“อาเหิงภรรยาเอง มาเถอะช่วยข้าแบกหมูป่ากลับเรือน วันนี้พวกเราทานเนื้อกัน”
เมื่อพูดถึงเนื้อชายหนุ่มรีบวิ่งไปหาหญิงสาวอย่างกระตือรือร้น เซี่ยชิงเป่าเห็นอาเหิงที่โตแต่ตัวทว่ามีงานให้ทำ แต่ตนเองกลับว่างงานจึงได้ถามผู้เป็นพี่สาว
“พี่รองแล้วข้าเล่า”
“เจ้ารอที่นี่ พี่ไปแค่เพียงไม่นาน อย่าเดินเพ่นพ่านไปที่อื่นเดี๋ยวจะหลงเอา”
เด็กน้อยพยักหน้ารับทำตามคำสั่งพี่สาวอย่างว่าง่าย ยามช่วงเวลาโพล้เพล้บนเส้นทางลงเขา แสงสุดท้ายของวันทอดเงายาวลงบนพื้นดิน ขับให้ป่าเขารอบด้านกลายเป็นภาพเงาที่ค่อยๆ ละลายไปในความมืด
ท้องฟ้าเบื้องบนไล่เฉดสีจากส้มอมชมพูเป็นม่วงน้ำเงินอย่างแผ่วทางเดินลงเขาขรุขระไปเต็มด้วยรากไม้และหินเล็กหินน้อย เสียงฝีเท้าทั้งสามที่ก้าวเหยียบใบไม้ดังกรอบแกรบสะท้อนในความเงียบ
เสียงนกป่าตัวสุดท้ายเริ่มเงียบลง ปล่อยให้ลมเย็นของยามเย็นแทรกตัวผ่านยอดไม้ลงมาสัมผัสผิวกาย
ผู้เฒ่าหลี่เดินไปเดินมาที่หน้าเรือนด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น ก่อนหน้ารู้จากชาวบ้านว่าเด็กๆ ขึ้นเขาจึงเป็นกังวลว่าจะเกิดอันตราย
ทว่าเมื่อเห็นทั้งสามเดินฝ่ากลางหมู่บ้านมาพร้อมชาวบ้านอีกหลายคนที่เดินตามด้านหลัง ความหนักอึ้งในใจของผู้เฒ่าวัยชราจึงได้ถูกวางลง
ก่อนหน้านี้สามคนเดินลงเขามาพบชาวบ้านหลายคน เมื่อเห็นว่าพวกเขาแบกหมูป่าหนักหลายร้อยจินกลับมาจึงรีบเข้าไปสอบถาม หนึ่งในนั้นคือลุงป้าที่เอ่ยเตือนเรื่องหมู่ป่ากับนาง เซี่ยชิงหลีจึงยกคานหามให้เขาช่วยหามกลับเรือน ส่วนตัวนางเดินตัวดำนำหน้าทุกคนตรงดิ่งมายังผู้เฒ่าบ้านตน
“ท่านตา หลีเอ๋อกลับมาแล้ว”
ชายชรายังคงตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ในหมู่บ้านมีพรานอยู่บ้างทว่าก็ไม่เคยล่าหมู่ป่าตัวใหญ่เช่นนี้ได้ ไม่คิดว่าหลานสาวผู้บอบบางจะมีฝีมือร้ายกาจ ถึงกับสังหารหมูป่าได้...นั่นก็ไม่น่าจะใช่ หรือว่าจะเป็นเจ้าหนุ่มนุ่มนิ่มผู้นั้น
เมื่อเห็นสภาพหลานสาวและอาเหิง ชายชราก็ล้มเลิกความคิดก่อนหน้าทันที
“ขึ้นเขาเหตุใดไม่บอกลุงใหญ่ลุงรองของเจ้า ในบ้านยังมีบุรุษถึงทีให้สตรีออกหน้าหรือ”
“โธ่! ท่านตาหลีเอ๋อแค่พาน้องไปเก็บผักป่ามาทำอาหารเย็นเท่านั้น ไม่คิดว่าจะเก็บหมูป่ากลับมาได้”
หญิงสาวเมื่อถูกดุจึงร้องโอดครวญออกมาดั่งเด็กน้อย สภาพของนางบัดนี้ไม่ต่างจากหมูป่าตัวนั้น...ดำไปทั้งตัว
“เจ้าคิดว่าหมูป่าเป็นลูกเกาลัดหรือ อยากเก็บเมื่อใดก็เก็บได้ ดูสภาพเจ้าตอนนี้สิ บอกไปใครจะเชื่อ”
ชายชราสะบัดหน้าทำท่าทางไม่พอใจ เซี่ยชิงเป่าเห็นพี่สาวง้อท่านตาไม่สำเร็จจึงยักคิ้วให้พี่สาวอย่างล้อเลียน
“ได้ๆ หลีเอ๋อยอมรับผิดแล้ว ท่านตาคิดเถอะจะทำอย่างไรกับหมูป่าตัวนี้ดี”
“เจ้าเป็นคนล่ามันเจ้าก็ตัดสินใจเองเถอะ”
ชายชราเห็นว่าสั่งสอนหลานสาวพอแล้วจึงไม่ถือสาต่อนางอีก
“อืมมมม....เช่นนั้นวันนี้ก็ชำแหละหมูป่าตัวนี้แบ่งชาวบ้านกันเถอะ อย่างไรวันหน้ายังต้องรบกวนทุกคนอีก ถือเสียว่าวันนี้หลีเอ๋อกตัญญูต่อลุงป้าน้าอาล่วงหน้า”
ชาวบ้านทั้งหลายไม่คิดว่าตนจะมีส่วนด้วย หลายคนที่ตามมาต่างก็เต็มใจช่วยทำความสะอาดหมูป่าตัวใหญ่ หลายเดือนแล้วที่ไม่ได้ทานเนื้อ วันนี้ไม่รู้โชคดีอะไรของครอบครัวตน
ลุงทั้งสองของเซี่ยชิงหลีกลับมาจากนาพอดี เมื่อเห็นชาวบ้านมากมายมาชุมนุมที่เรือนของตนก็รีบวิ่งมาดู ภายหลังเมื่อรู้ว่าหลานสาวฆ่าหมูป่าได้ด้วยตัวคนเดียวก็แทบเป็นลมหงายหลัง
หลี่เยว่สิงบุตรชายคนโตของลุงใหญ่วันนี้กลับจากบ้านเดิมภรรยาพร้อมตู้เฟิงอิง เมื่อนั่งเกวียนวัวถึงหน้าเรือนพบว่ามีคนมาชุมนุมมากมายหลังจากได้รู้เรื่องราวโดยละเอียดจึงได้พาภรรยาและลูกสาววัยสองขวบไปทักทายอาหญิงของนาง
“พี่ใหญ่เยว่สิง ท่านนำเนื้อหมูป่าชินนี้ให้พี่ชายของพี่สะใภ้กลับไปด้วยเถอะ อย่างไรคนก็มีน้ำใจมาส่งถึงที่นี่”
เซี่ยชิงหลีที่อาบน้ำชำระกายเรียบร้อยแล้วเอ่ยเตือนหลี่เยว่สิง ตู้เฟิงอิงไม่คิดว่าลูกพี่ลูกน้องของสามีจะใจกว้างถึงเพียงนี้ นั่นคือเนื้อหมูป่าเกือบสิบจินเชียวนะ
ยิ่งได้รู้ว่าหมูป่าเหล่านี้จะถูกแบ่งให้ชาวบ้านทั้งหมด นางก็ยิ่งตกใจ แม้จะรู้สึกเสียดายเพราะหากขายไปน่าจะได้เงินหลายตำลึง ทว่านั่นมิใช่หมูป่าของบ้านตนจึงไม่สามารถเอ่ยปากได้
หลังจากแบ่งสันปันส่วนเนื้อหมูป่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านต่างก็ทยอยกลับเรือนของตนด้วยสีหน้าอิ่มเอม บัดนี้หมู่บ้านสือโถวทุกหลังคาเรือนต่างก็มีเนื้อทานทุกหลัง กลิ่นหอมของเนื้อลอยโชยไปทั่วหมู่บ้าน ทว่ากลับมีเพียงตระกูลจางเท่านั้นที่ไม่มีส่วน
“พวกเจ้าไปทำอะไรมากันแน่ เหตุใดบ้านจางของเราถึงได้ถูกกีดกันออกมา แม้แต่เนื้อหมูป่าของบ้านหลี่ก็ไม่มีส่วน”
นางเหอสะใภ้ใหญ่สกุลจางดึงหูสามีที่พึ่งกลับเรือนในสภาพสะบักสะบอม เช้าวันนี้น้องสามีมาที่เรือนเพื่อพาพี่ชายทั้งสองไปทำงาน ทั้งยังจ่ายเงินสูงถึงห้าตำลึง ไม่คิดว่าเมื่อกลับมาถึงเรือนสภาพของทั้งสองครอบครัวแทบจำไม่ได้
“มะ..ไม่มีอะไร”
จะให้เขาพูดได้อย่างไรว่าถูกเด็กสาวที่ยังโตไม่เต็มที่ตีเอา เสียชื่ออดีตผู้คุ้มกันหมด
นางเหอไม่เชื่อคำพูดสามี วันนี้มีข่าวว่าลูกสาวบ้านหลี่หย่าสามีทั้งยังหอบลูกกลับ นางจึงคาดเดาเอาเองว่าสามีจะต้องมีส่วนด้วย
“เจ้าคงไม่ได้ทำให้บ้านเรากับบ้านหลี่บาดหมางกันเพราะน้องสาวที่แต่งออกไปแล้วของเจ้าใช่หรือไม่”
เมื่อเห็นสามีเงียบปากเหมือนกำลังรับสารภาพผิด นางเหอก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม
“โธ่เอ๊ย!! สวรรค์ต่อไปถ้าหากมีอะไรดีๆ คงมาไม่ถึงพวกเราแล้ว เจ้ามันโง่เหมือนวัว!! วันนี้ข้าจะทุบตีเจ้าให้ตาย”
“เจ้า!...เจ้า!รู้หรือไม่หลายปีมานี้...กว่าข้าจะดูแลแม่ที่พิการนอนป่วยติดเตียงของเจ้าจนนางจากไปมันลำบากเพียงใด น้องสาวของเจ้าเมื่อยามที่แต่งให้ตระกูลร่ำรวยเคยแบ่งปันให้พวกเราไหม พอตนเองมีปัญหากลับวิ่งแจ้นมาที่นี่ ไม่รู้ล่ะ! เจ้าต้องให้นางรับผิดชอบชดใช้เนื้อให้ข้า ไม่อย่างนั้นข้า...ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!!”
นางเหอหยิบไม้ไล่ตีสามีในเรือนวุ่นวายเสียงดังมาถึงเรือนตระกูลหลี่
วันนี้เซี่ยชิงหลีลงมือทำอาหารด้วยตนเอง นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ปรุงเนื้อย่างจริงจังนอกจากใช้แค่เกลือกับน้ำ ครอบครัวหลี่เป็นครอบครัวใหญ่เมื่อยามที่ต้องทานอาหารจึงต้องยกโต๊ะเก้าอี้มานั่งที่ลานหน้าเรือน
“วันนี้เป็นวันแรกที่อาหญิงและน้องๆ ของพวกเจ้ากลับมา ข้าจะเปิดเหล้าฉลองสักหน่อย พวกเจ้าก็ดื่มคนละจอกก็แล้วกัน”
ผู้เฒ่าหลี่บัดนี้หน้าแดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุกเพราะฤทธิ์สุรา นานมากแล้วที่ไม่ได้งัดเหล้าดอกท้อหมักที่ทำด้วยตนเองออกมาดื่มฉลอง ปกติต้องเป็นวันสำคัญหรือปีใหม่เท่านั้นถึงจะได้ลิ้มลอง
“ท่านก็ดื่มน้อยหน่อย อายุก็ไม่น้อยแล้ว”
“ฮ่า!! ดื่มน้อยได้อย่างไร ข้าต้องฉลองที่บุตรสาวและหลานทั้งสามเป็นอิสระ”
สองสามีภรรยาเฒ่าพูดคุยโต้ตอบ เหล่าลูกๆ และหลานปู่หลานตาต่างทานอาหารพลางฟังสองผู้เฒ่าต่อปากต่อคำด้วยความสนุกสนานบรรยากาศครื้นเครงเช่นนี้ทำให้นางนึกถึงโรงฝึกกังฟู ไม่รู้ว่าอาจารย์และเหล่าพี่น้องจะเป็นอย่างไรบ้าง พวกเขายังสบายดีอยู่หรือไม่
“นี่น้องสาว เห็ดที่เจ้าทำทานได้จริงหรือ มันไม่มีพิษใช่หรือไม่”
ชายชุดดำกระชากสาบเสื้อของหมอวัยกลางคนจนหลุดลุ่ย เวลานั้นเองเซี่ยชิงหลีได้เอ่ยแทรกขึ้น“นี่!...ให้ข้าลองดูได้หรือไม่”“เจ้าเป็นใคร!”ชายชุดดำหันขวับมาที่นางทันที สายตาที่จับจ้องมานั้นราวกับจะสังหารคนเสียให้ได้“ข้าคือคนที่ผ่านทางมาและพอรู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง”หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“แม่นาง...เจ้าอย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเลย ไม่เห็นหรือว่าเขาตายไปแล้ว ถ้าหากเจ้าช่วยคนผู้นี้ไม่ได้เจ้าอาจต้องตาย เห็นหรือไม่เขามีอาวุธ”ชาวบ้านที่เข้ามามุงดูช่วยเอ่ยทัดทานหญิงสาว“ข้ารู้...”แม้จะรู้เช่นนั้น เซี่ยชิงหลีก็ไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมา ช่างผิดวิสัยของคนปกตินักหญิงสาวใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าของคนผู้นั้น นางพลันจดจำได้ทันที เขาคือชายชราที่อยู่กับอาจารย์ใหญ่จ้าว เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่นี่ ชายชุดดำเห็นสายตาของหญิงสาวดูเปลี่ยนไปเหมือนกับนางเคยรู้จักนายท่านของตนมาก่อน เขาทำท่าชักกระบี่ทว่าคนที่มาด้วยห้ามเอาไว้“เจ้าคนหนึ่งมานี่ ทำตามที่ข้าบอก”เซี่ยชิงหลีจัดท่าให้ชายชรานอนหงายแล้วเปิดทางหายใจให้โล่ง ด้วยการกดหน้าผากและยกขากรรไกรล่างขึ้น จากนั้นสั่งให้ชายชุดดำผายปอดให้ชายชราตามวิธีการของนางผู
“เนื้อกวางหรือ หอหว่านหรงของเรารับซื้อทว่าเห็ดป่านั้น...เจ้าให้ข้าดูก่อนได้หรือไม่”ชายหนุ่มมีท่าทีลังเล เซี่ยชิงหลีพอเข้าใจเพราะก่อนหน้านี้คนบ้านหลี่ก็แสดงสีหน้าไม่ต่างกัน ไม่ใช่เห็ดทุกชนิดที่จะสามารถกินได้“ได้แน่นอนเจ้าค่ะ”หญิงสาวเปิดผ้าคลุมตะกร้าออก เห็ดสนที่ถูกล้างอย่างดีวางเรียงภายในตะกร้าอย่างเรียบร้อย ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดมพบว่ามันส่งกลิ่นหอมชวนให้นึกถึงป่าเขียวชื้นในยามเช้า มันไม่ใช่กลิ่นหอมหวานฉุนหรือสดใสเหมือนดอกไม้ หากแต่เป็นกลิ่นหอมที่อบอุ่น ลุ่มลึก และเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว“นี่คือเห็ดอะไรหรือ”“สิ่งนี้คือเห็ดสนเจ้าค่ะ ชาวบ้านอย่างเราใช้ปรุงอาหารสามารถทำได้หลายอย่าง หากผู้ดูแลวางใจข้าจะลองทำให้ทานสักสองสามอย่าง”ชายหนุ่มครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นจึงพยักหน้าอนุญาต“ได้...เช่นนั้นเจ้าตามเขาเข้าไปในครัว”เซี่ยชิงหลีเดินตามเสี่ยวเอ้อเข้าไปด้านหลังร้าน ที่นั่นมีพ่อครัวอยู่สี่ห้าคนกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร เพียงหญิงสาวก้าวเข้าไปทุกอย่างก็หยุดชะงักลง“ต่อเลยเจ้าค่ะ ต่อเลย ไม่ต้องสนใจข้า ข้าเพียงแวะมาชั่วคราวเท่านั้น”หญิงสาวคำนับให้เหล่าพ่อครัว จากนั้นเริ่มทำอาหารของตนเมื่อ
เพราะการแต่งกายที่ดูซอมซ่อของทั้งสาม ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าหอกุ้ยเซียงก็ถูกไล่ตะเพิดออกมา เซี่ยชิงหลีแอบสบถในใจ วันหน้านางสัญญาว่าจะทำให้ที่นี่เจ๊งไม่เป็นท่าหลังจากออกจากหอกุ้ยเซียงทั้งสามก็ตรงไปเหลาอาหารและสุราที่ชื่อหว่านหรง ซึ่งชาวอำเภอหลิงหนานต่างรู้ดีว่าสองร้านนี้เป็นคู่แข่งกันมาช้านาน ทว่าหอกุ้ยเซียงนั้นมีทั้งหญิงสาวงดงามที่คอยให้บริการและยังมีกวีนักเล่าเรื่องมาคอยเล่านิทานให้เหล่าลูกค้าได้เพลิดเพลิน ทำให้หอหว่านหรงต้องตกเป็นรอง“เจ้ามาทำอะไรที่นี่!”ยังไม่ทันจากไปหญิงสาวก็ถูกขวางทางโดยคนที่เกลียดขี้หน้าที่สุด เซี่ยจิ่งเฉิง ที่พึงออกจากหอกุ้ยเซียงเดินโซเซตรงมายังนาง เมื่อได้พบคนที่ไม่ชอบหน้าหญิงสาวมีหรือจะยอมพูดดีด้วย“เกี่ยวอันใดกับเจ้า”“ก็เพราะ...ขะ...ข้าคือพี่ชายของเจ้า! เอ๊ะ!เหตุใดเจ้าพูดได้!...แล้วช่างเถอะ...เหตุใดจะไม่เกี่ยวกับข้า บอกมาว่าเจ้ามาทำอะไรที่อำเภอหลิงหนาน”เซี่ยจิ่งเฉิงคิดคว้าแขนหญิงสาวมาซักถามให้รู้เรื่อง ทว่านางกลับหมุนตัวหลบทำให้เขาเสียจังหวะล้มคว่ำไป“เจ้า!..”เมื่อถูกนางทำให้ต้องได้รับความอับอายบวกกับฤทธิ์สุราทำให้เขาลืมไปแล้วว่าก่อนหน้าหญิงสาวเคยทำอะไรเอ
ชายหนุ่มก้มตัวลงแตะริมฝีปากลงบนแก้มนวลแผ่วเบา ก่อนจะยิ้มกว้างและหัวเราะด้วยความดีใจ“เย้! อาเหิงได้รับรางวัลแล้ว”ทุกคนที่ยืนอยู่ในที่นั้นต่างมองการกระทำของเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง อาเหิงแม้จะดูใสซื่อและบริสุทธิ์ทว่ากลับทำให้คนกำหมัดอยากจะชกหน้าสักครั้งร่างบางถูกฉวยโอกาสโดยไม่ทันตั้งตัว ดวงตางามเบิกโพลงเล็กน้อย ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีราวกับเลือดทั้งหมดพุ่งตรงขึ้นมาที่พวงแก้มในเสี้ยวอึดใจ หัวใจของนางเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา“อ๊ะ…!”เซี่ยชิงหลีหันขวับไปมองร่างสูง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจปนเขินอาย ริมฝีปากบางขยับเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่างทว่าไม่มีคำใดหลุดออกเลยนอกจากเสียงพึมพำในลำคอ มือข้างหนึ่งยกขึ้นแตะแก้มของตนแผ่วเบา ราวกับยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเรื่องจริง… หรือฝันไป“ภรรยา เจ้าเป็นอะไรหรือ”ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวด้วยดวงตาใสซื่อ“ขะ...ข้า พวกเรากลับกันได้แล้ว”ร่างบางรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาล้อเลียนของทุกคนภายหลังเมื่อคนตระกูลหลี่กลับมายังหมู่บ้าน ข่าวที่บ้านหลี่ล่ากวางตัวใหญ่ได้ก็ถูกลือกระฉ่อนในชั่วพริบตา เซี่ยชิงหลีคือเพชฌฆาตคนนั้น ทุกคนจึงรอฟั
“หลีเอ๋อ เจ้าจะบอกว่าตนเองรู้เรื่องสมุนไพรหรือ”“ใช่สิเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ข้าได้ไหว้หมอพเนจรท่านหนึ่งเป็นอาจารย์ กระทั่งตอนนี้ที่พูดได้ก็ไม่ใช่ฝีมือของอาจารย์ข้าหรือ”ชายชราหันมายิ้มกับหลานสาวผู้โชคดีของตน“ดี! ดีจริงๆ ไม่คิดว่าในความโชคร้ายของพวกเจ้าจะยังมีเรื่องดีๆ อยู่ด้วย นี่ท่านแม่ของเจ้ารู้เรื่องนี้หรือยัง”“อืม...ท่านแม่ของข้าจะรู้หรือไม่นั้น...บาดแผลของนางข้าก็เป็นคนรักษา อีกอย่างข้ายังคิดว่าจะใช้ความรู้ของตนพัฒนาเป็นอาชีพ ต่อไปครอบครัวของเราจะต้องร่ำรวยไปด้วยกัน”สองตาหลานเดินพูดคุยอย่างเพลิดเพลิน หูที่ได้รับการฝึกฝนของเซี่ยชิงหลีพลันได้ยินความเคลื่อนบางอย่างที่อยู่ห่างออกไป“ท่านตา!...รอสักครู่”หญิงสาวเปลี่ยนจากท่าทางที่ดูขี้เล่นเป็นจริงจังในทันที ร่างบางย่องตามเสียงนั้นไปเมื่อพ้นเขตป่าสมุนไพรกลายเป็นลานทุ่งกว้าง ที่นั่นมีสัตว์ป่ามากมายกำลังเล็มหญ้าอย่างเพลิดเพลินทันใดนั้นกวางหนุ่มตัวเขื่องค่อยๆ ก้าวเดินออกมาจากแนวพุ่มไม้มันเดินทอดน่องอย่างเชื่องช้า ด้วยจังหวะที่สงบและเปี่ยมด้วยความมั่นใจ จมูกของมันก้มลงเล็มยอดหญ้าอ่อนสีเขียวสดอย่างละเมียดละไม ทว่าทุกอิริยาบถเต็มไปด้วยความร
หลี่หมิงเจ๋อบุตรชายคนเล็กของลุงรองที่กำลังจะแต่งงานในปีหน้าถามหญิงสาวด้วยท่าทางสงสัย อาหารขึ้นโต๊ะวันนี้มีมากกว่าอาหารที่กินในวันปีใหม่เสียอีก แต่ส่วนใหญ่ทำจากเห็ดที่นางเก็บมาวันนี้“ทานได้แน่นอน ข้าจะทานให้ท่านดู...”หญิงสาวใช้ตะเกียบคีบเห็ดเข้าปาก“เห็ดเหล่านี้ล้วนเป็นเห็ดที่ขึ้นเฉพาะที่ที่มีต้นสนขึ้น มันเรียกว่าเห็ดสน นี่คือเห็ดสนผัดน้ำมัน ส่วนนี่เห็ดสนผัดไข่ นี่คือเห็ดสนผัดรวมมิตรเนื้อหมูป่า เห็ดสนคั่วพริกเกลือและเห็ดสนย่างราดน้ำจิ้มที่ข้าทำเอง และรายการอาหารเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นข้าคิดขึ้นมา”วันนี้เก็บเห็ดสนได้สองตะกร้าใหญ่ โชคดีที่ชาวบ้านสนใจหมูป่าจึงไม่มีใครตามมาดูว่าในตะกร้าของพวกเขามีอะไรบ้างแม้หญิงสาวจะเอ่ยเช่นนั้นทว่าคนบ้านหลี่ก็ไม่มีใครกล้าลงมือทาน มีเพียง อาเหิง เซี่ยจื่ออี้ และเซี่ยชิงเป่าที่ทานอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งยังชมฝีมือการทำอาหารของหญิงสาวไม่หยุดปาก“น่าจะทานได้ไม่มีพิษกระมัง ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ต้องมีอาการแล้ว”ตู้เฟิงอิงหันไปเอ่ยกับสามี“ข้าจะเป็นคนเสียสละทดลองเอง”หลี่เยว่หยางน้องชายของหลี่เยว่สิงลูกชายคนเล็กของบ้านใหญ่ ปีนี้อายุสิบหกอยู่ในวัยที่ใกล้เคียงกับเ