แชร์

11.วัดใจกันไปเลย!

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-27 20:42:25

วัดใจกันไปเลย!

“เห็นทีว่าท่านคงไม่อยากใช้ชีวิตอิสระอีกต่อไปแล้ว ก็ดี...เรียกทหารมาเลย”

“เจ้าพูดอะไรของเจ้ากัน”

“ทาสสินะ ทาสที่หลบหนีเสียด้วย”

ถานถานหน้าถอดสี ความลับที่เขาเก็บซ่อนมานานนับสิบปี แม่นางผู้นี้รู้ได้อย่างไรกัน มาถึงตอนนี้เสวียนหนี่ไม่ได้เป็นรองเขาอีกต่อไป นางละสายตาไปยังกลุ่มทหารที่กำลังตรงมาหา เห็นท่าทีตื่นกลัวของถานถานนางยิ่งมั่นใจว่าตนเป็นฝ่ายเหนือกว่าบอกเขาต่ออย่างไม่เกรงกลัว

“ทหารมานู่นแล้ว  ข้าจะไม่หนี แต่ท่านกล้าวัดใจกับข้าหรือไม่เจ้าคะ”

“เจ้าขู่ข้างั้นรึ”

“ตัวข้านั้นรอดจากความตายมาหลายครั้ง ความตายหาใช่สิ่งน่ากลัวสำหรับข้าไม่ ตายแล้วก็หลุดพ้นแล้ว ๆ กันไป แต่ท่านนี่สิ ข้าดูก็รู้ว่าท่านโหยหาชีวิตอิสระเพียงใด หากถูกจับกลับไปเป็นทาสรองมือรองเท้าพวกขุนนางชั่วช้า อายุก็ไม่ใช่

น้อย ๆ แล้ว ถูกทรมานโขกสับทั้งเช้าเย็นจะตายก็ไม่ได้ตาย ท่านว่าชีวิตที่เหลือของข้ากับท่านใครจะน่าเวทนากว่ากัน”

“พูดจาเหลวไหล ข้าไม่ใช่ทาสเสียหน่อย เจ้าไปเอาเรื่องบ้าบอนี้มาจากไหน”

“แผ่นหลังของท่านอย่างไรเล่า! แผลเป็นที่แผ่นหลังด้านซ้ายเกิดจากเหล็กร้อนนาบประทับตราทาส”

เจี่ยนถานถานถึงกับชะงักงัน เขาก้าวถอยห่างนางออกไปสามถึงสี่ก้าว คนเช่นเขาโหยหาชีวิตอิสระที่สุด การที่นางเอาเรื่องนี้มาขู่ทำให้เขาไปไม่เป็น อันที่จริงหญิงสาวพูดถูก หากนางตายไปแล้วก็จบสิ้นกันไป แต่สำหรับเขาที่เคยเป็นทาสหลบหนีถ้าถูกจับกลับไปได้โทษอย่างน้อยก็ต้องถูกโบย 50 ที แล้วส่งกลับไปใช้แรงงานเหมือนเดิม

เขาได้ก้าวเท้าเข้าสู่วงการทาสเมื่ออายุสามสิบแปดหนาว เพราะถูกคนชั่วช้าจับไปขาย และเพิ่งหนีออกจากบ้านขุนนางชั่วช้าเมื่ออายุได้สี่สิบแปดหนาว เก็บงำความลับใช้ชีวิตในนามคนธรรมดาได้เพียงสองปีก็จะต้องหมดอิสระภาพเช่นเดิมแล้วหรือนี่

...ถ้ามีเงินห้าตำลึงจะมีประโยชน์อันใดอีกหากขาดอิสระภาพไม่สามารถโบยบินได้ตามใจปรารถนา

...หึ นางช่างร้ายกาจนัก ใช้วาจาข่มขู่ให้ข้าเป็นนกหวาดเกาทัณฑ์*ไปเสียได้ แม่นางผู้นี้ตามทันข้าได้ทุกฝีก้าว เอาเถิด...ข้ายอมทำตามนางไปก่อนแล้วค่อยสลัดนางออกภายหลัง...ถานถานนึกในใจ

“มีอะไรกัน!”

ทหารนายหนึ่งในบรรดาทหารทั้งหมด 5 นายได้ถามขึ้นเสียงห้าวทุ้ม เขามองหน้าชายแก่ก่อนจะเลื่อนสายตามาที่เสวียน

หนี่ พอเห็นใบหน้านางแววตาของทหารนายนี้ก็วูบไหวเหมือนกำลังจับผิด

“ไม่มีอะไรหรอกขอรับ ข้าแค่ตกลงกับลูกสาวไม่ได้ว่าเย็นนี้จะกินอะไรกันดี”

“นางเป็นลูกสาวเจ้ารึตาแก่ขี้เมา”

“ขอรับ”

ถานถานบอกไปแล้วแสร้งหัวเราะเสียงอ่อนกลบเกลื่อน ชายในเครื่องแบบดูไม่ค่อยเชื่อเท่าไรเพราะหญิงสาวตรงหน้าเขานั้นดูสะอาดสะอ้านผิวพรรณขาวผ่องดุจไข่มุก หน้าตางดงามไม่มีเค้าโครงว่าจะคล้ายคลึงถานถานแต่ประการใด เมื่อเห็นว่าทหารไม่ค่อยจะเชื่อถานถานจึงพูดขึ้นอีก

“ลูกสาวข้านางงดงามได้แม่ ภรรยาข้านางงามดุจนางเซียน เมื่อก่อนข้าหล่อเหลามากนะท่านทหาร พูดแล้วจะหาว่าข้าโอ้อวด ฮ่า ๆ ความหล่อของข้าเป็นที่หนึ่งในละแวกนี้เลยก็ว่าได้ สาวน้อยสาวใหญ่ต่างหลงใหลวิ่งไล่ตามเช้าค่ำ ฮ่า ๆ แต่ข้าเองเลือกลงเอยกับแม่ของนางนี่แหละ”

...หึ หึ

เสวียนหนี่ได้ยินตาแก่ถานพูดจึงได้หัวเราะแต่เพียงในใจ ตาแก่ผู้นี้มีทักษะการเอาตัวรอดใช่ย่อย อีกทั้งคารมคมคายยังฟังดูพูดเข้าข้างตนเองจนน่าขัน เช่นนั้นเพื่อความอยู่รอดนางก็ควรจะเล่นกับเขาหน่อยเป็นไรไป

“ท่านพ่อ ข้าว่าวันนี้เราควรกินแกงปลา ข้าอยากกินแกงปลา”

“เหอะ แกงปลารึ ไม่ล่ะ ข้าว่าตุ๋นซี่โครงดีกว่า”

“แกงปลา”

“ตุ๋นซี่โครง”

“เอ๊ะ ก็บอกว่าแกงปลา”

“เอ๊ะ เจ้าเป็นลูกอย่าดื้อด้าน ข้าบอกว่าตุ๋นซี่โครงก็ตุ๋นซี่โครงซี้”

“แกง”

“หยุด! ไสหัวไปทะเลาะกันที่อื่น ไป!”

ด้วยความรำคาญ ทหารนายนั้นจึงออกปากตวาดไล่สองพ่อลูกปลอมกระเจิง เจี่ยนถานถานหันไปยิ้มแห้ง ๆ ให้ทหารเหมือนสำนึกผิดแล้วดันหลังเสวียนหนี่เดินไปข้างหน้า เมื่อเดินมาได้ไกลระยะหนึ่งทั้งสองจึงผงะออกจากกันอย่างขุ่นเคือง แล้วต่างฝ่ายต่างพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงเป็นประโยคเดียวกัน

“เราแยกกันตรงนี้!”

ถานถานบอกนางแล้วเตรียมจะเดินหนีแต่เสวียนหนี่คิดขึ้นได้ว่าขวานของเขายังอยู่กับนาง จึงเรียกเขาอยู่ก่อน

“ตาแก่ถานดูนี่สิ”

หญิงสาวดึงเอาขวานที่เหน็บอยู่เอวด้านหลังชูขึ้นเหนือศีรษะ ถานถานได้เห็นก็อ้าปากค้าง เขาลืมเอาขวานคืนจากนางได้อย่างไรกัน

“เอาคืนข้ามา”

“ข้าคืนแน่ แต่เอาเงินที่ขายกำไลหยกมาคืนข้าก่อน”

ชายแก่กัดฟันกรอด นางไม่ใช่หมูให้เขาเคี้ยวได้ง่าย

จริง ๆ คิดผิดไปถนัดที่ช่วยนาง!

แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาเองก็มีใจไม่ซื่อตรงตั้งแต่ต้น ประการแรกเขาอยากพานางไปส่งให้แก่ครอบครัวเพราะหวังเงินทอง

ประการที่สองเมื่อรู้แล้วว่านางเป็นลูกทรราชเขาก็ยังจะพานางมาส่งให้ทางการเพราะอยากได้เงินรางวัลอีก โดนเอาคืนแค่นี้ยังถือว่าน้อยไปเสียด้วยซ้ำ

“เอานี่เงินของเจ้า!  แล้วก็ส่งขวานข้ามาเสียที”

เขาโยนถุงเงินให้นาง เสวียนหนี่ก้มลงไปเก็บแล้วนับดูเงินโบราณที่ไม่ค่อยจะคุ้นชิน ที่โลกปัจจุบันนางใช้เงินหยวน แต่นี่มันค่าเงินใดบ้างล่ะ

“นี่เท่าไร”

“เป็นลูกคุณหนูประสาอะไรเงินเท่านี้ก็นับไม่ถูก”

ถูกของเขา เจ้าของร่างนี้เป็นคุณหนูประสาอะไร นางไม่เคยได้แตะต้องเงินเลยหรืออย่างไรกัน เหตุใดเรื่องแค่นี้เสวียนหนี่ถึงไม่มีความทรงจำเรื่องเงินของนางเลย แต่จะว่าไปเจ้าของร่างไม่เคยออกจากอารามเขาต้าซานไม่เคยได้ไปจับจ่ายซื้อของที่ไหน อยากได้อะไรแม่กับพี่ชายก็จัดหามาให้แล้วนางจะไปรู้จักการใช้เงินได้อย่างไร

...เฮ้อ โง่เง่าสิ้นดี อ่อนแอถึงเพียงนี้น่ารำคาญเสียจริง

“ข้าขายกำไลเจ้าได้ห้าตำลึงเงิน จ่ายค่าอาหารไปแล้วห้าร้อยอิแปะ ที่เหลืออยู่ในมือเจ้าสี่ตำลึงเงินกับอีกห้าร้อยอิแปะ”

“เดี๋ยวสิ ค่าเงินหนึ่งตำลึงเงินต่อหนึ่งพันอิแปะเลยหรือนี่”

ช่างเป็นค่าเงินที่แสนมีคุณค่า ค่าเงินของคนโบราณนั้นมีเกณฑ์วัดจากความอดยากของผู้คน ยิ่งในยุคสมัยที่มีสงครามประชาชนอดยากแร้นแค้นค่าเงินก็ย่อมมีค่ามากตาม กว่าจะได้มาแต่ละอิแปะเลือดตาแทบกระเด็น ความเป็นอยู่ของคนสมัยก่อนช่างน่าสงสารน่าเห็นใจ ต้องทำงานหนักเพื่อจ่ายภาษีทางการเป็นผลผลิต ทว่าผลผลิตแต่ละปีก็ใช่ว่าจะได้มากมายแล้วยังต้องส่งเข้าคลังเสบียงหลวงอีก

“เอาขวานข้ามา”

“ข้าจะจ้าง”

“อะไร”

“ข้าอยากไปหุบเขาอูยา หากท่านพาข้าไปได้”

ว่าแล้วนางก็ถอดต่างหูและปิ่นปักผมออกมาอีก

“ปิ่นปักผมอันนี้ข้าคิดว่ามีค่ามากกว่ากำไลหยก เอ่อ...น่าจะมากกว่ากำไลนั่นประมาณ 5 เท่า และมันก็คงทำมาจากทองคำแท้ ทั้งต่างหูและปิ่นนี่ทองแท้ทั้งคู่ หากท่านไปส่งข้าที่หุบเขาอูยาได้ข้าจะมอบแด่ท่านทั้งหมด”

“หุบเขาอูยา!”

ที่น่าตกใจไม่ใช่นางจะว่าจ้างเขาด้วยปิ่นปักผมและต่างหู แต่เพราะนางเอ่ยถึงหุบเขาอูยาต่างหาก ถานถานมีท่าทีเกรงกลัวอย่างประหลาด เขาถึงขั้นถอยห่างออกไปสามถึงสี่ก้าว เหงื่อกาฬผุดขึ้นบนหน้าผากอย่างตื่นตระหนก ดูเหมือนเขาจะมีอาการหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าตอนประจัญหน้ากับทหารเมื่อครู่เสียอีก ซึ่งตลอดเวลาที่นางอยู่กับเขานางไม่เคยเห็นเขาเกรงกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อน

“ไม่ ๆ ข้าไม่ไปหุบเขาอูยาอีกเด็ดขาด ให้ตายก็ไม่ไป”

“ท่านพูดว่าไม่ไปอีก หมายความว่าท่านเคยไปหุบเขา

อูยามาแล้วหรือ”

“ข้า...”

เขากระอึกกระอัก ของมีค่าพวกนั้นจะว่าไปก็อยากได้อยู่หรอกแต่จะให้เขาเอาชีวิตไปเสี่ยงที่หุบเขาอูยาอีกรอบถานถานคิดว่าไม่คุ้มกันเอาเสียเลย ปฏิกิริยาของถานถานเปลี่ยนไปชัดเจนจนเสวียนหนี่สัมผัสได้ เขาสั่นเทาไปทั้งตัว ขนาดยามพูดเสียงที่เปล่งออกมายังฟังดูสั่นเครือ

“ท่านเป็นอะไรไป”

“ข้า ข้า...เป็นคนของหุบเขาอูยา”

“เช่นนั้นดีเลยสิ”

เสวียนหนี่ตะลึงงันก่อนจะยิ้มออกมาอย่างดีใจ รอยยิ้มของนางทำให้อีกฝ่ายมองมาด้วยสายตาว่างเปล่า เมื่อเห็นความเป็นกังวลมากมายของเขานางจึงใช้ฝ่ามือลูบแผ่นหลังของเขา

เบา ๆ  แล้วลดระดับน้ำเสียงที่แข็งกระด้างให้ฟังดูเหมือนเห็นอกเห็นใจอีกฝ่ายมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อลวงให้เขาใจอ่อนช่วยเหลือนาง

“...เจี่ยนถานถาน ท่านเป็นอะไรไป”

“ข้าไม่สามารถกลับไปที่นั่นได้อีกแล้ว ไปหาคนอื่นเถิด”

“เกิดอะไรขึ้น”

“...”

ความอึดอัดใจของเขานางรับรู้ได้ คล้ายกับว่าเขากำลังมีบางสิ่งที่ไม่อยากเอ่ยถึง ดังนั้นนางจึงไม่อยากสะกิดแผลให้เขาตื่นกลัวยิ่งกว่าเดิม

“ค่อยเล่าให้ข้าฟังทีหลังก็ได้ แต่ท่านต้องฟังข้า ตั้งใจฟังข้านะตาแก่ถาน เมื่อเราไปถึงที่นั่นข้าจะมีอำนาจมากพอปกป้องท่านได้ จะไม่มีผู้ใดทำอะไรท่านได้ เพราะข้าคือว่าที่ฮูหยิน

ประมุข”

“หา เจ้านะหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร”

“เอาไว้ข้าจะเล่าให้ฟังหากท่านตกลงว่าจะพาข้าไป นอกจากปิ่นกับต่างหูนี่ท่านจะได้รับค่าตอบแทนจากท่านประมุขอย่างงามเมื่อข้าไปถึง ข้าสัญญา”

ไม่รู้คำสัญญาของนางจะจริงหรือหลอกแต่ถานถานก็รู้สึกเชื่อมั่นในคำพูดของนางอย่างประหลาด อยู่ที่นี่ต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร แค่ใช้ชีวิตวันต่อวันอย่างไร้จุดหมาย ถึงเขาจะรักชีวิตอิสระเพียงใดใช่ว่าจะตัดความห่วงหาอาลัยอาวรณ์ได้หมดจด ที่นั่นมีเหตุให้ต้องกลัวการกลับไปเยือน แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเศษเสี้ยวความทรงจำดี ๆ หลงเหลืออยู่ เขามีบ้าน มีพ่อและแม่ที่ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ทุกสรรพสิ่งสิ้นไปตามอายุขัย แต่ความปรารถนาสุดท้ายของเขาคืออยากไปเคารพหลุมฝังศพของพ่อและแม่อีกสักครั้ง ถ้าอยู่แคว้นเถียนต่อไปความลับเรื่องที่เขาเป็นทาสหลบหนีจะถูกเปิดโปงเมื่อไรก็ไม่อาจรู้ได้

เขาหลุบตามองที่พื้นถนนแล้วถอนหายใจอย่างแรงก่อนจะพูดออกมาเบา ๆ

“ข้าคิดถึงบ้าน ข้าเองก็อยากไปเยือนมาตุภูมิสักครั้ง ไปก็ไป”

“ขอบคุณ ขอบคุณเจ้าค่ะ”

***นกหวาดเกาทัณฑ์ หมายถึง ผู้มีปมฝังใจ หวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   11.วัดใจกันไปเลย!

    วัดใจกันไปเลย!“เห็นทีว่าท่านคงไม่อยากใช้ชีวิตอิสระอีกต่อไปแล้ว ก็ดี...เรียกทหารมาเลย”“เจ้าพูดอะไรของเจ้ากัน”“ทาสสินะ ทาสที่หลบหนีเสียด้วย”ถานถานหน้าถอดสี ความลับที่เขาเก็บซ่อนมานานนับสิบปี แม่นางผู้นี้รู้ได้อย่างไรกัน มาถึงตอนนี้เสวียนหนี่ไม่ได้เป็นรองเขาอีกต่อไป นางละสายตาไปยังกลุ่มทหารที่กำลังตรงมาหา เห็นท่าทีตื่นกลัวของถานถานนางยิ่งมั่นใจว่าตนเป็นฝ่ายเหนือกว่าบอกเขาต่ออย่างไม่เกรงกลัว“ทหารมานู่นแล้ว ข้าจะไม่หนี แต่ท่านกล้าวัดใจกับข้าหรือไม่เจ้าคะ”“เจ้าขู่ข้างั้นรึ”“ตัวข้านั้นรอดจากความตายมาหลายครั้ง ความตายหาใช่สิ่งน่ากลัวสำหรับข้าไม่ ตายแล้วก็หลุดพ้นแล้ว ๆ กันไป แต่ท่านนี่สิข้าดูก็รู้ว่าท่านโหยหาชีวิตอิสระเพียงใดหากถูกจับกลับไปเป็นทาสรองมือรองเท้าพวกขุนนางชั่วช้าอายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วถูกทรมานโขกสับทั้งเช้าเย็นจะตายก็ไม่ได้ตายท่านว่าชีวิตที่เหลือของข้ากับท่านใครจะน่าเวทนาก

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   10.ประกาศจับกบฏ

    ประกาศจับกบฏที่โรงเตี๊ยมในตลาด ถานถานพาเสวียนหนี่มาแล้วสั่งอาหารสามอย่าง มีเป็ดพะโล้ น้ำแกงซี่โครง ไก่ย่าง และที่ขาดไม่ได้เลยคือสุราหมัก ถานถานโลภมากจึงสั่งมาทีเดียวเลยห้าไห เขานั่งทานอย่างเอร็ดอร่อยราวกับว่าไม่เคยได้ลิ้มรสของดีเช่นนี้มาก่อนในชีวิต เสวียนหนี่ทานแค่พออิ่มจึงนั่งจิบชาต่อ เมื่ออิ่มแล้วถานถานได้แบมือออกมาตรงหน้านาง นางทำหน้ามึนงงสงสัยจึงถามกลับ"อะไรหรือเจ้าคะ""ข้าไม่มีค่าอาหาร เจ้าเอากำไลหยกมาให้ข้า ข้าจะเอาไปขายให้""ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ""เอ้า เจ้าจะกินอิ่มโดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าอาหารหรืออย่างไรหรือจะให้ข้าเป็นคนจ่าย แค่ให้เจ้าติดตามมาและยังต้องช่วยตามหาครอบครัวเจ้าอีก เท่านี้ข้าก็เสียเวลามากแล้ว"เสวียนหนี่เห็นว่าเป็นจริงดังที่เขาบอก หากเขาจะช่วยนางตามหาครอบครัวจริงนั่นเท่ากับว่าเขาได้เสียเวลาโดยใช่เรื่อง นางถอดกำไลออกมาแล้วยื่นให้เขา ตาแก่ถานยิ้มเต็มใบหน้าก่อนจะยื่นมือออกมารับกำไลไปทว่าอีกฝ่ายยังจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ"มีอะไรอีกเล่า"

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   9.ตาแก่เจ้าเล่ห์

    ตาแก่เจ้าเล่ห์"มีอะไรอีกล่ะแม่นาง""คุณไม่ใช่หุ้นส่วนหรอกหรือคะ""หุ้นส่วนอะไรของเจ้าข้าไม่เข้าใจข้าแค่มาตัดไม้ไปเผาถ่านขายก็เท่านั้นว่าแต่เจ้าเถอะมาอยู่ในป่าได้อย่างไร""...ข้ามาได้อย่างไร"เสวียนหนี่ครุ่นคิด เจ้าของธุรกิจร้านอาหารชื่อดังที่ประสบความสำเร็จจนขยายสาขามากกว่ายี่สิบสาขาและกำลังจ่อคิวขยายสาขาเพิ่มอีกสามแห่ง หญิงสาวทุ่มเทแรงกายและแรงใจในการดำเนินธุรกิจนี้เป็นอย่างมากครั้นเมื่อถึงยามสรุปผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปีเสวียนหนี่นั่งตรวจตราเอกสารด้วยตนเองในขณะที่ยังนั่งจดจ่อคำนวณรายรับของกิจการที่โต๊ะทำงานจู่ ๆ ก็รู้สึกง่วงซึมสาเหตุเพราะทำงานหามรุ่งหามค่ำร่างกายเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย แต่ก็ไม่ยอมพักผ่อนเลยสักงีบถึงเจ็ดวันเต็มหรืออาจจะเป็นเพราะหักโหมจนเกินไปจึงทำให้หมดสติเช่นนั้นชายแก่ที่อยู่ตรงหน้าก็คงจะเป็นคนในความฝันฉู่เสวียนหนี่นึกได้ก็รีบหยิกแขนตนเองเพื่อทดสอบว่าความฝันหรือเรื่องจริงทว่ากลับเจ็บแปลบจนต

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   8.ของถูกขโมยไปแล้ว

    ของถูกขโมยไปแล้วเสวียนหนี่รีบเข้ามาหาถุงผ้าสีน้ำตาลในห้องนอนของซินหยางแต่ก็ไม่พบอะไรเลย ที่นางเจอคือร่องรอยการรื้อค้นอยู่ก่อนแล้วจึงเข้าใจได้ว่ามีใครบ้างคนได้เข้ามาที่นี่ก่อนนางและได้ขโมยถุงผ้าดังกล่าวไปไม่ว่าจะหาอย่างไรก็ไม่เจอเสวียนหนี่จึงรีบวิ่งกลับไปหาซินหยางทว่าเมื่อมาถึงที่ที่ซินหยางนอนบาดเจ็บก็พบร่างของมารดานอนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาปิดสนิทไร้กระทั่งสัญญาณชีพของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เสวียนหนี่จึงรีบคลานเข้าไปกอดซินหยางไว้แน่นโหยไห้ปานจะขาดใจตายไปด้วยกันยังไม่ทันจะได้ร้องคร่ำครวญปลายดาบเล่มหนึ่งก็จ่อมาตรงหน้าพอเงยขึ้นมองเห็นว่าเป็นทหารนายหนึ่งกำลังใช้ดาบชี้มาที่นาง เขาไม่พูดพร่ำอะไรก็เตรียมตวัดดาบหมายเอาชีวิตแต่ก่อนที่ดาบคมเล่มนั้นจะได้เฉือนเนื้อหนังของนาง กลางลำตัวของทหารนายนั้นได้มีปลายดาบอีกเล่มแทงสวนทะลุจากด้านหลังเมื่อดาบถูกชักออกโลหิตสีแดงฉานพุ่งกระเซ็นอย่างสยดสยอง จากนั้นร่างของทหารก็ทรุดลงนอนตายตาเหลือกหญิงสาวอ้าปากตะลึงค้างกับภาพตรงหน้า เสียงเรียกของป๋อเหวินปลุกนา

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   7.ซูหนี่ต้องรอด

    ซูหนี่ต้องรอด...ซีฮันอ๋องถูกกำจัดแล้ว เช่นนั้นก็...ไม่นะ ท่านแม่!ฉู่เสวียนหนี่คิดในใจก่อนจะทำท่ากระโดดลงจากเกวียนคนขับเกวียนที่แม่ชีหยูถงให้ช่วยพานางหลบหนีได้หันกลับมาเห็นจังหวะที่นางกำลังจะกระโดด จึงรีบร้องห้ามปรามนางในทันที"แม่นาง แม่นางเจ้าจะลงจากเกวียนไม่ได้นะ แม่ชีหยูถงกำชับไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามให้เจ้าลงจากเกวียนเด็ดขาดจนกว่าจะถึงจุดหมาย"นางไม่ฟังที่เขาบอก ยังพยายามหาจังหวะเหมาะเพื่อที่จะกระโดดลงให้ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นคนขับเกวียนยิ่งควบล่อให้วิ่งเร็วขึ้นทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้นางกระโดดลงไปสำเร็จและเร่งความเร็วเพื่อไม่ให้ทหารที่อาจจะตามมาทันพลั่ก!แต่แล้วเสวียนหนี่ก็หาวิธีกระโดดลงจนได้ร่างของนางกระแทกกับพื้นถนนขรุขระจนเกิดบาดแผลเลือดไหลบริเวณเข่าอาภรณ์สีสะอาดที่นางสวมใส่อยู่คลุกฝุ่นมอมแมม แม้ว่านางจะเจ็บแปลบไปทั้งร่างแต่เสวียนหนี่ยังยันกายลุกขึ้นวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก้าวทุกก้าวแฝงไ

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   6.แสร้งเป็นคนดีอะไรตอนนี้

    แสร้งเป็นคนดีอะไรตอนนี้“ป๋อเหวิน เจ้ารอข้าตรงนี้กับเสวียนหนี่ก่อน ข้ามีธุระต้องไปคุยกับแม่ชีหยูถง”“ขอรับฮูหยิน เชิญท่านฮูหยินคุยธุระตามสบาย ข้าจะรออยู่ที่นี่กับเสวียนหนี่”ป๋อเหวินรับปากแล้วหันไปยิ้มให้เสวียนหนี่อย่างรู้ใจกัน เพราะต่างก็รู้กันดีว่าเมื่อลับตาท่านแม่ไปแล้ว เสวียนหนี่จะได้รับอนุญาตให้ทานขนมได้มากเท่าที่นางพอใจพี่ป๋อเหวินไม่เคยขัดใจนางเลยสักครั้ง ไม่ว่านางจะร้องขอสิ่งใดหลังจากที่ลงเขาไปแล้ว เขาก็จะจัดการหามาให้นางในครั้งถัดไปสองพี่น้องต่างมารดา หนึ่งคนสื่อสารด้วยวาจาอีกคนสื่อสารด้วยภาษามือ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังพูดคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน ราวกับว่าห้วงเวลาในวัยเยาว์ของทั้งคู่ได้หวนกลับมาอีกครั้ง...ซินหยางที่แยกตัวออกมาจากทั้งสอง ได้เดินเข้ามาหาแม่ชีหยูถงในห้องนั่งสมาธิ นางเห็นแม่ชีกำลังนั่งอยู่หน้าเทวรูปศักดิ์สิทธิ์ นางจึงเข้าไปคุกเข่าสักการะเทวรูปด้วยจิตศรัทธา ก่อนจะตั้งจิตอธิษฐานอยู่นานความไม่สบายใจใดเล่าจะเท่าความห่วงหาอาลัยอาวรณ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status