 LOGIN
LOGIN“พี่ได้ยินมาว่าเจ้าของห้างเขาใจดีมาก”
“ใจดีอันนี้สร้อยก็เห็นด้วยนะ แต่ทำห้างออกมาแบบแบ่งชนชั้นเนี่ยนะ สร้อยว่าสร้อยไม่เข้าใจ”
เอาจริงเรื่องนี้ฉันไม่เข้าใจนะ
“เอาน่าน้องสร้อย เรื่องนั้นเราก็อย่าไปสนใจเลย”
ก็จริงของพี่เขา เรามาทำงานนี่เนอะ หลังจากนั้นพี่เขาก็พาดูส่วนต่าง ๆ จนครบฉันก็บอกลาพี่เขาก่อนจะขอตัวกลับบ้าน ไปเก็บของเตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้
“แม่จ๊ะ จัดของหรือยัง?”
ฉันเพิ่งกลับมาถึงบ้านก็ไม่ลืมจะถามแม่คนสวยของฉันว่าเตรียมจัดของหรือยัง ฉันโทรบอกแม่ก่อนจะกลับแล้วล่ะว่าได้งานทำแล้วพร้อมกับเงินรายวันที่คุ้มสุดคุ้ม ไหนจะที่พักสุดหรูอลังการนั้นอีก แม่ฉันก็ดีใจใหญ่เลย
“เรียบร้อยแล้ว หนูไปจัดของตัวเองเถอะลูก”
“จ้าแม่”
ฉันตอบแม่เสร็จก็เดินเข้าห้องไปจัดของ
เช้าวันต่อมา...
“ขอบคุณครามมากนะลูก”
แม่ฉันเอ่ยขอบคุณพี่คราม ตอนนี้พี่เขามาช่วยฉันกับแม่ขนของ เพราะเขาเห็นว่ามีแค่ฉันกับแม่สองคนเองที่ขนกันเอง
คนอะไรหล่อแล้วยังใจดีอีก ฉันมาถึงที่พักได้สักพักแล้วล่ะ ฉันกับพี่ครามเราเริ่มงานพร้อมกันช่วงเวลานี้เลยมาช่วยกันจัดของก่อน
“เฮ้อออ เหนื่อยชะมัด ~ ”
ฉันบ่นออกมาหลังจากจัดของเสร็จ
“ให้แม่ช่วยไหมลูก?”
“ไม่เป็นไรจ้ะแม่ สร้อยแข็งแรงจะตาย แค่บ่นนิดหน่อยพอเป็นพิธีเฉย ๆ”
“ลูกคนนี้หนิ จริง ๆ เลย”
เวลา 12.00 น.
“สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ ^__^ ~ ”
ไม่ใช่เสียงใครที่ไหนหรอกค่ะเป็นฉันนั้นเอง ตอนนี้ฉันกำลังทำงานอยู่ค่ะ ต้องสลัดคราบอีสร้อยคนเดิมออกก่อนเพราะงานพวกนี้ต้องยิ้มหวานอะเนอะ
ถ้าเป็นอีสร้อยคนเดิมคงตะโกนเสียงดังสนั่นจนเหล่าไฮโซพวกนี้ตกใจอกแตกตายพอดี
แล้วก็วันนี้พนักงานทุกคนแต่งตัวดีเป็นระเบียบกันมากเพราะว่าผู้บริหารจะมานั่นเอง ก็เจ้าของห้างนั่นแหละ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขามีหน้าตาเป็นยังไง เพราะว่าพี่อรไม่ได้บอกซะด้วยสิ
มีแต่พี่ครามที่บอกว่าวันนี้จะมีเจ้าของห้างมาแค่นั้นแหละ ส่วนชื่อก็น่าจะชื่อคุณเคียร์ แต่เป็นใครก็ช่างเถอะเขาคงไม่มาจอดแถวชั้นจอดรถธรรมดา ๆ หรอก
“ทุเรศตาชะมัด”
ไม่ให้ทุเรศลูกกะตาได้ไง ก็ตอนนี้ฉันเห็นคู่ชายหญิงกำลังยืนจูบกันอยู่แถว ๆ ที่จอดรถน่ะสิ เปิดห้องเลยไหม! ถ้าจะขนาดนั้น
“เห้ย ๆๆๆ เกินไปละ”
ฉันทนดูได้ไม่นานก็ต้องเปิดประตูออกไปห้ามสักหน่อย เพราะจูบไม่พอนี่จะเอากันกลางที่จอดรถอยู่แล้วโว้ย เกิดคนแถวนี้มาเห็นฉันก็ซวยพอดีโทษฐานไม่ดูแลให้ดีอีก
ฉันเดินไปถึงจุดที่กำลังดุเดือด(จูบอย่างดุเดือด)ก่อนจะพูดทำลายบรรยากาศอุบาทว์นั้น
“นี่คุณ!! ห้างนะไม่ใช่ซ่องพลอดรัก กรุณาอายชาวบ้านชาวช่องเขาด้วยค่ะ”
“นี่แก!! มันจะมากไปละนะ เป็นแค่ยามกระจอก ๆ อย่าสะเหล่อ!”
อ่าวอีนี่วอนโดนอีสร้อยตบซะละมั้ง ปากเหรอนั่น
“นี่คุณ ชาติก่อนเกิดเป็นลูกช่างเหยียดหรือไงคะถึงได้ชอบดูถูกคนอื่นจัง ที่บ้านได้สั่งสอนมาบ้างไหมคะ?”
ฉันตอกกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง คนประเภทนี้อย่าไปแสดงให้มันเห็นค่ะว่าเราโกรธ(ทั้งๆที่ตอนนี้โกรธจนอยากจะเข้าไปตบสักดอกสองดอก)
“กรี๊ดดดด อีบ้า แกกล้าด่าฉันเรอะ!”
อยู่ดี ๆ อีผู้หญิงคนนั้นก็ร้องกรี๊ดขึ้นมา อีนี่มันบ้า!
“นี่มึง! ขอโทษลินลี่ซะ! กล้าดียังไงมาว่าผู้หญิงของกู”
ผู้ชายคนนั้นที่เงียบมาตั้งแต่แรกเพราะไม่มีโอกาสได้พูดเนื่องจากสาวข้างกายของเขาพูดฉอด ๆ พอยัยบ้านั่นกรี๊ดเขาก็เปิดปากพูดทันที
“ทำไมฉันต้องขอโทษด้วยฮะ! ไม่ทราบว่าหัวสมองของนายนี่มีแต่ขี้หมาขี้แมวเหรอฮะ ถึงได้ไม่เห็นว่าใครผิดใครถูก”
“นี่ยัยบ้า กล้าดียังไงถึงมาด่ากูว่าโง่ฮะ”
“อุ๊ย คำนั้นนายพูดเองนะ ฉันยังไม่ได้พูดสักคำ ^^”
ฉันทำท่าเอามือปิดปากก่อนจะแอ๊บท่าทางไร้เดียงสาออกไป
“แกกล้าดียังไงมาด่าพี่เคียร์ของฉันว่าโง่ พี่เคียร์ฉันไม่ได้โง่นะนังบ้า!! พี่เคียร์คะอีบ้านั้นมันด่าพี่ว่าโง่คะ”
“กูได้ยินแล้วไม่ต้องย้ำ!”
ฮ่า ๆ โอ๊ยอยากจะขำก๊ากว่ะ ดูสิผู้หญิงของเขาย้ำคำว่าโง่แล้วโง่อีก สงสัยจะโมโหมากมั้งละนั่นถึงได้ระเบิดอารมณ์ออกมาเฉย
“ส่วนมึง! กล้าดียังไงมาด่าว่ากูโ- เว้ย กล้าดียังไงมาด่ากูห้ะ!!”
เขาโวยวายออกมาแต่ก็ต้องสะดุดเพราะจะพูดคำว่า โง่ ออกมานั้นเอง ตลกฉิบหาย
“ทำไมจะไม่กล้าก็ในเมื่อนายมันโง่ ขนาดดูไม่ออกว่าใครผิดใครถูก ฉันไม่ด่าว่า ควาย ก็บุญเท่าไหร่แล้ว”
“กรี๊ดดดดด นังบ้า แก!!! ด่าพี่เคียร์ว่าควายอย่างนั้นเหรอ พี่เคียร์คะอีนี่มันด่าพี่ว่า ค-“
“หุบปาก!!!”
ก่อนที่คำว่าควายจะหลุดออกมาจากปากของผู้หญิงคนนั้นเสียงของคนที่ชื่อเคียร์อะไรนั้นก็พูดขึ้นมาซะก่อน ฮ่า ๆ ตลกว่ะ ว่าแต่ชื่อเขาเหมือนกับเจ้าของที่นี่เลยแฮะ
แต่คงไม่ใช่หรอก ผู้บริหารที่ไหนจะมาทำตัวต่ำ ๆ แบบนี้กัน ไอ้บ้านี่เหมาะกับ..เอ๊ะไม่สิ ไม่เหมาะกับอะไรทั้งนั้น ต่ำเกินกว่าจะเปรียบ!
“ส่วนมึง ใครเขารับคนปากดีแบบมึงเข้ามาทำงานกัน! กูจะไล่ออกให้หมด”
“โอ๊ยเหอะ! มโนตัวเองไปไหมคะคุณผู้ชาย ฉันต่างหากที่ต้องถาม ห้างนี้เขารับแต่พวกไฮโซกันนะคะ ไม่นึกเลยว่าจะมีหมาบ้าสองตัวหลุดเข้ามาได้”
ทำมาเป็นพูดจะไล่องไล่ออก อย่างกับตัวเองเป็นเจ้าของ สงสัยจะดูละครมากไปปะ แต่โทษทีฉันไม่หลงกลหรอก!
เคียร์ Talk
สวัสดีครับทุกตัว เอ๊ย!ทุกคน โทษทีครับพอดีผมมันปากหมาไปหน่อย ผมชื่อเคียร์ครับหล่อเท่อันนี้ไม่ต้องบอกผมก็รู้ตัวครับ เอาละมาต่อจากเมื่อกี้กันดีกว่าครับ
มียัยบ้าที่ไหนไม่รู้มายืนด่าผมกับลินลี่ผู้หญิงที่ผมควงอยู่เฉยเลย แต่พอมองดูดี ๆ เธอก็สวยนะครับ ตัวเล็ก เซ็กซี่ หน้าอกใหญ่ ๆ นั่นอีก แต่ถ้าไม่ติดว่ายัยบ้านี่ปากดีไปหน่อยผมคงจีบไปละ คิดดูถ้ามือของผมจับเข้าที่หน้าอกใหญ่ ๆ นั้นคงจะมันมือไม่เบา ฮ่า ๆ
เอาละว่าแต่ผมต้องสั่งสอนสักหน่อย ใครเขารับยัยคนปากดีแบบนี้เข้ามาทำงานกัน ผมจะไล่ออกแม่งให้หมดเลย ใช่แล้วครับ ผมเนี่ยเป็นเจ้าของที่นี่ แต่ดูเหมือนยัยปากดีคนนี้จะไม่รู้สินะถึงได้กล้ามาด่าผมแบบนี้
“อย่าปากดีถ้ายังไม่อยากตกงาน! ไปเรียก อร มาพบกูเดี๋ยวนี้ยัยปากหมา!” (SUNISAYOK : ว่าคนอื่นไม่ดูตัวเองเล้ย)

“อ๊ะ อ๊า จะ..จุกไป ๆ” เธอใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้กอดคอเขาไว้มากุมท้องตัวเองที่จุกจากการกระแทกลึกของเขา “ยืนแป๊บ” เคียร์เอ่ยบอกหญิงสาวที่ทำหน้างงก่อนจะวางเธอลงในท่ายืน เขาจับเธอหันหลังดันเธอให้ติดกับกระจกหน้าต่าง เขาดึงก้นเธอเข้ามาแนบชินก่อนจะสอดใส่เจ้ามังกรเปียกชุ่มเข้าจากทางด้านหลัง “อ๊า อื้ออออ ไม่..เอาท่านี้สิ อื้อออ” หญิงสาวร้องออกมาเมื่อท่านี้มันทำให้แก่นกายใหญ่ของเขาเข้ามาได้ลึกกว่าเดิมอีก ไหนจะหน้าอกหน้าใจของเธอที่กำลังเบียดเสียดรูดขึ้นลงกับกระจกที่แนบชิดอยู่ สร้างความเสียวราคะทุกโซนประสาทจริง ๆ “ตอดขนาดนี้จะแตกแล้วเหรอหืมม ซี้ดด” เมื่อรับรู้ถึงการตอดถี่ของหญิงสาวว่าใกล้จะแตะขอบสวรรค์แล้วเขาก็เร่งเครื่องติดจรวดทันที กระแทกเข้าออกไม่ยั้ง “อ๊ามะไหวว/อื้อออซี้ดด” เสียงครางกระเส่าดังขึ้นประสานกันเมื่อทั้งคู่แตะที่จุดสุดยอดในที่สุด ชายหนุ่มกระแทกสองสามทีรีดน้ำรักเข้าไปในตัวของหญิงสาวจนหมดก่อนจะชักออกมา ส่งผลให้หญิงสาวที่มีขาอ่อนจากความเสียวในตอนแรกนั่งพับ
ตอนพิเศษ ๓ NC+++สถานที่ ประเทศ USAตอนเช้า... ชายหนุ่มหญิงสาวคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งแต่งงานกันไปได้ไม่นานก้าวขาลงจากเครื่องบินส่วนตัวเพียงสองคน วันนี้เธอและเขามาฮันนีมูนกันนั่นเอง โดยได้คุณแม่ของเธอและคุณแม่ของเคียร์ที่กำลังเห่อน้อง กำไล รับไปดูแล จนทำให้เธอกับเขาได้มีโอกาสเที่ยวกันสองคน “อยากไปที่ไหนเป็นพิเศษไหม?” มือใหญ่วางทาบลงบนหัวคนตัวเล็กที่กำลังยืนชั่งใจคิดว่าจะเที่ยวที่ไหนดี เนื่องจากก่อนมาพวกเขาไม่ได้ทำการวางแพลนใด ๆ เลย “อืม...อยากไปดูที่เขาแปะมือกับดาราอะ แบบมีการประทับมือดาราดัง ๆ ลงแผ่นไรสักอย่างอะ” เคียร์พยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ภรรยาตัวเองพูด ก่อนจะยกมือถือโทรหาคนขับรถของประเทศนี้ เพียงไม่นานรถหรูก็เคลื่อนเข้ามาจอดตรงหน้า พร้อมกับมีพนักงานลงมาเปิดประตูต้อนรับแขกคนพิเศษ พวกเขาคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ สร้อยเองก็ทำหน้าไม่ค่อยจะเข้าใจมากเท่าไหร่ “รู้งี้ตั้งใจเรียนภาษาดีกว่า” ภรรยาตัวแสบนั่งบ่นให้เขาฟัง ส่วนเขาได้แต่นั่งยิ้มกับความน่าเอ็นดูของเธอ “อยากเรียนไหมล่ะ”
ตอนพิเศษ ๒ ใช้เวลาพักฟื้นตัวหลังคลอดได้ไม่นานก็ถึงเวลาเตรียมการจัดงานแต่งงานที่เคยสัญญาไว้แล้ว “ฝากเจ้าตัวเล็กด้วยนะคะแม่ สร้อยจะรีบกลับมาค่ะ” เสียงหญิงสาวเอ่ยบอกคนเป็นแม่ คุณยายของเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอด เธอจะต้องออกไปลองชุดและซื้อของต่าง ๆ เพื่อจัดเตรียมงานแต่งที่กำลังใกล้จะถึงกับว่าที่สามีของเธอ “ไปเถอะลูก เจ้าตัวเล็กนี่แม่จะดูแลเอง เนอะหลานยาย” หญิงสาวมีอายุหันไปหยอกล้อเล่นกับหลานตัวน้อยอย่างเอ็นดูหลายชั่วโมงผ่านไป... ใช้เวลาหลายชั่วโมงเลยทีเดียวกว่าจะเตรียมของจนเสร็จ นอกนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของออร์แกไนเซอร์ เนื่องจากว่าที่สามีของเธอได้จ้างวานมาเอง “เหนื่อยไหมวันนี้” เคียร์เอ่ยถามเจ้าตัวแสบของเขา พลางวางมือหนาไว้บนหัวของว่าที่ภรรยาสาวไปด้วย “นิดหน่อย บอกแล้วไม่ต้องจัดก็ได้” เธอเพียงมุ่ยหน้าเล็กน้อย สร้างรอยยิ้มเอ็นดูให้กับคนตรงหน้าได้มากทีเดียว “ได้ไง คนดังอย่างกูแต่งงานทั้งทีเลยนะ” ชายหนุ่มพูดออกมาได้ไม่อายปาก หญิงสาวได้แต่ส่ายหัวไปมาแท
ตอนพิเศษ ๑8 เดือนผ่านไป...เวลา 04.35 น. ภายในห้องกว้างมีเพียงสองร่างชายหญิงกำลังนอนหลับใหล ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศกำลังทำงานส่งผลให้ทั้งคู่หลับอย่างสบาย เพียงแค่ไม่กี่วินาทีต่อมาจากความเงียบสงบแปรเปลี่ยนเป็น.... “อะ โอ้ยยยย” หญิงสาวท้องโตสะดุ้งตื่นพร้อมกับส่งเสียงถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ เสียงที่เธอร้องออกมาดังจนปลุกให้ชายร่างกำยำมีลายสักที่คอสะดุ้งตื่น “สร้อยเป็นอะไร!” เขาถามเธอออกไปด้วยความตระหนกตกใจ เมื่อเห็นหญิงสาวลุกขึ้นมานั่งกุมท้องใหญ่ “ละ..ลูก จะคลอด! โอ๊ยยยยยเจ็บบบ” หญิงสาวท้องโตพูดออกมาด้วยความเจ็บปวด เตียงที่เคยแห้งกลับกลายเป็นเปียกโชก บ่งบอกได้ดีว่าเด็กน้อยในท้องพร้อมที่จะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว “เวรเอ๊ย! อดทนก่อนกูจะรีบพามึงไปโรงพยาบาล” ชายร่างกำยำรีบจัดการเสื้อผ้าบนตัวก่อนจะวิ่งอ้อมมาหาหญิงสาวด้วยความรีบร้อน “หนักฉิบหายเลยโว๊ยยยยย” ปากหนาบ่นอุบอิบ หญิงสาวไม่มีเวลามาสนใจเนื่องจากต้องทนกับอาการเจ็บปวดที่ได้รับ ฝ่ายชายรีบอุ้มหญิงสาววิ่งไปที่รถ
“ไหวไหมนั่น” ฉันทำท่าทางจะลุกเดินไปหา แต่เขาห้ามไว้ซะก่อน “อย่าแกล้งพ่อเขาหนักสิลูก” ฉันนอนลูบท้องเปล่งเสียงเบาบอกลูกของตัวเอง ส่วนเขาก็เดินขึ้นมานอนข้าง ๆ “ดีแล้วที่กูแพ้แทนมึง เพราะถ้ามึงแพ้เองกูคงไม่มีกะจิตกะใจทำงานแน่” แหนะ ยังจะมาปากหวานอีก “พูดถูกใจตลอดด” ฉันแอบแซวเขาพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นไปหยิกแก้มทั้งสองไปมา “กูพูดตามความรู้สึก” เขาเอื้อมมือมากุมมือฉันที่กำลังหยิกเขา แล้วหอมมือฉันอย่างแผ่วเบา “รู้ไหมว่ารักมาก?” “อือรู้ ฉันก็รักพี่มากเหมือนกัน” “แล้วรู้ไหมว่ากู หวง ห่วง มึงมาก?” “รู้สิ สร้อยก็ หวง ห่วง พี่เหมือนกันนะ” “งั้นก็รู้ไว้ซะ ว่ามึงคือผู้หญิงของกูคนเดียวและเป็นแม่ของลูกกูด้วย” “>////พี่ก็เหมือนกันเป็นพ่อของลูกสร้อย” ความร้อนรุ่มแทรกผ่านเข้ามาที่ใบหน้าของฉัน เครื่องปรับอาการที่ว่าเย็นมากแล้วยังต้องยอมแพ้กลับความร้อนที่เผาผลาญอยู่บนหน้าของฉัน เขานี่มันพูดได้ไม่อายเลยจริง
บทที่ 31 END “ทำงี้กะจะให้กูหลงจนโงหัวไม่ขึ้นเลยเหรอวะ” บ้าที่สุดดด ชอบพูดคำน่าอายอยู่นั่น “รีบไปได้แล้ว >///” ฉันออกแรงผลักไล่ให้เขาขยับตัวออก แล้วไล่ดุนหลังเขาจนไปถึงหน้าห้อง “เดี๋ยวรีบกลับนะ จุ๊บ” ว่าจับเขาก็จุ๊บลงบนปากของฉันอีกครั้ง แล้วหมุนตัวเดินออกไป กว่าจะได้ออกไปทำงานฉันก็เปลืองตัวไปกับเขามากโขแล้ว หุหุหัวค่ำ...Rrrr Rrr เสียงริงโทนดังขึ้นเรียกความสนใจให้ฉันละสายตาออกจากทีวี พลางก้มลงไปมองสายที่โทรเข้ามา ฉันยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นใครโทรเข้ามา “จะกลับแล้วเหรอ” ฉันกดรับก่อนจะเอ่ยถามคนปลายสาย “อืม ใกล้ถึงแล้ว” เขาตอบเสียงเรียบ “ใกล้ถึงแล้วจะโทรมาให้เปลืองเงินทำไมเล่า” “คิดถึง เพิ่งมีเวลาจับมือถือเอง” เสียงออดอ้อนของปลายสายสร้างความรู้สึกดีให้ฉันไม่น้อย “คิดถึงเหมือนกัน วางสายก่อนขับรถอยู่อันตราย” “ครับ” เขาตอบรับด้วยคำสุภาพทำเอาฉันรู้สึกกระดากหูที่ได้ยิน ไม่








