หลี่หมิงเจ๋อบุตรชายคนเล็กของลุงรองที่กำลังจะแต่งงานในปีหน้าถามหญิงสาวด้วยท่าทางสงสัย อาหารขึ้นโต๊ะวันนี้มีมากกว่าอาหารที่กินในวันปีใหม่เสียอีก แต่ส่วนใหญ่ทำจากเห็ดที่นางเก็บมาวันนี้
“ทานได้แน่นอน ข้าจะทานให้ท่านดู...”
หญิงสาวใช้ตะเกียบคีบเห็ดเข้าปาก
“เห็ดเหล่านี้ล้วนเป็นเห็ดที่ขึ้นเฉพาะที่ที่มีต้นสนขึ้น มันเรียกว่าเห็ดสน นี่คือเห็ดสนผัดน้ำมัน ส่วนนี่เห็ดสนผัดไข่ นี่คือเห็ดสนผัดรวมมิตรเนื้อหมูป่า เห็ดสนคั่วพริกเกลือและเห็ดสนย่างราดน้ำจิ้มที่ข้าทำเอง และรายการอาหารเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นข้าคิดขึ้นมา”
วันนี้เก็บเห็ดสนได้สองตะกร้าใหญ่ โชคดีที่ชาวบ้านสนใจหมูป่าจึงไม่มีใครตามมาดูว่าในตะกร้าของพวกเขามีอะไรบ้าง
แม้หญิงสาวจะเอ่ยเช่นนั้นทว่าคนบ้านหลี่ก็ไม่มีใครกล้าลงมือทาน มีเพียง อาเหิง เซี่ยจื่ออี้ และเซี่ยชิงเป่าที่ทานอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งยังชมฝีมือการทำอาหารของหญิงสาวไม่หยุดปาก
“น่าจะทานได้ไม่มีพิษกระมัง ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ต้องมีอาการแล้ว”
ตู้เฟิงอิงหันไปเอ่ยกับสามี
“ข้าจะเป็นคนเสียสละทดลองเอง”
หลี่เยว่หยางน้องชายของหลี่เยว่สิงลูกชายคนเล็กของบ้านใหญ่ ปีนี้อายุสิบหกอยู่ในวัยที่ใกล้เคียงกับเซี่ยชิงหลีพอดี วันนี้ทั้งสองพบกันเป็นครั้งแรกทว่ากลับสนิทกันอย่างรวดเร็ว
เมื่อชายหนุ่มคีบเห็ดสนผัดเข้าปากคำแรก ต่อมาตะเกียบของเขาก็ไม่หยุดทำงานอีกเลย
“นี่อาหยาง เจ้ายังไม่ได้บอกพวกเราเลยนะ เป็นอย่างไรบ้าง”
ลุงใหญ่ใช้เท้าสะกิดบุตรชายของตน
“ท่านพ่อ ข้าจะบอกพวกท่านทำไม ให้ท่านมาแย่งของอร่อยกับข้าหรือ”
จากนั้นสงครามเล็กๆ ของการช่วงชิงอาหารได้เริ่มขึ้น ทว่าครอบครัวของเซี่ยชิงหลีที่ทานล่วงหน้าไปก่อนอิ่มกันหมดแล้ว บัดนี้จึงเหลือเพียงบ้านหลี่ที่ต้องต่อสู้กัน
“ฮ้า!!! อิ่มจังเลย”
หลี่เยว่หยางเดินออกมารับลมหลังทานอาหาร บ้านตระกูลหลี่เมื่อยามเปิดประตูหน้าเรือนฝั่งตรงข้ามคือทุ่งนางเขียวขจีมีต้นไม้โบราณยืนต้นตระหง่านอยู่กลางทุ่ง เมื่อถึงยามเช้าก็สามารถมองเห็นพระอาทิตย์โผล่พ้นทิวเขาพร้อมหมอกบางๆ ลอยอ้อยอิ่ง
บรรยากาศทิวทัศน์ช่างสวยงาม
เซี่ยชิงหลังช่วยเก็บกวาดโต๊ะอาหารจึงตามหลี่เยว่หยางออกมา เพราะนางคิดวิธีทำเงินก้อนแรกได้แล้ว และคนที่จะช่วยนางคือหลี่เยว่หยางและหลี่หมิงเจ๋อที่กำลังจะแต่งงานในปีหน้า สองคนนี้ไม่มีภรรยาคอยควบคุมดังนั้นจึงสามารถจูงใจได้ง่าย
“พี่เยว่หยาง ท่านคิดว่าเห็ดสนวันนี้อร่อยหรือไม่”
หญิงสาวเอ่ยถามเพื่อหยั่งเชิง
“อร่อยสิ อร่อยมาก เจ้าเก็บมาจากที่ไหนหรือ วันหลังพาข้าไปด้วยได้หรือไม่ งานในนาก็เสร็จหมดแล้วข้าอยู่ว่างๆ พอดี”
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่ข้ามีข้อเสนอหนึ่งท่านลองฟังดูหรือไม่”
เซี่ยชิงหลีเอ่ยถึงการนำเห็ดสนไปขายที่ร้านอาหารในเมือง หากได้ราคาดีก็ยึดเป็นอาชีพหลักช่วงนี้ได้เลย ก่อนเข้าฤดูเก็บเกี่ยวน่าจะทำเงินได้ไม่น้อย หลี่เยว่สิงเดินตามออกมาพบสองคนยืนซุบซิบบางอย่าง จึงเดินเข้าไปดู
“พวกเจ้าคุยอะไรกัน!”
“เอ๊ย!! พี่ใหญ่!มีอะไรหรือ มาเงียบๆ ข้าตกใจหมด...”
หลี่เยว่หยางสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพี่ชายส่งเสียงจากทางด้านหลัง
“เปล่า...ข้าแค่จะมาถามหลีเอ๋อว่าเห็ดสนที่เราทานวันนี้จะสามารถขายในเมืองได้หรือไม่”
หญิงสาวไม่คิดว่าพวกเขาจะสนใจเรื่องนี้ด้วย
“ท่านเองก็สนใจหรือ”
“สนใจอะไร...”
หลี่เยว่สิงไม่เข้าใจคำถามของนาง น้องชายของเขาจึงเป็นผู้อธิบาย
“ข้ากับหลีเอ๋อกำลังปรึกษากันว่าจะเก็บเห็ดสนไปขายในเมือง พอดีท่านก็เข้ามา”
“แล้วทำไมต้องออกมาปรึกษากันสองคน”
ชายหนุ่มมองคนทั้งสองด้วยท่าทางสงสัย เซี่ยชิงหลีจึงเอ่ยสิ่งที่กังวลออกมา
“ก็เพราะข้ากลัวพวกท่านไม่เห็นด้วยไม่ใช่หรือ”
อย่างไรการนำเห็ดมาปรุงอาหารก็ไม่มีให้เห็นบ่อยนัก หากถูกเข้าใจว่ากินไม่ได้ที่ทำมาทั้งหมดก็สูญเปล่า จำต้องทดลองกับหลี่เยว่หยางดูก่อนว่าขายได้จริงหรือไม่ แต่คำตอบของอีกฝ่ายทำเอานางถึงกับอึ้ง
“พวกเราปรึกษากันแล้วถึงได้มาถามความเห็นของเจ้า”
“พวกท่านปรึกษากันแล้วหรือ...แหะ แหะ รวดเร็วจริงๆ”
หญิงสาวไม่คิดว่าคนสกุลหลี่จะเปิดใจเร็วขนาดนี้ นี่แค่อาหารธรรมดาเท่านั้นถึงกับทำให้พวกเขาต้องประชุมวางแผนกันเชียวหรือ
“พี่เยว่สิง เช่นนั้นพรุ่งนี้ก็ให้คนที่ว่างตามข้าขึ้นเขาเถอะ ข้าจะสอนให้พวกท่านรู้จักกับเห็ดสน”
เช้าตรู่วันต่อมา
ดวงตะวันยังไม่พ้นขอบฟ้าดี เซี่ยชิงหลีก็ตื่นขึ้นมาดูอาการบาดเจ็บของมารดา ตอนนี้บาดแผลของนางดีขึ้นมากแล้วหากพักอีกสักสิบวันก็สามารถเดินเหินได้ปกติ
“พี่ใหญ่ ข้าต้มยากับโจ๊กเอาให้ท่านแม่แล้ว สายสักหน่อยท่านช่วยอุ่นให้นางด้วยนะ....ส่วนของท่านข้าทำเจียนปิ่งไส้เนื้อเตรียมเอาไว้ในครัว ตั้งใจอ่านตำราล่ะ...สู้ๆ”
หญิงสาวคว้าตะกร้าไม้ไผ่สะพายขึ้นหลัง คนตระกูลหลี่ล้วนเตรียมพร้อมรอที่หน้าเรือนเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นในเรือนจึงเหลือเพียงห้าคนคือเซี่ยจื่ออี้ที่ขาไม่ดี มารดาของเขา แม่เฒ่าโจวที่กำลังป่วย ตู้เฟิงอิงและเถาเถาน้อยบุตรสาวของนาง ส่วนผู้เฒ่าหลี่มีหรือจะพลาดติดตามไปด้วย เพราะชายชราอยากเห็นสถานที่ที่หลานสาวจับหมูป่าด้วยตาตนเอง
ชาวบ้านที่ตื่นเช้าเตรียมตัวจะไปไร่นามองคนบ้านหลี่ทั้งเด็กทั้งแก่มีดวงตามุ่งมั่นเดินขึ้นเขาราวกับกำลังจะเตรียมเข้าสู่สนามรบ
“ทุกคนฟังทางนี้ สถานที่แห่งนี้คือสมรภูมิของพวกเรา ต้องสอดส่ายสายตามองหาให้ดี เห็ดสนทุกต้นคือเงินค่าอาหารของเรา...เริ่มได้”
หญิงสาวสาธิตวิธีการหาเห็ดสนให้ทุกคนดู ตอนนี้เซี่ยชิงเป่าและอาเหิงคือผู้เชี่ยวชาญเพราะเคยเก็บมาแล้ว
หญิงสาวปล่อยให้พวกเขาก้มหน้าก้มตาเก็บเห็ดไป ส่วนตนเองคิดปลีกตัวตามรอยหมูเหมือนคราวก่อน ทว่ากลับถูกผู้เฒ่าหลี่ขวางทางเอาไว้
“เจ้าคิดจะไปคนเดียวหรือ”
“ท่านตา...แหะ แหะ ใครคิดแบบนั้นกันเล่า ข้ากำลังจะตามท่านอยู่พอดี”
หลังจากพูดคุยสองตาหลานก็เดินหายเข้าไปในป่า เมื่อไปถึงปลักที่พวกหมูป่าเคยเล่นโคลน วันนี้กลับไม่มีแม้แต่ตัวเดียว ดูเหมือนพวกมันจะหนีไปหมดแล้ว
“น่าเสียดาย ดูเหมือนเราสองคนคงต้องกลับบ้านมือเปล่า”
นางอุตส่าห์ให้ท่านตาแบกหน้าไปยืมธนูของนายพรานในหมู่บ้าน ทว่าเมื่อมาถึงกลับไม่มีหมูป่าแม้แต่ตัวเดียว
“เอาเถอะ ไม่มีก็ดีแล้ว รู้หรือไม่ว่าหมูป่าอันตรายเพียงใด”
“ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อเป้าหมายไม่อยู่สองตาหลานจึงเดินกลับออกมา ระหว่างทางเซี่ยชิงหลีพึ่งสังเกตเห็นสมุนไพรขึ้นอยู่โดยรอบตลอดทางเดิน เพื่อไม่ให้น่าเบื่อจนเกินไปจึงชวนชายชราพูดคุยไปพลางๆ
“ท่านตา หมู่บ้านสือโถวมีหมอหรือไม่”
“ไม่มีหรอก หมู่บ้านของเราเมื่อยามเจ็บป่วยก็มักจะเดินทางไปหาท่านหมอหลิวที่หมู่บ้านสือซาน ท่านยายของเจ้าก็ได้รับการรักษาจากท่านหมอหลิวเช่นเดียวกัน”
“เช่นนั้นมีคนรู้จักสมุนไพรหรือไม่”
เซี่ยชิงหลียังคงถามต่อ
“จะมีได้อย่างไร คนที่รู้เรื่องสมุนไพรอำเภอเราแทบนับนิ้วได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่ต้องรู้เฉพาะคนที่เคยร่ำเรียนมาอย่างนั้น”
“เช่นนั้นถ้าข้าบอกว่าข้ารู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นสมุนไพรท่านตาเชื่อหรือไม่”
หญิงสาวชี้ไปยังชวนซินเลี่ยน (ฟ้าทะลายโจร) ที่ขึ้นเต็มทั่วบริเวณ ชาวบ้านทั่วไปมักจะมองว่าเป็นพิษเพราะความขมของมัน
ชายชุดดำกระชากสาบเสื้อของหมอวัยกลางคนจนหลุดลุ่ย เวลานั้นเองเซี่ยชิงหลีได้เอ่ยแทรกขึ้น“นี่!...ให้ข้าลองดูได้หรือไม่”“เจ้าเป็นใคร!”ชายชุดดำหันขวับมาที่นางทันที สายตาที่จับจ้องมานั้นราวกับจะสังหารคนเสียให้ได้“ข้าคือคนที่ผ่านทางมาและพอรู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง”หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“แม่นาง...เจ้าอย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเลย ไม่เห็นหรือว่าเขาตายไปแล้ว ถ้าหากเจ้าช่วยคนผู้นี้ไม่ได้เจ้าอาจต้องตาย เห็นหรือไม่เขามีอาวุธ”ชาวบ้านที่เข้ามามุงดูช่วยเอ่ยทัดทานหญิงสาว“ข้ารู้...”แม้จะรู้เช่นนั้น เซี่ยชิงหลีก็ไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมา ช่างผิดวิสัยของคนปกตินักหญิงสาวใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าของคนผู้นั้น นางพลันจดจำได้ทันที เขาคือชายชราที่อยู่กับอาจารย์ใหญ่จ้าว เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่นี่ ชายชุดดำเห็นสายตาของหญิงสาวดูเปลี่ยนไปเหมือนกับนางเคยรู้จักนายท่านของตนมาก่อน เขาทำท่าชักกระบี่ทว่าคนที่มาด้วยห้ามเอาไว้“เจ้าคนหนึ่งมานี่ ทำตามที่ข้าบอก”เซี่ยชิงหลีจัดท่าให้ชายชรานอนหงายแล้วเปิดทางหายใจให้โล่ง ด้วยการกดหน้าผากและยกขากรรไกรล่างขึ้น จากนั้นสั่งให้ชายชุดดำผายปอดให้ชายชราตามวิธีการของนางผู
“เนื้อกวางหรือ หอหว่านหรงของเรารับซื้อทว่าเห็ดป่านั้น...เจ้าให้ข้าดูก่อนได้หรือไม่”ชายหนุ่มมีท่าทีลังเล เซี่ยชิงหลีพอเข้าใจเพราะก่อนหน้านี้คนบ้านหลี่ก็แสดงสีหน้าไม่ต่างกัน ไม่ใช่เห็ดทุกชนิดที่จะสามารถกินได้“ได้แน่นอนเจ้าค่ะ”หญิงสาวเปิดผ้าคลุมตะกร้าออก เห็ดสนที่ถูกล้างอย่างดีวางเรียงภายในตะกร้าอย่างเรียบร้อย ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดมพบว่ามันส่งกลิ่นหอมชวนให้นึกถึงป่าเขียวชื้นในยามเช้า มันไม่ใช่กลิ่นหอมหวานฉุนหรือสดใสเหมือนดอกไม้ หากแต่เป็นกลิ่นหอมที่อบอุ่น ลุ่มลึก และเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว“นี่คือเห็ดอะไรหรือ”“สิ่งนี้คือเห็ดสนเจ้าค่ะ ชาวบ้านอย่างเราใช้ปรุงอาหารสามารถทำได้หลายอย่าง หากผู้ดูแลวางใจข้าจะลองทำให้ทานสักสองสามอย่าง”ชายหนุ่มครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นจึงพยักหน้าอนุญาต“ได้...เช่นนั้นเจ้าตามเขาเข้าไปในครัว”เซี่ยชิงหลีเดินตามเสี่ยวเอ้อเข้าไปด้านหลังร้าน ที่นั่นมีพ่อครัวอยู่สี่ห้าคนกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร เพียงหญิงสาวก้าวเข้าไปทุกอย่างก็หยุดชะงักลง“ต่อเลยเจ้าค่ะ ต่อเลย ไม่ต้องสนใจข้า ข้าเพียงแวะมาชั่วคราวเท่านั้น”หญิงสาวคำนับให้เหล่าพ่อครัว จากนั้นเริ่มทำอาหารของตนเมื่อ
เพราะการแต่งกายที่ดูซอมซ่อของทั้งสาม ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าหอกุ้ยเซียงก็ถูกไล่ตะเพิดออกมา เซี่ยชิงหลีแอบสบถในใจ วันหน้านางสัญญาว่าจะทำให้ที่นี่เจ๊งไม่เป็นท่าหลังจากออกจากหอกุ้ยเซียงทั้งสามก็ตรงไปเหลาอาหารและสุราที่ชื่อหว่านหรง ซึ่งชาวอำเภอหลิงหนานต่างรู้ดีว่าสองร้านนี้เป็นคู่แข่งกันมาช้านาน ทว่าหอกุ้ยเซียงนั้นมีทั้งหญิงสาวงดงามที่คอยให้บริการและยังมีกวีนักเล่าเรื่องมาคอยเล่านิทานให้เหล่าลูกค้าได้เพลิดเพลิน ทำให้หอหว่านหรงต้องตกเป็นรอง“เจ้ามาทำอะไรที่นี่!”ยังไม่ทันจากไปหญิงสาวก็ถูกขวางทางโดยคนที่เกลียดขี้หน้าที่สุด เซี่ยจิ่งเฉิง ที่พึงออกจากหอกุ้ยเซียงเดินโซเซตรงมายังนาง เมื่อได้พบคนที่ไม่ชอบหน้าหญิงสาวมีหรือจะยอมพูดดีด้วย“เกี่ยวอันใดกับเจ้า”“ก็เพราะ...ขะ...ข้าคือพี่ชายของเจ้า! เอ๊ะ!เหตุใดเจ้าพูดได้!...แล้วช่างเถอะ...เหตุใดจะไม่เกี่ยวกับข้า บอกมาว่าเจ้ามาทำอะไรที่อำเภอหลิงหนาน”เซี่ยจิ่งเฉิงคิดคว้าแขนหญิงสาวมาซักถามให้รู้เรื่อง ทว่านางกลับหมุนตัวหลบทำให้เขาเสียจังหวะล้มคว่ำไป“เจ้า!..”เมื่อถูกนางทำให้ต้องได้รับความอับอายบวกกับฤทธิ์สุราทำให้เขาลืมไปแล้วว่าก่อนหน้าหญิงสาวเคยทำอะไรเอ
ชายหนุ่มก้มตัวลงแตะริมฝีปากลงบนแก้มนวลแผ่วเบา ก่อนจะยิ้มกว้างและหัวเราะด้วยความดีใจ“เย้! อาเหิงได้รับรางวัลแล้ว”ทุกคนที่ยืนอยู่ในที่นั้นต่างมองการกระทำของเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง อาเหิงแม้จะดูใสซื่อและบริสุทธิ์ทว่ากลับทำให้คนกำหมัดอยากจะชกหน้าสักครั้งร่างบางถูกฉวยโอกาสโดยไม่ทันตั้งตัว ดวงตางามเบิกโพลงเล็กน้อย ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีราวกับเลือดทั้งหมดพุ่งตรงขึ้นมาที่พวงแก้มในเสี้ยวอึดใจ หัวใจของนางเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา“อ๊ะ…!”เซี่ยชิงหลีหันขวับไปมองร่างสูง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจปนเขินอาย ริมฝีปากบางขยับเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่างทว่าไม่มีคำใดหลุดออกเลยนอกจากเสียงพึมพำในลำคอ มือข้างหนึ่งยกขึ้นแตะแก้มของตนแผ่วเบา ราวกับยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเรื่องจริง… หรือฝันไป“ภรรยา เจ้าเป็นอะไรหรือ”ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวด้วยดวงตาใสซื่อ“ขะ...ข้า พวกเรากลับกันได้แล้ว”ร่างบางรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาล้อเลียนของทุกคนภายหลังเมื่อคนตระกูลหลี่กลับมายังหมู่บ้าน ข่าวที่บ้านหลี่ล่ากวางตัวใหญ่ได้ก็ถูกลือกระฉ่อนในชั่วพริบตา เซี่ยชิงหลีคือเพชฌฆาตคนนั้น ทุกคนจึงรอฟั
“หลีเอ๋อ เจ้าจะบอกว่าตนเองรู้เรื่องสมุนไพรหรือ”“ใช่สิเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ข้าได้ไหว้หมอพเนจรท่านหนึ่งเป็นอาจารย์ กระทั่งตอนนี้ที่พูดได้ก็ไม่ใช่ฝีมือของอาจารย์ข้าหรือ”ชายชราหันมายิ้มกับหลานสาวผู้โชคดีของตน“ดี! ดีจริงๆ ไม่คิดว่าในความโชคร้ายของพวกเจ้าจะยังมีเรื่องดีๆ อยู่ด้วย นี่ท่านแม่ของเจ้ารู้เรื่องนี้หรือยัง”“อืม...ท่านแม่ของข้าจะรู้หรือไม่นั้น...บาดแผลของนางข้าก็เป็นคนรักษา อีกอย่างข้ายังคิดว่าจะใช้ความรู้ของตนพัฒนาเป็นอาชีพ ต่อไปครอบครัวของเราจะต้องร่ำรวยไปด้วยกัน”สองตาหลานเดินพูดคุยอย่างเพลิดเพลิน หูที่ได้รับการฝึกฝนของเซี่ยชิงหลีพลันได้ยินความเคลื่อนบางอย่างที่อยู่ห่างออกไป“ท่านตา!...รอสักครู่”หญิงสาวเปลี่ยนจากท่าทางที่ดูขี้เล่นเป็นจริงจังในทันที ร่างบางย่องตามเสียงนั้นไปเมื่อพ้นเขตป่าสมุนไพรกลายเป็นลานทุ่งกว้าง ที่นั่นมีสัตว์ป่ามากมายกำลังเล็มหญ้าอย่างเพลิดเพลินทันใดนั้นกวางหนุ่มตัวเขื่องค่อยๆ ก้าวเดินออกมาจากแนวพุ่มไม้มันเดินทอดน่องอย่างเชื่องช้า ด้วยจังหวะที่สงบและเปี่ยมด้วยความมั่นใจ จมูกของมันก้มลงเล็มยอดหญ้าอ่อนสีเขียวสดอย่างละเมียดละไม ทว่าทุกอิริยาบถเต็มไปด้วยความร
หลี่หมิงเจ๋อบุตรชายคนเล็กของลุงรองที่กำลังจะแต่งงานในปีหน้าถามหญิงสาวด้วยท่าทางสงสัย อาหารขึ้นโต๊ะวันนี้มีมากกว่าอาหารที่กินในวันปีใหม่เสียอีก แต่ส่วนใหญ่ทำจากเห็ดที่นางเก็บมาวันนี้“ทานได้แน่นอน ข้าจะทานให้ท่านดู...”หญิงสาวใช้ตะเกียบคีบเห็ดเข้าปาก“เห็ดเหล่านี้ล้วนเป็นเห็ดที่ขึ้นเฉพาะที่ที่มีต้นสนขึ้น มันเรียกว่าเห็ดสน นี่คือเห็ดสนผัดน้ำมัน ส่วนนี่เห็ดสนผัดไข่ นี่คือเห็ดสนผัดรวมมิตรเนื้อหมูป่า เห็ดสนคั่วพริกเกลือและเห็ดสนย่างราดน้ำจิ้มที่ข้าทำเอง และรายการอาหารเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นข้าคิดขึ้นมา”วันนี้เก็บเห็ดสนได้สองตะกร้าใหญ่ โชคดีที่ชาวบ้านสนใจหมูป่าจึงไม่มีใครตามมาดูว่าในตะกร้าของพวกเขามีอะไรบ้างแม้หญิงสาวจะเอ่ยเช่นนั้นทว่าคนบ้านหลี่ก็ไม่มีใครกล้าลงมือทาน มีเพียง อาเหิง เซี่ยจื่ออี้ และเซี่ยชิงเป่าที่ทานอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งยังชมฝีมือการทำอาหารของหญิงสาวไม่หยุดปาก“น่าจะทานได้ไม่มีพิษกระมัง ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ต้องมีอาการแล้ว”ตู้เฟิงอิงหันไปเอ่ยกับสามี“ข้าจะเป็นคนเสียสละทดลองเอง”หลี่เยว่หยางน้องชายของหลี่เยว่สิงลูกชายคนเล็กของบ้านใหญ่ ปีนี้อายุสิบหกอยู่ในวัยที่ใกล้เคียงกับเ