ในชีวิตของเหลียงจิ่วเม่ย แม้จะมีชะตาชีวิตที่ไม่ค่อยราบรื่นแต่ทว่ายังคงมีคนที่รักและจริงใจกับนางอย่างแท้จริง ซึ่งซิวเหยาคือคนผู้นั้น
วันต่อมาซิวเหยาที่บอกว่าจะไปยกสำรับมาให้นาง วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาผู้เป็นนาย
“เอ้า! จิบชาให้หายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยเอ่ย” นางรินชาใส่จอกแล้วส่งให้สาวใช้
“ขอบ...คุณเจ้า...ค่ะ” สาวใช้คนสนิทของนางหอบเหนื่อยอย่างหนักบ่งบอกว่าอีกฝ่ายคงวิ่งมาอย่างรีบร้อน
“เมื่อดีขึ้นแล้วก็ค่อยกล่าวมา”
“คือว่า แฮ่ก ๆ กบฏถูกปราบเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูท่านเป็นอิสระแล้ว” ซิวเหยากล่าวพลางหอบเหนื่อย หลายปีที่คุณหนูถูกบิดาควบคุมจบสิ้นกันเสียที<
“เขา...อาการไม่ค่อยสู้ดีใช่หรือไม่ เจ้ามาพยุงข้า ข้าจะไปดูเขา” น้ำเสียงของเหลียงจิ่วเม่ยสั่นเครือเล็กน้อย “เจ้าค่ะคุณหนู” สาวใช้คนสนิทตอบรับพลางนึกขอโทษผู้เป็นนายในใจ ภายในห้องอีกฝั่งของจวนแห่งนี้ บุรุษที่เหลียงจิ่วเม่ยห่วงใย บัดนี้กำลังนั่งฟังท่านลูกน้องคนสนิทรายงานถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง “ยามนี้คุณชายฮุ่ยและคุณชายรองเจียงเดินทางถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ” “เช่นนั้นวันนี้พวกเขาคงเข้าเฝ้าฮ่องเต้” “...” หลี่เฉิงนิ่งฟังคำสั่ง “หลี่ช่านเป็นอย่างไรบ้าง” เพราะถูกลงโทษเนื่องจากไม่อาจปกป้องฮูหยินขอ
ในขณะที่มือขวาของเหลียงอ๋องกำลังเอ่ยวาจาต่อรองอยู่นั้น สตรีที่ถูกดาบพาดคออยู่นั้นก็ส่งสายตาบ่งบอกความนัยบางอย่างให้ผู้เป็นสามีในนาม “กล่าวเช่นนี้ มิแคล้วต้องลองเสี่ยงดูกระมัง” เจียงเซวียน กล่าวพลางยกผ้าขึ้นมาเช็ดดาบด้วยท่าทีสบาย ๆ “แต่เจ้าลืมคิดไปหรือไม่ว่าหากพวกเราไม่ยอมรับข้อเสนอ อย่างไรเจ้าก็ต้องตายอยู่ดีเพราะไม่อาจฝ่าวงล้อมออกไปได้ ครอบครัวเจ้าที่อยู่เป่ยเหลิ่งก็คงไม่รอดเช่นกัน” ฮุ่ยหลานซีเอ่ยบอก ‘ข้าพร้อมแล้ว’ หลวนจิ้นฝานส่งสายตาบอกฮูหยินของตน ‘ลงมือ’ เมื่อส่งสายตาตอบกลับเสร็จ เหลียงจิ่วเม่ยก็ออกแรงผลักดาบให้ออกห่างจากตัว ก่อนจะทรุดกายนั่งบนพื้นเปิดโอกาสให้หลวนจิ้นฝานยกธนูมายิงเข้าบริเวณคอของอีกฝ่าย เมื่อเห็นจูนเซียนล้มลง เขาก็รีบพุ่งตัวเข้าไปห
ดูแล้วสมรสพระราชทานสำหรับผู้ตรวจการหลวนผู้นี้ คงได้ช่วยสานวาสนาให้คนสองคนผูกจิตผูกใจรักใคร่ลึกซึ้งแล้วกระมัง เหลียงจิ่วเม่ยปรายตามองหมั่นโถวตรงหน้าด้วยแววตาเฉยเมยก่อนจะนั่งนิ่งไม่ขยับตัว “จะกินหรือไม่ก็ตามใจเจ้า” อีม่านบอกอย่างไม่สนใจ “เป็นเจ้ามิใช่หรือที่บอกว่าข้าเป็นบุตรสาวที่ท่านพ่อรักดุจแก้วตาดวงใจ แล้วเหตุใดเสี้ยนจู่ผู้สูงศักดิ์เช่นข้าถึงได้กินแค่หมั่นโถวแข็ง ๆ เช่นนี้” “เจ้าฝันอยู่หรืออย่างไร บุตรสาวที่เกิดจากสตรีที่เป็นเพียงเบี้ยหมากให้ท่านอ๋องใช้สอยมีหรือจะสำคัญ” “แต่ก็เป็น
17 ปกป้องด้วยชีวิต (3) ด้านเหลียงจิ่วเม่ยยามนี้ถูกจับมัดมือมัดเท้านอนกลิ้งไปมาบนพื้นรถม้า แม้นางจะตื่นแล้วแต่ทว่ายังคงแสร้งหลับเพื่อฟังบทสนทนาของคนทั้งสอง “เจ้าคิดว่าแผนนี้มันจะได้ผลหรือ” “ในสายตาคนเป่ยเหลิ่งยังเข้าใจว่าฮ่องเต้สุนัขทำผิดต่อท่านอ๋อง ดังนั้นหากเราจับนางไปเป็นหุ่นเชิด ยืนยันความมั่นใจว่าท่านอ๋องถูกสังหารเพราะพาคนไปช่วยพระชายาที่ถูกจับเป็นตัวประกันที่เมืองหลวง ชาวเป่ยเหลิ่งย่อมไม่พอใจและต้องร่วมมือกับพวกเราแก้แค้นให้กับท่านอ๋อง” ‘ชั่วช้ายิ่งนัก’ “แล้วคนของเราที่เหลือรอดทั้งหมดเจ้าส่งข่าวให้พวกเขาไปรวมตัวกันที่เมืองหานเหลิ่งแล้วใช่หรือไม่” “อืม ยามนี้พวกเขาน่าจะรอเราอยู่ที่เมืองหานเหลิ่งแล้ว” “นอกจากพวกเราต้องสังหารฮ่องเต้สุนัขและลูกของมันให้ได้ เราต้องยังทำให้ซีหนานที่หักหลังเราไร้ความสงบ” อีม่านรู้สึกโกรธแค้นยิ่งนัก หากพวกมันไม่หันคบดาบหักห
“ช่วงนี้เจ้าอย่าเพิ่งออกไปไหนมาไหนเลย แม้เหลียงอ๋องจะถูกจัดการแล้ว แต่ได้ยินว่าสตรีที่อยู่ข้างกายของเหลียงอ๋องหายไป เกรงว่ากำลังหลบหนีอยู่ เพื่อความปลอดภัยของเจ้า พี่ชายสามว่าเจ้าอย่าเพิ่งออกไปไหนมาไหนดีกว่า” “อีม่านนางรอดไปได้หรือเจ้าคะ” “อืม นอกจากสตรีผู้นั้นแล้วก็ไม่พบมือขวาของเหลียงอ๋อง” “อ่า...คนที่รอดไปได้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ” สองคนนั้นเป็นคนสนิทที่จงรักภักดีกับเหลียงอ๋อง “อืม...ยามนี้ทหารของฉินต้าหวงกำลังไล่ตามจับอยู่” “หากสองคนนี้หนีรอดไปได้ ข้าว่าพวกเขาต้องไปปลุกระดมคนให้ออกมาต่อสู้เพื่อแก้แค้นให้เหลียงอ๋องเป็นแน่” 
ในชีวิตของเหลียงจิ่วเม่ย แม้จะมีชะตาชีวิตที่ไม่ค่อยราบรื่นแต่ทว่ายังคงมีคนที่รักและจริงใจกับนางอย่างแท้จริง ซึ่งซิวเหยาคือคนผู้นั้น วันต่อมาซิวเหยาที่บอกว่าจะไปยกสำรับมาให้นาง วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาผู้เป็นนาย “เอ้า! จิบชาให้หายเหนื่อยก่อนแล้วค่อยเอ่ย” นางรินชาใส่จอกแล้วส่งให้สาวใช้ “ขอบ...คุณเจ้า...ค่ะ” สาวใช้คนสนิทของนางหอบเหนื่อยอย่างหนักบ่งบอกว่าอีกฝ่ายคงวิ่งมาอย่างรีบร้อน “เมื่อดีขึ้นแล้วก็ค่อยกล่าวมา” “คือว่า แฮ่ก ๆ กบฏถูกปราบเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูท่านเป็นอิสระแล้ว” ซิวเหยากล่าวพลางหอบเหนื่อย หลายปีที่คุณหนูถูกบิดาควบคุมจบสิ้นกันเสียที