโอกาสได้ทุนศึกษาต่อด้านแพทย์แผนจีนอีกด้วย ถึงแม้จบมาจะไม่ค่อยได้ใช้รักษาใครเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมให้ตัวเองเสมอและเคยมีประสบการณ์ฝังเข็มให้ลูกน้องในหน่วยอยู่บ้าง เวลาปวดเมื่อยตามร่างกายพี่น้องในหน่วยมักมาให้เขาช่วยฝังเข็มคลายกล้ามเนื้ออยู่บ่อย ๆ ส่วนเรื่องรักษาอาการป่วยของสามีแค่นี้สบายมาก
เมื่อทานข้าวเสร็จเขาก็เข้าไปดูอาการสามีทันที เขาจับชีพจรต่าง ๆ และสอบถามอาการดูก็พบว่าสามีป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ จึงทำให้ร่างกายปวดไปทั้งตัวจนไม่สามารถลุกไปทำงานได้ เขาจึงจะขึ้นเขาไปหาสมุนไพรมารักษาและจะนำบางส่วนไปขายหาเงินเข้าบ้าน เงินบางส่วนก็จะนำไปหาซื้อเข็มมาใช้ในการรักษาอาการป่วยให้สามี ร้านยาในเมืองจะมีขายไหมนะ ถ้ารักษาสามีหายแล้วจะสงสัยหรือเปล่าว่าเขาไม่ใช่ไป๋หลินคนเดิม คิดมาแล้วก็กลุ้มใจว่าจะหาข้ออ้างยังไงดี ตัวเขาเองก็ตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ก็คงต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกนี้ให้ได้ ไม่ต้องห่วงนะจางไป๋หลินฉันจะทำหน้าที่ภรรยาและมารดาที่ดีแทนนายเอง นายจะได้หมดห่วงไปสู่ภพภูมิที่ดีนะ
"เด็ก ๆ แม่ว่าจะขึ้นเขาสักหน่อย พวกลูกก็อยู่กับพ่อไปก่อนนะ แม่ไปไม่นานก็กลับมา เดี๋ยวแม่หาผลไม้ป่ามาฝาก ถ้าโชคดีได้สัตว์ป่าวันนี้แม่จะทำอาหารจานเนื้อให้กินดีไหม" ไป๋หลิน
"ขอรับ/ขอรับ/ขอรับ/ขอรับ"
หลัวฟางได้ยินแบบนั้นก็ถึงกลับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ที่จริงก็สงสัยตั้งแต่ไป๋หลินฟื้นขึ้นมาก็เปลี่ยนไปราวกับไม่ใช่ไป๋หลินคนเดิม หรือเพราะหัวฟาดก้อนหินจนสมองกลับไม่ก็มีแผนอะไรบางอย่าง หรือหลอกให้ตายใจแล้วกลับไปตามตื๊อเว่ยชุนอีก
"เจ้าดีขึ้นแล้วรึถึงจะขึ้นเขา อีกอย่างเจ้าไม่ไปเฝ้าเว่ยชุนแล้วรึ" หลัวฟาง
"เอาเป็นว่าข้ารู้แล้วกัน เดี๋ยวขึ้นเขาเสร็จกลับมาข้ามีเรื่องจะเล่าพูดคุยกับเจ้าและลูกด้วย ข้าไปก่อนนะฝากดูลูก ๆ ด้วย อ้อ อีกอย่างข้าไม่ไปตามเฝ้าคนที่มีลูกมีเมียหรอกเสียเวลาทำมาหากิน" ไป๋หลิน
"หึ ทำมาเป็นพูดดีเจ้าจะทำได้กี่วัน ไม่ใช่คืนนี้พอข้าหลับก็แอบออกจากบ้านไปเฝ้าบ้านลี่อีกละ ส่วนเจ้าไม่ฝากก็ดูแลเองอยู่แล้วประจำ" หลัวฟาง
เชอะไอ้ผัวคนนี้วาจาร้ายกาจน่าตบกระบาลเสียจริง แต่ช่างเถอะข้าขี้เกียจเถียงด้วยแล้วเตรียมของขึ้นเขาดีกว่า
โลกที่อยู่ตอนนี้อากาศไม่ค่อยร้อนเหมือนโลกเดิมเลย ขนาดเดินขึ้นเขามาหลายกิโลยังไม่รู้สึกร้อนเลย บรรยากาศดีอากาศเย็นสบายธรรมชาติก็ร่มรื่นเหมือนได้ชาร์จแบตให้ร่างกายเลย ถึงว่าตอนที่อยู่โลกก่อนสงสัยทำไมคนในเมืองจึงชอบไปเที่ยวต่างจังหวัดที่มีธรรมชาติต้นไม้ป่าเขาเพราะได้เติมความสดชื่นให้กับร่างกายแบบนี้นี่เอง
ตอนเริ่มเดินเข้ามาในป่าชั้นนอกไป๋หลินก็ได้สมุนไพรไปหลายอย่างเลย ยังมีพืชที่กินได้อย่างพวกหัวมันหัวเผือก ได้ผลไม้ป่าพวกเฉาเหมยป่า โปหลัว โชคดีที่เจอต้นผิงกั่วด้วย ไป๋หลินจึงเก็บผลไม้ป่าที่เจอใส่ตะกร้าใบใหญ่ที่สะพายอยู่ด้านหลัง
เหมือนสวรรค์จะเข้าข้างไป๋หลิน ให้ได้เจอกับโสมป่าห้าราก รากใหญ่สามรากอายุราวพันปี รากเล็กอีกสองราก อายุราว 400 ปี จากความจำร่างเดิมถ้าเอาไปขายจะได้อยู่ที่ราว 300 ถึง 1000 ตำลึงทองเลยทีเดียว แต่เขาคิดไว้ว่าจะไม่เอาไปขายหมดหรอกเก็บไว้ทำยาบำรุงให้สามีด้วยดีกว่า
พอได้โชคก้อนใหญ่แล้วไป๋หลินก็สำรวจป่าไปเรื่อย ๆ จนสามารถล่าไก่ป่าได้ตัวหนึ่งด้วยพร้อมกระต่ายอีกสองตัว ที่จริงบ้านเขาก็ไม่ขาดแคลนอาหารอะไรหรอกนะ เพราะถึงจะสามีป่วยแต่แม่สามีและแม่จางก็เอาของสดที่ซื้อหรือคนในบ้านล่ามาได้ แบ่งมาให้บ้านเขาบ่อยครั้ง กลัวหลาน ๆ จะหิว เผื่อไป๋หลินได้ทำอาหารให้ลูก ๆ ทาน บางครั้งก็ทำกับข้าวใส่ปิ่นโตมาให้ แต่ก็โดนเกอตัวร้ายอย่างไป๋หลินแย่งกินเกือบหมด ส่วนของสดพวกเนื้อสัตว์ก็จะแอบเอาไปขายแลกเงินเพื่อไปเล่นพนัน ไม่ก็แอบเอามาทำอาหารไปฝากบ้านลี่แต่ไม่ทำให้ลูกกับสามีกิน พักหลัง ๆ มาบ้านเดิมและบ้านใหญ่จึงไม่ค่อยเอาของสดมาแบ่งให้ แต่ทำเป็นกับข้าวใส่ปิ่นโตมาให้แทน
ภัสกรในร่างของไป๋หลินได้แต่คิดว่าลี่เว่ยชุนนั้นมีอะไรดี ทำไมไป๋หลินคนเดินถึงหลงได้จนโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้ ผู้ชายเขาแต่งงานมีเมียไปแล้ว ส่วนตัวเองก็มีลูกมีผัวแล้วยังจะตามตื๊ออีกเอาสมองส่วนไหนคิดเนี่ยว่าเว่ยชุนจะหันมาสนใจ สู้ทำตัวดี ๆ ดูแลลูกที่น่ารักทั้งสี่ดีกว่า และคอยเอาใจสามีเผื่อวันหนึ่งเขาจะหันมารักยังมีความหวังกว่าอีก
"คิดมาแล้วอยากหยุมหัวไป๋หลินจริง ๆ หลงผู้ชายจนไม่สนใจลูก สี่แฝดออกจะน่ารักขนาดนี้ คอยดูนะข้าเนี่ยแหละจะเลี้ยงลูกให้ดี ขุนให้ทั้งสี่จนแก้มป่อง ส่วนหลัวฟางข้าก็จะรักษาให้หาย เผื่อสามีปากร้ายบ้านั้นจะหันมารักข้าบ้าง" ไป๋หลิน
เมื่อหาสมุนไพรที่อยากได้ครบไป๋หลินจึงเดินลงเขาเพื่อกลับบ้านระหว่างเขาก็แวะพักที่ลำธารตีนเขาเพื่อล้างหน้าสักหน่อย แต่พอชะโงกลงไปในแม่น้ำเขาก็ต้องตะลึงกับใบหน้าของตัวเองในน้ำ เพราะไป๋หลินมีใบหน้าที่สวยปนน่ารักแต่มีความเจ้าเล่ห์แบบนางร้ายสวย ๆ ในละคร ถ้าเปรียบก็เหมือนกับปีศาจจิ้งจอกที่แปลงกายมาหลอกล่อชายหนุ่มมนุษย์เหมือนในภาพยนตร์จีนหลาย ๆ เรื่องนั่นแหละ ไม่น่าละทำไมพี่ชายทั้งสามบ้านจางกับท่านพ่อจางถึงหวงและตามใจทุกอย่าง
พอพักจนพอใจไป๋หลินก็แบกตะกร้าผลไม้กับตะกร้าสมุนไพรกลับบ้าน ในหัวก็คิดหาขนมที่พอจะทำได้ให้ลูก ๆ ทานดีกว่า จากความทรงจำไป๋หลินไม่เคยทำขนมหรือแม้แต่อาหารก็ยังไม่เคยทำให้ลูกทานเลย ขนาดงานบ้านง่าย ๆ ยังไม่ทำเลย ได้แต่บังคับลูกทั้งสี่ทำแทน ส่วนอาหารเขาก็ทำกินเองคนเดียวไม่เผื่อลูก แต่กลับทำไปให้บ้านลี่แทนยิ่งตอนที่เว่ยชุนยังไม่แต่งงานทำไปฝากเกือบทุกวัน เพราะคิดว่ายังไงสามีก็กลับมาหาให้ลูกกินอยู่ดี เขาจึงไม่สนใจว่าระหว่างรอพ่อกลับมาสี่พี่น้องจะหิวแค่ไหน สมกับเป็นจางไป๋หลินเกอร้ายกาจจอมขี้เกียจและบ้าผู้ชายแห่งหมู่บ้านถงหยางจริง ๆ
เมื่อถึงกำหนดวันเดินทางกลับเมืองหมิงโจวทุกคนออกเดินทางกันแต่เช้า ฮ่องเต้เปลี่ยนใจจากที่ตอนแรกจะมุ่งหน้ากลับเมืองหลวง แต่ทรงเปลี่ยนพระทัยไปเมืองหมิงโจวก่อนแล้วค่อยกลับเมืองหลวง พี่หลงเห่อต้องการไปดูการเปลี่ยนแปลงของสำนักหมอหลวงประจำเมืองด้วย ทั้งยังจะเดินทางไปที่วัดซ่งซานเพื่อทำบุญขอพรให้ราษฎรแคว้นเว่ยมีความสุขกินดีอยู่ดีไม่อดอยาก ขอให้ประชาชนสุขกายสุขใจ ไป๋หลินได้ฟังเหตุผลของพี่หลงเห่อแล้ว ก็ได้แต่ชื่นชมว่าเป็นฮ่องเต้ที่ดีมีเมตตาและรักราษฎรเป็นห่วงราษฎรอย่างแท้จริงพอถึงเมืองหมิงโจวทุกคนก็แยกย้ายกับกลับบ้านไปพักผ่อน เพราะร่างกายเหนื่อยล้าจากการเดินทางเป็นอย่างมาก สี่แฝดที่พอกลับถึงบ้านหัวถึงหมอนก็หลับปุ๋ยไม่ออกไปเล่นกับพี่ ๆ บ้านใหญ่เลย บอกท่านพ่อท่านแม่ว่าขอนอนกลางวันก่อน พอตื่นถึงจะเอาของเล่นไปให้พี่ชายพี่สาวบ้านใหญ่ บ้านอู๋ บ้านสวี และบ้านจู ไป๋หลินจึงบอกว่าจะพาสี่แฝดไปเองจะเอาของฝากไปให้บ้านใหญ่ และยังแบ่งไปให้พี่สามพี่สี่และพี่ห้าอีกด้วยเมื่อพักผ่อนเต็มที่ทุกคนก็กลับมาทำหน้าที่ทำงานของตัวเอง พอไป๋หลินเข้าเมืองไปที่โรงหมอก็ได้ยินข่าวลือแปลก ๆ จากชาวบ้านที่มารักษา เล่ากันว่ามีคนพบ
เมื่อปิดคดีผีน้ำได้สำเร็จพี่หลงเห่อบอกว่าจะพาอยู่เที่ยวที่หลางโจวต่ออีกสักสองอาทิตย์ค่อยเดินทางกลับเมืองหลวง ไป๋หลินได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมากเพราะยังเดินสายกินของอร่อยยังไม่ครบทั่วเมืองหลางโจวเลย สี่แฝดบ้านถานรองพอได้ยินว่าท่านลุงฮ่องเต้จะพาอยู่เที่ยวต่อก็ดีใจกันยกใหญ่ รีบไปอ้อนท่านพ่อท่านแม่พาออกไปเที่ยวตลาดพร้อมบอกว่าอยากได้ของเล่นที่มีขายในเมืองนี้และขนมไปฝากพี่ ๆ บ้านใหญ่ ทั้งอยากได้ของฝากไปให้ท่านปู่ท่านย่า ฝากท่านลุงท่านป้าทุกคนด้วย นับวันสี่แฝดก็ยิ่งฉายแววฉลาดและกตัญญูรู้คุณจริง ๆ รู้จักแบ่งปันและนึกถึงผู้มีพระคุณว่าใครที่เคยดีกับพวกเขา หลัวฟางกับไป๋หลินเห็นลูกทั้งสี่เป็นเด็กดีแบบนี้ก็ยิ่งปลื้มใจมากหลังมื้ออาหารเช้าครอบครัวบ้านถานรองก็ขอตัวออกมาเดินเที่ยวย่อยอาหารที่ตลาดท่าเรือ วันนี้ไป๋หลินตั้งจะไปหาเคยมาทำกะปิเอากลับไปหมิงโจวด้วย ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจดสูตรเอาไว้ให้พี่จงเห่อหาคนช่วยทำให้ แล้วค่อยส่งกะปิที่ได้ไปให้เขาที่เมืองหมิงโจวอีกที หรือไม่ก็ให้พี่จงเห่อช่วยหาคนตากเคยแตกส่งไปให้ก็ได้ ถึงจะทำไว้ใช้เองจำนวนมากแต่คนที่ชอบอาหารทำจากกะปิแบบเขามันต้องหมดภายในไม่กี่สัปดาห์แน่นอน หาก
เมื่อองครักษ์วิ่งเข้ามาถวายการรายงานว่ามีคนพบร่างนางกำนัลในจวนเสียชีวิตที่แม่น้ำท้ายจวนอีกแล้ว ไป๋หลินและทุกคนที่เคยไขคดีผีน้ำที่วังหลวงพร้อมด้วยตวนอ๋อง ทั้งหมดพากันตรงไปที่ท้ายจวนทันทีเพื่อไปดูศพของเหยื่อ พอไปถึงก็เห็นว่าเป็นนางกำนัลของจวนตวนอ๋องที่ชื่อว่าหนิงจิงไป๋หลิน หลัวฟางและจวินอ๋องไม่รอช้าเขาไปตรวจดูศพ แล้วก็พบว่าที่คอของเหยื่อมีรอยเข็มปักอยู่ที่คอจริง ๆ เหมือนกับศพในคดีผีน้ำที่เมืองหลวงเลย แต่ต้องตรวจดูก่อนว่าพิษที่ใช้นั้นเป็นตัวเดียวกันกับในคดีของอดีตหมอหลวงใหญ่หรือไม่ เพราะถ้าเป็นพิษตัวนั้นคงไม่มีทางเป็นไปได้เนื่องจากคนปรุงยาได้ถูกประหารชีวิตและถูกจำคุกตลอดชีวิตไปแล้ว ไป๋หลินกลัวจะเป็นคดีเลียนแบบและน่าจะเป็นพิษตัวใหม่ที่คิดค้นขึ้นมา อย่างไรก็ต้องเจาะเลือดไปตรวจก่อน หากเป็นพิษตัวใหม่จริงงานนี้คงต้องทำยาถอดเตรียมไว้หลายชุดแล้วสิ"ข้าว่าคนร้ายคงใช้วิธีซัดเข็มพิษเข้าตัวเหยื่อ ในตอนที่เหยื่อยังไม่ทันตั้งตัว แค่เข็มเดียวก็สามารถตายได้ขนาดนี้ ดูท่าพิษน่าจะร้ายแรงกว่าพิษของคดีผีน้ำที่เมืองหลวงนะขอรับ" หลัวฟาง"ข้าคิดว่าน่าจะเป็นคดีเลียนแบบ ส่วนตัวพิษน่าจะเป็นพิษตัวใหม่ที่คิดค้นขึ
เมื่อถึงกำหนดเดินทางออกจากเมืองฝูโจวเพื่อไปเมืองหลางโจว ก็ใช้เวลาเดินทางสี่วันสี่คืนก็ถึงเมืองหลางโจว พอถึงจวนเจ้าเมืองตวนอ๋องก็ออกมาต้อนรับพร้อมกับพระชายาและองค์ชายน้อยทั้งสามพระองค์ คณะพ่อค้าตระกูลหวงถึงเมืองหลางโจวในยามมื้อเที่ยงพอดี ตลอดทางมีแวะพักตามอำเภอต่าง ๆ เพื่อไม่เร่งรีบจนเกินไปอาจทำให้ทุกคนเหนื่อยได้ตวนอ๋องหรืออดีตองค์ชายห้า จงเห่อ อายุ 27 ปี พระโอรสร่วมอุทรเดียวกันกับฮ่องเต้ จวินอ๋อง รุ่ยอ๋อง และฉินอ๋อง ตวนอ๋องมีพระชายาเป็นญาติกับฮองเฮาเฟยหย่า พระชายาเกาเจียวจิน อายุ 26 ปี ทรงมีพระโอรสแฝดและพระธิดาหนึ่งพระองค์ โอรสองค์โตแฝดพี่เป็นเอกบุตร องค์ชายจงเอิน อายุ 10 ขวบ แฝดน้องเป็นบุตรเกอ องค์ชายจงหมิง อายุ 10 ขวบ และคนสุดท้ายเป็นพระธิดา องค์หญิงจงฝู อายุ 8 ขวบตวนอ๋องเป็นสหายรักของพี่ใหญ่ไป๋อัน จึงไม่แปลกที่จะเอ็นดูไป๋หลินเหมือนน้องชายแท้ ๆ พอรู้ว่าฮ่องเต้ จวินอ๋องและรุ่ยอ๋องรับไป๋หลินเป็นน้องบุญธรรม ตวนอ๋องจะน้อยหน้าได้อย่างไรก็ต้องรับไป๋หลินเป็นน้องบุญธรรมด้วยอีกคน สี่แฝดที่คิดในใจว่าแล้วว่าพวกเขาทั้งสี่ต้องมีท่านลุงเพิ่มมาอีกแน่นอน ญาติเยอะจริง ๆ แค่นี้ก็นับกันไม่ไหวแล้วว่า
ขบวนพ่อค้าตระกูลหวงได้ออกจากอำเภอหลินจือในยามเหมา เพื่อที่วันนี้ตั้งใจจะพากันไปแวะเที่ยวและหยุดพักค้างคืนที่อำเภอซินเจิ้งในเมืองฝูโจว เพราะที่นั่นมีน้ำตกที่ไหลมาจากภูเขาฝังเข็มชะลอยงซานทิวทัศน์สวยงาม ยังมีบ่อน้ำพุร้อนได้ให้แช่คลายเหนื่อยหลายบ่อ ไป๋หลินได้ยินที่พี่หลงเห่อบอกว่ามีบ่อน้ำพุร้อน เขาก็ถึงกับตาโตอยากให้ถึงอำเภอซินเจิ้งแล้วสิ อยากไปแช่น้ำร้อนคลายเหนื่อยเหมือนกัน สมัยยังเป็นภัสกรหากมีโอกาสได้หยุดพักร้อนเขามักจะบินไปเที่ยวญี่ปุ่น เพื่อไปแช่ออนเซ็นคลายปวดเมื่อยตามร่างกาย เพราะงานของภัสกรนั้นมีทั้งความเครียดและใช้ร่างกายอย่างหนัก จึงต้องหาวิธีบำบัดที่ทำให้ร่างกายได้พักผ่อนและฟื้นตัวเร็วขึ้นในที่สุดไป๋หลินกับขบวนก็เดินทางถึงอำเภอซินเจิ้งในช่วงเที่ยงพอดี จึงได้เข้าพักโรงเตี๊ยมประจำอำเภอที่ใกล้กับบ่อน้ำพุมากที่สุด บ่อน้ำพุที่อำเภอซินเจิ้งนั้นเกิดโดยธรรมชาติ ใคร ๆ ก็สามารถเข้าไปแช่ได้แต่ถ้าบ้านใครโชคดีหน่อยมีบ่อน้ำพุในพื้นที่ของตัวเองก็สามารถเปิดโรงเตี๊ยมให้แขกมาพัก พร้อมใช้บริการแช่น้ำพุงร้อนได้ วันนี้ขบวนพ่อค้าตระกูลหวงเลือกพักที่โรงเตี๊ยมเฉิงไฉ โรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ที่สุดในอำเภอซินเจ
หลัวฟางกับไป๋หลินช่วงนี้ไม่ว่างเลยงานรัดตัวไปหมด ทั้งงานที่โรงหมอก็ยุ่งมากผู้คนมารักษากันเยอะส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านที่ไม่ค่อยมีเงินมารักษา แต่ไป๋หลินก็ไม่ได้เก็บค่ารักษาแต่อย่างใด เพราะไป๋หลินประกาศไปแล้ว ชาวบ้านยากจน คนเร่ร่อนหรือแม้แต่ขอทาน หากเจ็บป่วยมารักษาได้ไม่คิดเงิน แถมโรงหมอกังอันยังมีน้ำแกงกับหมั้นโถแจกให้กินอิ่มท้องอีกด้วย บางวันก็จะเป็นโจ๊กไก่หรือโจ๊กหมูสลับหมุนเวียนกันไป หากถามว่ารักษาแล้วไม่เอาเงินกับผู้ป่วยจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าแรงของหมอกับคนงานกันล่ะ เงินของไป๋หลินกับหลัวฟางมีมากอยู่แล้ว ไป๋หลินได้เงินจากการเป็นขุนนางระดับสูงและการรักษาพวกขุนนางกับเศรษฐีรักษาครั้งหนึ่งก็ได้เงินหลายตำลึงทองส่วนหลัวฟางก็ได้เงินจากการค้าสมุนไพรมาช่วยภรรยาอีกแรง เพราะก่อนที่โรงหมอจะสร้างเสร็จแล้วเปิดทำการ หลัวฟางได้มีกิจการการค้าสมุนไพรขายโดยที่หลัวฟางเป็นคนปลูกสมุนไพรเอง เอาไว้รักษาคนไข้ในโรงหมอกังอันและเอาไว้ขายให้กับโรงหมอเจ้าอื่น ๆ และส่งขายให้กับร้านยาตระกูลเผิงอีกด้วย แต่ตั้งได้ฝึกพลังลมปราณคลื่นบูรพาหลัวฟางรู้สึกว่ามีพละกำลังมากขึ้น บวกกับการทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ภรรยาทำให้ทานทุกเ
Comments