หลายวันต่อมา
พื้นที่รกร้างห่างไกลผู้คน
ช่วงกลางดึกเงียบสงัด ชายฉกรรจ์เกือบ 30 คน ยืนกระจายทั่วบริเวณเฝ้าสังเกตสิ่งผิดปกติ ในขณะที่คนอีกส่วนใช้ชะแลงงัดลังไม้ หยิบอาวุธด้านในส่งให้อีกฝ่ายตรวจเช็ก
หัวหน้ากลุ่มพยักหน้าพึงพอใจ ส่งสายตาให้ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังขนถ่ายสินค้าขึ้นท้ายรถบรรทุก
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปอย่างราบรื่น ก่อนที่เสียงปืนหลายนัดจะดังขึ้น
ปัง ปัง ปัง!
คนทั้งสองกลุ่มรีบล้วงอาวุธปืนเงาวับขึ้นมาเตรียมความพร้อม พยายามยิงตอบโต้ผู้ไม่หวังดี
"เฮ้ย! คุมกันของขึ้นรถ!"
"ฉิบหาย ใครว่ะ! พวกมึงยิงสกัดไว้"
เสียงปืนดังขึ้นตามมาอีกหลายนัด ทั้ง 2 ฝ่ายยิงปะทะกันอยู่นาน ต่างพยายามหลบหลังรถเพื่อกำบังกาย พลางยิงตอบโต้อีกฝ่ายไปบ้าง ชายฉกรรจ์สวมไอ้โม่งคลุมปิดบังทั่วใบหน้าจู่ๆ ก็เข้ามาปิดล้อมการซื้อขาย การแต่งกายเช่นนี้ไม่ใช่ตำรวจแน่นอน
"อ๊ากกก!"
"แม่งเอ๊ย! หมายความว่ายังไงแบบนี้ เจ้านายกูต้องไม่พอใจแน่" หัวหน้ากลุ่มหันมาตะคอกถามลูกน้องของกลุ่มมาเฟียเสียงดัง บ่งบอกถึงความโมโห
"ผมก็ไม่ทราบ ยังไงรีบขนของก่อน ทางนี้พวกผมจัดการให้"
"ฮึ่ย!"
ร่างกำยำสบถคำหยาบออกมาอีกหลายคำ กำอาวุธในมือแน่น โบกมือโบกไม้ให้พวกลูกน้องรีบยกลังไม้ใส่รถ
เสียงร้องโอดครวญดังขึ้นทั่วบริเวณ เปลี่ยนสถานที่รกร้างเงียบสงัดกลายเป็นสนามรบในชั่วพริบตา นานเกือบ 15 นาที กว่าฝั่งมาเฟียจะควบคุมสถานการณ์ได้ด้วยจำนวนที่มากกว่า
"จับไอ้พวกที่ยังไม่ตายไปโกดังให้หมด!"
"ช่วยคนเจ็บฝั่งเราด้วย"
ชายร่างสูงเป็นหนึ่งในลูกน้องของโอนิกซ์ตะโกนสั่งการลูกน้องคนอื่นๆ ด้วยที่ถูกฝึกมาอย่างดี ทำให้สามารถลงมือจัดการปัญหาได้รวดเร็วเป็นระบบไม่ต่างจากทหารกล้า
"นี่มันเรื่องอะไร! ข้อมูลการแลกเปลี่ยนสินค้ารั่วไหลงั้นเหรอ"
ร่างกำยำหันมาถามกรกันอีกครั้ง น้ำเสียงฉุนเฉียวบ่งบอกถึงความไม่พอใจชัดเจน
"ผมจะตรวจสอบแล้วแจ้งไปครับ ทางคุณรีบไปก่อนดีกว่า ที่เหลือผมจัดการเอง"
"ผมจะแจ้งเจ้านายผม ถ้าไม่มีคำตอบดีๆ เจ้านายผมเลิกค้าขายกับคุณแน่"
ชายหัวหน้าส่ายหัวหงุดหงิด ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องรีบออกไปจากที่นี่ กรกันถอนหายใจกับเรื่องไม่คาดคิด เดินตรงไปช่วยเหลือเหล่าลูกน้องคนอื่น
"ใครส่งมึงมา!" เสียงเหี้ยมเกรียมถามหนึ่งในคนร้ายที่นอนหอบหายใจรวยรินบนพื้น หน้าท้องของชายคนร้ายแดงฉานจากกระสุนปืน
"..."
"ตอบกูมา!"
แต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ มือหยาบกำเข้าคลายออกเพื่อควบคุมอารมณ์
"ใครยังไม่ตายจับมัดแล้วส่งไปสอบสวนที่โกดังให้หมด"
"ครับลูกพี่!"
กรกันย้ำอีกครั้ง มองดูลูกน้องจัดการกับคนร้ายที่ยังมีชีวิต 7-8 คนด้วยสายตาหนักใจ ก่อนจะกดต่อสายรายงานเจ้านาย
"นายครับ มีคนป่วนการส่งของครับ"
(ใคร!) น้ำเสียงเย็นชาลอดไรฟันถามขึ้น กรกันแอบขนลุกรีบรายงานต่อ
"ผมยังไม่ทราบแน่ชัด ถามพวกมันแล้วแต่ไม่มีใครยอมพูด ฝั่งนั้นตาย 5 คน ฝั่งเรา 3 บาดเจ็บอีกหลายคน พวกที่รอดชีวิตผมให้คนคุมตัวไปเค้นคอที่โกดังต่อครับ"
(แล้วการส่งเป็นไง)
"เรียบร้อยดีครับ แต่ฝั่งนั้นหัวเสียมาก ต้องการคำอธิบาย"
(จัดการให้เรียบร้อย เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเข้าไป)
"ครับนาย"
วันต่อมา
โกดังเก็บสินค้า
เรื่องน่าปวดหัวเมื่อคืนทำให้โอนิกซ์เดินทางมายังโกดังเพื่อสอบสวนคนร้ายที่จับมาได้ ห้องใต้ดินอับชื้นส่งกลิ่นน่าสะอิดสะเอียน มีร่างบอบช้ำของชาย 5 คน ถูกล่ามโซ่ไว้กับผนัง มี 3 คน ที่หมดลมหายใจเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวตั้งแต่เมื่อคืน
"กูถามมึงอีกครั้ง ใครส่งมึงมา"
แววตาไร้ปรานีจ้องตรงไปยังชายโชคร้ายผู้หนึ่ง น้ำเสียงของเขาราบเรียบเช่นเดียวกับใบหน้า แต่กลับแผ่รังสีอันตรายออกมามากมาย มือข้างหนึ่งกระชับมีดสั้น
"..."
โอนิกซ์ไม่ใจดีนานนัก ปักมีดตรงไปที่ข้อมืออีกฝ่ายทันที
"อ๊ากกก"
"ตอบ!"
"ฆ่ากูสิ ไอ้เวรเอ๊ย!"
"หึ" ร่างสูงแค่นหัวเราะ นัยน์ตาสีเข้มใต้กรอบแว่นวาวโรจน์ไม่ต่างจากนักล่า กระชากมีดออกจากแผลเดิม จ้วงเข้าที่ลำคอเชลยอย่างรวดเร็วตามคำขอ โดยสีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย
ชายฉกรรจ์เบิกตากว้าง อ้าปากพยายามส่งเสียงร้องแต่ก็ไม่มีแรง ลำธารเลือดไหลทะลักจากบาดแผลราวกับน้ำก๊อก ร่างใหญ่เริ่มเกร็งกระตุก จ้องมองโอนิกซ์ด้วยแววตาอาฆาตเมื่อชีวิตจ่อชิดปากนรก
ลูกน้องหลายคนที่ยืนเฝ้าภายในห้องยังต้องเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองภาพโหดร้ายนี้
"เอ้า มึงล่ะ เห็นเพื่อนมึงไหมว่าจุดจบเป็นยังไง ถ้ายอมเปิดปากพูด กูจะปล่อยมึงไป" รันเวย์มือขวาคนสนิทของวิคเตอร์หันไปถามเชลยอีกคน พลางบังคับให้มันดูร่างเพื่อนที่แน่นิ่งไป
แต่ดูเหมือนไม่ว่าจะข่มขู่ เสนอทางรอดใดๆ พวกมันก็ไม่ยอมเปิดปากแม้แต่น้อย
โอนิกซ์หันไปส่งสายตาให้ลีโอคนสนิทของไคโร หลังจากที่ทรมานเชลยอยู่เกือบชั่วโมง เขาถอยหลังออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยเพื่อให้อีกฝ่ายจัดการที่เหลือ
ปัง ปัง ปัง!
เลือดมากมายกระเซ็นเปรอะทั่วผนังห้อง ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง ร่างของเชลยทั้ง 3 ที่เหลือแน่นิ่งภายในเสี้ยววิ ตามเพื่อน 2 คนก่อนหน้าไป โดยไม่มีเสียงร้องครวญครางด้วยซ้ำ
ลีโอเก็บอาวุธเข้าที่ดังเดิม ใบหน้าหล่อร้ายช่างไม่ต่างจากมัจจุราช
“พวกมึงจัดการที่เหลือด้วย” รันเวย์ส่ายหัว หันไปสั่งลูกน้องด้วยความเหนื่อยหน่าย เสียเวลาตั้งนานแต่กลับไม่ได้ข้อมูลสักนิด
โอนิกซ์ไม่พูดอะไร ผลักประตูห้องขังออกไปเป็นคนแรกเพื่อประชุมกับเหล่าหุ้นส่วนต่อ โดยมีลีโอและรันเวย์เดินตามหลังมา
แอ๊ดดด~
ประตูห้องประชุมถูกเปิดทำให้เหล่าบุคคลที่อยู่ภายในหันมามองเขาเป็นตาเดียว
ร่างสูงโปร่งของโอนิกซ์ล้วงผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าขึ้นมา เช็ดทำความสะอาดคราบเลือดเปรอะเปื้อนบนมือด้วยใบหน้าเย็นชา ช่างดูขัดกับภาพลักษณ์ที่ไม่ต่างจากเด็กเนิร์ด
"มันยอมเปิดปากไหม" ลีออนรีบถามขึ้นทันที
"..." โอนิกซ์ไม่ตอบ ส่ายหน้าเบาๆ แทน ก่อนจะโยนผ้าเช็ดหน้าหรูลงถังขยะ เปิดตู้เย็นคว้าเบียร์มากระดกดื่มดับความหงุดหงิดในใจ
"มันไม่ยอมพูดอะไรเลย ท่าทางเตรียมตัวเตรียมใจกันมาดี" รันเวย์เป็นคนอธิบายเพิ่มเติมแทน
"แล้วพวกที่จับมา?"
"ในเมื่อมันไม่พูด ก็ไม่มีประโยชน์ต้องเก็บไว้อีกไหม" ไคโรเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้ทัน พลางอัดควันขาวเข้าปอดเฮือกใหญ่
"แม่งเอ๊ย!" ลีออนหัวเสียจนสบถออกมาเสียงดัง
ไม่มีใครสบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น การถูกลอบโจมตีโดยศัตรูที่ไม่รู้ชัดว่าเป็นใครทำให้ยากต่อการรับมือ และยังสูญเสียความไว้วางใจจากลูกค้าอีก
"แล้วที่มึงเคยบอกจะลองสืบกลุ่มไอ้อาชาเป็นไง" วิคเตอร์หันไปถามโอนิกซ์ที่ก้มหน้าเปิดหนังสืออ่านต่อ ราวกับตนไม่มีส่วนในบทสนทนานี้
"กำลังสืบ" โอนิกซ์ตอบเสียงเรียบโดยไม่ได้ละสายตาจากหนังสือ
"มึงนี่นะ" เพื่อนสนิทส่ายหัวระอา แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ
เหล่ามาเฟียพูดคุยเรื่องธุรกิจต่ออยู่สักพัก ก็เริ่มหันไปแซวไคโรที่ช่วงนี้มีพฤติกรรมแปลกประหลาด ทุกคนตกลงจะไปนั่งเล่นที่บ้านของไคโรต่อ มีเพียงโอนิกซ์ที่แยกตัวกลับ ต้องการไปตรวจสอบเรื่องที่ค้างคาใจ
นิ้วเรียวกดรายชื่อของลูกน้องคนสนิท รอสายอยู่ไม่นานอีกฝ่ายก็รับ
(ครับนาย)
"ไอ้อาชามีความเคลื่อนไหวอะไรไหม" น้ำเสียงเนิบนาบถามปลายสาย
(ตัวมันเองอยู่แต่ในเซฟเฮ้าส์ครับ มีเพียงรถของลูกน้องที่ขับเข้าออกตลอด)
"..."
(ผมและลูกน้องบางส่วนสลับเฝ้าเอาไว้แล้ว หากเห็นว่ามันติดต่อกับใครจะแจ้งไปครับ) ตะวันพูดเสียงแข็งขัน
"แบ่งคนตามพวกลูกน้องมันด้วย"
(ได้ครับนาย)
เมื่อวางสายไปแล้วโอนิกซ์ก็เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบบนรถ
"ตามไทเปไปเจอกูที่เพนต์เฮ้าส์ด้วย"
"ครับนาย"
เพนต์เฮ้าส์โอนิกซ์
ร่างสูงปลดกระดุม ดึงปลายเสื้อออกนอกกางเกง ยืนสูบบุหรี่ครุ่นคิดอยู่เพียงลำพังตรงระเบียงกว้าง สายลมยามเย็นปะทะกายแต่ก็ไม่อาจดับความร้อนรุ่มในจิตใจได้ เขาไม่ชอบการที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้
"นายเรียกหาผมเหรอครับ"
เสียงทุ้มดังขึ้นที่ด้านหลัง ทำให้โอนิกซ์หลุดออกจากห้วงความคิด
"อืม ไปสืบมาว่าฝั่งเรามีใครเป็นหนอนบ่อนไส้หรือเปล่า"
"ทำไมนายคิดแบบนั้น" เทไปมีสีหน้าแปลกใจ ไม่เห็นด้วยกับความคิดของผู้เป็นนาย โอนิกซ์เด็ดขาดโหดเหี้ยมแค่ไหนลูกน้องทุกคนรู้ดี คงไม่มีใครโง่พอจะกล้าหักหลังมาเฟียคนนี้
"สถานที่แลกเปลี่ยนสินค้ามีแค่ทางฝั่งเราที่รู้ล่วงหน้า ลูกน้องไอ้พวกนั้นจะรู้แค่ตอนไปส่ง"
ไทเปพยักหน้าเข้าใจ การที่ถูกป่วนการส่งของถึง 2 ครั้ง แสดงว่าฝ่ายตรงข้ามล่วงรู้วันเวลาและสถานที่มาก่อน ไม่แปลกที่โอนิกซ์จะสงสัยลูกน้องของตัวเองก่อน
"ครับ แล้วผมจะตรวจสอบให้"
มือขวาคนสนิทโค้งตัวแล้วจากไป ปล่อยให้ร่างสูงยืนอยู่ที่เดิม แม้ภายนอกจะดูสงบเยือกเย็นแต่ภายในกลับร้อนระอุ แววตาอินทรีย์หรี่ลง เตรียมบทลงโทษแสนโหดร้ายเอาไว้สำหรับคนทรยศในหัว
เพนต์เฮ้าส์โอนิกซ์โอนิกซ์ส่งยิ้มพลางยื่นนิ้วมือไปหาลูกน้อยในอ้อมแขน ซึ่งอัศวินก็หัวเราะร่าพยายามยื่นมือมาคว้ากำนิ้วบิดาเอาไว้ เขาพยายามบีบๆ คลายๆ อยู่หลายครั้ง และมักจะส่งเสียงโต้ตอบบ้างเวลาผู้เป็นพ่อพูดคุยด้วยแม้จะยังไม่รู้ความก็ตามไม่แปลกใจเลยทำไมเพื่อนเขาถึงอยากพาลูกชายตัวเล็กของตนกลับบ้านไปด้วย อัศวินเลี้ยงง่ายและอารมณ์ดี บางครั้งเขาก็มักจะเพลินกับการหยอกล้อกับลูกจนลืมเวลาไป"เล่นพอยังคะตัวเล็ก หม่ามี๊พาไปอาบน้ำดีกว่า""คิก คิก คิก"อัศวินหัวเราะคิกคักขณะดวงตากลมโตบ้องแบ๊วมองมารดาและยิ้มจนตาหยี"กวนปะป๊านานแล้วนะคะ ไปกัน"โอนิกซ์ส่งยิ้มอ่อนโยนให้ภรรยา ประคองทารกให้หญิงสาวรับไปอุ้มต่อ สายตาอบอุ่นสื่อความหมายสบมองกัน แม้ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมา แต่ทั้งคู่ก็มีความสุขมากในทุกช่วงเวลาแพรวาอุ้มอัศวินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ส่วนโอนิกซ์ก็หยิบโน้ตบุ๊กมานั่งเคลียร์งานที่คั่งค้างต่ออีกนิดหน่อยมุมปากหยักยกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังแววออกมาจากห้องน้ำ จนอดใจไม่ไหวต้องวางโน้ตบุ๊กบนตักลงแล้วเดินไปดูสองแม่ลูกแทนแพรวานำอ่างอาบน้ำสำหรับเด็กมาตั้งไว้บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน
3 เดือนต่อมาบริษัท JRV LOGISTICSประธานหนุ่มเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ ก้มอ่านเอกสารร่างสัญญาฉบับใหม่ มือขวาควงปากกา มือซ้ายก็ประคองร่างของลูกชายตัวเล็กโยกกล่อมให้หลับภายในห้องทำงานเต็มไปด้วยอุปกรณ์เลี้ยงเด็ก ทั้งเปลที่นอน และคอกกั้นบุนวมอย่างดี พร้อมตุ๊กตาของเล่นขนาดต่างๆ จนไม่เหลือคราบห้องของประธานบริษัทแม้แต่น้อยแพรวาเปิดประตูเข้ามา หลังจากคลอดลูกน้อยรูปร่างเธอก็กลับสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว แทบจะดูไม่ออกว่าเคยผ่านการตั้งครรภ์มาก่อนใบหน้าสวยดูเปล่งประกายความงามชัดเจน ผิวขาวเนียนตัดกับเส้นผมสีดำสนิทยาวจรดแผ่นหลัง เธอสวมชุดเสื้อสูทสีครีมคู่กับกระโปรงเอวสูงสีเดียวกัน ราศีภรรยาประธานบริษัทจับทุกระเบียบนิ้วมุมปากที่ทาทับด้วยลิปสติกสีนู้ดยกยิ้มขึ้น จรดฝีเท้าเงียบเชียบไม่ให้รบกวนการนอนหลับของลูกน้อยโอนิกซ์เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร สายตาใต้กรอบแว่นดูอ่อนโยนเมื่อมองผู้มาใหม่ วางปากกาในมือลง"นี่เอกสารประชุมอาทิตย์หน้าค่ะ""เหนื่อยไหมครับ""นิกซ์ต่างหาก วินดื้อไหมเอ่ย""เล่นเสร็จ เพิ่งหลับไปเมื่อกี้"สายตาอ่อนโยนมองใบหน้าหลับใหลของลูกชายที่ถอดแบบมาจากเขาแทบจะพิมพ์เดียวกัน ยก
2 เดือนต่อมาโรงพยาบาลแพรวานั่งๆ นอนๆ อยู่แต่บนเตียงคนไข้ โอนิกซ์ย้ายเธอมาที่โรงพยาบาลได้สองวันแล้วเพื่อรอวันคลอด ตอนนี้แพรวายังไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นเท่าไร ต่างจากคนเป็นสามีที่ดูตื่นตัวพร้อมทุกสถานการณ์ เขาจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับทารกแรกเกิดไว้พร้อมสรรพ รวมถึงจัดการออกแบบตกแต่งห้องนอนรับแขกเก่าที่แพรวาเคยนอนเป็นห้องเด็กอ่อน แม้ลูกยังต้องนอนห้องเดียวกับพวกเขาอีกหลายปีก็ตามท้องเธอโตเสียแทบเดินไม่ไหว จะลุกจะนั่งต้องมีโอนิกซ์คอยช่วยพยุงวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ห้องพักของเธอครึกครื้น"พี่วาเอาแอปเปิลไหม คลีปอกให้" คลีโอและลีโอหอบกระเช้าผลไม้มาเยี่ยมว่าที่คุณแม่ตั้งแต่เช้า"ได้จ้ะ ขอบคุณนะ""ค่า เดี๋ยวคลีไปล้างก่อน"คลีโอเดินไปยังส่วนครัวของห้องพักซึ่งไม่ต่างจากโรงแรมดีๆ มีอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกครบครัน แถมยังมีแยกโซนสำหรับคนไข้และญาติเวลามาเยี่ยมไว้ด้วย ห้องรับแขกก็กว้างขวาง แบ่งเป็นสัดส่วนจึงไม่รบกวนการพักผ่อนของคนไข้"ปอกเป็นเหรอไง เอามีดมานี่ พี่ทำเอง" ลีโอที่แทบทนดูไม่ไหว ดึงมีดคมออกจากมือแฟนสาว และดันตัวเธอไปข้างๆ ก่อนจะจัดการแอปเปิลสีแดงด้วยตัวเองชายหนุ่มจัดการป
ย่านใจกลางเมืองเหล่ามาเฟียสี่คน ยืนหน้าเครียดมองประตูร้านขนมหวานด้วยความไม่แน่ใจ ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อนที่เป็นคนเสนอความคิด"เอาจริงดิ พาพวกกูมาคุยงานในร้านขนมเนี่ยนะ" ลีออนเอ่ยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้"แล้วยังไง""ดูหน้าแต่ละคนก่อน แล้วค่อยถามว่ายังไง""มึงก็รู้กูห่างเมียนานไม่ได้ มันปวดหัวอยากจะอ้วก ถ้าอยากคุยงานก็คุยที่นี่" โอนิกซ์ตอบกลับเสียงเรียบ ก่อนจะจูงมือภรรยาสาวที่ท้องโตเข้าไปในร้านเป็นคนแรก"แน่ใจเหรอวะ" ลีออนหันมาขอความเห็นจากเพื่อนที่เหลือ ซึ่งวิคเตอร์ก็ทำได้เพียงถอนหายใจ ส่วนไคโรและลีโอก็ส่ายหน้าไม่ได้ตอบคำถาม และพาแฟนตัวเองเข้าไปในร้านด้วยเช่นกัน"เชี่ย พวกกูสองคนมาทำห่าอะไรเนี่ย นึกว่านัดเดทคู่""กูยอมให้มึงควงได้วันหนึ่ง แต่ถ้าเริ่มลวนลามกูเมื่อไร กูถีบมึงแน่""ถุย! กูเนี่ยนะ จะลวนลามมึง พูดจาน่าถูกกระสุนฝังหัวจริงๆ""หึ"วิคเตอร์ทำเพียงแค่แค่นหัวเราะ และเดินตามคนอื่นเข้าไปในร้าน สุดท้ายเพื่อนผู้เรื่องมากก็หมดข้อโต้แย้ง ยืนกระฟัดกระเฟียดอยู่ครู่หนึ่งก็ยอมตามเข้ามาโอนิกซ์แยกโต๊ะระหว่างกลุ่มสาวๆ ในนั่งริมหน้าต่างร้าน ส่วนกลุ่มเขาแยกมาอีกโต๊ะก่อ
คฤหาสน์ตระกูลโอนิกซ์แพรวาคลี่ยิ้มละลายใจ ขณะผลักร่างสูงของผู้เป็นสามีลงบนเตียงกว้างในห้องนอนของเขา โอนิกซ์หอบหายใจเข้าออกหนักหน่วงด้วยความตื่นเต้น เฝ้ามองหญิงสาวค่อยๆ คลานขึ้นมาคร่อมร่างด้วยท่าทางยั่วเย้าชวนคลั่งคอเสื้อเว้าลงมา จนสามารถมองเห็นเนื้อนุ่มคู่สวยใต้ชุดเดรสน้ำเงิน ความกระสันทำช่วงล่างปวดหนึบ ดุนดันเป้ากางเกงขึ้นเป็นลำคนตัวเล็กยกยิ้มอย่างคนมีอำนาจเหนือกว่า มือน้อยลูบไล้ลำกายแข็งขืนผ่านกางเกง เฝ้ามองคนข้างใต้พยายามบดเบียดช่วงล่างเข้าหามือเธอ"จะให้รางวัลอะไรนิกซ์ครับ" เขาถามเสียงกระเส่า ความรู้สึกตื่นตัววูบหวิวทรมานเหมือนตนกำลังโดนทำโทษมากกว่า"รอดูสิคะ ใจร้อนจัง""อ่า เมียขี้ยั่วจัง"มือซุกซนเริ่มทำการปลดตะขอกางเกงพร้อมดึงมันลง โอนิกซ์ก็ยกสะโพกช่วยให้เธอจัดการกับกางเกงเกะกะโดยง่าย ท่อนเอ็นร้อนแข็งแทบชี้หน้า แต่ก็ยังมี บ็อกเซอร์อีกตัวปกปิดเอาไว้แพรวานั่งคุกเข่าอยู่กลางหว่างขา ใช้มือสัมผัสความใหญ่โตผ่านเนื้อผ้าอย่างยั่วยวนใจเย็น แต่คนที่นอนหอบหายใจกลับจะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียเอง รูดชั้นในลง โยนทิ้งออกไปในที่สุดท่อนเอ็นใหญ่ขนาดเท่าข้อมือหญิงสาวปรากฏสู่สาย
หลังมื้ออาหารจบลง งานประมูลสินค้าเพื่อร่วมบริจาคเงินให้แก่เด็กด้อยโอกาสจึงเริ่มขึ้น แขกที่มาร่วมงานทยอยเดินไปยังโซนหน้าเวทีโอนิกซ์โอบเอวภรรยาคนสวยไว้ตลอดทาง ระมัดระวังทุกย่างก้าวจนเธอนั่งลงข้างไปรยาเรียบร้อย เขาจึงนั่งขนาบข้าง ไม่นานไฟในห้องจัดเลี้ยงก็ถูกหรี่ลง พร้อมเสียงพิธีกรดำเนินงานดังขึ้น"สวัสดีครับ ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานประมูลเพื่อการกุศลครั้งที่ 4 รายได้จากการประมูลทั้งหมด หลักหักค่าใช้จ่ายแล้วจะนำไปช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสยังพื้นที่ห่างไกล ของที่นำมาร่วมประมูลในวันนี้มีมูลค่ารวมกันเกือบ 50 ล้านบาทเลยทีเดียว ขอให้ทุกท่านสนุกไปกับงานในครั้งนี้นะครับ"แขกที่มาร่วมงานต่างปรบมือเสียงดัง ตื่นเต้นที่จะได้ชมของล้ำค่ามากมาย และยังได้โอกาสอวดบารมีและเงินในบัญชีให้คนอื่นรับรู้ด้วย"ของชิ้นแรก เปิดกันมาด้วยแจกันเครื่องลายครามจากราชวงศ์ชิง ของประเทศจีนโบราณ พร้อมใบรับประกัน ขอเปิดการประมูลที่ หนึ่งล้านบาทครับ"เมื่อพิธีกรให้สัญญา ผู้ร่วมงานก็ชูป้ายขานราคากันอย่างสนุกสนาน แพรวาตกใจกับราคาที่สูงลิ่วของของแต่ละอย่าง ความคิดที่อยากจะร่วมงานเพื่อช่วยเหลือเด็กน้อยต้องถูกหยุดไว้ชั่วคร