บัดนี้เซี่ยชิงหลีมองชายชราในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมเพียงเพราะเขาเอ่ยปากชมสามีของนาง
“ท่านจะเข้ามาดื่มชาในเรือนก่อนหรือไม่”
“ไม่เป็นไรข้ายังมีธุระต่อ ที่มาวันนี้เพียงต้องการมาขอบคุณเจ้าอย่างจริงใจสักครั้งเท่านั้น อีกอย่างข้าอยากให้เจ้ารับสิ่งของเหล่านี้จากข้า ถือเสียว่าเป็นของขวัญสำหรับงานแต่งของเจ้าสองคน”
คำพูดนั้นราวกับมีระเบิดถูกปามาที่นาง เสียงบึ้มดังขึ้นในหัวพลันใบหน้าของหญิงสาวเห่อร้อนและแดงก่ำอย่างห้ามไม่อยู่ ชายชรามองหลานสะใภ้ตัวน้อยด้วยสีหน้าชอบใจ นานแล้วที่ตนไม่ได้เอ่ยเล่นหัวกับลูกหลาน
หากวันหน้าหลานชายผู้นี้ไม่มีทางหายดี แต่เขาได้แต่งงานกับหญิงสาวที่ดีเช่นนั้นตนก็วางใจ เซี่ยชิงหลีมองหีบไม้มากมายตรงหน้า นางตัดสินใจเพียงชั่วอึดใจก่อนพยักหน้ารับ
“เช่นนั้นข้าจะขอรับเอาไว้ ขอบคุณท่านเจ้าค่ะ”
“ท่านอันใดกัน ต่อไปเจ้าเรียกข้าว่าท่านปู่เมิ่งก็พอ”
ชายชรากลับขึ้นรถม้าไปด้วยสีหน้าอิ่มเอม ในที่สุดภาระที่เคยหนักอึ้งในหลายเดือนนี้ก็ได้ถูกวางลงแล้ว
ต่อไปก็จัดการตัวต้นเรื่องที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ขึ้น ชายชราตัดสินใจกลับเมืองหลวงเพื่อจัดการกับคนที่เป็นสาเหตุให้หลานชายของตนต้องกลายเป็นคนสติไม่ดี
ภายหลังจากที่ผู้เฒ่าเมิ่งและขบวนรถม้าได้ลับตาจากเรือนตระ หลี่ไปแล้ว ความคึกคักเล็กๆ ก็เริ่มก่อตัวขึ้นภายในเรือนหลังใหญ่ ทุกคนต่างทยอยกันเข้ามาดูของที่ชายชรานำมามอบให้เซี่ยชิงหลี
“โอ้โห! นี่มันผ้าไหมอย่างดีที่คนเมืองใช้กันใช่หรือไม่ ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ดูสิ...ยามที่มือหยาบกร้านของข้าสัมผัสมัน ข้ารู้สึกราวกับถูกโอบอุ้มด้วยก้อนเมฆ!”
ป้าสะใภ้ใหญ่เอ่ยด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม
“นี่!! ดูสิ!! นี่ใช่สมุนไพรหรือไม่ ท่าทางเป็นของดีหายากใช่ย่อย หลีเอ๋อของเราช่างโชคดีจริงๆ”
ป้าสะใภ้รองก็แสดงสีหน้าไม่ต่างกัน
“หีบไม้หอมชั้นดี ดูสิด้านในมีแต่เครื่องประดับล้ำค่า ที่มุมหีบยังมีตราประทับด้วย!”
ตู้เฟิงอิงชี้ชวนให้ทุกคนในเรือนดู
เสียงชื่นชมดังเซ็งแซ่ ทว่า…ในมุมเงาใต้ชายคา เซี่ยชิงหลีกลับไม่ได้สนใจสิ่งของเหล่านั้นแม้เพียงนิดเดียว
นางนั่งอยู่หน้ากระดานไม้ใบหนึ่ง มือเรียวจัดเรียงวัสดุเบื้องหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ ดวงตาทอแสงนิ่งสงบสมาธิจดจ่ออยู่กับ…สิ่งที่นางใส่ใจจริง ๆ
ยาสีฟันสมุนไพรแบบทดลองเสร็จสมบูรณ์แล้วในวันนี้
ข้างกายของนางคือห่อผงยาที่บดจนละเอียดและหอมเย็น กลิ่นของกานพลูและสะระแหน่ลอยจางๆ ไปในอากาศ ทำให้ผู้ที่เดินผ่านถึงกับต้องหยุดสูดดมด้วยความรู้สึกสดชื่น
“หลีเอ๋อ…กลิ่นนี้ หอมเย็นดีจริงๆ พี่ใหญ่คิดว่าใช้แปรงฟันต้องสะอาดมากแน่ ๆ!”
เซี่ยชิงหลีเพียงยิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปหยิบสิ่งที่วางไว้บนผ้าผืนข้างกัน มันคือ แปรงสีฟัน ที่นางออกแบบเองกับมือ
ด้ามทำจากไม้เนื้อแข็งขัดจนเกลี้ยงเกลาและโค้งรับกับมือ ยามเมื่อจับกระชับพอดี หัวแปรงปักขนหมูป่าที่ต้มจนสะอาดและจัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ ขนแน่นพอให้ขัดฟันแต่ไม่แข็งเกินจะทำร้ายเหงือก ทุกสิ่งออกแบบตามความทรงจำจากโลกเดิม และลุงรองเป็นผู้ลงมือลงแรงในทุกชิ้น
“ลุงรอง...ท่านทำได้ดีมาก ขนหมูป่าที่ท่านเตรียมเหนียวนุ่มกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก”
หญิงสาวกล่าวพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น ดวงตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง ชายวัยกลางคนหัวเราะแก้เขินเมื่อได้รับคำชมจากหลานสาว
“ฮ่าๆ ลุงรองก็ทำตามคำสั่งของหลีเอ๋อทุกอย่าง แปรงสีฟันเลยออกมาดูดีเช่นนี้”
ข้างๆ ยังมีเซี่ยชิงเป่าและอาเหิงที่กำลังเล่นกับแปรงตัวอย่างด้วยท่าทีสนใจเหมือนเด็กเล็กที่ได้ของเล่นใหม่ อาเหิงถึงกับเอาไปลองถูฟันตนเอง แล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มอวดฟันขาว
“ภรรยา แปรงนี้เย็นดีจังเลย~!”
ทุกคนหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะนั้นอบอวลไปด้วยความสุขอันเรียบง่าย แตกต่างจากเสียงชื่นชมของคนที่มุงดูของมีค่าในเรือนลิบลับเพราะสำหรับเซี่ยชิงหลี สิ่งของนอกกายแม้มากค่าเพียงใดก็ไม่เท่าความตั้งใจที่ได้ลงมือสร้างบางสิ่งเพื่อดูแลครอบครัวด้วยมือตนเอง
และวันนี้นางทำสำเร็จแล้ว
ข่าวเรื่องที่มีรถม้าคันโตมาที่เรือนตระกูลหลี่ถูกพูดถึงไปทั่วทุกหนแห่งในหมู่บ้านสือโถว จูเป่าเอ๋อที่ถูกมารดาขังเอาไว้ในเรือนทุบข้าวของพังเสียหาย ความโกรธแค้นของนางที่มีต่อคนตระกูลหลี่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งกับเซี่ยชิงหลีแล้วนางยิ่งอยากสังหารให้ตาย
ความอาฆาตที่จูเป่าเอ๋อมีต่อตนเซี่ยชิงหลีไม่รู้เลยสักนิด ตอนนี้นางกำลังจัดการให้ทุกคนในเรือนได้ทดลองใช้แปรงสีฟันพร้อมยาสีฟันสมุนไพรที่นางคิดค้นขึ้น บรรยากาศในบ้านหลี่เต็มไปด้วยความชื่นมื่น
บัดนี้ผู้เฒ่าหลี่ถึงกับร้องอย่างประหลาดใจขณะลูบฟันของตน
“หลีเอ๋อ! ฟันของตารู้สึกเกลี้ยงสะอาดราวกับล้างด้วยน้ำแข็งจากยอดเขาหิมะเลย!”
ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“ข้ารู้สึกเหมือนได้กลิ่นหอมในปากหลังแปรงฟัน ปกติตื่นเช้ามาปากเหม็นยังกับบ่อปลา!”
ลุงรองเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
พลันเสียงหัวเราะครืนก็ดังขึ้นลั่นเรือนอย่างเป็นธรรมชาติ ทว่าเซี่ยชิงหลีกลับยกยิ้มเพียงเล็กน้อย นางมองคนในเรือนที่เคยต้องขึ้นเขาเก็บเห็ดกลางแดดจ้า คนเฒ่าที่ปวดเข่าปวดขา เด็กน้อยที่พึ่งได้เรียนรู้ชีวิต พี่ชายและลุงทั้งสองผู้เหนื่อยยากมาทั้งชีวิตเพื่อดูแลครอบครัว
ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องได้อยู่อย่างสุขสบาย
เซี่ยชิงหลีลุกขึ้นยืนกลางลานบ้าน ดวงตาคมชัดดั่งน้ำใสที่สะท้อนท้องฟ้า เสียงของนางเอ่ยออกมาช้าๆ ทว่ามั่นคง
“ข้าได้ตัดสินใจแล้ว...ว่าแปรงสีฟันกับยาสมุนไพรนี้ จะกลายเป็นธุรกิจแรกของตระกูลหลี่เรา”
“ธุรกิจหรือ”
ลุงใหญ่ถามออกไปอย่างลืมตัว เซี่ยชิงหลีพยักหน้ารับ
“ใช่เจ้าค่ะ! ลุงใหญ่ข้าอยากให้ท่านช่วยไปเจรจากับหัวหน้าหมู่บ้าน ขอความร่วมมือเรื่องหาช่างไม้ฝีมือดีสำหรับทำด้ามแปรงให้ข้า จะต้องเป็นคนที่มีความประณีตและขยันขันแข็ง ข้าให้ราคาด้ามละสองเหวิน ทำได้มากเท่าใดพวกเขาก็ได้เงินมากเท่านั้น ทว่างานจะต้องออกมาดี บอกพวกเขาว่าหากทำมาแบบลวกๆ ข้าไม่จ้างต่อ”
นางชี้ไปยังแบบร่างด้ามแปรงที่วางอยู่บนโต๊ะ และตัวอย่างที่ถูกขัดเรียบร้อยแล้ว
“ส่วนคนบ้านหลี่ของเราไม่ต้องไปเก็บเห็ดสนอีกต่อไปแล้ว เพราะข้าจะให้คนอื่นเก็บแทนพวกเรา ป้าสะใภ้ใหญ่ป้าสะใภ้รอง ท่านสองคนสอนวิธีเก็บเห็ดสนให้พวกเขา บอกทุกคนว่าข้าจ่ายให้จินละห้าร้อยเหวิน เงินของเราตอนนี้ไม่ขัดสน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเดินหนทางที่ลำบากอีก”
ในเช้าตรู่ของวันหนึ่ง หลังจากหอหว่านหรงสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง ถึงเวลาที่หญิงสาวต้องกลับบ้านเสียที รถม้าสีเทาเรียบหรูคันหนึ่งแล่นออกจากตัวเมืองหลิงหนาน มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบใต้เงาภูเขาเขียวภายในรถม้า เซี่ยชิงหลีนั่งเงียบๆ มือถือกล่องไม้เล็กใส่ของฝากจากในเมือง ข้างกายนางคือมู่หรงหนานเฟิงผู้เงียบไม่แพ้กัน ทว่าแววตากลับอ่อนลงกว่าเมื่อเดือนก่อน“เจ้าแน่ใจหรือว่าเขายังอยากพบข้า”ชายหนุ่มถามเสียงเบา ขณะทอดสายตามองออกไปยังทิวทุ่งข้าวเขียวขจีที่ทอดยาว เซี่ยชิงหลีเหลือบมองเขาดวงตานิ่งสงบ แต่แฝงแววล้อเลียนเล็กน้อย“พี่ชายข้า...อาจไม่พูดออกมาตรงๆ แต่ท่านเองก็ควรรู้ว่าเขาเฝ้ามองข่าวจากหอหว่านหรงทุกคืน”หลังจากได้ร่วมงานกัน หญิงสาวจึงได้รู้ว่ามู่หรงหนานเฟิงใส่ใจพี่ชายของนางไม่น้อย ทว่าสิ่งที่ทั้งสองรู้สึกไม่อาจเอ่ยปากได้โดยง่าย เพียงเพราะเพศเดียวกันจึงไม่สามารถครองคู่หญิงสาวยกยิ้มบางเบาเมื่อยามนึกถึงสิ่งที่พี่ชายของตนกระทำ“ข้าเคยเห็นเขาอ่านแผนการที่ข้าเขียนในกระดาษซ้ำหลายครั้งในทุกคืน เพียงเพราะบนกระดาษแผ่นนั้นมีชื่อของท่านอยู่”มู่หรงหนานเฟิงยิ้มบางๆ ลมหายใจในอกพลันอบอุ่น
เซี่ยชิงหลีนั่งลงบนม้านั่งไม้ริมหน้าต่าง แขนขวาของนางมีรอยแดงช้ำตรงปลายข้อศอกถลอกเล็กน้อยจากแรงปะทะ มู่หรงหนานเฟิงนั่งตรงข้าม มือของเขาถือผ้าผืนเล็กกับน้ำสะอาดเตรียมล้างแผลให้ตนเองแววตาของเขาในตอนนี้…ว่างเปล่าเสียจนชวนให้นางรู้สึกหนักอึ้งในอก เขากำลังคิดอะไรอยู่…ไม่ต้องเดาก็รู้ดวงตาคู่นั้นไม่มีเป้าหมาย ไม่มีไฟ ไม่มีแม้แต่ความเคียดแค้น มันคือแววตาของคนที่หมดแรงเดินต่อแม้จะยังยืนอยู่ เซี่ยชิงหลีมองเขาเงียบๆ ปล่อยให้เสียงเช็ดแผลเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ดังอยู่ในห้องนั้นภาพชายหนุ่มตรงหน้าแตกต่างจากตอนที่นางพบเขาครั้งแรกโดยสิ้นเชิง ตอนนั้นเขาคือเจ้าของหอสุราที่สง่างาม สุขุม และแฝงแรงใจเข้มแข็งในแววตา ทว่าวันนี้…เขาไม่ต่างจากคนที่ถูกบีบจนไม่เหลือทางเดิน“มีบ้านก็กลับไม่ได้ มีตระกูลแต่ไร้ที่ยืน”หากเขายังจมอยู่กับความสิ้นหวังเช่นนี้...เขาอาจจะไม่ใช่คู่ค้าที่นางพึ่งพาได้ในวันหน้า“คุณชายมู่หรง”เซี่ยชิงหลีเอ่ยเสียงเบา“ข้าไม่ใช่คนดีมากพอจะให้คำปลอบใจอันเลิศหรู แต่ในโลกแห่งการค้า หากเจ้าหยุดเดินเพียงเพราะเส้นทางข้างหน้ามีคนขวาง…เจ้าจะไม่มีวันไปถึงจุดที่เขาไม่กล้าตามไปเหยียบ”มู่หรงหนานเฟิงเงยหน
อาเหิงเอ่ยอย่างเคืองๆ เซี่ยชิงหลีมองคนต่างวัยทั้งสองที่ไม่ต่างจากเพื่อนในวัยเดียวกันแล้วอดหัวเราะไม่ได้เมื่อถึงร้านเครื่องปั้นดินเผาต้าเหอยิ่น ร้านเก่าแก่ที่มีโรงเผาอยู่ด้านหลัง เซี่ยชิงหลีก็ยื่นกระดาษแบบร่างให้กับเถ้าแก่ผู้เป็นเจ้าของกิจการชายวัยกลางคนผู้มีหนวดเคราสีดำน้ำตาล คิ้วเข้มท่าทางค่อนข้างดุร้าย แต่พอเห็นกระดาษที่หญิงสาวยื่นให้ สีหน้ากลับแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังในทันทีแบบที่นางส่งให้ไม่ใช่ไหดินเผาทั่วไป หากแต่เป็นบรรจุภัณฑ์รูปทรงกลมเตี้ย ฝาปิดแน่น ขนาดพอเหมาะสำหรับบรรจุสบู่ แชมพู หรือแป้งสมุนไพร ผิวภายนอกขอให้เผาแบบไม่เคลือบเพื่อให้มีผิวสัมผัสธรรมชาติ แต่ขอฝังตราประทับรูปดอกเหมย ที่มุมหนึ่งของฝาเพื่อเป็นเอกลักษณ์“แบบนี้...ไม่เคยมีใครสั่งมาก่อน แต่ข้าชอบความคิดเจ้านะ ดูเรียบง่ายแต่มีจุดเด่น”เซี่ยชิงหลีประสานมือคำนับ“ข้าขอสั่งทำชุดแรก หนึ่งพันใบก่อนเจ้าค่ะ เพื่อดูทิศทางตลาดหากผลตอบรับออกมาดีข้าอยากร่วมมือกับร้านท่านเป็นคู่ค้าถาวร รับรองข้าจะไม่หันไปหาที่อื่นแน่นอน”เถ้าแก่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้าช้า ๆ“หนึ่งพันใบข้าจัดให้ได้ ภายในสิบห้าวัน แต่ขอให้เจ้ามารับด้วยต
ณ ตอนนี้ เซี่ยชิงหลีกำลังยืนอยู่หน้าหม้อต้มสมุนไพรใบใหญ่ กลิ่นใบมะกรูดแห้งผสมกับกลิ่นหอมอ่อนของกลีบดอกบัวที่กำลังเคี่ยวเข้ากันลอยคลุ้งอบอวลไปทั่วลานด้านหลังเรือนมือเรียวของหญิงสาวคนไปอย่างต่อเนื่องด้วยไม้พาย ในขณะที่เหงื่อผุดซึมบนหน้าผากอย่างไม่อาจเลี่ยงผ่านไปแล้วหลายวัน...ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ นางทดลองผสมอัตราส่วนใหม่ ลองอุณหภูมิที่ต่างกัน ทดลองการตาก การกวน การแยกชั้นของน้ำมันกับสมุนไพรทุกครั้งที่ล้มเหลว สบู่จับตัวไม่ขึ้นหรือแชมพูกลายเป็นน้ำเหนียวข้นกลิ่นเหม็นเปรี้ยวนางก็ต้องเริ่มใหม่...ตั้งแต่ต้นยามตะวันบ่ายคล้อย สายลมเอื่อยพัดชายแขนเสื้อที่เลอะเปื้อนของนางอย่างแผ่วเบา เซี่ยชิงหลีค่อยๆ วางไม้พายลงพลางถอนหายใจเงียบๆ และทรุดตัวนั่งพิงข้างถังน้ำอย่างเหนื่อยล้าสายตาของนางทอดมองสบู่ก้อนเล็กๆ ที่พอใช้การได้ก้อนแรกในรอบหลายวัน กลิ่นหอมของมันยังอ่อนนัก รูปทรงไม่สวย เนื้อไม่เนียนแต่มัน...สามารถชำระล้างได้จริง“ทำไมกันนะ…”ร่างบางพึมพำกับตนเองเบาๆ เสียงนั้นแฝงไว้ทั้งความเหนื่อยล้าและเศร้าสร้อย“คนอื่นพอเกิดใหม่ก็มีกระบี่เทพติดมือ มีพลังปราณฟ้าฟาด ฝึกแค่ไม่กี่วันก็กวาดล้างทั้งตระกูลศัตรู…
คำพูดนั้นทำให้หลายคนเบิกตากว้าง จินละห้าร้อยเหวิน ไม่ใช่จำนวนเล็กๆ สำหรับชาวบ้านเลย“หลีเอ๋อ...แล้วพวกเราล่ะ”“เวลาว่างของทุกคน…ข้าอยากให้มาเรียนรู้วิธีบดสมุนไพรเตรียมวัตถุดิบไว้สำหรับการทำยาสีฟันชุดใหญ่ เราจะเริ่มขายที่อำเภอหลิงหนานก่อน”ทุกคนเริ่มมองหน้ากันด้วยความตื่นเต้น ต่างมองเห็นแววความหวังที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันกำลังเริ่มเปล่งประกายในดวงตาของพวกเขา หญิงสาวหันไปมองฟ้ากว้างพลางวางหมากต่อในใจ“และแน่นอน...หากจะส่งขายในเมืองหลิงหนาน ข้าคงต้องขอความร่วมมือจากคนผู้นั้น มู่หรงหนานเฟิง เจ้าของหอหว่านหรงที่ตระกูลหลี่ของเราเคยร่วมมือทำการค้า”เมื่อได้ยินชื่อของมู่หรงหนานเฟิง เซี่ยจื่ออี้ก็นิ่งไปทันที“หลีเอ๋อ น้องทำการค้ากับคุณชายมู่หรงหรือ”เซี่ยชิงหลีหัวเราะน้อยๆ นางลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้มู่หรงหนานเฟิงเคยบอกว่ารู้จักกับพี่ชายของนาง ตัวนางเองหลังจากกลับมาจากอำเภอหลิงหนานก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท“พี่ใหญ่ข้ายังไม่ได้บอกท่านใช่หรือไม่ มู่หรงหนานเฟิงบอกว่าจะมาเยี่ยมท่านที่นี่ คิดว่าหลังจากกลับมาที่เรือนจะบอกท่านแต่ข้ากลับลืมไปเสียได้”เมื่อได้ยินน้องสาวบอกว่ามู่หรงหนานเฟิงเอ่ยถึงตนทั้งยัง
บัดนี้เซี่ยชิงหลีมองชายชราในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมเพียงเพราะเขาเอ่ยปากชมสามีของนาง“ท่านจะเข้ามาดื่มชาในเรือนก่อนหรือไม่”“ไม่เป็นไรข้ายังมีธุระต่อ ที่มาวันนี้เพียงต้องการมาขอบคุณเจ้าอย่างจริงใจสักครั้งเท่านั้น อีกอย่างข้าอยากให้เจ้ารับสิ่งของเหล่านี้จากข้า ถือเสียว่าเป็นของขวัญสำหรับงานแต่งของเจ้าสองคน”คำพูดนั้นราวกับมีระเบิดถูกปามาที่นาง เสียงบึ้มดังขึ้นในหัวพลันใบหน้าของหญิงสาวเห่อร้อนและแดงก่ำอย่างห้ามไม่อยู่ ชายชรามองหลานสะใภ้ตัวน้อยด้วยสีหน้าชอบใจ นานแล้วที่ตนไม่ได้เอ่ยเล่นหัวกับลูกหลานหากวันหน้าหลานชายผู้นี้ไม่มีทางหายดี แต่เขาได้แต่งงานกับหญิงสาวที่ดีเช่นนั้นตนก็วางใจ เซี่ยชิงหลีมองหีบไม้มากมายตรงหน้า นางตัดสินใจเพียงชั่วอึดใจก่อนพยักหน้ารับ“เช่นนั้นข้าจะขอรับเอาไว้ ขอบคุณท่านเจ้าค่ะ”“ท่านอันใดกัน ต่อไปเจ้าเรียกข้าว่าท่านปู่เมิ่งก็พอ”ชายชรากลับขึ้นรถม้าไปด้วยสีหน้าอิ่มเอม ในที่สุดภาระที่เคยหนักอึ้งในหลายเดือนนี้ก็ได้ถูกวางลงแล้วต่อไปก็จัดการตัวต้นเรื่องที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ขึ้น ชายชราตัดสินใจกลับเมืองหลวงเพื่อจัดการกับคนที่เป็นสาเหตุให้หลานชายของตนต้องกลายเป็นค