 LOGIN
LOGINสร้อย Talk
ไอ้บ้านี้ทำการบ้านมาดีมาก สงสัยจะอ่านข้อมูลต่าง ๆ จนทำให้พี่ยามยอมปล่อยเข้ามาได้นี่เอง ก็ว่าทำไมถึงเข้ามาได้ แผนสูงนักนะ แต่ไม่รอดพ้นสายตาคนอย่างอีสร้อยหรอกจ้ะขอโทษที
ขณะที่ฉันกำลังจะอ้าปากด่าต่อก็มีเสียงทักของใครบางคนดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“อ่าวเคียร์มาถึงแล้วทำไมไม่โทรมา แล้วสร้อยมายืนทำอะไรตรงนี้ล่ะ”
เป็นพี่อรนั้นเอง ตอนนี้มันเที่ยงแล้วนิ พี่เขาคงออกไปหาไรกินกันละ ว่า … ว่าแต่เมื่อกี้เขาว่าไงนะ!
“อรมาก็ดี เราจะถามพอดีว่าใครรับยัยปากดีนี่เข้ามา!”
อะไรกัน! เขารู้จักกันเหรอ อีสร้อยนะอีสร้อยทำงานวันแรกก็ซวยแล้ว T^T
“เดี๋ยวใจเย็นก่อน เคียร์เกิดอะไรขึ้น”
“บอกเรามาอรว่าใครรับมันเข้ามาทำงาน!”
เขาไม่พูดเปล่ายังหันมาทำหน้าแยกเขี้ยวใส่ฉันอีก เหอะ!กลัวตายแหละ
“เราเองแหละ ว่าแต่เคียร์มีอะไรหรือเปล่า”
“ว่าไงนะ!!”
ไอ้บ้านั่นดูตกใจ แถมเวลาคุยกับพี่อรไอ้บ้านั้นพูดดีเฉย
“เรารับเข้ามาเอง แล้วทำไมไปเรียกสร้อยเขาแบบนั้น”
“นี่เธอเองเหรอ! ที่รับยัยบ้านี่เข้ามาทำงาน เธอไม่มีลูกกะตาดูเหรอว่ารับพวกยาจกเข้ามาทำงาน พี่เคียร์คะไล่มันออกทั้งสองคนเลยค่ะ”
ยัยบ้านี่อยู่เงียบ ๆ ไม่เป็นเหรอวะ แล้วอย่ามาลากพี่อรเข้าไปเกี่ยวนะแม่จะด่าให้ยับเลย
“นี่ยัยสมองหมา เธอนี่ยังมโนว่าผัวตัวเองเป็นเจ้าของที่นี่อยู่หรือไง เลิกปัญญาอ่อนได้แล้ว ส่วนนายต่อให้รู้จักกับพี่อรฉันก็ไม่กลัวหรอกนะ ถ้าฉันต้องมาโดนไล่ออกเพราะเหตุผลปัญญาอ่อนแบบนั้นฉันว่าเจ้าของที่นี่ก็คงเป็นเอ๋อไม่ก็ไม่เต็มบาทแน่ ขอโทษด้วยนะคะพี่อร”
ฉันด่าจบก็หันไปขอโทษพี่อรที่ตกตะลึงกับคำด่าของฉันก่อนจะหัวเราะออกมา
“อร!”
ไอ้บ้านั้นเรียกชื่อพี่อรเสียงดัง พี่อรเลยรีบปรับสีหน้าปกติทันที
“ว่าแต่ทำไมสร้อยไปด่าเขาแบบนั้นละ พอจะบอกพี่ได้ไหมว่าเหตุผลที่สร้อยบอกว่าปัญญาอ่อนนี่มันเป็นแบบไหนกัน”
“คือแบบนี้นะคะพี่อร สร้อยกำลังทำหน้าที่ตัวเองอยู่ก็เห็นพวกโรคจิตแถวนี้มานัวเนียกันอยู่ด้านนอก สร้อยกลัวเหล่าลูกค้าลูกคุณจะมาเห็นแล้วรับไม่ได้ ก็เลยออกไปเตือนพวกเขาแค่นี้เองค่ะ”
ฉันอธิบายไป แต่ฉันไม่บอกหรอกนะว่าฉันเตือนด้วยคำพูดว่าอะไร หุหุ
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง พี่ว่าผู้บริหารที่นี่ก็คงไม่สั่งไล่น้องสร้อยออกหรอกค่ะ ไม่งั้นคงปัญญาอ่อนแบบที่น้องสร้อยบอกน่าดู”
“อร!!”
ไอ้บ้านั้นเรียกพี่อรอยู่นั่นแหละ เหอะเป็นไงล่ะ
“ฉันไม่ยอม พี่เคียร์คะลินลี่ไม่ยอมนะคะ!!”
ยัยบ้านั้นอยู่ดี ๆ ก็แว้ด ๆ ขึ้นมา หนวกหูจังโว้ย
“หุบปาก!! แล้วกลับไปซะ!”
ไอ้บ้านั้นเอ่ยปากไล่ยัยเสียงแหลม เธอทำท่าฟึดฟัดก่อนจะเดินออกไปทันที ว่าง่ายไปไหม ฉันนึกว่าเธอจะแว้ด ๆ ไม่ยอมซะอีก
“คุณอร เรามีเรื่องต้องคุยกัน!”
ไอบ้านั้นหลังจากไล่ผู้หญิงของตัวเองไปเขาก็หันไปหาพี่อรทันที
“ค่อยคุยได้ไหมอรหิว”
“อยู่ในเวลางานต้องเรียกว่าไง?”
อะไรของไอ้บ้านี่วะ เรียกอะไรของมัน ถ้าด่าก็พอเข้าใจอยู่หรอกนะ
“ค่ะ ท่านประธาน อ้อสร้อยนี่คือท่านประธานของห้างที่เราทำอยู่นะ และอีกหลายร้อยสาขาทั่วโลก นี่คือคุณเคียร์จ้ะ”
อะไรนะ! เดี๋ยว ๆ ฉันงงไปหมดแล้ว กรี๊ดดดดด ๆๆ
“จบนะ เพราะกูไม่ได้มโนแบบที่มึงบอก!”
พี่อรพูดจบเขาก็หันมาพูดด้วยหน้าดุ ๆ แต่มีเหรอฉันจะกลัว! (ยังจะห้าวอีก)
“ส่วนเรื่องไล่ออก กูไม่ไล่มึงออกหรอกเพราะกูมีวุฒิภาวะมากพอ” (SUNISAYOK : กลัวเสียหน้าก็บอกเถอะ อย่าอ้าง ฮ่า ๆ)
“น้องสร้อยไปทำงานเถอะจ้ะ”
ก่อนที่ฉันจะสติขาดด่าเขาต่ออีกรอบพี่อรที่เห็นท่าไม่ดีเลยรีบบอกให้ฉันไปทำงานต่อ แล้วพี่อรก็ลากไอ้บ้านั้นออกไปด้วย
ส่วนหมอนั่นก็ไม่วายหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ฉันอีก เหอะนั่นนะเหรอท่านประธาน อย่างกับคนปัญญาอ่อน!
แต่ก็ดีละเขาบอกเองว่าจะไม่ไล่ฉันออก ต่อจากนี้ฉันคงต้องสงบปากสงบคำหน่อยละ จะพยายามแล้วกันเนอะ ขอแค่ไอ้บ้านั้นอย่าทำฉันตบะแตกก็พอ
ว่าแต่พี่อรดูสนิทกับไอ้บ้านั่นจัง ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนดี ๆ น่ารัก ๆ แบบพี่อรจะไปรู้จักคนประเภทมีหมาเป็นล้านตัวอยู่ในปากแบบหมอนั่นได้ไงกัน
ว่าจบแล้วไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อดีกว่า...
เวลา 23.00 น.
“เฮ้อ...เมื่อยจังเว้ยย!!!”
ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานของฉันแล้ว รู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวชะมัด ยืนทั้งวัน ไหนจะเมื่อยปากที่ต้องยิ้มหวาน ๆ นั่นอีก
“เสียงดังไปแล้ว”
พี่ครามดุฉันนิดหน่อย ก็ฉันเสียงดังนี่น่า
“ก็คนมันเมื่อยยย นี่พี่ไม่เมื่อยบ้างหรือไง”
ฉันพูดเป็นกันเองกับพี่คราม ฉันมันเป็นพวกเข้ากับคนง่าย ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่คงพูดมึงกูไปล่ะ
“พี่ชินแล้ว^^”
ฉันเพียงหันไปทำหน้าแยกเขี้ยวใส่พี่เขาก่อนจะหันกลับไปมองทางเดินต่อ ดีนะที่พักอยู่ใกล้กับที่ทำงาน
วันนี้เราเดินกลับด้วยกัน เนื่องจากเราเข้างานพร้อมกันก็เลยเลิกพร้อมกัน ดีเหมือนกันฉันจะได้มีเพื่อนระบายความหายนะที่เจอวันนี้
“สร้อยเจอไอ้บ้- เอ๊ย เจอคุณเคียร์อะไรของพี่ละ”
ฉันเริ่มหัวเรื่องพร้อมเข้าสู่โหมดนินทา
“เป็นไงบ้าง เขาดูใจดีไหม”
“ใจดีกับผีนะสิพี่ สร้อยเพิ่งด่ากับเขาไปเมื่อตอนบ่าย”
“อ่าว ทำไมไปด่าล่ะ แล้วนี่จะโดนไล่ออกไหมเนี่ย”
พี่ครามหยุดเดินพร้อมกับหันมาถามฉันด้วยท่าทางตกใจมาก
“เขาไม่ไล่ออก แต่ที่ด่าก็เพราะ..อืมใครมันจะไปรู้วะว่าไอ้บ้- เอ๊ยคุณเคียร์ไรนั่นคือคนเดียวกันกับที่เป็นประธานบริษัทอะ
แม่งเล่นมานัวเนียจูบผู้หญิงในที่จอดรถ แล้วใครเสือกให้เขามาจอดรถที่ชั้นธรรมดาวะ! พูดละก็โมโหอะพี่ หื่ย!”
จากตอนแรกที่เรียกเขาด้วยชื่อ ต่อมโมโหที่คิดถึงเรื่องเมื่อบ่ายก็ทำเอาฉันเผลอพูดไปตามใจคิด พี่ครามเองก็ดูตกใจไม่น้อย
“ใจเย็นนะ แวะซื้อน้ำดื่มดับร้อนหน่อยไหม ฮ่า ๆ”
“พี่คราม!”
ดูพี่เขาแกล้งหยอกฉันสิ
“แต่ตอนที่พี่เจอคุณเคียร์เขาก็ดูเป็นคนดีออกนะ”
“สร้างภาพละสิไม่ว่า เหอะ!”
พูดจบเราก็พากับเดินมาถึงที่พักแต่ละคนพอดี ฉันก็โบกมือบาย ๆ พี่เขาไปก่อนจะหันหลังเดินเข้าบ้านตัวเอง

“อ๊ะ อ๊า จะ..จุกไป ๆ” เธอใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้กอดคอเขาไว้มากุมท้องตัวเองที่จุกจากการกระแทกลึกของเขา “ยืนแป๊บ” เคียร์เอ่ยบอกหญิงสาวที่ทำหน้างงก่อนจะวางเธอลงในท่ายืน เขาจับเธอหันหลังดันเธอให้ติดกับกระจกหน้าต่าง เขาดึงก้นเธอเข้ามาแนบชินก่อนจะสอดใส่เจ้ามังกรเปียกชุ่มเข้าจากทางด้านหลัง “อ๊า อื้ออออ ไม่..เอาท่านี้สิ อื้อออ” หญิงสาวร้องออกมาเมื่อท่านี้มันทำให้แก่นกายใหญ่ของเขาเข้ามาได้ลึกกว่าเดิมอีก ไหนจะหน้าอกหน้าใจของเธอที่กำลังเบียดเสียดรูดขึ้นลงกับกระจกที่แนบชิดอยู่ สร้างความเสียวราคะทุกโซนประสาทจริง ๆ “ตอดขนาดนี้จะแตกแล้วเหรอหืมม ซี้ดด” เมื่อรับรู้ถึงการตอดถี่ของหญิงสาวว่าใกล้จะแตะขอบสวรรค์แล้วเขาก็เร่งเครื่องติดจรวดทันที กระแทกเข้าออกไม่ยั้ง “อ๊ามะไหวว/อื้อออซี้ดด” เสียงครางกระเส่าดังขึ้นประสานกันเมื่อทั้งคู่แตะที่จุดสุดยอดในที่สุด ชายหนุ่มกระแทกสองสามทีรีดน้ำรักเข้าไปในตัวของหญิงสาวจนหมดก่อนจะชักออกมา ส่งผลให้หญิงสาวที่มีขาอ่อนจากความเสียวในตอนแรกนั่งพับ
ตอนพิเศษ ๓ NC+++สถานที่ ประเทศ USAตอนเช้า... ชายหนุ่มหญิงสาวคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งแต่งงานกันไปได้ไม่นานก้าวขาลงจากเครื่องบินส่วนตัวเพียงสองคน วันนี้เธอและเขามาฮันนีมูนกันนั่นเอง โดยได้คุณแม่ของเธอและคุณแม่ของเคียร์ที่กำลังเห่อน้อง กำไล รับไปดูแล จนทำให้เธอกับเขาได้มีโอกาสเที่ยวกันสองคน “อยากไปที่ไหนเป็นพิเศษไหม?” มือใหญ่วางทาบลงบนหัวคนตัวเล็กที่กำลังยืนชั่งใจคิดว่าจะเที่ยวที่ไหนดี เนื่องจากก่อนมาพวกเขาไม่ได้ทำการวางแพลนใด ๆ เลย “อืม...อยากไปดูที่เขาแปะมือกับดาราอะ แบบมีการประทับมือดาราดัง ๆ ลงแผ่นไรสักอย่างอะ” เคียร์พยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ภรรยาตัวเองพูด ก่อนจะยกมือถือโทรหาคนขับรถของประเทศนี้ เพียงไม่นานรถหรูก็เคลื่อนเข้ามาจอดตรงหน้า พร้อมกับมีพนักงานลงมาเปิดประตูต้อนรับแขกคนพิเศษ พวกเขาคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ สร้อยเองก็ทำหน้าไม่ค่อยจะเข้าใจมากเท่าไหร่ “รู้งี้ตั้งใจเรียนภาษาดีกว่า” ภรรยาตัวแสบนั่งบ่นให้เขาฟัง ส่วนเขาได้แต่นั่งยิ้มกับความน่าเอ็นดูของเธอ “อยากเรียนไหมล่ะ”
ตอนพิเศษ ๒ ใช้เวลาพักฟื้นตัวหลังคลอดได้ไม่นานก็ถึงเวลาเตรียมการจัดงานแต่งงานที่เคยสัญญาไว้แล้ว “ฝากเจ้าตัวเล็กด้วยนะคะแม่ สร้อยจะรีบกลับมาค่ะ” เสียงหญิงสาวเอ่ยบอกคนเป็นแม่ คุณยายของเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอด เธอจะต้องออกไปลองชุดและซื้อของต่าง ๆ เพื่อจัดเตรียมงานแต่งที่กำลังใกล้จะถึงกับว่าที่สามีของเธอ “ไปเถอะลูก เจ้าตัวเล็กนี่แม่จะดูแลเอง เนอะหลานยาย” หญิงสาวมีอายุหันไปหยอกล้อเล่นกับหลานตัวน้อยอย่างเอ็นดูหลายชั่วโมงผ่านไป... ใช้เวลาหลายชั่วโมงเลยทีเดียวกว่าจะเตรียมของจนเสร็จ นอกนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของออร์แกไนเซอร์ เนื่องจากว่าที่สามีของเธอได้จ้างวานมาเอง “เหนื่อยไหมวันนี้” เคียร์เอ่ยถามเจ้าตัวแสบของเขา พลางวางมือหนาไว้บนหัวของว่าที่ภรรยาสาวไปด้วย “นิดหน่อย บอกแล้วไม่ต้องจัดก็ได้” เธอเพียงมุ่ยหน้าเล็กน้อย สร้างรอยยิ้มเอ็นดูให้กับคนตรงหน้าได้มากทีเดียว “ได้ไง คนดังอย่างกูแต่งงานทั้งทีเลยนะ” ชายหนุ่มพูดออกมาได้ไม่อายปาก หญิงสาวได้แต่ส่ายหัวไปมาแท
ตอนพิเศษ ๑8 เดือนผ่านไป...เวลา 04.35 น. ภายในห้องกว้างมีเพียงสองร่างชายหญิงกำลังนอนหลับใหล ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศกำลังทำงานส่งผลให้ทั้งคู่หลับอย่างสบาย เพียงแค่ไม่กี่วินาทีต่อมาจากความเงียบสงบแปรเปลี่ยนเป็น.... “อะ โอ้ยยยย” หญิงสาวท้องโตสะดุ้งตื่นพร้อมกับส่งเสียงถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ เสียงที่เธอร้องออกมาดังจนปลุกให้ชายร่างกำยำมีลายสักที่คอสะดุ้งตื่น “สร้อยเป็นอะไร!” เขาถามเธอออกไปด้วยความตระหนกตกใจ เมื่อเห็นหญิงสาวลุกขึ้นมานั่งกุมท้องใหญ่ “ละ..ลูก จะคลอด! โอ๊ยยยยยเจ็บบบ” หญิงสาวท้องโตพูดออกมาด้วยความเจ็บปวด เตียงที่เคยแห้งกลับกลายเป็นเปียกโชก บ่งบอกได้ดีว่าเด็กน้อยในท้องพร้อมที่จะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว “เวรเอ๊ย! อดทนก่อนกูจะรีบพามึงไปโรงพยาบาล” ชายร่างกำยำรีบจัดการเสื้อผ้าบนตัวก่อนจะวิ่งอ้อมมาหาหญิงสาวด้วยความรีบร้อน “หนักฉิบหายเลยโว๊ยยยยย” ปากหนาบ่นอุบอิบ หญิงสาวไม่มีเวลามาสนใจเนื่องจากต้องทนกับอาการเจ็บปวดที่ได้รับ ฝ่ายชายรีบอุ้มหญิงสาววิ่งไปที่รถ
“ไหวไหมนั่น” ฉันทำท่าทางจะลุกเดินไปหา แต่เขาห้ามไว้ซะก่อน “อย่าแกล้งพ่อเขาหนักสิลูก” ฉันนอนลูบท้องเปล่งเสียงเบาบอกลูกของตัวเอง ส่วนเขาก็เดินขึ้นมานอนข้าง ๆ “ดีแล้วที่กูแพ้แทนมึง เพราะถ้ามึงแพ้เองกูคงไม่มีกะจิตกะใจทำงานแน่” แหนะ ยังจะมาปากหวานอีก “พูดถูกใจตลอดด” ฉันแอบแซวเขาพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นไปหยิกแก้มทั้งสองไปมา “กูพูดตามความรู้สึก” เขาเอื้อมมือมากุมมือฉันที่กำลังหยิกเขา แล้วหอมมือฉันอย่างแผ่วเบา “รู้ไหมว่ารักมาก?” “อือรู้ ฉันก็รักพี่มากเหมือนกัน” “แล้วรู้ไหมว่ากู หวง ห่วง มึงมาก?” “รู้สิ สร้อยก็ หวง ห่วง พี่เหมือนกันนะ” “งั้นก็รู้ไว้ซะ ว่ามึงคือผู้หญิงของกูคนเดียวและเป็นแม่ของลูกกูด้วย” “>////พี่ก็เหมือนกันเป็นพ่อของลูกสร้อย” ความร้อนรุ่มแทรกผ่านเข้ามาที่ใบหน้าของฉัน เครื่องปรับอาการที่ว่าเย็นมากแล้วยังต้องยอมแพ้กลับความร้อนที่เผาผลาญอยู่บนหน้าของฉัน เขานี่มันพูดได้ไม่อายเลยจริง
บทที่ 31 END “ทำงี้กะจะให้กูหลงจนโงหัวไม่ขึ้นเลยเหรอวะ” บ้าที่สุดดด ชอบพูดคำน่าอายอยู่นั่น “รีบไปได้แล้ว >///” ฉันออกแรงผลักไล่ให้เขาขยับตัวออก แล้วไล่ดุนหลังเขาจนไปถึงหน้าห้อง “เดี๋ยวรีบกลับนะ จุ๊บ” ว่าจับเขาก็จุ๊บลงบนปากของฉันอีกครั้ง แล้วหมุนตัวเดินออกไป กว่าจะได้ออกไปทำงานฉันก็เปลืองตัวไปกับเขามากโขแล้ว หุหุหัวค่ำ...Rrrr Rrr เสียงริงโทนดังขึ้นเรียกความสนใจให้ฉันละสายตาออกจากทีวี พลางก้มลงไปมองสายที่โทรเข้ามา ฉันยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นใครโทรเข้ามา “จะกลับแล้วเหรอ” ฉันกดรับก่อนจะเอ่ยถามคนปลายสาย “อืม ใกล้ถึงแล้ว” เขาตอบเสียงเรียบ “ใกล้ถึงแล้วจะโทรมาให้เปลืองเงินทำไมเล่า” “คิดถึง เพิ่งมีเวลาจับมือถือเอง” เสียงออดอ้อนของปลายสายสร้างความรู้สึกดีให้ฉันไม่น้อย “คิดถึงเหมือนกัน วางสายก่อนขับรถอยู่อันตราย” “ครับ” เขาตอบรับด้วยคำสุภาพทำเอาฉันรู้สึกกระดากหูที่ได้ยิน ไม่








