วันต่อมา
บริษัท JRV LOGISTICS
แพรวามาทำงานตามปกติ ตระเตรียมเอกสารการประชุมและแฟ้มงานมากมายให้ประธานหนุ่ม วันนี้ก็เป็นอีกวันที่วุ่นวาย ปัญหาภายในเล็กน้อยยิบย่อยมากมายคอยให้หญิงสาวไปจัดการ
เสียงฝีเท้ากระทบพื้นหินอ่อนทำให้เลขาสาวเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร เธอส่งยิ้มให้ผู้มาใหม่อย่างเป็นมิตร
"สวัสดีค่ะคุณไทเป ไม่เจอกันนานเลย" เธอเอ่ยทักทายคนสนิทของเจ้านาย การที่ทำงานกับโอนิกซ์หลายปี ทำให้มีโอกาสพบเจอลูกน้องของเขาหลายครั้ง
"ครับ ตอนนี้นายว่างอยู่หรือเปล่า"
"คุณโอนิกซ์ไม่มีแขกค่ะ น่าจะเซ็นเอกสารอยู่"
ไทเปพยักหน้าให้เลขาสาว ไม่ได้สนใจการแต่งกายแปลกประหลาดล้าสมัยของเธอ แพรวาเตรียมจะลุกเคาะประตูแจ้งเจ้านายให้ก่อน แต่ชายหนุ่มก็ส่ายหน้าทำให้เธอนั่งลงตามเดิม
ก๊อก ก๊อก
"ไทเปครับ"
"อืม เข้ามา" เสียงทุ้มตอบกลับ
"คุณไทเปรับกาแฟหรือของว่างไหมคะ"
"ไม่ครับ ขอตัวก่อน"
ว่าจบชายหนุ่มก็ผลักประตูห้องทำงานใหญ่เข้าไป แพรวาจึงกลับมาสนใจกับกองเอกสารต่อ
"ได้อะไรไหม" โอนิกซ์เอนกายพิงพนักเก้าอี้เอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อพบหน้าคนสนิท
"เท่าที่ผมตรวจสอบดู ยังไม่พบความผิดปกติของลูกน้องเราคนไหนนะครับ"
"..."
"พวกลูกน้องที่มีหน้าที่ส่งของ ผมให้คนตามดูห่างๆ แล้ว ว่ามีแอบติดต่อกับใครลับหลังหรือเปล่า"
"..."
โอนิกซ์ระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อวานเขาก็ทำการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดหมดแล้ว ก็ไม่เห็นว่าใครจะมีท่าทางน่าสงสัย แต่ลึกๆ อย่างไรเขาก็เชื่อว่าต้องมีคนในแอบส่งข้อมูลให้ศัตรูแน่นอน
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ไทเปยืนนิ่งที่หน้าโต๊ะทำงานปล่อยให้โอนิกซ์ครุ่นคิด มาเฟียหนุ่มเท้าคางกับเก้าอี้ มืออีกข้างหมุนควงปากกา เหม่อมองไปทั่วห้องอย่างใช้ความคิด ก่อนจะรู้สึกตงิดใจเมื่อเห็นองศาของโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาขยับเปลี่ยนไปจากเมื่อวาน
ด้วยไอคิวที่มากกว่าคนปกติ ทำให้ชายหนุ่มสามารถจดจำรายละเอียดเล็กน้อยได้แม่น แต่ที่ตอนแรกไม่ทันได้สังเกตเพราะไม่ได้ใส่ใจมอง
เขาหรี่ตาจ้องมองมันนิ่งๆ จนไทเปที่ยืนอยู่สงสัย หันไปมองตามสายตาเจ้านาย แต่ก็ไม่อาจเข้าใจความคิดชายหนุ่มได้
โอนิกซ์เลื่อนเก้าอี้ลุกเดินตรงไปยังโต๊ะเตี้ยตัวนั้น เพื่อมองหาสิ่งผิดปกติ
"อีก 3 วันส่งของรอบหน้า เราจะเปลี่ยนสถานที่ เรื่องเมื่อวานทำให้ลูกค้าหัวเสียมาก"
ไทเปขมวดคิ้วงุนงงในทีแรก แต่เมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นนายก็เริ่มเข้าใจ เพราะความจริงนัดครั้งต่อไปคืออาทิตย์หน้า ร่างโปร่งของมือขวาคนสนิทเริ่มเดินไล่ดูสิ่งของต่างๆ ภายในห้อง พลางพูดตอบโต้เจ้านายไปด้วย
"ที่ไหนครับ"
"กูว่าแถวเลียบแม่น้ำ xx ตรงนอกเมือง"
"ของรอบนี้ล็อตใหญ่มาก เราเตรียมคนไปคุ้มกันเยอะหน่อยดีกว่าครับ"
สองหนุ่มเดินไปทั่วห้อง หยิบจับข้าวของขึ้นมาดู ทั้งแจกันดอกไม้ ชั้นวางของ หลังกรอบรูป จนไทเปเดินไปยังชั้นวางแฟ้มเอกสารเก่าอีกด้านของห้องทำงาน หยิบรื้อแฟ้มมากองวางไว้บนพื้นเพื่อตรวจเช็กให้ละเอียด
นิ้วเรียวสัมผัสแตะถูกวัตถุบางอย่างบนหลังแฟ้มเล่มหนึ่ง ชูมันขึ้นมาเงียบๆ บอกเจ้านายว่าพบเจอของน่าสงสัยแล้ว
"ถ้าส่งคนไปเยอะจะเป็นที่น่าสงสัยได้ คัดเฉพาะมือดี 20 คนพอ"
โอนิกซ์ตอบเสียงเรียบตามเดิม แต่แววตาใต้กรอบแว่นลุกโชนด้วยโทสะ เมื่อเห็นเครื่องดักฟังขนาดเล็กแปะอยู่ที่หลังแฟ้มเอกสาร มือหนากำแฟ้มแน่นจนเส้นเลือดแขนปูดโปนบ่งบอกถึงอารมณ์ตอนนี้ได้เป็นอย่างดี
แสดงว่าไอ้คนทรยศมันอยู่ใกล้ตัวเขากว่าที่คาดคิดเสียแล้ว
"มึงไปเตรียมการให้เรียบร้อย 4 ทุ่ม เลียบแม่น้ำ xx ไม่ต้องให้คนรู้เยอะ"
ว่าจบโอนิกซ์ก็จัดการขยี้เครื่องดักฟังจิ๋วจนมันแหลกคามือ ไทเปลอบกลืนน้ำลายด้วยความหวาดเสียว รู้สึกจะมีคนไม่กลัวตาย ถึงกล้าเข้ามาติดเครื่องดักฟังถึงภายในห้องทำงานส่วนตัวของมาเฟียหนุ่ม
"..."
ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เพียงแค่ใช้สายตาคมตวัดมองคนสนิท และก้าวยาวๆ ผ่านลูกน้องไป ไทเปก็เข้าใจความหมายแล้วว่าจะไปพูดคุยกันต่อที่อื่น
ปัง!
"ประธานจะไปไหนคะ อีก 5 นาที มีประชุม" แพรวารีบลุกขึ้น ร้องถามตามหลังเมื่อร่างสูงเดินดุ่มๆ ออกจากห้องมา รังสีอันตรายกระจายทั่วบริเวณทำเลขาสาวขนลุกวาบอย่างไร้สาเหตุ
"..."
ชายหนุ่มนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรกลับมา ทำให้หญิงสาวต้องส่งสายตาเต็มไปด้วยคำถามใส่ลูกน้องคนสนิทของเขาแทน
"เอ่อ...คือ"
"นายมีธุระครับ คุณแพรวาเข้าประชุมแทนเลย" ว่าจบก็ก้มหัวเป็นการบอกลาเธอและก้าวตามหลังประธานหนุ่มไป
แพรวาอ้าปากค้างยืนมึนงงอยู่พักใหญ่ กว่าจะได้สติเจ้านายก็ลงลิฟต์หายไปแล้ว ปล่อยหน้าที่รับผิดชอบทุกอย่างไว้กับเลขาสาวคนเดียว
"โอ๊ย อะไรเนี้ย อีแพรวารับจบอีกแล้ว!" ร่างเล็กพึมพำด้วยความหงุดหงิด รีบรื้อหาเอกสารที่ต้องใช้และรีบตรงไปยังห้องประชุม แม้จะเหนื่อยใจกับผู้เป็นเจ้านาย แต่เห็นแก่เงินเดือนหลักแสนที่ได้รับ สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือก ต้องเข้าประชุมโดยไร้เงาของประธานบริษัท
โอนิกซ์ไม่ได้ไปไหนไกล แต่ขึ้นมานั่งในรถยนต์ส่วนตัวที่จอดไว้หน้าบริษัท คว้าโน้ตบุ๊กราคาแพงที่ข้างเบาะขึ้นมา รัวแป้นพิมพ์เพื่อรื้อหาไฟล์วิดีโอย้อนหลัง ไอเย็นเฉียบถูกส่งออกมาจากร่างกำยำเป็นระยะ ทำให้ไทเปและลูกน้องอีกคนไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่น้อย กลัวว่าจะไปกระตุ้นให้เจ้านายระเบิด
อารมณ์ของโอนิกซ์เรียกได้ว่าเดือดพล่าน การที่เครื่องดักฟังถูกติดภายในห้องทำงานส่วนตัวถือเป็นการหยามหน้าจนเกินไปแล้ว เขาไล่มองภาพไปเรื่อยๆ ฝ่ามือหนากำเข้าและคลายออกอยู่หลายครั้ง
โทสะในกายเริ่มพุ่งสูง แม้จะติดกล้องไว้ภายในห้อง แต่มุมที่คนร้ายแอบติดเครื่องดักฟัง ดันเป็นมุมอับสายตาที่กล้องวงจรปิดถ่ายไปไม่ถึง แต่ถึงกระนั้นเขาก็พอได้รายชื่อของบุคคลต้องสงสัยมาบ้าง
ส่วนโต๊ะรับรองภายในห้อง มีแม่บ้านคนหนึ่งเผลอชนมันจึงขยับไปจากตำแหน่งเดิมเท่านั้น แต่นั้นก็ทำให้เขานึกเอะใจขึ้นมา และตรวจพบของที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้จนได้
"มึงจัดการสืบข้อมูล แล้วลาก 2 คนนี้ไปสอบสวนซะ"
โอนิกซ์หันหน้าจอโน้ตบุ๊กให้ไทเปที่นั่งเบาะหน้าดู ปรากฏใบหน้าของบุคคล 3 คน ขึ้นมาบนจอ สองคนในนั้นเป็นแม่บ้านที่เข้าไปทำความสะอาดในห้องของเขา
"เอ่อแล้ว..."
"คนนี้กูจัดการเอง" โอนิกซ์พูดแทรกขึ้นมา
ใบหน้าหล่อร้ายแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ดึงโน้ตบุ๊กกลับไปวางบนตัก จ้องมองภาพหญิงสาวทรงผมกระเซอะกระเซิง สวมแว่นตาหนาเตอะด้วยแววตายากจะอธิบาย ความรู้สึกหน่วงๆ แปลกประหลาดปรากฏขึ้นเป็นระยะกลางอก
แพรวาฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำงานด้วยความเหนื่อยล้า หลังจากต้องเข้าประชุมแทนเจ้านายอยู่เกือบ 3 ชั่วโมง และต้องนั่งจัดการกองเอกสารที่เหลือต่ออีก พลังงานในกายก็แทบไม่เหลือ เธอเหลือบมองนาฬิกาตัวเล็กบนโต๊ะก็รู้สึกท้อแท้ใจ เมื่อเห็นว่าล่วงเลยเวลาเลิกงานไปนานแล้ว
เธอบิดกายเล็กน้อยขับไล่ความเมื่อยล้า ไล่อ่านเอกสารตรงหน้าอีกพักหนึ่ง ก็เหลือบมองไปยังประตูห้องทำงานของโอนิกซ์
ร่างเล็กตัดสินใจผลักประตูเข้าไป เดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม ห้องกว้างยังหลงเหลือไอเย็นของเครื่องปรับอากาศอยู่บ้าง ความมืดมิดทำให้ดูวังเวงขึ้นมาเมื่ออยู่เพียงลำพัง หญิงสาวอาศัยแสงสว่างด้านนอกจากประตูที่เปิดทิ้งไว้รื้อแฟ้มบนโต๊ะขึ้นมาเปิดดูทีละเล่ม
ในขณะที่กำลังจดจ่อกับตัวเลขอยู่นั้น ร่างสูงใหญ่ของชายฉกรรจ์สองคนก็ก้าวเข้ามาจากด้านหลังเงียบเชียบ กว่าที่แพรวาจะรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป ถุงผ้าสีดำใบใหญ่ก็ครอบศีรษะเธอไว้แล“ว
"กรี๊ดดด~ ใคร! ปล่อยฉันนะ"
เธอกรีดร้องสุดเสียงด้วยความตกใจ หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมานอกอก พยายามดีดดิ้นขัดขืนด้วยเรี่ยวแรงที่มี แต่ร่างกายก็ถูกโอบรัดจนแน่น แม้มองไม่เห็นแต่ก็พอจะรู้ว่าชายคนร้ายมีร่างกายใหญ่โตกว่าเธอหลายเท่า
มือเล็กจิกข่วนท่อนแขนที่รวบเอวเธอไว้ ใช้ศอกกระแทก ยกเท้าถีบร่างใหญ่ด้านหลังเพื่อหนีเอาชีวิตรอด แต่ดูเหมือนจะไม่อาจทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งสะเทือนได้เลย
เธอได้รู้ได้เพียงเสียงลมหายใจหนักหน่วงจ่อชิดข้างใบหู
"ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยที" แพรวาแหกปากร้องตะโกน หวังให้มี รปภ. เดินผ่านมาได้ยิน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ปล่อยให้เธอโวยวายได้นาน
ปึก!
ร่างเล็กวูบหมดสติทันทีเมื่อถูกสันมือกระแทกเข้าที่ท้ายทอยเต็มแรง คงทรุดกายลงกับพื้นแล้ว หากไม่มีมือหนาประคองเอาไว้ เขาจัดการย่อกาย แบกร่างไร้สติของหญิงสาวพาดบ่าและเดินออกไปจากห้องทำงาน โดยมีชายอีกคนปิดประตูห้องให้ตามหลัง ทั้งคู่เดินหายออกไปโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกตินี้เลย
เพนต์เฮ้าส์โอนิกซ์โอนิกซ์ส่งยิ้มพลางยื่นนิ้วมือไปหาลูกน้อยในอ้อมแขน ซึ่งอัศวินก็หัวเราะร่าพยายามยื่นมือมาคว้ากำนิ้วบิดาเอาไว้ เขาพยายามบีบๆ คลายๆ อยู่หลายครั้ง และมักจะส่งเสียงโต้ตอบบ้างเวลาผู้เป็นพ่อพูดคุยด้วยแม้จะยังไม่รู้ความก็ตามไม่แปลกใจเลยทำไมเพื่อนเขาถึงอยากพาลูกชายตัวเล็กของตนกลับบ้านไปด้วย อัศวินเลี้ยงง่ายและอารมณ์ดี บางครั้งเขาก็มักจะเพลินกับการหยอกล้อกับลูกจนลืมเวลาไป"เล่นพอยังคะตัวเล็ก หม่ามี๊พาไปอาบน้ำดีกว่า""คิก คิก คิก"อัศวินหัวเราะคิกคักขณะดวงตากลมโตบ้องแบ๊วมองมารดาและยิ้มจนตาหยี"กวนปะป๊านานแล้วนะคะ ไปกัน"โอนิกซ์ส่งยิ้มอ่อนโยนให้ภรรยา ประคองทารกให้หญิงสาวรับไปอุ้มต่อ สายตาอบอุ่นสื่อความหมายสบมองกัน แม้ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมา แต่ทั้งคู่ก็มีความสุขมากในทุกช่วงเวลาแพรวาอุ้มอัศวินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ส่วนโอนิกซ์ก็หยิบโน้ตบุ๊กมานั่งเคลียร์งานที่คั่งค้างต่ออีกนิดหน่อยมุมปากหยักยกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังแววออกมาจากห้องน้ำ จนอดใจไม่ไหวต้องวางโน้ตบุ๊กบนตักลงแล้วเดินไปดูสองแม่ลูกแทนแพรวานำอ่างอาบน้ำสำหรับเด็กมาตั้งไว้บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน
3 เดือนต่อมาบริษัท JRV LOGISTICSประธานหนุ่มเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ ก้มอ่านเอกสารร่างสัญญาฉบับใหม่ มือขวาควงปากกา มือซ้ายก็ประคองร่างของลูกชายตัวเล็กโยกกล่อมให้หลับภายในห้องทำงานเต็มไปด้วยอุปกรณ์เลี้ยงเด็ก ทั้งเปลที่นอน และคอกกั้นบุนวมอย่างดี พร้อมตุ๊กตาของเล่นขนาดต่างๆ จนไม่เหลือคราบห้องของประธานบริษัทแม้แต่น้อยแพรวาเปิดประตูเข้ามา หลังจากคลอดลูกน้อยรูปร่างเธอก็กลับสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว แทบจะดูไม่ออกว่าเคยผ่านการตั้งครรภ์มาก่อนใบหน้าสวยดูเปล่งประกายความงามชัดเจน ผิวขาวเนียนตัดกับเส้นผมสีดำสนิทยาวจรดแผ่นหลัง เธอสวมชุดเสื้อสูทสีครีมคู่กับกระโปรงเอวสูงสีเดียวกัน ราศีภรรยาประธานบริษัทจับทุกระเบียบนิ้วมุมปากที่ทาทับด้วยลิปสติกสีนู้ดยกยิ้มขึ้น จรดฝีเท้าเงียบเชียบไม่ให้รบกวนการนอนหลับของลูกน้อยโอนิกซ์เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร สายตาใต้กรอบแว่นดูอ่อนโยนเมื่อมองผู้มาใหม่ วางปากกาในมือลง"นี่เอกสารประชุมอาทิตย์หน้าค่ะ""เหนื่อยไหมครับ""นิกซ์ต่างหาก วินดื้อไหมเอ่ย""เล่นเสร็จ เพิ่งหลับไปเมื่อกี้"สายตาอ่อนโยนมองใบหน้าหลับใหลของลูกชายที่ถอดแบบมาจากเขาแทบจะพิมพ์เดียวกัน ยก
2 เดือนต่อมาโรงพยาบาลแพรวานั่งๆ นอนๆ อยู่แต่บนเตียงคนไข้ โอนิกซ์ย้ายเธอมาที่โรงพยาบาลได้สองวันแล้วเพื่อรอวันคลอด ตอนนี้แพรวายังไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นเท่าไร ต่างจากคนเป็นสามีที่ดูตื่นตัวพร้อมทุกสถานการณ์ เขาจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับทารกแรกเกิดไว้พร้อมสรรพ รวมถึงจัดการออกแบบตกแต่งห้องนอนรับแขกเก่าที่แพรวาเคยนอนเป็นห้องเด็กอ่อน แม้ลูกยังต้องนอนห้องเดียวกับพวกเขาอีกหลายปีก็ตามท้องเธอโตเสียแทบเดินไม่ไหว จะลุกจะนั่งต้องมีโอนิกซ์คอยช่วยพยุงวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ห้องพักของเธอครึกครื้น"พี่วาเอาแอปเปิลไหม คลีปอกให้" คลีโอและลีโอหอบกระเช้าผลไม้มาเยี่ยมว่าที่คุณแม่ตั้งแต่เช้า"ได้จ้ะ ขอบคุณนะ""ค่า เดี๋ยวคลีไปล้างก่อน"คลีโอเดินไปยังส่วนครัวของห้องพักซึ่งไม่ต่างจากโรงแรมดีๆ มีอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกครบครัน แถมยังมีแยกโซนสำหรับคนไข้และญาติเวลามาเยี่ยมไว้ด้วย ห้องรับแขกก็กว้างขวาง แบ่งเป็นสัดส่วนจึงไม่รบกวนการพักผ่อนของคนไข้"ปอกเป็นเหรอไง เอามีดมานี่ พี่ทำเอง" ลีโอที่แทบทนดูไม่ไหว ดึงมีดคมออกจากมือแฟนสาว และดันตัวเธอไปข้างๆ ก่อนจะจัดการแอปเปิลสีแดงด้วยตัวเองชายหนุ่มจัดการป
ย่านใจกลางเมืองเหล่ามาเฟียสี่คน ยืนหน้าเครียดมองประตูร้านขนมหวานด้วยความไม่แน่ใจ ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อนที่เป็นคนเสนอความคิด"เอาจริงดิ พาพวกกูมาคุยงานในร้านขนมเนี่ยนะ" ลีออนเอ่ยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้"แล้วยังไง""ดูหน้าแต่ละคนก่อน แล้วค่อยถามว่ายังไง""มึงก็รู้กูห่างเมียนานไม่ได้ มันปวดหัวอยากจะอ้วก ถ้าอยากคุยงานก็คุยที่นี่" โอนิกซ์ตอบกลับเสียงเรียบ ก่อนจะจูงมือภรรยาสาวที่ท้องโตเข้าไปในร้านเป็นคนแรก"แน่ใจเหรอวะ" ลีออนหันมาขอความเห็นจากเพื่อนที่เหลือ ซึ่งวิคเตอร์ก็ทำได้เพียงถอนหายใจ ส่วนไคโรและลีโอก็ส่ายหน้าไม่ได้ตอบคำถาม และพาแฟนตัวเองเข้าไปในร้านด้วยเช่นกัน"เชี่ย พวกกูสองคนมาทำห่าอะไรเนี่ย นึกว่านัดเดทคู่""กูยอมให้มึงควงได้วันหนึ่ง แต่ถ้าเริ่มลวนลามกูเมื่อไร กูถีบมึงแน่""ถุย! กูเนี่ยนะ จะลวนลามมึง พูดจาน่าถูกกระสุนฝังหัวจริงๆ""หึ"วิคเตอร์ทำเพียงแค่แค่นหัวเราะ และเดินตามคนอื่นเข้าไปในร้าน สุดท้ายเพื่อนผู้เรื่องมากก็หมดข้อโต้แย้ง ยืนกระฟัดกระเฟียดอยู่ครู่หนึ่งก็ยอมตามเข้ามาโอนิกซ์แยกโต๊ะระหว่างกลุ่มสาวๆ ในนั่งริมหน้าต่างร้าน ส่วนกลุ่มเขาแยกมาอีกโต๊ะก่อ
คฤหาสน์ตระกูลโอนิกซ์แพรวาคลี่ยิ้มละลายใจ ขณะผลักร่างสูงของผู้เป็นสามีลงบนเตียงกว้างในห้องนอนของเขา โอนิกซ์หอบหายใจเข้าออกหนักหน่วงด้วยความตื่นเต้น เฝ้ามองหญิงสาวค่อยๆ คลานขึ้นมาคร่อมร่างด้วยท่าทางยั่วเย้าชวนคลั่งคอเสื้อเว้าลงมา จนสามารถมองเห็นเนื้อนุ่มคู่สวยใต้ชุดเดรสน้ำเงิน ความกระสันทำช่วงล่างปวดหนึบ ดุนดันเป้ากางเกงขึ้นเป็นลำคนตัวเล็กยกยิ้มอย่างคนมีอำนาจเหนือกว่า มือน้อยลูบไล้ลำกายแข็งขืนผ่านกางเกง เฝ้ามองคนข้างใต้พยายามบดเบียดช่วงล่างเข้าหามือเธอ"จะให้รางวัลอะไรนิกซ์ครับ" เขาถามเสียงกระเส่า ความรู้สึกตื่นตัววูบหวิวทรมานเหมือนตนกำลังโดนทำโทษมากกว่า"รอดูสิคะ ใจร้อนจัง""อ่า เมียขี้ยั่วจัง"มือซุกซนเริ่มทำการปลดตะขอกางเกงพร้อมดึงมันลง โอนิกซ์ก็ยกสะโพกช่วยให้เธอจัดการกับกางเกงเกะกะโดยง่าย ท่อนเอ็นร้อนแข็งแทบชี้หน้า แต่ก็ยังมี บ็อกเซอร์อีกตัวปกปิดเอาไว้แพรวานั่งคุกเข่าอยู่กลางหว่างขา ใช้มือสัมผัสความใหญ่โตผ่านเนื้อผ้าอย่างยั่วยวนใจเย็น แต่คนที่นอนหอบหายใจกลับจะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียเอง รูดชั้นในลง โยนทิ้งออกไปในที่สุดท่อนเอ็นใหญ่ขนาดเท่าข้อมือหญิงสาวปรากฏสู่สาย
หลังมื้ออาหารจบลง งานประมูลสินค้าเพื่อร่วมบริจาคเงินให้แก่เด็กด้อยโอกาสจึงเริ่มขึ้น แขกที่มาร่วมงานทยอยเดินไปยังโซนหน้าเวทีโอนิกซ์โอบเอวภรรยาคนสวยไว้ตลอดทาง ระมัดระวังทุกย่างก้าวจนเธอนั่งลงข้างไปรยาเรียบร้อย เขาจึงนั่งขนาบข้าง ไม่นานไฟในห้องจัดเลี้ยงก็ถูกหรี่ลง พร้อมเสียงพิธีกรดำเนินงานดังขึ้น"สวัสดีครับ ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานประมูลเพื่อการกุศลครั้งที่ 4 รายได้จากการประมูลทั้งหมด หลักหักค่าใช้จ่ายแล้วจะนำไปช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสยังพื้นที่ห่างไกล ของที่นำมาร่วมประมูลในวันนี้มีมูลค่ารวมกันเกือบ 50 ล้านบาทเลยทีเดียว ขอให้ทุกท่านสนุกไปกับงานในครั้งนี้นะครับ"แขกที่มาร่วมงานต่างปรบมือเสียงดัง ตื่นเต้นที่จะได้ชมของล้ำค่ามากมาย และยังได้โอกาสอวดบารมีและเงินในบัญชีให้คนอื่นรับรู้ด้วย"ของชิ้นแรก เปิดกันมาด้วยแจกันเครื่องลายครามจากราชวงศ์ชิง ของประเทศจีนโบราณ พร้อมใบรับประกัน ขอเปิดการประมูลที่ หนึ่งล้านบาทครับ"เมื่อพิธีกรให้สัญญา ผู้ร่วมงานก็ชูป้ายขานราคากันอย่างสนุกสนาน แพรวาตกใจกับราคาที่สูงลิ่วของของแต่ละอย่าง ความคิดที่อยากจะร่วมงานเพื่อช่วยเหลือเด็กน้อยต้องถูกหยุดไว้ชั่วคร