“ช่างเถิด เจ้าอย่าได้สนใจ อ่ะ...ข้าแบ่งให้เจ้า” นางส่งหมั่นโถวในมือให้สาวใช้
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านหญิง แต่หากท่านกินหมั่นโถวไปก่อน ท่านเขยจะไม่...”
“เขาไม่มาเข้าหอหรอกเชื่อข้าเถิด ส่วนของที่อยู่บนโต๊ะพวกนั้นจะไว้ใจได้มากเท่าใดกัน ข้าไม่เอาชีวิตของตนไปเสี่ยงหรอก รีบกินหมั่นโถวเสียเถิด พรุ่งนี้ค่อยมาดูกันว่าจะต้องจัดแจงสิ่งใดบ้าง”
“เจ้าค่ะ” ซิวเหยารู้สึกซาบซึ้งยิ่งนักที่ผู้เป็นนายมีใจแบ่งหมั่นโถวให้สาวใช้เช่นตน
“ประเดี๋ยวกินหมั่นโถวเสร็จแล้ว เจ้าช่วยเตรียมน้ำให้ข้าเสร็จแล้วค่อยมาช่วยข้าถอดชุดพวกนี้”
“เจ้าค่ะ” ยามนี้ซิวเหยารู้สึกสงสารท่านหญิงของตนยิ่งนัก ใครจะคิดว่าชีวิตของเสี้ยนจู่ผู้สูงศักดิ์แท้จริงจะอัปยศอดสูเช่นนี้ อยู่ในจวนอ๋องก็ถูกบิดามองเป็นเพียงเครื่องมือ ยามแต่งเข้าจวนโหวก็ถูกมองข้าม
“ขอบคุณที่เจ้าไม่ทิ้งข้านะซิวเหยา” นางสัญญาว่าจะตอบแทนสาวใช้ผู้นี้ให้ดี
“โถ่! ท่านหญิงของบ่าว” สาวใช้รู้สึกสงสารผู้เป็นนายจับใจ
เมื่อกินหมั่นโถวในมือหมดซิวเหยาก็ไปเตรียมน้ำร้อนให้ท่านหญิงของตนด้วยตัวเองเนื่องจากบริเวณรอบเรือนแห่งนี้ไร้ผู้คน ไม่มีแม้แต่บ่าวมารอรับใช้ บ่งบอกว่าเจ้านายจวนนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับท่านหญิงของตน
‘อันดับแรกข้าต้องหาคนของตนเองให้ได้ก่อน’
เหลียงจิ่วเม่ยแช่น้ำร้อนคลายความเหนื่อยล้าที่พบเจอในวันนี้ ก่อนจะสวมอาภรณ์ตัวในแล้วขึ้นไปนอนบนเตียงโดยไม่คิดรั้งรอใคร
“คืนนี้เจ้าก็นอนที่นี่เถิด”
“แต่ยามนี้ท่านหญิง เอ่อ...ฮูหยินแต่งกับท่านโหวซื่อจื่อแล้ว หากบ่าวนอนที่นี่เกรงว่าจะไม่เหมาะสม”
“อย่างไรคืนนี้เขาก็ไม่มาหรอก เชื่อข้าเถิด แต่หากเจ้าไม่สบายใจก็เลือกห้องในเรือนนี้สักห้องเป็นที่หลับนอน เจ้าเป็นคนสนิทของข้า ย่อมถูกเพ่งเล็ง เราไม่รู้ว่าใครประสงค์ร้ายกับเราดังนั้นการอยู่ใกล้กันถือเป็นเรื่องดี” แม้ทุกย่างก้าวต่อจากนี้จะเต็มไปด้วยขวากหนามแต่นางก็จะก้าวเดินไปให้ได้ เพื่อชีวิตที่ยืนยาวและการได้พบกับสหายรักอีกครั้ง
“บ่าวจะระวังตัวเจ้าค่ะ”
“อืม ไปเถิด” นางกล่าวแล้วนั่งมองสาวใช้เดินไปที่ประตู ก่อนจะปิดประตูลง
‘ข้าไม่หวังความโปรดปรานหรือความรักจากสมรสพระราชทานครั้งนี้หรอก’ ใครบ้างจะพึงใจสตรีที่ตนพลาดพลั้งด้วย
น่าเสียดายในยามที่นางอ่านนิยายเรื่องนี้ นางไม่คุ้นเคยกับชื่อแซ่ของสามีพระราชทานผู้นี้ คล้ายกับว่าไม่ถูกกล่าวถึงเลย นางจึงไม่อาจคาดเดาได้ว่าคนผู้นี้มีนิสัยเช่นไร คงต้องเดิมพันกับตนเองสักครั้ง
เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ทำให้นางรู้สึกตื่นตัว ก่อนจะนางล้มตัวลงนอนห่มผ้าแสร้งเป็นนอนหลับไปแล้ว
ประตูที่เปิดออกอย่างแรงทำให้นางสามารถโล่งใจไปได้เล็กน้อยเพราะอีกฝ่ายไม่ใช่คนของเหลียงอ๋องหรือคนที่ถูกส่งมาลอบสังหารนาง เนื่องจากคงไม่มีใครเปิดประตูเสียงดังเพื่อให้นางรู้ตัวก่อน
“หึ!” บุรุษที่เดินเข้ามาภายในห้องหอแค่นเสียงเบา ๆ เมื่อกวาดสายตามองแล้วเห็นว่าอาหารมงคลบนโต๊ะยังวางอยู่ตามเดิม ส่วนตัวเจ้าสาวที่ควรจะนั่งรอที่เตียงอย่างสงบเสงี่ยมกลับนอนห่มผ้าหลับสนิทอยู่บนเตียง
“อ่า...ที่แท้เป็นโหวซื่อจื่อเอง อุ๊ย! ขออภัยเจ้าค่ะ” นางรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนเตียงอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงแค่นเบา ๆ ของเขา ก่อนจะรีบเปลี่ยนเป็นนั่งคุกเข่าอยู่บนเตียงอย่างสงบเสงี่ยม
“หึ!” หลวนจิ้นฝานมองสตรีท่าทางไม่สำรวมด้วยสายตาเย็นชาและนึกเย้ยหยันตนเอง คนที่ไม่เคยพึงใจกันสองคนถูกผูกมัดเอาไว้ด้วยสมรสพระราชทานเรื่องราวต่อจากนี้คงจะสนุกไม่น้อย
“ท่านมาก็ดีแล้วเจ้าค่ะ ข้ามีเรื่องอยากตกลงกับท่านเล็กน้อย”
“ว่ามา!” ผู้ตรวจการหลวนยังคงยืนห่างจากเตียงด้วยท่าทางระวังตัว ทั้งยังไม่คิดนั่งลงคล้ายกับพร้อมจะจากไปทันทีที่ต้องการ
“ท่านควรให้คนตรวจตรารอบเรือนนี้ให้มั่นใจก่อน ว่าเรื่องที่เราสนทนากันจะไม่สามารถเล็ดลอดไปถึงหูคนที่ไม่หวังดีได้” นางแสร้งกล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึมแฝงความจริงจัง
“ต่อให้เป็นยอดฝีมือก็ไม่อาจเล็ดลอดเข้ามาในจวนของข้าได้”
“ท่านจงอย่าได้ประมาท”
“หลี่เฉิง ได้ยินแล้วใช่หรือไม่ ตรวจสอบเรื่องนี้ให้เรียบร้อย หากพบเหลือบไรที่ลอบเข้าจวนข้าก็สังหารมันเสีย เรียบร้อยเมื่อใดให้มารายงาน” ปากก็สั่งการลูกน้องที่ไม่เห็นตัวของเขา แต่สายตาที่มองมาคล้ายกับกำลังเอ่ยถึงนาง
‘ขอรับคุณชาย’ เสียงตอบรับลอยมาตามลม
‘กำลังหลอกด่าข้าว่าเป็นเหลือบไรใช่หรือไม่ เหลือบไรอันใดงดงามเช่นนี้ หึ!’
ลูกน้องเขากำลังเร้นกายอยู่ใกล้ ๆ มิเท่ากับว่าเรื่องที่นางสนทนากับซิวเหยาเมื่อครู่นี้ ถูกรายงานให้เขาฟังหมดแล้วกระมัง
“เอ่อ...โหวซื่อจื่อ หากท่านไม่รังเกียจก็นั่งก่อนเถิดเจ้าค่ะ” คิดจะต่อรองผลประโยชน์กับเขา นางก็ต้องเอาอกเอาใจหน่อย
“...” หลวนจิ้นฝานไม่เอ่ยวาจาโต้ตอบ และยังคงยืนนิ่งไม่คิดขยับตัวแม้แต่ชุ่น[1]เดียว
“อ่า...ไม่นั่ง” เช่นนั้นก็ยืนให้เมื่อยขาต่อไปเถิด ขาของเขาหาใช่ขาของนาง
[1] 1 ชุ่น = 1 นิ้ว
“อ่า...ไม่นั่ง” เช่นนั้นก็ยืนให้เมื่อยขาต่อไปเถิด ขาของเขาหาใช่ขาของนาง เหลียงจิ่วเม่ยไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองเผลอเบ้ปากกลอกตามองบนคล้ายหมั่นไส้ออกมาก่อนจะรีบเก็บสีหน้าเมื่อเห็นสายตาดุที่มองมา ชิ้ง! นัยน์ตาคมปราบมองสตรีที่มีท่าทางไม่สำรวม ‘หากสายตาของเขาเป็นมีด ป่านนี้ข้าคงนอนจมกองเลือดไปแล้วกระมัง’ นางคิดพลางนึกภาวนาให้คนของเขารีบกลับมารายงาน นางจะได้เสนอข้อต่อรองที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์แก่เขาเสียที แล้วจะได้รีบเชิญอีกฝ่ายออกจากห้องหอไป ผ่านไปเกือบครึ่งเค่อกว่าหลี่เฉิงจะกลับมา แต่เนื่องจากเป็นห้องหอของโหวซื่อจื่อคนสนิทจึงได้แต่ส่งเสียงบอกที่นอกห้อง ‘ทุกอย่างเรียบร้อย กำแพงไร้หู วางใจได้ขอรับ’ “อืม” เขารับคำลูกน้องก่อนจะหันมามองสตรีที่นั่งคุกเข่าอยู่บนเตียง ชิ้ง! นัยน์ตาคมปราบที่จับจ้องอีกฝ่ายเย็นชาไร้อารมณ์ แต่กลับแฝงกลิ่นอายบางอย่างเอาไว้คล้ายกับว่าหากนางเอ่ยวาจาไม่เข้าหู เขาสามารถดึงดาบออกมาปาดคอนางได้ทันที “ข้าเพียงมีเรื่องอยากจะตกลงกับท่าน” “...” เมื่อเห็นเขาเงียบไม่เอ่ยวาจา
บทนำ ท่ามกลางไอร้อนที่พร่ามัวบุรุษที่นั่งแช่อยู่ในน้ำร้อนเริ่มรู้สึกแปลกไป ในคราแรกเขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะตนแช่น้ำเป็นเวลานานเกินไป จึงเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดร่างกายร้อนวูบวาบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งพยายามคงไว้ซึ่งสติเท่าใดมันยิ่งรางเลือนเท่านั้น แกร๊ก! เสียงประตูห้องเปิดออกก่อนจะที่ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น เนื่องจากระวังตัวอยู่แล้วเขาจึงรีบออกจากถังอาบน้ำก่อนจะรีบคว้าอาภรณ์ตัวในมาคลุมไว้ “อื้อ!” เสียงร้องของสตรีดังขึ้นก่อนจะได้ยินเสียงคนดิ้นพล่านบนเตียงไปมา “นั่นใคร?” เขาตะโกนถามเสียงดังพลางกัดฟันข่มความรู้สึกแปลกประหลาดของตน “อึก! กรอด...” เสียงที่ดังมายังคงมีเพียงเสียงดิ้นและเสียงคล้ายกำลังอดกลั้นบางสิ่งบางอย่าง โหวซื่อจื่อที่สวมใส่อาภรณ์ตัวนอกเรียบร้อยแล้วเดินออกมาหลังฉากกั้นด้วยท่าทางระแวดระวัง “ช่วย...ข้า” สตรีที่นอนดิ้นกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงส่งเสียงบอกด้วยท่าทีอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ “เจ้าเป็นใคร” เขาเ
1 แค่เริ่มต้นก็ผิดแล้ว ผู้อื่นอาจจะคิดว่านางใจกล้าอาจหาญ เอ่ยวาจาต่อรองรับสั่งของฮ่องเต้แต่แท้จริงนางเพียงกลัวตนเองจะทนพิษบาดแผลไม่ไหวแล้วตายกลายเป็นผีเร่ร่อนไปก่อน “โอ๊ย! เจ็บ” มือไม้หนักกันเสียจริง “ท่านหญิงเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ ให้บ่าวตามหมอหรือไม่” เป็นซิวเหยารีบถลันเข้ามาหาก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใยอย่างแท้จริง “ไม่เป็นไร ข้าเพียงเผลอขยับตัวเล็กน้อย” “พวกเขาช่างกล้าลงมือกับท่าน ลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าท่านเป็นเสี้ยนจู่จากแดนเหนือ” แม้ท่านหญิงของนางจะร้ายกาจกับผู้อื่นแต่กับสาวใช้เช่นตน ท่านหญิงมีเมตตามาก “ซิวเหยากำแพงมีหู[1] พูดจาสิ่งใดให้ระวัง ที่นี่ไม่ใช่เป่ยเหลิ่ง” นางห้ามปรามสาวใช้คนสนิทให้ระวังตัว แม้นี่จะเป็นการถูกโบยสองไม้ในรอบที่สองหลังจากทำข้อตกลงกับฮ่องเต้แล้ว แต่นางก็ยังรู้สึกเจ็บปวดเพราะบาดแผลที่หลังเช่นเดิม เนื่อง
ฃ รู้ทั้งรู้ว่าการขัดราชโองการอาจมีโทษถึงตาย แต่ก็ยังสั่งให้บุตรสาวเดินทางมาเมืองหลวงเพื่อจัดการรวบหัวรวบหางคุณชายรองเจียง “แล้วเจ้ามาที่นี่มีอันใด” นางเอ่ยถามบุปผาที่รอบตัวมีแต่หนามพิษ ช่วงหนึ่งเดือนที่ไม่มีคนของเหลียงอ๋องมากวนใจช่างเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขเสียจริง “ท่านอ๋องฝากความมาบอกเจ้าว่า ‘ในเมื่อทำพลาดจนต้องแต่งเข้าจวนโหวแล้ว จงใช้ความเป็นฮูหยินน้อยจวนโหวให้เป็นประโยชน์ หลวนฮูหยินเป็นสหายสนิทของฮองเฮา สานสัมพันธ์เอาไว้ให้ดี อีกไม่นานคงจะได้ใช้งาน” ‘ทำตัวเป็นดั่งมารดาข้าเช่นนี้ คงหมายปองตำแหน่งฮองเฮา หากเหลียงอ๋องก่อกบฏสำเร็จสินะ’ เหลียงจิ่วเม่ยคิด “จงจำไว้ว่าชีวิตเจ้าเป็นของท่านอ๋อง อย่าได้คิดทรยศหรือหักหลังเขา หากไม่อยากมีจุดจบเช่นมารดาของเจ้า” “...” นางไม่ตอบ “หึ!” อีม่านแค่นเสียงในลำคอแล้วมองนางด้วยสายตาเหยียดหยามก่อนจะกลับออกไปทางหน้าต่าง ‘ข้าช่างเป็นนางร้ายที่น่าสงสารที่สุด’ ไม่ว่าจะเลือกทางใดก็ล้วนพบเจอความตาย ‘ชีวิตเจ้าซับซ้อนเช่นนี้ แล้วข้าจะใช้ชีวิตของเจ้าให้ดีได้อย่
“อ่า...ไม่นั่ง” เช่นนั้นก็ยืนให้เมื่อยขาต่อไปเถิด ขาของเขาหาใช่ขาของนาง เหลียงจิ่วเม่ยไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองเผลอเบ้ปากกลอกตามองบนคล้ายหมั่นไส้ออกมาก่อนจะรีบเก็บสีหน้าเมื่อเห็นสายตาดุที่มองมา ชิ้ง! นัยน์ตาคมปราบมองสตรีที่มีท่าทางไม่สำรวม ‘หากสายตาของเขาเป็นมีด ป่านนี้ข้าคงนอนจมกองเลือดไปแล้วกระมัง’ นางคิดพลางนึกภาวนาให้คนของเขารีบกลับมารายงาน นางจะได้เสนอข้อต่อรองที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์แก่เขาเสียที แล้วจะได้รีบเชิญอีกฝ่ายออกจากห้องหอไป ผ่านไปเกือบครึ่งเค่อกว่าหลี่เฉิงจะกลับมา แต่เนื่องจากเป็นห้องหอของโหวซื่อจื่อคนสนิทจึงได้แต่ส่งเสียงบอกที่นอกห้อง ‘ทุกอย่างเรียบร้อย กำแพงไร้หู วางใจได้ขอรับ’ “อืม” เขารับคำลูกน้องก่อนจะหันมามองสตรีที่นั่งคุกเข่าอยู่บนเตียง ชิ้ง! นัยน์ตาคมปราบที่จับจ้องอีกฝ่ายเย็นชาไร้อารมณ์ แต่กลับแฝงกลิ่นอายบางอย่างเอาไว้คล้ายกับว่าหากนางเอ่ยวาจาไม่เข้าหู เขาสามารถดึงดาบออกมาปาดคอนางได้ทันที “ข้าเพียงมีเรื่องอยากจะตกลงกับท่าน” “...” เมื่อเห็นเขาเงียบไม่เอ่ยวาจา
“ช่างเถิด เจ้าอย่าได้สนใจ อ่ะ...ข้าแบ่งให้เจ้า” นางส่งหมั่นโถวในมือให้สาวใช้ “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านหญิง แต่หากท่านกินหมั่นโถวไปก่อน ท่านเขยจะไม่...” “เขาไม่มาเข้าหอหรอกเชื่อข้าเถิด ส่วนของที่อยู่บนโต๊ะพวกนั้นจะไว้ใจได้มากเท่าใดกัน ข้าไม่เอาชีวิตของตนไปเสี่ยงหรอก รีบกินหมั่นโถวเสียเถิด พรุ่งนี้ค่อยมาดูกันว่าจะต้องจัดแจงสิ่งใดบ้าง” “เจ้าค่ะ” ซิวเหยารู้สึกซาบซึ้งยิ่งนักที่ผู้เป็นนายมีใจแบ่งหมั่นโถวให้สาวใช้เช่นตน “ประเดี๋ยวกินหมั่นโถวเสร็จแล้ว เจ้าช่วยเตรียมน้ำให้ข้าเสร็จแล้วค่อยมาช่วยข้าถอดชุดพวกนี้” “เจ้าค่ะ” ยามนี้ซิวเหยารู้สึกสงสารท่านหญิงของตนยิ่งนัก ใครจะคิดว่าชีวิตของเสี้ยนจู่ผู้สูงศักดิ์แท้จริงจะอัปยศอดสูเช่นนี้ อยู่ในจวนอ๋องก็ถูกบิดามองเป็นเพียงเครื่องมือ ยามแต่งเข้าจวนโหวก็ถูกมองข้าม “ขอบคุณที่เจ้าไม่ทิ้งข้านะซิวเหยา” นางสัญญาว่าจะตอบแทนสาวใช้ผู้นี้ให้ดี “โถ่! ท่านหญิงของบ่าว” สาวใช้รู้สึกสงสารผู้เป็นนายจับใจ เมื่อกินหมั่นโถวในมือหมดซิวเหยาก็ไปเตรียมน้ำร้อนให้ท่านหญิงของตนด้ว
ฃ รู้ทั้งรู้ว่าการขัดราชโองการอาจมีโทษถึงตาย แต่ก็ยังสั่งให้บุตรสาวเดินทางมาเมืองหลวงเพื่อจัดการรวบหัวรวบหางคุณชายรองเจียง “แล้วเจ้ามาที่นี่มีอันใด” นางเอ่ยถามบุปผาที่รอบตัวมีแต่หนามพิษ ช่วงหนึ่งเดือนที่ไม่มีคนของเหลียงอ๋องมากวนใจช่างเป็นช่วงเวลาที่สงบสุขเสียจริง “ท่านอ๋องฝากความมาบอกเจ้าว่า ‘ในเมื่อทำพลาดจนต้องแต่งเข้าจวนโหวแล้ว จงใช้ความเป็นฮูหยินน้อยจวนโหวให้เป็นประโยชน์ หลวนฮูหยินเป็นสหายสนิทของฮองเฮา สานสัมพันธ์เอาไว้ให้ดี อีกไม่นานคงจะได้ใช้งาน” ‘ทำตัวเป็นดั่งมารดาข้าเช่นนี้ คงหมายปองตำแหน่งฮองเฮา หากเหลียงอ๋องก่อกบฏสำเร็จสินะ’ เหลียงจิ่วเม่ยคิด “จงจำไว้ว่าชีวิตเจ้าเป็นของท่านอ๋อง อย่าได้คิดทรยศหรือหักหลังเขา หากไม่อยากมีจุดจบเช่นมารดาของเจ้า” “...” นางไม่ตอบ “หึ!” อีม่านแค่นเสียงในลำคอแล้วมองนางด้วยสายตาเหยียดหยามก่อนจะกลับออกไปทางหน้าต่าง ‘ข้าช่างเป็นนางร้ายที่น่าสงสารที่สุด’ ไม่ว่าจะเลือกทางใดก็ล้วนพบเจอความตาย ‘ชีวิตเจ้าซับซ้อนเช่นนี้ แล้วข้าจะใช้ชีวิตของเจ้าให้ดีได้อย่
1 แค่เริ่มต้นก็ผิดแล้ว ผู้อื่นอาจจะคิดว่านางใจกล้าอาจหาญ เอ่ยวาจาต่อรองรับสั่งของฮ่องเต้แต่แท้จริงนางเพียงกลัวตนเองจะทนพิษบาดแผลไม่ไหวแล้วตายกลายเป็นผีเร่ร่อนไปก่อน “โอ๊ย! เจ็บ” มือไม้หนักกันเสียจริง “ท่านหญิงเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ ให้บ่าวตามหมอหรือไม่” เป็นซิวเหยารีบถลันเข้ามาหาก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใยอย่างแท้จริง “ไม่เป็นไร ข้าเพียงเผลอขยับตัวเล็กน้อย” “พวกเขาช่างกล้าลงมือกับท่าน ลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าท่านเป็นเสี้ยนจู่จากแดนเหนือ” แม้ท่านหญิงของนางจะร้ายกาจกับผู้อื่นแต่กับสาวใช้เช่นตน ท่านหญิงมีเมตตามาก “ซิวเหยากำแพงมีหู[1] พูดจาสิ่งใดให้ระวัง ที่นี่ไม่ใช่เป่ยเหลิ่ง” นางห้ามปรามสาวใช้คนสนิทให้ระวังตัว แม้นี่จะเป็นการถูกโบยสองไม้ในรอบที่สองหลังจากทำข้อตกลงกับฮ่องเต้แล้ว แต่นางก็ยังรู้สึกเจ็บปวดเพราะบาดแผลที่หลังเช่นเดิม เนื่อง
บทนำ ท่ามกลางไอร้อนที่พร่ามัวบุรุษที่นั่งแช่อยู่ในน้ำร้อนเริ่มรู้สึกแปลกไป ในคราแรกเขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะตนแช่น้ำเป็นเวลานานเกินไป จึงเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดร่างกายร้อนวูบวาบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งพยายามคงไว้ซึ่งสติเท่าใดมันยิ่งรางเลือนเท่านั้น แกร๊ก! เสียงประตูห้องเปิดออกก่อนจะที่ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น เนื่องจากระวังตัวอยู่แล้วเขาจึงรีบออกจากถังอาบน้ำก่อนจะรีบคว้าอาภรณ์ตัวในมาคลุมไว้ “อื้อ!” เสียงร้องของสตรีดังขึ้นก่อนจะได้ยินเสียงคนดิ้นพล่านบนเตียงไปมา “นั่นใคร?” เขาตะโกนถามเสียงดังพลางกัดฟันข่มความรู้สึกแปลกประหลาดของตน “อึก! กรอด...” เสียงที่ดังมายังคงมีเพียงเสียงดิ้นและเสียงคล้ายกำลังอดกลั้นบางสิ่งบางอย่าง โหวซื่อจื่อที่สวมใส่อาภรณ์ตัวนอกเรียบร้อยแล้วเดินออกมาหลังฉากกั้นด้วยท่าทางระแวดระวัง “ช่วย...ข้า” สตรีที่นอนดิ้นกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงส่งเสียงบอกด้วยท่าทีอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ “เจ้าเป็นใคร” เขาเ