“คุณทิ ป้ายใหม่สวยเชียวนะคะเนี่ย”
เสียงเอ่ยทักจากเลขาสาวของเจ้าของบริษัทเอ่ยทักทายในตอนสายของวันหลังจากที่เธอเพิ่งเดินผ่านมาแถวแผนกไอทีและเห็นป้ายประจำตำแหน่งป้ายใหม่ของเขาซึ่งฝ่ายบุคคลเพิ่งนำมาเปลี่ยนให้เมื่อเช้านี้
“ขอบคุณครับ” ทิพากรตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม ในตอนที่หญิงสาวกำลังจะเดินผ่านโต๊ะทำงานเขาไป หัวหน้าแผนกไอทีก็เอ่ยรั้งเธอไว้ด้วยคำถามที่อยากรู้คำตอบมาตลอดสองสัปดาห์นี้
“คะ?”
“เอ่อ...ช่วงนี้คุณกานต์ไม่เข้าออฟฟิศหรือครับ ผมไม่เห็นเลย” ทิพากรตัดสินใจถามออกไปในที่สุด
“เข้านะคะ แต่ช่วงนี้คุณกานต์อยู่ออฟฟิศอีกบริษัทหนึ่งที่ชั้นบนมากกว่าค่ะ คุณทิมีอะไรหรือเปล่าคะ ฝากเกลแจ้งคุณกานต์ได้นะคะ ช่วงบ่ายเกลต้องเอาแฟ้มด่วนของพี่อุ้มบัญชีขึ้นไปให้คุณกานต์เซ็นพอดี นี่ก็เร่งพี่อุ้มอยู่กลัวทำเอกสารไม่ทัน”
“ไม่เป็นไรครับ ของผมไม่ด่วนขนาดนั้น”
ตลอดสองเดือนที่เข้ามาทำงานภายใต้บริษัทของคุณกานต์ ทิพากรแทบไม่เห็นหน้าเห็นตาอีกฝ่ายเลย หากไม่นับประชุมงานก็อาจจะเรียกได้ว่าระหว่างเขาทั้งคู่ไม่มีการสื่อสารใดอีกเลย
แม้ว่าแบบนี้จะเป็นเรื่องที่มันควรจะเป็นอยู่แล้วสำหรับความสัมพันธ์ของเขากับคุณกานต์ แต่ทิพากรรู้ดีว่าตัวเขาเองมีความรู้สึกผิดหวังทุกครั้งที่เมื่อมองไปยังประตูห้องกระจกฝ้าห้องทำงานส่วนตัวของเจ้าของบริษัท แล้วไม่เห็นอะไรนอกจากความว่างเปล่า เงียบงัน และประตูที่ปิดสนิท
การรอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการหวังให้กระทงลอยทวงกระแสน้ำกลับมาสู่มือผู้ที่ปล่อยมันลงน้ำ
หัวหน้าแผนกไอทีลอบถอนหายใจก่อนจะหันกลับมาตั้งใจทำหน้าที่ของตนให้คุ้มกับเงินเดือนสูงลิ่วหากเทียบกับบริษัทเก่าที่เขาเคยทำงานด้วย แถมมีสวัสดิการดีเยี่ยมอีก ทิพากรทำงานที่กองอยู่ตรงหน้าจนลืมเรื่องของอติกานต์ไปได้พักใหญ่ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เข้าสู่เวลาพักเที่ยงแล้ว
รุ่นน้องมหาวิทยาลัยซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นลูกน้องในแผนกเขาเอ่ยชวนให้ลงไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน ตอนนั้นเองที่หัวหน้าแผนกไอทีอย่างทิพากรได้เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอที่เต็มไปด้วยตัวอักษรและตัวเลขยุ่งเหยิงเกินกว่าที่หลายคนจะเข้าใจได้
ยังไม่ทันที่ทิพากรจะตอบรับหรือปฏิเสธคำชวนนั้น เลขาสาวของอติกานต์ที่หอบแฟ้มเอกสารกองใหญ่ไว้ในอ้อมแขนก็เอ่ยเรียกเขาเอาไว้เสียก่อน ทิพากรจึงหันไปบอกรุ่นน้องในแผนกให้ลงไปหาอะไรกินกันก่อนแล้วตนจะตามลงไปสมทบ
“คุณทิ พร้อมไหมคะ ขึ้นไปพร้อมเกลเลย คุณกานต์เพิ่งว่างเซ็นเอกสาร เรารีบขึ้นไปตอนนี้รับรองเซ็นไวจบไวแน่นอนค่ะ”
“ค...ครับ? อะไรนะครับคุณเกล”
ทิพากรลุกเดินเข้าไปรับแฟ้มเอกสารกว่าครึ่งที่เลขาสาวหอบอุ้มไว้แนบอกมาช่วยถือ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความตกใจและสงสัยกับสิ่งที่เธอเพิ่งเอ่ยบอก
“ก็คุณทิมีเรื่องต้องแจ้งคุณกานต์ไม่ใช่เหรอคะ นี่เกลแจ้งคุณกานต์ให้แล้ว คุณกานต์เลยบอกว่าขึ้นไปคุยตอนนี้ได้เลยค่ะ คุณกานต์พอจะมีเวลาให้คุยได้อยู่” เธออธิบายพร้อมกับก้าวเดินนำทิพากรไปยังลิฟต์ไปด้วย
“เดี๋ยวนะครับ คุณเกลแจ้งคุณกานต์ไปแล้วเหรอครับ”
ทิพากรทำอะไรไม่ได้เมื่อเธอเอ่ยตอบยืนยันคำถามเขา ในที่สุดทิพากรก็ตระหนักได้ว่าตัวเขาเข้ามายืนในลิฟท์ที่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นไปยังชั้น 37 เวลาเพียงน้อยนิดนั้นไม่เพียงพอให้ทิพากรคิดอะไรได้ทันเลยสักอย่าง เพียงเสี้ยวนาทีเขาก็เดินหอบแฟ้มเอกสารกองโตตามหลังเลขาสาวตัวเล็กเข้ามายังชั้น 37 เดินผ่านสำนักงานของบริษัทเล็ก ๆ รายอื่น ๆ ที่เข้ามาเช่าพื้นที่ในชั้นนี้ จนกระทั่งเดินตรงมาจนสุดทางเดินก็พบกับโค้งประตูไม้ลงสีดำสนิทซึ่งด้านบนมีป้ายตัวอักษรสีทองวินเทจนูนขึ้นมาตามแนวโค้งว่า
AK Studio
หญิงสาวร่างเล็กใช้ไหล่ของเธอดันประตูทึบนั้นเข้าไปอย่างเคยชิน เมื่อเข้ามาด้านในก็พบกับเคาน์เตอร์แผนกต้อนรับซึ่งไร้พนักงาน ไร้ของตกแต่ง แม้แต่คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์สำนักงานก็ไม่มีให้เห็น ราวกับว่าเคาน์เตอร์ตรงนี้ไม่เคยถูกใช้งานจริงมาก่อน
ทิพากรยังคงเดินตามหลังหญิงสาวเลี้ยวไปตามทางเดินไม่กว้างนักซึ่งพาพวกเขาลึกเข้าไปด้านใน การตกแต่งภายในนี้ช่างคุ้นตาทิพากรเหลือเกิน เพียงแต่เขานึกไม่ออกว่าเคยเห็นการตกแต่งแบบนี้ที่ไหน หรือบางทีเขาอาจเคยเห็นตามนิตยสารก็เป็นได้
ในที่สุดเลขาสาวก็ผลักประตูกระจกติดฟิล์มดำนำทิพากรเข้าไปในห้อง ซึ่งภาพตรงหน้าของทิพากรทำเอาขาเรียวหยุดยืนนิ่งมองดูชายหนุ่มร่างสูงสง่า ใบหน้าคุ้นเคยที่ไม่ได้พบเจอมาหลายวันกำลังยืนคร่อมหญิงสาวร่างเพรียวบางในชุดชั้นในลูกไม้สุดเซ็กซี่พร้อมกล้องถ่ายรูปในมือซึ่งกำลังกดชัตเตอร์ถ่ายรูปเธอรัว ๆ จากมุมสูง
อติกานต์ยังคงสวมกางเกงสแล็กที่สั่งตัดพิเศษเพื่อให้เข้ากับรูปร่าง และยังคงสวมเสื้อเชิ้ตตามแบบที่ทิพากรและพนักงานคนอื่น ๆ ที่ชั้น 32 และ 33 เห็นจนชินตา เพียงแต่ตอนนี้กระดุมที่ข้อมือถูกปลดออกและแขนเสื้อที่รีดมาจนเนี้ยบถูกถกขึ้นไปกองไว้ที่เหนือข้อศอกทั้งสองข้าง ผมที่เซตมาอย่างดีตอนนี้มีบางช่อตกลงมาปรกใบหน้าหล่อเหลา หากแต่นั่นยิ่งทำให้อติกานต์ดูน่ามองยิ่งขึ้นไปอีก
“คุณทิ!”
เสียงเรียกจากเลขาสาวเรียกให้ทิพากรออกมาจากภวังค์ของตัวเอง และดูเหมือนว่าช่างภาพหนุ่มที่ถูกจับจ้องด้วยสายตาของเขาอยู่นานเมื่อสักครู่จะรู้ตัวแล้วเช่นกันจากเสียงเรียกนั้น
อติกานต์ละสายตาขึ้นจากเลนส์กล้องหันมามองเจ้าของชื่อที่ถูกเรียก วินาทีนั้นทิพากรถึงได้เพิ่งเห็นว่าไม่ใช่เพียงกระดุมที่ปลายแขนเสื้อเท่านั้นที่อติกานต์ปลดออก กระดุมหลายเม็ดที่ด้านหน้าเสื้อเชิ้ตก็ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระเช่นเดียวกัน
แผงอกที่โผล่พ้นรอยแยกเสื้อเชิ้ตของเจ้านายหนุ่มทำให้งานในหัวที่ทิพากรพยายามหามาใช้เป็นเหตุผลในการขึ้นมาพบผู้บริหารตามที่เพื่อนเลขาสาวผู้หวังดีได้แจ้งกับชายหนุ่มซึ่งถือกล้องตัวใหญ่และกำลังเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ให้เขาก่อนหน้านี้ด้วยความเข้าใจผิดหาไปหมดเกลี้ยง
อติกานต์เดินมาหยุดยืนตรงหน้าทิพากร เขาหันไปขอบคุณเลขาตัวเองก่อนจะเอ่ยอนุญาตให้เธอลงไปพักกลางวัน ส่วนหัวหน้าแผนกไอจีที่ยังคงยืนนิ่งหอบแฟ้มเอกสารไว้แนบอกนั่น...
“คุณหิวหรือยัง คุณทานข้าวกล่องตรงนั้นรอก่อน ผมถ่ายเซตนี้ใกล้เสร็จแล้ว ไว้เราค่อยคุยงานกัน”
อติกานต์พูดเพียงแค่นั้นชายหนุ่มก็เดินกลับไปยังหน้าเซตซึ่งนางแบบสาวยังคงนอนค้างท่าสุดเซ็กซี่รออยู่ที่เดิม ทิพากรได้แต่ยิ้มแห้งให้เลขาสาวที่ส่งยิ้มสดใสตอบกลับมาให้พร้อมพูดให้กำลังใจในการคุยงานก่อนจะเดินออกไปไม่สนใจเขาอีก
ให้ตายเถอะ เขามีเรื่องจะคุยกับคุณกานต์เมื่อไหร่กัน
เขาแค่ถามคุณเกลไปเพียงเพราะความสงสัยอยากรู้โง่ ๆ ของเขาเท่านั้น ไม่คิดว่าคนฟังจะเข้าใจผิดตีความว่าเขามีเรื่องด่วนที่ต้องคุยงานกับเจ้าของบริษัทไปได้ยังไง
ทิพากรนั่งมองข้าวกล่องตรงหน้าสลับกับช่างภาพและนางแบบรวมถึงทีมงานอีกสองสามคนที่หน้าเซตอยู่พักใหญ่ก็ยังไม่มีวี่แววใกล้เคียงกับคำว่าใกล้เสร็จของคุณกานต์ที่พูดกับเขาก่อนหน้านี้เลยสักนิด สุดท้ายความหิวก็ชนะความเกรงใจ ทิพากรเปิดกล่องข้าวค่อย ๆ นั่งกินเงียบ ๆ ที่ชุดโซฟารับแขก จนกระทั่งกินจนหมดกลุ่มคนที่ยังคงทำงานอยู่อีกฝั่งห้องก็ยังคงไม่เดินมาหยิบกล่องข้าวกล่องอื่น ๆ ไปกินเลยแม้แต่คนเดียว รวมถึงคุณกานต์ด้วยเช่นกัน
จนกระทั่งตัวเลขบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าเกือบเข้าบ่ายสองแล้วทิพากรถึงได้เห็นอติกานต์ถอดกล้องตัวใหญ่ที่คล้องคอไว้ออกวางลงที่โต๊ะสูงหน้าฉากถ่ายแบบแล้วเดินเข้ามาทิ้งตัวลงข้างเขาบนโซฟาพร้อมคิ้วเข้มที่ขมวดมุ่นใบหน้าดูเคร่งเครียดยุ่งเหยิง
“เอ่อ...คุณกานต์ หน้าเซตมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
เห็นอีกฝ่ายทิ้งตัวพิงพนักโซฟาทั้งยังหลับตาเหมือนข่มอะไรบางอย่างไว้ในใจทิพากรก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะอยู่ในบริเวณเดียวกันมาโดยตลอด ห้องนี้ก็ไม่ได้กว้างขวางมากนัก ทิพากรจึงพอจะเดาได้ว่าเมื่อสักครู่ที่หน้าเซตถ่ายแบบต้องมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ
อติกานต์ถอนหายใจยาว ดวงตาคมลืมขึ้นมามองคนถาม ก่อนที่ร่างสูงจะหยัดตัวขึ้นนั่งหลังตรงสง่าด้วยมาดผู้บริหารหนุ่มที่เห็นอยู่เป็นประจำอีกครั้ง
“ขอโทษที่ให้รอนาน คุณว่าเรื่องงานของคุณมาได้เลยครับ”
อติกานต์หันมายิ้มบางให้ทิพากร เขาเอ่ยถามถึงธุระที่เลขาสาวได้แจ้งมาตั้งแต่ก่อนเที่ยงว่าหัวหน้าแผนกไอจีมีเรื่องอยากขอคุยด้วย เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้อติกานต์จึงหยิบเอาปากกาที่เลขาสาววางไว้ให้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาอย่างรู้งานขึ้นมา พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มเอกสารอันที่วางใกล้ที่สุดมาเปิดดู
ตวัดปลายปากกาเซ็นชื่อบนเอกสารได้ไม่กี่แผ่น ฝ่ามือเรียวเย็นเฉียบจากอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศในห้องนี้ก็แตะลงที่ท่อนแขนข้างที่จับปากกาเบา ๆ
“คุณกานต์ทานข้าวก่อนไหมครับ”
อติกานต์มองใบหน้าขาวนวลของคนที่นั่งอยู่ข้างกาย ก่อนที่จะละสายตาจากเอกสารขึ้นมามองตามอีกฝ่าย ที่เมื่อเห็นเขาหยุดมือในการเซ็นเอกสารก็ลุกไปหยิบข้าวกล่องมายื่นให้ อติกานต์ไม่ได้พูดอะไร เขาตอบรับความหวังดีของพนักงานคนเก่งของเขาด้วยการวางแฟ้มเอกสารลงแล้วรับข้าวกล่องมาเปิดกินเงียบ ๆ
อติกานต์ไม่คิดว่าบรรยากาศอบอุ่นผ่อนคลายที่เขาเคยได้รับจากคนข้าง ๆ ตอนที่เขาและทิพากรยังออกเดตกันจะกลับมาให้เขาได้สัมผัสอีกในตอนนี้ ตอนที่ใจเขากำลังขุ่นมัวด้วยปัญหาของงานที่ไม่เป็นไปตามที่วางไว้
ความจริงการทำสตูดิโอถ่ายรูปนี้เป็นเพียงอีกหนึ่งงานอดิเรกที่เขาบังเอิญทำได้ดีเลยตั้งสตูดิโอนี้ขึ้นมาเพื่อใช้ความชอบนี้ในการพักสมองจากงานบริหารหนัก ๆ เขาไม่ได้รับงานถ่ายเยอะ เพราะยังคงตั้งใจให้เป็นงานอดิเรกเท่านั้น ไม่อยากให้กระทบงานที่บริษัท แต่เพราะนายแบบนางแบบที่ลูกค้าเจาะจงมารอบนี้เบี้ยวนัดเขาหลายรอบจนสุดท้ายต้องมาเบียดเบียนเวลางานหลักของเขา ทั้งอาทิตย์นี้เขาถึงได้อยู่ในอารมณ์ที่พร้อมจับใครสักคนทุ่มลงพื้นแทบจะตลอดเวลา
เพิ่งจะมีแค่ช่วงเวลาตอนนี้ที่อติกานต์รู้สึกว่าใจได้ผ่อนคลายลงได้บ้างเพียงแค่ได้ยินเสียงนุ่ม ๆ ของหัวหน้าแผนกไอทีของเขา
แต่ตอนนี้สัจธรรมของโลกกำลังทำให้อารมณ์ที่เย็นลงของเขากำลังพุ่งสูงขึ้นมาอีก เมื่อหนึ่งในทีมงานสตูดิโอของเขาเข้ามารายงานว่านายแบบกิตติมศักดิ์ที่ลูกค้ารักนักรักหนาเบี้ยวงานอีกตามเคย พร้อมข้ออ้างโง่ ๆ ที่บอกว่าปวดท้องจนมาถ่ายไม่ไหว ทั้งที่เมื่อคืนไดจิเพิ่งโทรมาอวดว่านายแบบหนุ่มน้อยดาวรุ่งเพิ่งแวะไปวาดลวดลายที่บาร์ เรียกลูกค้าหนุ่ม ๆ เข้าบาร์คับคั่ง จนเจ้าของบาร์นั่งยิ้มหน้าบานกับยอดขายจนต้องโทรมาอวดใส่เพื่อนสนิทแบบเขา
“ไม่มาก็ไม่ถ่ายแล้ว แม่งเอ๊ย คิดว่าฉันจะง้อหรือไง ฉันไม่ได้ร้อนเงินขนาดจะง้อลูกค้าหรอกนะ ที่มาทำก็แค่เพราะชอบเท่านั้น ถ้าเรื่องมากนักก็หานายแบบใหม่”
“แต่คุณกานต์ครับ จะหานายแบบใหม่ตอนนี้ก็ยาก แล้วยิ่งถ้าต้องหาคนที่คล้ายกันอีก หาไม่ทันหรอกครับ”
“ฉันไม่ได้จะย้อมแมวขายใคร เปลี่ยนคนใหม่ก็คือเปลี่ยนใหม่ ไม่ต้องไปสนหรอกว่าจะคล้ายไหม ถ้ามีปัญหาอะไรเดี๋ยวฉันเคลียร์กับลูกค้าเอง ค่าปรับไม่กี่แสนจะกลัวอะไร” อติกานต์วางช้อนลง หมดอารมณ์จะกินต่อ
ทิพากรนั่งฟังบทสนทนาดุเดือดของคนข้างกายกับทีมงานสตูดิโออยู่เงียบ ๆ จนพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ยิ่งเห็นใบหน้าเคร่งขรึมที่น่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ คนที่ไม่ชอบเห็นผู้อื่นเป็นทุกข์อย่างทิพากรจึงเอ่ยคำที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ตกใจเมื่อเอ่ยออกไป
“ถ้าผมพอช่วยได้และคุณกานต์อนุญาต...ผมเป็นแบบให้ถ่ายเฉพาะส่วนไปก่อนได้นะครับ”
ภายในเพนต์เฮาส์สุดหรูชั้นบนสุดของตึกสูงระฟ้า บรรยากาศเงียบสงัดเมื่อแม่บ้านเก่าแก่ถูกขอให้ลงไปที่ชั้นล่างก่อนถึงเวลาพัก ชายหนุ่มผิวขาวก้าวเท้าเปลือยเปล่าลงมานั่งคุกเข่ารอเจ้าของบ้านอยู่ที่หน้าลิฟต์ทิพากรสวมชุดนอนสายเดี่ยวสั้นสีขาวสะอาด เช่นเดียวกับถุงน่องตาข่ายที่สวมขึ้นมาถึงต้นขา ชั้นในเล็กจิ๋วเนื้อบางทำหน้าที่โอบอุ้มส่วนอ่อนไหวเอาไว้ราวกับขนนกบนรังที่รายล้อมไข่ใบเล็กของแม่นกอย่างนุ่มนวลมือเรียวสวยสวมถุงมือโปร่งสีขาวแต่งระบายลูกไม้และโบเล็ก ๆ น่าทะนุถนอม ที่คอยังใส่ปลอกคอกระดิ่งเสียงใส รอคอยให้เจ้านายกลับมาใส่สายจูง ได้จิมอบชุดนี้ให้เขาในตอนที่ขับรถมาส่งเขาที่นี่ ก่อนที่จะขับจากไป ทิพากรก้มมองของอีกสองอย่างที่มาพร้อมกับชุดซึ่งเขายังไม่ได้สวมใส่ให้ครบบัตต์ปลั๊กหางกลมขนฟูนิ่มสีขาว เหมือนของบันนี่เพื่อนที่ชวนเขาไปงานปาร์ตี้ไม่ผิดเพี้ยน มันมาคู่กับคาดผมหูกระต่ายเข้าคู่กัน ทิพากรเขินตัวเองเล็กน้อยเมื่อต้องสวมคาดผมหูกระต่ายนี้ไว้บนหัว มือเล็กจับปลายหางนุ่มฟูอ้อมไปจ่อไว้ที่ช่องทางด้านหลัง ก่อนที่เขาจะเดินมานั่งรอที่ตรงนี้เขาได้ทำความสะอาดและหล่อลื่นช่อ
ทิพากรลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่พบใครอยู่ในห้องแล้ว บนโซฟาตัวยาวหน้าห้องมีเสื้อผ้าชุดใหม่พับวางเอาไว้ให้ เขาลุกขึ้นเดินไปหยิบมาเปลี่ยน ไซซ์พอดีจนน่าเหลือเชื่อ ดวงตากลมมองสำรวจไปรอบห้อง ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับอติกานต์เมื่อคืนก็พานให้ใจสั่นไหว ไม่รู้ทำไมความสัมพันธ์เขาถึงเดินมาถึงจุดนี้ได้ขณะที่กำลังจะหันหลังเดินออกไปจากห้องนี้ สายตาก็เหลือบไปเห็นซองกระดาษสีแดงที่ข้างหมอน เขาจำได้ว่าอติกานต์เป็นคนวางซองนี้เอาไว้ก่อนที่จะเดินจากเขาไป ทิพากรหยิบมันขึ้นมาดู ทำใจอยู่สักพักจึงเปิดซองดึงการ์ดขึ้นมาอ่านสายตาไล่ไปตามตัวอักษรทีละบรรทัด แล้วความจริงก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น ใจของคนอ่านเต้นแรงเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เขาฟูมฟายไปเป็นอาทิตย์ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เขาปรุงแต่งขึ้นมาเอง ตัดสินอีกฝ่ายโดยที่ไม่ซักถามความสงสัย“คุณทิ ตื่นแล้วเหรอ” เสียงเรียกจากด้านหลังเรียกให้ทิพากรหันไปดูชายหนุ่มร่างสูงเพรียวที่เขาเคยเห็นก่อนจะหลับไปปรากฏขึ้นที่ประตูหน้าห้อง ทิพากรเคยเห็นเขาคนนี้มาก่อนหน้านี้แล้วกับอติกานต์ที่ร้านประจำของเขาเมื่อนานมาแล้ว แต่ไม่ร
ร่างสูงเพรียวยืนพิงหลังกับผนังหน้าประตูห้องรับรองของลูกค้า VIP ข้างกายมีเด็กหนุ่มผิวสีแทนสวมเพียงกางเกงชั้นในหนังสีน้ำตาลนั่งหมอบอยู่แทบเท้า ที่คอมีปลอกคอหนังสีเดียวกับชั้นในสวมใส่อยู่ซึ่งมันถูกโซ่สีเงินวาวคล้องเอาไว้ โดยที่ปลายของมันอยู่ในมือของคนที่ยืนมองบานประตูด้วยใบหน้าเคร่งเครียดสุนัขหนุ่มคลอเคลียใบหน้ากับหน้าแข้งเรียวภายใต้กางเกงเนื้อผ้านิ่มราคาแพงของเจ้าของบาร์แห่งนี้อย่างเอาใจ เมื่อได้ยินเสียงเจ้านายถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้ง เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วที่เจ้านายของเขายืนมองบานประตูฟังเสียงร้องครวญครางที่เขาเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่า คนด้านในกำลังสุขสมหรือเจ็บปวดไดจิยืนกอดอกครุ่นคิดว่าจะเอาอย่างไรดีกับดวงใจของเพื่อนสนิทที่เจ้าตัวละทิ้งไว้ในห้องรับรองภายในบาร์ตนเอง ก้มมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ นานแล้วที่อติกานต์เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงประโยคสั้น ๆ กับเขาแค่ว่า…“ฝากดูแลทิด้วย เขาอยากได้อะไรก็หาให้ด้วย ค่าใช้จ่ายมาคิดที่กู”ไดจิคลายมือออกลดมือลงไปลูบหัวสุนัขตัวโปรด จากนั้นจึงกระตุกโซ่จูงหนึ่งครั้งก่อนจะก้าวขาเดินไปยังบานประตู
ภาพเบื้องหน้าของผู้ต้องหาคือฉากเซ็กซ์อันเร่าร้อนของกระต่ายน้อยกับเหยี่ยวหนุ่ม ซึ่งกำลังใช้เข็มขัดฟาดลงที่ก้นงอนงามหลายต่อหลายทีอยู่ที่กลางเวทียกสูง ช่างดูสวยงามและกระตุ้นอารมณ์ของผู้คนภายในงานเป็นอย่างยิ่งหากทิพากรได้เป็นผู้ชมอยู่ในปาร์ตี้ข้างล่าง เขาก็คงอยู่ในอารมณ์ไม่ต่างจากผู้คนมากมายที่รายล้อมเวทีกลมนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรจากนักโทษที่กำลังจะถูกตัดสินเสียงโซ่ดังทุกครั้งที่ร่างกายเขาไหวสะท้านกับแส้หนังที่อติกานต์ฟาดลงมาทั่วทั้งตัว มันไม่ได้เจ็บมาก แต่เมื่อโดนฟาดซ้ำที่เดิมอยู่บ่อยครั้งก็ทิ้งความแสบร้อนและรอยแดงที่ผิวได้เช่นกัน น้ำลายสายเล็กไหลย้อยออกมาจากช่องว่างระหว่างลูกบอลที่ปิดปากเขาไว้ หยดลงที่พื้นพรมสีแดงเบอร์กันดีนุ่มเท้าจนขึ้นเป็นวงสีเข้มทุกครั้งที่เส้นหนังฟาดลงมาที่ผิวเนื้อ มันทั้งสร้างความเจ็บปวดและกระตุ้นความต้องการบางอย่างให้ก่อเกิด ทั้งที่ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลยสักนิด แต่ร่างกายของทิพากรกลับตอบสนองตรงกันข้ามความเจ็บที่เกิดขึ้นที่ผิวเนื้อจึงย้ายเข้ามาเกาะกุมที่หัวใจดวงเล็กของเขาแทน แล้วปล่อยให้อวัยวะ
ไวน์ ค็อกเทล วิสกี้ และเครื่องดื่มอีกมากมายมีสำหรับบริการให้ผู้ร่วมงานซึ่งซื้อบัตรเข้างานมาในราคาแพงอย่างไม่อั้น จะสั่งกี่อย่างหรือกี่แก้วก็ได้ ทุกอย่างถูกบริการเพื่อเสริมสร้างความมอมเมาเท่าที่แขกผู้มีเกียรติต้องการปกติทิพากรไม่ค่อยได้ดื่มเครื่องดื่มพวกนี้บ่อยนัก จึงไม่ค่อยรู้ว่าเครื่องดื่มแบบไหนเป็นอย่างไรบ้าง เขาเลือกหยิบจากบริกรมาหนึ่งแก้วที่มองดูแล้วสีถูกใจเขาที่สุด หลังจากจิบไปเพียงอึกแรก ตั้งแต่ลำคอลงไปถึงท้องเขาก็ร้อนวูบวาบ ทิพากรวางแก้วทรงแปดเหลี่ยมนั้นลงไม่ได้กินต่ออีก มันคงแรงไปสำหรับเขา แต่หากคิดอีกแง่ ก็ดีเหมือนกัน เพราะอย่างน้อยความร้อนของมันก็คลายความหนาวจากการสวมใส่เสื้อผ้าเพียงน้อยชิ้นได้ใต้แสงไฟสะท้อนจากลูกบอลดิสโก้ขนาดใหญ่เหนือฟลอร์เต้นรำ กระต่ายขาว นายพรานหนุ่ม และเหยี่ยวดำหลายคนกำลังกอดรัดกันนัวเนียอยู่บนนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรยากาศ ความตื่นเต้น หรือเพราะเครื่องดื่มที่เพิ่งดื่มไปที่ทำให้ทิพากรรู้สึกร้อนผะผ่าวขึ้นมาจึงถึงกกหูเขาเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม เมื่อวางมันลงบนโต๊ะ ขนนกสีเทาปนน้ำตาลอันหนึ่งก็ถูกยื่นมาตรง
Bunny Night Partyค่ำคืนของกระต่ายป่า นั่นเป็นชื่อปาร์ตี้ของคนที่มีรสนิยมคล้ายกันจะมารวมตัว ค่ำคืนที่เหล่าผู้กระหายอยากสัมผัสและอยากถูกสัมผัสได้มาพบปะกันอย่างอิสระ ปาร์ตี้ที่นาน ๆ ทีจะจัดขึ้นสักครั้ง และทิพากรเคยใฝ่ฝันว่าจะได้มาร่วมงานนี้สักหน เพียงแต่เขาไม่เคยกล้าพอ จนกระทั่งงานนี้หายเงียบไปในวงการ BDSM ต่างรู้กันดีว่าบาร์ของคุณไดจิเป็นอันดับหนึ่งสำหรับคนในวงการเสมอ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าบาร์นี้จะจัดกิจกรรมด้านนั้นอย่างเป็นปกติและเปิดเผย ค่ำคืนแห่งกระต่ายป่าจึงเป็นกิจกรรมที่ทุกคนที่มีความชอบแบบเดียวกันต่างรอคอยโดยปกติแล้วจะจัดเดือนละหนึ่งครั้ง แต่ไม่รู้ทำไมตั้งแต่กลางปีก่อนกิจกรรมนี้ก็ถูกยกเลิกไป การกลับมาจัดใหม่ในรอบเกือบปีจึงเป็นที่พูดถึงกันมาก ทิพากรเคยคิดว่าหากได้เข้าร่วมงานนี้พร้อมกับคนรักก็คงจะดี ไม่คิดว่าพอถึงเวลาได้มาจริง ๆ เขาจะไม่มีใครคนนั้นยืนข้างกาย“คุณซันใช่ไหมครับ”เสียงเรียกจากทางด้านหลังเรียกให้ทิพากรหันไปมอง เขายืนอยู่ที่ข้างบาร์หรูสาขาใหญ่สุด ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีของเมืองหลวง สวมเสื้อ