ทิพากรตื่นขึ้นมากลางเตียงนุ่มหลังใหญ่ แสงแดดยามเช้าลอดผ่านรอยแยกของผ้าม่านสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ความสว่างพาดทาบทับเปลือกตาของทิพากรพอดีจนต้องยกมือขึ้นมาปิดไว้ หลังจากปรับสายตาได้แล้ว ทิพากรก็รับรู้ถึงความปวดร้าวไปทั่วทั้งร่าง และอาการเมาค้างที่ยังหลงเหลืออยู่นิดหน่อย
เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่าตัวเองนอนอยู่กลางเตียงหลังใหญ่ซึ่งมีผ้าห่มนุ่มคลุมร่างกึ่งเปลือยไว้ให้อย่างดี ฟูกและผ้าปูสะอาดเรียบร้อยราวกับเหตุการณ์เมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้น แต่ทิพากรไม่คิดว่าตัวเองเมาจนเพ้อฝันคิดไปเอง เพราะความรู้สึกปวดร้าวที่ช่วงล่างเป็นหลักฐานยืนยันได้ดีว่า...
เรื่องเมื่อคืนเป็นเรื่องจริง
เพดานสูงสีเทาล้อมรอบด้วยผนังสีเดียวกัน เหนือศีรษะเขามีไฟหลายดวงที่เพดานซึ่งถูกปรับองศามายังกลางเตียงตรงจุดที่เขานอนอยู่ นั่นคงเป็นต้นกำเนิดแสงสว่างจ้าที่แยงตาเขาเมื่อคืนนี้ ทิพากรมองสำรวจไปโดยรอบก่อนจะยกมือขึ้นนวดขมับสองสามครั้ง แล้วค่อย ๆ ประคองตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนนุ่ม
บนตัวเขาสวมชุดนอนซาตินสายเดี่ยวสีแชมเปญแต่งระบายด้วยลูกไม้สีดำซึ่งมีความยาวเพียงแค่ปกปิดส่วนสงวนของเขาที่ไร้ชั้นในปกป้องเท่านั้น
มือเรียวลูบสัมผัสเนื้อผ้าลื่นเย็น รู้สึกผ่อนคลายราวกับได้รับคำปลอบโยนหลังผ่านค่ำคืนอันเละเทะของตัวเองมา ความชอบที่ถูกกระตุ้นด้วยเนื้อสัมผัสของผ้าชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะผ้าลูกไม้และผ้าซาตินของทิพากรถูกเก็บเป็นความลับมาโดยตลอด แต่ดูเหมือนว่าชายคนเมื่อคืนจะดูเขาออกจนหมดเปลือก
ถึงจะมีความรู้สึกแย่กับตัวเองที่ปล่อยตัวเมามายจนโดนคนแปลกหน้าที่ไหนไม่รู้หิ้วมานอนด้วย แต่สิ่งที่ทิพากรไม่อาจปฏิเสธได้เลย คือ ความสัมพันธ์เมื่อคืนเป็นประสบการณ์ที่เขาไม่เคยแตะถึง
เซ็กซ์ที่ไม่สามารถทำให้สุดได้ด้วยตัวคนเดียว
ชายคนนั้นกระตุ้นและตอบสนองความต้องการเขาได้ทั้งหมด แม้จะใช้เพียงแค่นิ้วมือก็ตาม
ทิพากรเดินสำรวจรอบห้อง พยายามฟังเสียงการเคลื่อนไหวของบุคคลปริศนาที่มอบความสุขให้เขาเมื่อคืนนี้ แต่ได้ยินเพียงความเงียบสงัด ไม่มีใครอยู่ในห้องนี้นอกจากเขา ผ้าคาดตาลูกไม้สีขาวถูกพับอย่างเรียบร้อยวางไว้บนหมอนอีกใบข้างใบที่เขาเพิ่งลุกออกมาเมื่อสักครู่ เขาหยิบขึ้นมาถูไถสัมผัสนุ่มนิ่มนั้นกับใบหน้า เผลอสูดดมกลิ่นน้ำหอมที่เดาเอาเองว่าคงเป็นของชายคนนั้นซึ่งยังคงหลงเหลือกลิ่นจาง ๆ เอาไว้ติดเนื้อผ้า
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทิพากรใจเต้นแรงไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นความรู้สึกแบบใด ระหว่างความรู้สึกกลัวกับความรู้สึกตื่นเต้นความรู้สึกไหนกันแน่ที่มากกว่า แต่ถึงแบบนั้นเขาก็เลือกที่จะก้าวเท้าเปลือยเปล่าไปบนพื้นเย็นเฉียบเข้าไปใกล้กับประตูห้องบานใหญ่ เอื้อมมือไปค่อย ๆ บิดลูกบิดแล้วเปิดแง้มเปิดประตูทีละนิด
“สวัสดีค่ะ”
คนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องไม่ใช่ชายคนเมื่อคืนตามที่ทิพากรคิดเอาไว้ แต่เป็นหญิงสาววัยกลางคนในชุดยูนิฟอร์มแม่บ้านสีกรมท่าซึ่งยืนส่งยิ้มบางมาให้ ในมือเธอถือเสื้อผ้าชุดใหม่ซึ่งถูกแขวนไว้อย่างดีอยู่ในถุงใส ส่วนมืออีกข้างถือถาดกลมด้วยมือเดียวซึ่งบนถาดนั้นมีรองเท้าหนังขัดเงาพร้อมถุงเท้าสีเทาแต่งระบายลูกไม้เล็ก ๆ สีเดียวกันวางเอาไว้
“ชุดใหม่ของคุณค่ะ”
เธอพูดพร้อมกับแทรกตัวเดินเข้าไปในห้องแขวนชุดไว้กับตะขอเกี่ยวข้างกระจกบานใหญ่ในโซนแต่งตัวซึ่งอยู่ก่อนถึงห้องน้ำที่อยู่ลึกเข้าไปข้างใน และหยิบรองเท้าออกจากถาดถือวางลงบนพื้นใกล้กัน พาดถุงเท้าลงบนเก้าอี้สตูลตัวยาวสีดำด้านข้างกระจก
“คุณต้องการจะแช่น้ำอุ่นไหมคะ ดิฉันจะได้เตรียมน้ำไว้ให้”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ”
“อย่างนั้นถ้าคุณอาบเสร็จแล้วเรียกดิฉันได้เลยนะคะ ดิฉันจะรอช่วยคุณแต่งตัวอยู่ด้านนอกนี้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากครับคุณป้า เดี๋ยวผมจัดการเองครับ”
“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเสร็จแล้วลงไปรับประทานอาหารเช้าด้านล่างได้เลยนะคะ คุณท่านให้ดิฉันเตรียมไว้ให้แล้วค่ะ หรือต้องการอะไรเรียกดิฉันได้เลย จะกดรีโมตสีขาวเล็ก ๆ ตรงนั้นก็ได้ค่ะ”
เธอชี้ไปที่รีโมตเล็ก ๆ ที่วางไว้บนตู้ลิ้นชักเตี้ยข้างหัวเตียง ทิพากรพยักหน้ารับรู้ เขายืนนิ่งมาตั้งแต่หญิงสาวเดินเข้ามาในห้อง ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวไปไหน นั่นก็เพราะรู้สึกอายขึ้นมาเมื่อถูกคนอื่นมองเห็นในตอนที่ตนเองสวมใส่ชุดอย่างนี้ อีกทั้งต้นขาของเขายังเต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบจากเจ้าของถุงยางนิ้วหลายอันในถังขณะใบเล็กที่มุมห้อง
“คุณป้าครับ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเดินออกไปพ้นประตูห้อง ทิพากรจึงเอ่ยเรียกเธอไว้
“คะ?”
“คุณ...เอ่อ ที่นี่...คือ...คุณท่านเขาคือใครเหรอครับ ใช่...คนที่พาผมมาที่นี่เมื่อคืนหรือเปล่า แล้ว...ตอนนี้เขาอยู่ไหนครับ”
“คุณท่านไม่ได้บอกไว้ว่าดิฉันสามารถบอกคุณได้ค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณท่านฝากให้ดิฉันดูแลคุณให้ดีจนกว่าคุณจะมีความต้องการกลับที่พักค่ะ”
“แปลว่าเขาไม่อยู่แล้วเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ คุณท่านออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ” ทิพากรหันไปมองหานาฬิกาสักเรือนในห้อง แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อในห้องนี้ไม่มีสิ่งที่จะบอกเวลากับเขาได้เลย
“ตอนนี้สิบเอ็ดโมงค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบ เมื่อเธออ่านกิริยาของเขาออก เก่งกาจไม่ต่างจากผู้เป็นนาย
“ขอบคุณครับ”
ทิพากรตัดความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวตนของผู้ชายคนนั้นทิ้งไป อย่างไรเสียมันก็เป็นเพียงคืนที่เขาปล่อยตัวเละเทะอยู่ดี เขาโชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่เจอกับคนไม่ดี (หมายถึงไม่ดีกว่าชายคนเมื่อคืนน่ะนะ) หิ้วเขาไปทำอย่างอื่นที่เลวร้ายกว่า
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อย ทิพากรจึงเปิดประตูออกเพื่อลงไปชั้นล่าง และเขาเพิ่งพบว่าสถานที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้เป็นเพนต์เฮาส์หรูขนาดใหญ่ที่อยู่ชั้นบนสุดของอาคารใดสักอาคารหนึ่ง
เศรษฐีคนไหนกันที่หิ้วคนเมาหน้าตาธรรมดาอย่างเขามาทำเรื่องแบบนั้นโดยไม่นึกกลัว ทิพากรนึกถึงเครื่องประดับทั้งแหวน นาฬิกา และต่างหู ราคาแพงมากมายที่อยู่ในตู้กระจกในพื้นที่สำหรับแต่งตัวที่เจ้าของไม่สนใจแม้แต่จะล็อกกุญแจตู้นั้น
ทิพากรปฏิเสธการกินอาหารเช้าที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ เพราะไม่อยากอยู่ในสถานที่ที่ตนไม่รู้จักนานนัก เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ดูจากที่พักและของตกแต่งในเพนต์เฮาส์นี้แล้ว เขามั่นใจว่าเจ้าของจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ การรีบเอาตัวออกมาให้ไกลน่าจะเป็นผลดีกับเขามากกว่า
อย่างไรก็คงไม่ได้เจอกันอีก
และเขาก็จะไม่ปล่อยตัวเองเมาไม่ได้สติแบบนี้อีกแล้ว
ตื้ด ๆ
เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของทิพากร เขาเกือบลืมไปแล้วว่ามีอะไรติดตัวมาบ้างเมื่อวานนี้ กว่าจะตั้งหลักความคิดได้เสียงสั่นก็เงียบลงไปแล้ว ทิพากรคลำหาตามเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ตัวเองสวมใส่ออกมาจากอาคารหรู
นอกจากจะเจอโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าด้านในของเสื้อสูทราคาแพงแล้ว เขายังพบกระดาษโน้ตแผ่นเล็กที่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตแบรนด์เนมไซซ์พอดีตัวจนน่าเหลือเชื่ออีกด้วย บนกระดาษโน้ตแผ่นนั้นเขียนด้วยลายมือสวยงามเป็นระเบียบ แต่ไม่ได้ลงชื่อของผู้เขียนเอาไว้
‘เมื่อคืนคุณทำให้ผมมีความสุขมาก หวังว่าคุณจะรับเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ผมเตรียมไว้ให้แทนคำขอโทษที่ผมทำเสื้อผ้าและชั้นในของคุณขาดเสียหาย ขอโทษอีกครั้งครับ’
ทิพากรไม่รู้ว่าต้องรู้สึกแบบใดกับข้อความนั้น เขายิ้มเจื่อนก่อนจะยัดกระดาษนั้นเก็บลงในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตตามเดิม
เมื่อกดเปิดหน้าจอโทรศัพท์ก็พบว่าเบอร์ที่โทรมานั้นเป็นเบอร์ที่เขาไม่ได้บันทึกลงเครื่องเอาไว้ นั่นแปลว่าเบอร์นี้ไม่ใช่เบอร์ของคนที่เขารู้จักหรือสนิทสนม แต่ตัวเลข 10 ตัวที่โชว์อยู่นั้นเป็นตัวเลขที่คุ้นตาทิพากรมากทีเดียว
เบอร์คุณกานต์…
หลังจากเขาเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เบอร์อติกานต์ที่เคยบันทึกไว้ก็หายไปด้วย แต่มันไม่มีผลสำหรับคนที่เคยออกเดตกันมาเป็นเดือน ๆ เขายังจำเบอร์ของอีกฝ่ายได้ดีราวกับตัวเลขสิบตัวนั้นถูกตอกตรึงลงในหน่วยความจำของสมองเขาถาวรแล้ว
ทิพากรสูดลมหายใจเข้าลึก ตอนนี้เขาก้าวเข้ามานั่งในรถแท็กซี่แล้ว เพราะนี้เป็นวันหยุด เขาถึงได้กล้าเมามายเมื่อคืนนี้ และเขาคิดว่าต้องรีบกลับคอนโดไปพักผ่อนและเช็กร่างกายของตัวเองให้ละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ดวงตากลมมองเบอร์บนหน้าจออยู่พักใหญ่ เป็นเบอร์ของคุณกานต์แน่ ๆ เขามั่นใจ แม้จะพอเดาได้ว่าเรื่องที่อีกฝ่ายโทรหาเขาในวันหยุดอย่างนี้คงไม่พ้นเรื่องงาน แต่หัวใจของเขามันรู้สึกตื่นเต้นจนบีบตัวแรงอย่างช่วยไม่ได้
นิ้วเรียวกดโทรกลับ ไม่อยากอยู่กับความอยากรู้ของตัวเองนานนัก ช่วงนี้เขาเจอแต่เรื่องวุ่นวายและไร้คำตอบมามากพอแล้ว
(คุณทิ ขอโทษที่โทรหาวันหยุดแบบนี้ ผมได้เบอร์คุณมาจากเอกสารสัญญา)
(ครับ ไม่เป็นไรครับ คุณกานต์มีอะไรหรือเปล่าครับ)
(ระบบที่บริษัทมีปัญหาน่ะครับ ค่อนข้างเป็นปัญหาด่วน คุณทิสะดวกหรือเปล่า ถ้าผมจะขอรบกวนให้คุณทิเข้ามาช่วยดูระบบให้เลยวันนี้)
หลังจบบทสนทนาทิพากรก็รีบบอกคุณลุงคนขับแท็กซี่ทันทีว่าขอเปลี่ยนจุดหมายปลายทางใหม่ แม้ว่าคุณลุงจะพยายามหาเส้นทางซอกแซกเพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางเร็วขึ้นตามที่ทิพากรบอกไว้ แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางเท่าไหร่นักสุดท้ายกว่าที่ทิพากรจะมาถึงบริษัทของอติกานต์ก็ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ความจริงแล้วนี่คือวันหยุดของเขา และวันเริ่มทำงานที่ถูกระบุไว้ในสัญญาคือวันจันทร์ที่จะถึงนี้ การที่เขาเข้ามาดูระบบให้วันนี้อาจนับว่าเป็นน้ำใจมากกว่าหน้าที่ปกติแล้วถ้าเป็นลูกค้ารายอื่นของบริษัทที่เขาเคยเข้าไปช่วยทำระบบหลังบ้านให้ เขาคงปฏิเสธการเข้ามา หากผู้ติดต่อไม่ได้ติดต่อผ่านบริษัทต้นสังกัดของเขา การรับงานโดยตรงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก ยิ่งตำแหน่งลูกจ้างสัญญารายปีแบบเขายิ่งไม่สมควรเท่าไหร่แต่อาจจะเพราะครั้งนี้อีกฝ่ายเป็น...อติกานต์ผู้ที่เขาไม่ควรหวังแม้แต่การขอโอกาส แต่ใจมันกลับตอบสนองรวดเร็วเสมอหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของชื่อนั้นเนื่องจากเป็นวันหยุดซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ที่อยู่ในอาคารนี้ต่างก็หยุดเหมือนกันทำให้อาคารสูงที่เคยคับคั่งไปด้วยพนักงานออฟฟิศด
ทิพากรตื่นขึ้นมากลางเตียงนุ่มหลังใหญ่ แสงแดดยามเช้าลอดผ่านรอยแยกของผ้าม่านสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ความสว่างพาดทาบทับเปลือกตาของทิพากรพอดีจนต้องยกมือขึ้นมาปิดไว้ หลังจากปรับสายตาได้แล้ว ทิพากรก็รับรู้ถึงความปวดร้าวไปทั่วทั้งร่าง และอาการเมาค้างที่ยังหลงเหลืออยู่นิดหน่อยเมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่าตัวเองนอนอยู่กลางเตียงหลังใหญ่ซึ่งมีผ้าห่มนุ่มคลุมร่างกึ่งเปลือยไว้ให้อย่างดี ฟูกและผ้าปูสะอาดเรียบร้อยราวกับเหตุการณ์เมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้น แต่ทิพากรไม่คิดว่าตัวเองเมาจนเพ้อฝันคิดไปเอง เพราะความรู้สึกปวดร้าวที่ช่วงล่างเป็นหลักฐานยืนยันได้ดีว่า...เรื่องเมื่อคืนเป็นเรื่องจริงเพดานสูงสีเทาล้อมรอบด้วยผนังสีเดียวกัน เหนือศีรษะเขามีไฟหลายดวงที่เพดานซึ่งถูกปรับองศามายังกลางเตียงตรงจุดที่เขานอนอยู่ นั่นคงเป็นต้นกำเนิดแสงสว่างจ้าที่แยงตาเขาเมื่อคืนนี้ ทิพากรมองสำรวจไปโดยรอบก่อนจะยกมือขึ้นนวดขมับสองสามครั้ง แล้วค่อย ๆ ประคองตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนนุ่มบนตัวเขาสวมชุดนอนซาตินสายเดี่ยวสีแชมเปญแต่งระบายด้วยลูกไม้สีดำซึ่งมีความยาวเพียงแค่ปกปิดส่วนสงวนของเขาที่ไร้ชั้นในปกป้องเท่านั
“อ้า ขา ออก”เสียงเอ่ยสั่งดังขึ้นอีกครั้งเมื่อทิพากรยังไม่ยอมขยับขาทั้งสองข้างออกจากกัน แต่เดิมแล้วอติกานต์ไม่ใช่คนอ่อนโยนนัก แต่ไม่ใช่ว่าเขาอ่อนโยนไม่เป็น หากแต่เขายังไม่อยากหยิบเอาความอ่อนโยนนั้นมาใช้กับคนเดิมเป็นครั้งที่สอง หลังจากมันถูกปัดตกไปอย่างง่ายดายเสียงเข้มที่เอ่ยสั่งเมื่อสักครู่ก็เพียงพอแล้วที่ทิพากรจะละทิ้งความอายของตัวเองเพื่อทำตามคำบอก ยังไม่ทันได้ขยับขาทิพากรก็ต้องสะดุ้งตกใจอีกครั้ง เมื่อฝ่ามือใหญ่สอดเข้ามาระหว่างหัวเข่าทั้งสองข้างเพราะตกใจจึงเผลอขัดขืนตามสัญชาตญาณ อีกฝ่ายไม่ได้ทำรุนแรงกับเขาเพียงแค่ไล้ฝ่ามือไปตามช่องว่างระหว่างหัวเข่า นิ้วหัวแม่มือกดน้ำหนักลูบวนที่ขอบระบายของปลายถุงน่องซึ่งอยู่เหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อย ๆ เลื่อนฝ่ามือขึ้นสูงไปที่หว่างขาของคนใต้ร่างอย่างเชื่องช้าและใจเย็นเปี๊ยะสายรัดยางยืดแต่งลายลูกไม้สีขาวเข้ากับลายของถุงน่องถูกนิ้วยาวของชายแปลกหน้าเกี่ยวขึ้นสูง ก่อนที่จะปล่อยสายรัดนั้นดีดลงที่ผิวเนื้ออ่อนที่ต้นขาของทิพากรมันไม่ได้ทำให้เจ็บปวดเลยสักนิด ตรงกันข้าม
ไฝหลังต้นคอไฝใต้สะบักขวาและ...ปานเล็ก ๆ ที่ข้างสะโพกซ้ายอติกานต์ไล่ตรวจข้อสงสัยทีละข้อ เขาไม่ต้องหยิบรูปของ your sun มาดูเพื่อความแน่ใจ เพราะเขาจำรายละเอียดของคนในรูปนั้นได้ทั้งหมด และทุกข้อก็ปรากฏเป็นหลักฐานบนผิวขาวเนียนมัดตัวผู้ต้องสงสัยอย่าง ทิพากร จนไม่อาจหาทางใดมาโต้แย้งกับเขาได้อีกความจริงอติกานต์มั่นใจตั้งแต่เห็นไฝที่ใต้สะบักขวาแล้ว แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะขยันสร้างเรื่องประหลาดใจให้เขาด้วยการสวมถุงน่องสีขาวสะอาดประดับลวดลายลูกไม้ ซึ่งเข้าเซตกับสายรัดต้นขาสีเดียวกันไว้ภายใต้กางเกงสแล็กสีเข้มทรงกระบอกที่แสนธรรมดาติดจะเชยไปเสียหน่อยด้วยซ้ำหึ…เด็กน้องซ่อนรูปอติกานต์หัวเราะในลำคอ อย่างน้อยก็นับเป็นเรื่องดีที่ความจืดชืดของทิพากรปกปิดความเย้ายวนจากสายตาคนทั่วไป เพราะนั่นเท่ากับว่า...เขาตาถึงมากทีเดียว“ใคร?”ทิพากรพยายามรวบรวมสติที่เหลือเพียงน้อยนิดควานหาช่องเสียงของตัวเองจนเจอแล้วเอ่ยถามออกมา“แล้วคุณนัดใครไว้ล่ะ” ประโยคคำถามถูกถามกลับมาแทนคำตอบ&l
เรื่องบังเอิญมักเกิดขึ้นได้เสมอ เพียงแต่อติกานต์ไม่คิดมาก่อนว่าเรื่องบังเอิญจะมาเกิดขึ้นกับเขาบ่อยเหลือเกินในช่วงนี้ โดยเฉพาะเรื่องบังเอิญที่เกี่ยวข้องกับทิพากรหลังจากเด็กของไดจิบอกแบบนั้น อติกานต์ก็เดินไปที่ผนังกระจกของห้องรับรอง สอดส่องสายตาลงไปที่บาร์น้ำมองหาใครสักคนที่เมาพับตามคำบอกเล่า เพียงไม่นานสายตาคมของอติกานต์ก็เห็นชายหนุ่มร่างเล็กคนหนึ่งที่นั่งฟุบไปกับเคาน์เตอร์บาร์ตรงหน้าบาร์เทนเดอร์ที่กำลังเขย่าผสมเครื่องดื่มให้ลูกค้าคนอื่น ๆความคุ้นตาบางอย่างทำให้ใจของอติกานต์กระตุกวูบไปชั่วครู่ ก่อนที่จะเอ่ยบอกเพื่อนสนิทว่าไม่ต้องให้คนลงไปดูให้แล้ว เพราะเขาจะเป็นคนลงไปดูชายหนุ่มคนนั้นด้วยตัวเขาเอง“มีไฝหลังคอเหมือนกันจริงด้วยวะ แล้วนายจะเอาไงต่อ” ไดจิถามขึ้นเมื่อลงมาดูคนเมาพับกับอติกานต์ไม่อยากจะเชื่อว่าโลกมันแคบและเล็กขนาดนี้ ไดจิอยากจะขำออกมาให้กับโชคชะตาของเพื่อนสนิท ทันทีที่อติกานต์โอบไหล่เล็กพลิกตัวคนเมาขึ้นมาจากเคาน์เตอร์ ใบหน้าที่ไดจินิยายว่าเป็นหนุ่มจืดชืดก็ปรากฏต่อหน้าสายตาของเขาทั้งสองหากไม่ติดที่เห็นว่าอติกานต
ห้องรับรองแขกบนชั้นลอยของบาร์หรูแห่งหนึ่ง เป็นพื้นที่ซึ่งถูกสงวนไว้สำหรับแขกระดับสูงของร้านเท่านั้น ภายในถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่เพียงแค่มองก็สามารถรับรู้ได้ทันทีถึงความหรูหราของเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของต่าง ๆ ที่ใช้ตกแต่งอยู่ภายในบรรยากาศห้องดูสลัวไม่ชัดเจน มีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟทองเหลืองทรงสูงตั้งพื้นที่มุมทั้งสองด้านหน้าห้องกับแสงสว่างจากบาร์ชั้นล่างที่ลอดผ่านผนังกระจกบานใหญ่ติดฟิล์มหนาซึ่งเป็นฟิล์มที่คนด้านนอกห้องรับรองไม่สามารถมองเข้ามาเห็นคนด้านในได้ชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งยังอยู่ในชุดสูทราคาแพงตามปกติที่ผู้คนมักพบเห็นเขาได้ตามนิตยสารหรือสื่อออนไลน์เชิงธุรกิจราวกับเป็นเครื่องแบบประจำตัว มือข้างหนึ่งยกแก้วไวน์ขึ้นจิบไปอึกใหญ่ องุ่นหมักอย่างดีการันตีด้วยราคาที่สูงลิบถูกกลืนลงลำคอใหญ่อย่างรวดเร็วโดยที่คนดื่มไม่คิดจะดื่มด่ำรสชาติชั้นเลิศของมันเลยสักนิดดวงตาคมหลุบต่ำมองลงไปยังชั้นล่างของบาร์หรูร้านประจำที่เขามาแทบทุกอาทิตย์ อติกานต์สูดลมหายใจเข้าลึกมองตามชายหนุ่มผมสีทองสว่างโดดเด่น ชายคนนั้นมีรูปร่างเพรียวบาง ใบหน้าหวานหยด หากแต่มีความสูงเกือบ 190 เตี้ยกว่าเขา