ログインระหว่างทางที่ทั้งสองคนเข้ากรุงเทพฯ มินทดาขับรถอย่างระมัดระวัง ฝนตกหนัก เขาไปส่งเจ้าสาวของเขาที่คอนโดของเธอ เหมือนความฝัน เมื่อเช้าเขาเข้าพิธีแต่งงานกับพราวรัมภา เขารู้มาตลอดว่าจะต้องเป็นพราวรัมภา
มินทดาส่งนักสืบติดตามพลอยไพลิน รู้ว่าเธอจะหนีการแต่งงาน ดีใจที่เป็นพราวรัมภา เอาจริงเขาภาวนาให้พลอยไพลินหนีไปให้ไกลๆ และให้เร็วที่สุด เขาเต็มใจแต่งงาน แต่ก็สงสารเจ้าสาวจำเป็น คงเป็นฝันร้ายของเธอไปอีกนาน เขาจะให้เวลา เสียงคนที่นั่งข้างๆ สะอื้น เห็นความพยายามระงับสติอารมณ์ และกลั้นสะอื้นแล้วก็สงสาร
“ไม่น่าเชื่อนะว่าเราอยู่คอนโดเดียวกัน แต่ไม่เคยพบกันซะงั้น”
“จริงเหรอคะ คุณก็พักอยู่ที่นี่เหรอ ฉันอยู่มาตั้งแต่เข้ามาเรียนแล้วก็ทำงาน คุณมาซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เห็นแม่บอกว่าคุณอยู่ต่างประเทศตลอดไม่ใช่เหรอคะ”
“ผมซื้อไว้นานแล้วตั้งแต่อยู่เมืองไทย จนครอบครัวอพยพไปอยู่ต่างประเทศ นานๆ ผมกลับมาเมืองไทยก็มาพักที่นี่ “
“ไม่น่าเชื่อนะคะ งั้นก็แสดงว่า วันที่คุณชนท้ายฉัน คุณก็กลับมาพักที่นี่เหรอคะ”
“ครับ แต่ผมจอดรถด้านหลัง ไม่ค่อยจอดด้านหน้า เลยไม่เห็นรถคุณ”
“แล้วพ่อกับแม่จะรู้ไหมคะว่าเราพักอยู่คอนโดเดียวกัน”
“พ่อกับแม่ผมรู้ แต่คุณน้าผมไม่รู้นะ”
“แต่ฉันจะย้ายค่ะ กลัวพ่อกับแม่มา ยิ่งถ้าท่านรู้ว่าฉันกับคุณอยู่คอนโดเดียวกัน มีหวังมาจัดการโน้นนี่นั่นแน่ๆ”
“ครับแล้วแต่เลย อะไรที่ทำแล้วสบายใจก็ทำไป ชีวิตเป็นของคุณแล้วนี่”
“ขอบคุณนะคะที่เข้าใจฉัน ส่งฉันแค่นี้ก็ได้ค่ะเดี๋ยวฉันขนกระเป๋าเอง”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมช่วยไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วนี่ ผมบอกแล้วว่าเราตกที่นั่งเดียวกัน มีอะไรพอที่จะช่วยได้ก็ต้องช่วย”
พราวรัมภามองหน้าผู้ชายตรงหน้า เขากับเธอเพิ่งผ่านพิธีแต่งงาน เขาและเธอเป็นสามีภรรยากัน แต่ทั้งเขาและเธอต่างก็ไม่ได้เต็มใจ เขาก็ไม่ได้ใจร้ายหรือเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลหรอก อย่างน้อยเขาก็เข้าใจเธอ ไม่เรียกร้องสิทธิ์ ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ ก็แน่ล่ะเขาเป็นคนสมัยใหม่ ไปอยู่ถึงเมืองนอกเมืองนา เธอไม่เชื่อว่าเขาจะเต็มใจแต่งงาน
“ผมว่าคุณกินอะไรก่อนพักดีไหม เราสองคนยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย เอาจริงๆ ข้าวกลางวันเราก็ยังไม่ได้กิน ไม่ต้องห่วงนะ เราเป็นเพื่อนกันได้ ผมบอกแล้วว่าคืนอิสระให้คุณ เราต่างคนต่างคืนอิสระให้กัน คิดซะว่ามันเป็นความฝันล่ะกันนะ “
“แน่นะคะ ทีแรกฉันมองว่าคุณเป็นผู้ชายที่น่ากลัวมาก ไม่มีเหตุผล ใจร้อน เอาแต่ใจ แถมกวนประสาท”
“จริงๆ ผมก็เป็นแบบนั้นแหละ แต่พอมาเจอคนแบบคุณ ทำให้ผมใจเย็นลง ยิ่งเรื่องวันนี้ด้วยแล้ว ผมคิดว่าผมไม่น่าตามใจพ่อกับแม่เลย ผมแค่อยากทำให้ท่านมีความสุข ให้ความฝันของท่านกับเพื่อนของท่าน บรรลุวัตถุประสงค์อย่างที่ตั้งใจไว้เท่านั้น ผลเป็นยังไงผมก็รับได้ ไม่เครียด”
“ขอบคุณนะคะที่เข้าใจฉัน เดี๋ยวฉันทำกับข้าวให้คุณกินดีกว่า เป็นการตอบแทนที่คุณมาส่ง และดีกับฉัน ไม่โกรธครอบครัวฉัน”
“คุณนั่งพักก่อนนะคะ ห้องน้ำอยู่ด้านโน้น เดี๋ยวฉันขอหุงข้าวก่อน กับข้าวง่ายๆ นะคะ”
“ครับ ผมขอนอนพักสักหน่อย เสร็จแล้วช่วยเรียกผมด้วยนะ” มินทดาลุกไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา สมองเขาค่อนข้างหนัก วันนี้มีหลายเรื่องให้ต้องคิด ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนที่โซฟา และหลับไปในที่สุด
พราวรัมภาใช้เวลาทำกับข้าวไม่ถึงสามสิบนาที ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย เห็นเขาหลับเธอเองก็เหนื่อย หญิงสาวเปลี่ยนใจเข้าห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่กับบ้าน ชุดผ้าถุงและเสื้อลูกไม้ที่พอดีตัวของพลอยไพลิน ทำให้เธออึดอัดอดทนใส่มาจากบ้านจนถึงคอนโด การที่ได้อาบน้ำชำระร่างกายสระผม ทำให้เธอสบายตัวมากขึ้น
มินทดาแอบมองเจ้าของห้อง เขาตื่นตั้งแต่พราวรัมภาทำกับข้าวเสร็จแล้ว แต่แกล้งหลับต่อ จนหญิงสาวหายเข้าห้องส่วนตัวไปและกลับออกมาด้วยชุดเดรสหลวมๆ ท่าทางดูผ่อนคลายมากกว่าเมื่อช่วงที่เดินทางมาด้วยกัน เขาสบายใจที่เห็นหญิงสาวมีท่าทางที่ผ่อนคลาย
“คุณมินทดาคะ ตื่นมากินข้าวก่อนดีไหมคะ ฉันทำกับข้าวเสร็จแล้ว ตั้งโต๊ะแล้วค่ะ”
“ขอโทษครับผมเผลอหลับไป รู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว”
“กินข้าวก่อนนะคะ เดี๋ยวจะไม่สบายแล้วเดี๋ยวค่อยกินยา” พราวรัมภาตักข้าวให้ชายหนุ่ม เธอทำไข่เจียวหมูสับ แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดพริกแกงหมูอีกจาน
“น่ากินจังเลย สงสัยอร่อยทุกอย่างแน่ๆ ดูจากหน้าตาแล้ว” เขาหมายความอย่างที่พูดจริงๆ
“ลองชิมก่อนค่ะ อาจไม่ใช่รสที่คุณชอบก็ได้ ฉันทำตามที่ฉันชอบ” พราวรัมภาตักข้าว และเริ่มลงมือกินข้าวเงียบๆ
“ปกติคุณทำกับข้าวกินเองเหรอครับ”
“ค่ะ ไม่ค่อยชอบออกไปกินข้างนอก ประหยัดดีด้วย เมื่อก่อนพี่พลอยอยู่ด้วยไปบ่อยค่ะ พี่กริชเป็นคนจ่าย พอพี่พลอยย้ายไปอยู่กับพี่กริช ฉันก็ทำกินเอง จ่ายตลาดเดือนละสองครั้ง ก็อยู่ได้ทั้งเดือนแล้วค่ะ”
“อร่อยจริงๆ นะผมชอบ” มินทดากินข้าวสองจาน
ทั้งสองคนกินข้าวด้วยกันเงียบๆ ชายหนุ่่มสังเกตภายในห้องเป็นระเบียบ สะอาด สบายตา แต่ถ้าพราวรัมภาย้ายคอนโด เขาจะทำยังไง แค่นี้ก็รู้สึกว่าชอบผู้หญิงคนนี้แล้ว
“เดี๋ยวผมล้างจานให้นะครับ เป็นการตอบแทน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเต็มใจ ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ ที่คุณไม่โกรธครอบครัวฉันไม่โกรธพี่พลอย และยังให้อิสระฉันอีก”
“ไม่เอาน่า คุณพูดเรื่องนี้หลายรอบแล้ว เอาเป็นว่าเราเป็นเพื่อนกันก็ได้นะ มีอะไรคุณก็ปรึกษาผมได้ ผมยินดี และสบายใจได้เลยว่าผมไม่เคยคิดร้ายกับคุณ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” พราวรัมภายกมือไหว้มินทดาน้ำตาคลอ
“มาผมช่วยล้างเอง คุณเหนื่อยแล้ว กลับมาก็ไม่ได้พัก แถมยังต้องมาทำกับข้าวให้ผมกินอีก”
“คุณอายุเท่าไรคะ เอาจริงๆ ฉันเพิ่งรู้จักชื่อคุณวันนี้นี่เอง ตอนที่แม่คุณเรียกเมื่อเช้า”
“ผมชื่อมินทดา อัสมารักษ์ อายุ 33 ปี สถานะโสดแต่ไม่สด ก่อนหน้าที่จะย้ายมาเมืองไทยผมคบกับผู้หญิงหลายคน และเพิ่งผ่านการแต่งงานโดยการถูกคลุมถุงชน เมื่อเช้า และเวลานี้ผมโสด เป็นไง โปรไฟล์ดีไหม”
พราวรัมภาหัวเราะออกมาได้ เขาเป็นเจ้าบ่าวของเธอแท้ๆ แต่เธอกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย ซึ่งความจริงเรื่องต่างๆ มันไม่เกี่ยวกับเธอ มันเป็นเรื่องของพ่อกับแม่และพี่พลอย แต่มันเหมือนฝันร้ายของเธอ
“ฉันชื่อพราวรัมภา ก่อเกียรติอนันต์ อายุ 25 ปี โสดสนิท เพิ่งผ่านการแต่งงาน เป็นเจ้าสาวจำเป็นมาเมื่อช่วงเช้า และเวลานี้โสดสนิท และจะโสดอีกนานเลยค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“ผมเป็นพี่คุณตั้ง 8 ปี เลยนะ"
"ฉันรู้ค่ะ"
"ผมเป็นลูกชายคนเดียวไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่จบ ม.6 และกลับมาเมืองไทยเพื่อแต่งงาน และทำธุรกิจอสังหา คิดว่าจะอยู่เมืองไทยจะไม่กลับต่างประเทศอีกแล้ว
“งั้นต่อไปคุณอาจมีแฟน ถ้าผู้หญิงของคุณเห็นภาพงานแต่งงานของเรา หากเขาไม่เชื่อว่าเราแต่งหลอกๆ ให้ฉันอธิบายความจริงให้เขาฟังได้นะคะ ส่วนของฉันคุณไม่ต้องเป็นห่วง เพราะที่ทำงานฉันคนน้อย และฉันเองก็ไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก ไม่มีใครรู้เรื่องส่วนตัวของฉันหรอกค่ะ รู้แค่ว่าฉันมีบ้านอยู่ต่างจังหวัด”
“แม่โทรมาครับ สงสัยคงเป็นห่วงเรา” มินทดายกมือให้พราวรัมภาเบาเสียง
“ครับแม่ มีอะไรหรือเปล่าครับ ผมอยู่กับน้องครับที่คอนโด น้องเพิ่งทำกับข้าวให้กิน เพิ่งอิ่มเมื่อกี้เลยครับ ขอโทษที่ไม่ได้บอกทุกคนว่าถึงแล้ว ไม่ต้องห่วงนะครับ เราสองคนเข้าใจกันดี งั้นแค่นี้นะครับแม่ พักผ่อนกันเถอะครับ ผมกับน้องเหนื่อยมากอยากพักเหมือนกัน ครับแม่ สวัสดีครับ” มินทดาวางสายพอดีกับโทรศัพท์ของพราวรัมภาดังขึ้น
“แม่ฉันโทรมาค่ะ แต่ไม่รับดีกว่า” หญิงสาวปิดเสียงโทรศัพท์ เธอยังไม่อยากคุยกับทางบ้าน ยังรู้สึกโกรธ
“ผมรู้ว่าต้องใช้เวลา แต่อย่าคิดเยอะเลยยังไงท่านก็เป็นพ่อเป็นแม่ พี่สาวคุณก็เหมือนกัน อย่าไปโกรธเธอเลย คนเราเห็นแก่ตัวกันทุกคน แต่จะแสดงออกแบบไหนแค่นั้นเอง”
“ทำไมดูเหมือนคุณไม่เครียดเลย ไม่เครียดเลยเหรอคะ”
“ก็ทุกอย่างมันจบลงด้วยดี คุณกับผมก็เข้าใจกัน ต่างคนก็ต่างให้อิสระกัน เรารู้ว่าการแต่งงานมันก็แค่ละคร เราทำไปตามบท และมันก็จบลงแล้ว ไม่ต้องคิดมากแล้วนะ ต่อไปนี้คุณก็ไม่ต้องกลับบ้าน อยู่ทำงานของคุณไป หายโกรธเมื่อไหร่ก็ค่อยกลับไปหาท่านแค่นั้นเอง ว่าแต่คุณจะย้ายคอนโดเมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้ค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดอีกวัน ฉันจะย้ายของพรุ่งนี้เลย ระหว่างทางที่มาจากบ้าน ฉันจองออนไลน์ไปแล้ว เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะเริ่มเก็บของเอาเท่าที่จำเป็นไปก่อน”
“ให้ผมช่วยไหม ผมว่างเดี๋ยวผมไปส่งให้ก็ได้ ผมว่าเที่ยวเดียวก็น่าจะหมดนะใส่กระบะรถคุณไป”
“ไม่เป็นไรคุณกลับไปพักผ่อนเถอะ ปวดหัวไม่ใช่เหรอคะ กินยาแล้วก็ต้องพักผ่อน คุณเองก็ปวดหัวเหมือนฉันนั่นแหละ”
“อย่าลืมว่าผมเป็นผู้ชายนะ แข็งแรงกว่าคุณเยอะเลย ให้ผมช่วยดีกว่า ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ช่วยก็ต้องช่วยให้เสร็จ หรือคุณจะรอให้พ่อกับแม่ของคุณขึ้นมาดูว่าเราอยู่ด้วยกันจริงไหม”
พราวรัมภาคิดอยู่สักพัก “งั้นก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวฉันเลือกพวกของที่จะต้องย้ายไปก่อน เอาที่จำเป็นๆ “
“ระหว่างคุณเก็บของ ผมขอกลับไปอาบน้ำก่อนล่ะกัน แล้วเดี่ยวผมมาช่วยแพ็คและขนกระเป๋า พรุ่งนี้จะได้ขนย้ายทีเดียวตกลงตามนี้นะครับ” มินทดาไม่รอคำตอบเขาลุกขึ้น และออกจากห้องไป ตรงไปที่ห้องของเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก ห่างกันแค่ชั้นเดียว เขาเพิ่งย้ายเข้ามาหลังจากที่รถชนกันคราวนั้น นี่จะต้องย้ายตามเจ้าสาวจำเป็นของเขาอีกเหรอ ชายหนุ่มยิ้ม รู้สึกสบายใจที่ได้พูดคุยกับพราวรัมภา ไม่เหมือนครั้งแรกที่เจอกัน ที่สำคัญทำกับข้าวอร่อยถูกปากเขามาก
พราวรัมภาไม่ได้คิดอะไร รีบเก็บเสื้อผ้าชุดทำงาน จริงๆ มีไม่มาก แต่รวมๆ แล้วเยอะเหมือนกัน อาหารสดเธอต้องเอาไปให้หมดเพิ่งจะซื้อมาเอง ทำกินไม่กี่เวลา ซื้อมาเพื่อทำกินทั้งเดือน หลังจากนี้เธอจะไม่ติดต่อกลับบ้าน ตั้งใจว่าจะเปลี่ยนซิมใหม่ เธอเชื่อว่ายังไงพลอยไพลินก็ต้องติดต่อกลับมาเพื่อถามข่าวบ้างล่ะ
มินทดาหายไปไม่ถึงยี่สิบนาทีเขาก็กลับมาด้วยชุดเสื้อยีดสีขาวกางเกงขาสั้น เขาลากกระเป๋าใบใหญ่มาด้วย เหมือนจะรู้ว่ากระเป๋าของเธอไม่พอ
“ผมเห็นว่าคุณไม่มีกระเป๋า เลยเอาของตัวเองมาให้ยืม”
“ขอบคุณมากนะคะ ฉันตั้งใจว่าจะออกไปซื้อพรุ่งนี้พอดี”
สุดท้ายมินทดาก็ได้แต่นั่งมองพราวรัมภาเก็บของ ทำไมช่างเป็นผู้หญิงที่มีระเบียบและเรียบร้อยมากนะ เขานั่งมองหญิงสาวทำโน้นทำนี่เพลินจนเผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็ตีหนึ่งเข้าไปแล้ว ผ้าห่มที่คลุมอยู่บนตัวเขาหนาและอุ่นดี ไฟในห้องปิดเหลือเพียงโคมไฟ ประตูห้องนอนของพราวรัมภาปิดสนิท มินทดานอนอมยิ้ม รู้ว่าพราวรัมภาไว้ใจเขามาก ไม่น่าเชื่อว่าภายในวันเดียวกันตั้งแต่เช้ากระทั่งบัดนี้ มีหลากหลายเรื่องราวระหว่างเขากับเธอ เหมือนฝัน ฝันแบบมีความสุข
หกโมงเช้าที่คอนโดของพราวรัมภา หญิงสาวตื่นสาย ปกติเธอจะต้องตื่นตีห้า หรือไม่ก็ตีห้าครึ่ง แต่เพราะเมื่อวานเป็นวันที่เธอรู้สึกว่าเหนื่อยที่สุดในโลก เมื่อคืนหลังจากเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเรียบร้อย เธอเห็นมินทดาหลับเธอไม่อยากปลุก เขาเองก็ไม่เหนื่อยไม่น้อยไปกว่าเธอ เลยยอมให้เขานอนพักด้านนอกแบ่งผ้าห่มไปให้ ส่วนตัวเองก็นอนหลับสนิทตื่นเช้าทีเดียว รู้สึกสมองปลอดโปร่งโล่งกว่าเมื่อวานนิดหน่อย รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกมาข้างนอก มินทดาตื่นแล้ว เธอไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นคนแปลกหน้า รู้สึกคุ้นเคยกับเขามากกว่า อาจเป็นเพราะว่าเธอกับเขาพบกันก่อนที่จะมีงานแต่งงานเกิดขึ้นก็เป็นได้“สวัสดีค่ะ คุณเป็นยังไงบ้างคะ ตื่นนานหรือยัง เมื่อคืนฉันเห็นคุณหลับสนิทเลยไม่อยากปลุก”“ครับตื่นเมื่อสักครู่ ขอบคุณมากที่ไม่ปลุก แถมยังใจดีแบ่งผ้าห่มมาให้อีก”“เดี๋ยวฉันทำอาหารเช้าให้กินนะคะ แล้วค่อยขนของ ฉันยังต้องเก็บพวกอาหารสดใส่กล่องอีกนิดหน่อย รอสักครู่นะคะ หรือคุณจะกลับห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”“ขอกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนละกันครับ แล้วเดี๋
ระหว่างทางที่ทั้งสองคนเข้ากรุงเทพฯ มินทดาขับรถอย่างระมัดระวัง ฝนตกหนัก เขาไปส่งเจ้าสาวของเขาที่คอนโดของเธอ เหมือนความฝัน เมื่อเช้าเขาเข้าพิธีแต่งงานกับพราวรัมภา เขารู้มาตลอดว่าจะต้องเป็นพราวรัมภามินทดาส่งนักสืบติดตามพลอยไพลิน รู้ว่าเธอจะหนีการแต่งงาน ดีใจที่เป็นพราวรัมภา เอาจริงเขาภาวนาให้พลอยไพลินหนีไปให้ไกลๆ และให้เร็วที่สุด เขาเต็มใจแต่งงาน แต่ก็สงสารเจ้าสาวจำเป็น คงเป็นฝันร้ายของเธอไปอีกนาน เขาจะให้เวลา เสียงคนที่นั่งข้างๆ สะอื้น เห็นความพยายามระงับสติอารมณ์ และกลั้นสะอื้นแล้วก็สงสาร“ไม่น่าเชื่อนะว่าเราอยู่คอนโดเดียวกัน แต่ไม่เคยพบกันซะงั้น”“จริงเหรอคะ คุณก็พักอยู่ที่นี่เหรอ ฉันอยู่มาตั้งแต่เข้ามาเรียนแล้วก็ทำงาน คุณมาซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เห็นแม่บอกว่าคุณอยู่ต่างประเทศตลอดไม่ใช่เหรอคะ”“ผมซื้อไว้นานแล้วตั้งแต่อยู่เมืองไทย จนครอบครัวอพยพไปอยู่ต่างประเทศ นานๆ ผมกลับมาเมืองไทยก็มาพักที่นี่ ““ไม่น่าเชื่อนะคะ งั้นก็แสดงว่า วันที่คุณชนท้ายฉัน คุณก็กลับมาพักที่นี่เหรอคะ”“ครับ แต่ผ
พราวรัมภาพยายามที่จะไม่ร้องไห้ หญิงสาวกลั้นสะอื้น แต่ก็อดไม่ได้น้ำตาไหลตลอดเวลา โชคดีที่ญาติของมินทดาเป็นช่างแต่งหน้า ไม่ยากเพราะเครื่องหน้าของเจ้าสาวสวยอยู่แล้ว ชุดของพลอยไพลินถึงจะเซ็กซี้ไปปน่อย แต่พราวรัมภาก็ใส่ได้พอดี สองพี่น้องหุ่นเท่าๆ กัน“ทำใจดีๆ หยุดร้องไห้ได้แล้ว ก็แค่แต่งให้เป็นพิธี หลังงานเราก็ต่างคนต่างก็แยกย้าย ผมสัญญา เราไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่มีการ์ดแต่งงาน ยกเลิกงานฉลองสมรสแค่นี้พอใจไหม” สงสารก็สงสารจากที่เคยหมั่นไส้แต่ตอนนี้หัวใจเขากลับอ่อนไหวเมื่อเห็นน้ำตาของเจ้าสาว ใจเขาเสียไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำถูกหรือผิด แต่เขาต้องการให้เป็นแบบนี้“จริงๆ นะคะ เสร็จงานวันนี้แล้วเราก็ต่างคนต่างแยกย้าย คุณสัญญาไหมคะ” พราวรัมภาจับแขนของมินทดาเขย่าเหมือนขอความมั่นใจจากเขา“จริงซิ ผมไม่โกหกหรอก แต่ตอนนี้เราออกไปข้างนอกกันได้แล้ว ทำหน้ายิ้มเข้าไว้อย่าให้ใครจับพิรุธได้”พราวรัมภาถอนหายใจ พยายามกลั้นสะอื้น“พร้อมหรือยัง มาเกาะแขนผมไว้จะได้มั่นใจมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องกลัว แค่ผูกแขนเฉยๆ ไม่นานหรอก คนก็ไม่เยอะ
ในที่สุดวันสำคัญก็มาถึง ไม่มีการ์ดแต่งงานตามที่พลอยไพลินขอร้อง ไม่มีการจดทะเบียนสมรส เชิญเฉพาะญาติที่สนิท แต่งเช้ามีงานเลี้ยงฉลองที่โรงแรมในเมือง เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวไม่มีโอกาสพบหน้ากัน เห็นเพียงรูปสมัยเด็กๆ พลอยไพลินพยายามค้นหาอยากพบอยากพูดคุยกับเขา เพื่อที่ว่าสองคนตกลงกันได้ งานแต่งงานจะได้ไม่เกิดขึ้น แต่กลับติดต่อไม่ได้ และเธอไม่ว่างพอที่จะมาตามเรื่องพวกนี้ พลอยไพลินมีแผนในใจอยู่แล้วว่าจะทำยังไง ถ้าพ่อกับแม่ตัดเธอออกจากการเป็นลูกเธอก็จะยอม หลังจากที่ทำอะไรไม่ได้เธอก็ปล่อย ถึงเวลาที่เธอจะต้องเห็นแก่ตัว ชีวิตเป็นของเธอ จะไม่ยอมให้ใครมาบงการเด็ดขาด“แม่คะ เดี๋ยวให้ใครไปส่งพลอยกับพราวออกไปแต่งหน้าหน่อยนะคะ น่าจะกลับมาประมาณสองโมงเช้า ขากลับอย่าลืมให้รถไปรับพลอยกับน้องที่ร้านเสริมสวยนะคะแม่”“ได้ๆ ลูก แม่คุณคนดีของแม่ เสร็จแล้วโทรมาบอกแม่นะลูกจะได้ให้รถไปรับ” นางพจนีย์สาละวนกับเรื่องต่างๆ ขบวนขันหมากเริ่ม 09.30-10.30 พิธีหมั้นและสวมแหวน 10.30-11.30 นางเป็นคนจัดการจองโรงแรมให้กับครอบครัวของว่าที่เจ้าบ่าว ไม่ได้เรียกว่าจองเรียกว่าปิดโรงแรมเลยดีกว่า
หนึ่งเดือนผ่านไปหลังจากที่ที่พราวรัมภาและพลอยไพลินกลับไปเยี่ยมบ้าน ทั้งสองสาวกลับไปทำงานปกติ หลังจากนั้นเธอกับพี่สาวก็ไม่ได้กลับบ้านอีกเลย พลอยไพลินย้ายไปอยู่กับกริชชัยที่คอนโดใช้ชีวิตร่วมกันพราวรัมภาไม่ได้รับข้อมูลหรือรายละเอียดจากผู้ชายคู่กรณีของเธอเลย เขาแอดไลน์มา แต่ไม่ส่งรายละเอียดเรื่องค่าใช้จ่ายมาให้ เธอคิดเอาเองว่า เขาคงนำรถเข้าศูนย์เอง รถเขาไม่ได้เสียหายอะไรมาก เลยตัดสินใจเปลี่ยนไอดีไลน์ใหม่เรื่องที่ทำให้ทั้งเธอและพี่สาวแปลกใจอีกเรื่องคือ ทำไมพ่อกับแม่เงียบมาก กับเรื่องของพี่พลอย ปกติจะโทรหาเธอหรือไม่ก็โทรหาพี่สาว แอบดีใจว่า พ่อกับแม่คงล้มเลิกความคิดแล้ว ดีเหมือนกัน เธอเองก็ไม่อยากให้ทุกฝ่ายเสียหายหรือเสียงชื่อเสียง บ้านเธอเป็นสังคมชนบท มีเรื่องมีราวไม่งามคนก็จะเล่าลือไปทั่ว ทำให้พ่อแม่รวมถึงญาติพี่น้องอับอายได้ ซึ่งพ่อกับแม่ของพวกเธอไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่นอนวันนี้เป็นวันศุกร์ เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ พราวรัมเร่งงานไม่อยากให้งานค้างไปถึงวันจันทร์ เธอตั้งใจเลิกงานสักประมาณสามทุ่มรอให้ถนนว่าง ตั้งใจแวะซื้อของใช้และอาหารสดที่ห้างนิดหน่อย แล้วกลับคอนโดเ
พราวรัมภาตื่นมาด้วยอาการที่ยังปวดหัว เธอนอนคนเดียวที่ห้อง ส่วนพลอยไพลินอยู่ห้องเดียวกับพี่กริช หญิงสาวไม่แปลกใจนัก เธอพอที่จะรู้มาสักระยะแล้ว พี่พลอยไม่ค่อยอยู่คอนโด ส่วนมากจะพักที่โรงแรมที่ทำงาน เพราะเป็นระดับผู้บริหารจะมีห้องพักให้ หรือไม่พี่พลอยก็ไปอยู่บ้านของพี่กริช เธอไม่ยุ่งมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว กริชชัยเป็นผู้ใหญ่แล้วอายุ 33ปี พี่พลอย 27 เธอรู้ว่าพี่กริชพยายามจะไปพบพ่อกับแม่เธอเพื่อทำการสู่ขอ แต่พี่สาวของเธอเองที่ไม่อยากให้ไปหญิงสาวรีบลุก อาบน้ำอุ่นแต่งตัวเรียบร้อยแล้วลากกระเป๋าลงไปรอพี่สาวข้างล่าง แวะกินอาหารเช้าเพราะเธอต้องกินยา ไม่นานพลอยไพลินก็ลงมาพร้อมกับกริชชัย“เป็นยังไงพราว นอนหลับไหมดีขึ้นหรือเปล่า”“ดีขึ้นแล้วค่ะพี่พลอย ไม่ต้องห่วงนะคะ”พราวไม่อยากให้พี่สาวห่วง ทั้งที่ยังมีอาการไข้แต่ก็ต้องบอกว่าไม่เป็นไร หลังกินข้าวเช้าเสร็จกริชชัยและพลอยไปส่งหญิงสาวที่สนามบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ“เดินทางปลอดภัยนะพราว พี่จะอยู่ช่วยงานพี่กริชอีกสักสองอาทิตย์แล้วจะตามไป”“ค่ะพี่พลอย พราวไปก่อนนะ







