เมื่อถึงเวลาของอาหารเย็นทุกคนจึงนั่งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะกินข้าว วันนี้บนโต๊ะอาหารมีหมั่นโถวกับน้ำแกงกระดูกหมู กลิ่นของน้ำแกงหอมไปทั้งห้อง ทำเอาหลายคนพากันกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหิว ทุกคนลงมือทานอาหารโดยการหยิบหมั่นโถวมาคนละลูกก่อนจะกัดกินกับน้ำแกง
"กินเยอะๆ นะอาหลินอาชิง ย่าตั้งใจซื้อกระดูกหมูมาให้หลานๆ เลยนะ" เยว่ซื่อเอ่ยบอกพร้อมกับตักกระดูกหมูใส่ถ้วยให้หลี่หลินกับหลี่ชิง หลี่อิงอิงได้แต่มองตามด้วยดวงตาละห้อย ทำไมคุณย่าถึงไม่ตักกระดูกหมูให้เธอบ้าง เธอก็อยากให้คุณย่าเอาใจเหมือนกันนะ "หลินหลินชอบกินกระดูกหมู คุณย่าใจดีที่สุดเลยค่ะ" หลี่หลินเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะหยิบกระดูกหมูขึ้นมากิน คุณย่าใจดีกับเธอและพี่ชายของเธอมาก ก็อย่างที่แม่เคยบอกว่าถ้าอยากให้คุณย่ารักมากๆ ต้องรู้จักทำตัวน่ารักพูดชื่นชมคุณย่าให้มาก แล้วพวกเธอกับพี่จะได้แต่ของดีๆ ไม่เหมือนกับอิงอิงที่ไม่มีใครรัก แม่บอกว่าอิงอิงมีแม่เป็นผู้หญิงไม่ดี แถมพ่อก็ไม่รัก ทางที่ดีอย่าไปเล่นกับอิงอิงจะดีกว่า "อิงอิง เดี๋ยวแม่ตักกระดูกหมูให้นะ" โจวลี่อินเอ่ยบอกกับลูกสาวพร้อมกับยื่นมือจะไปตักกระดูกหมูในถ้วยแต่แล้วก็โดนหนิงเหมยตัดหน้าโดยการตักกระดูกหมูไปใส่ถ้วยของหลี่หยวนสามีของตนเอง ทำเอาโจวลี่อินอยากจะคว่ำถ้วยน้ำแกงใส่หัวของหนิงเหมยเสียเดี๋ยวนั้น "สามีกินเยอะๆ นะคะ คุณเป็นครูสอนหนังสือ ควรจะบำรุงร่างกายเยอะๆ" หนิงเหมยตักกระดูกหมูชิ้นสุดท้ายไปใส่ถ้วยของหลี่หยวนแล้ว ทุกคนบนโต๊ะหาได้ใส่ใจสีหน้าไม่พอใจของโจวลี่อิน ทำเพียงนั่งกินข้าวเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น โจวลี่อินคิดว่าคนบ้านนี้ช่างเห็นแก่ตัวเสียเหลือเกิน "อิงอิง ลูกกินน้ำแกงกับหมั่นโถวไปก่อนนะ เอาไว้เงินเดือนแม่ออกเมื่อไรแม่จะซื้อของอร่อยให้ลูกกิน" โจวลี่อินตักน้ำแกงใส่ถ้วยให้กับลูกสาวพร้อมกับพูดปลอบใจ "ค่ะแม่ อิงอิงรอได้" หลี่อิงอิงเอ่ยบอกแม่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตอนแรกเธอก็อยากกินกระดูกหมูเหมือนกัน แต่พอไม่ได้กินก็รู้สึกน้อยใจนิดหน่อย ที่ทุกคนเอาแต่รักหลี่หลินกับหลี่ชิง แต่พอแม่บอกว่าจะซื้อของกินอร่อยมาให้ เธอก็ไม่ต้องการความรักจากคนอื่นอีก ขอแค่ให้แม่กับพ่อรักเธอก็พอแล้ว "หลานของย่า วันนี้ย่าต้มไข่ไว้ให้ด้วยนะ นี่จ้ะ แบ่งกันคนละฟองนะ" เยว่ซื่อหยิบไข่ไก่สองใบที่ต้มเอาไว้แล้วมาให้หลี่หลินกับหลี่ชิงคนละฟอง โจวลี่อินนึกในใจว่าเยว่ซื่อช่างเป็นย่าที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย ลำเอียงรักแต่หลานของลูกชายคนโตแบบนี้ เวลานอนตายคงจะนอนตะแคงตายเพราะความลำเอียงแน่ๆ "ขอบคุณค่ะคุณย่า" หลี่หลินยื่นมือไปรับไข่มาพร้อมเอ่ยขอบคุณเยว่ซื่อ ใบหน้าน้อยๆยิ้มออกมาด้วยความดีใจก่อนจะหันไปมองหลี่อิงอิงที่นั่งกัดหมั่นโถวแล้วซดน้ำแกงกระดูกหมู "คุณย่าคะทำไมน้องอิงอิงไม่ได้ไข่ต้มล่ะคะ" หลี่หลินเอ่ยถามเยว่ซื่อขึ้น "อิงอิง กินแค่นั้นก็พอแล้ว อาหลินกับอาชิงกำลังเรียนอยู่ต้องบำรุงให้มากๆ ถึงจะดี อย่าไปสนใจคนอื่นเลย หลานทั้งสองรีบกินไข่เถอะ" เยว่ซื่อเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ทำไมเธอจะต้องเอาไข่ที่ราคาแพงไปให้นังเด็กนั่นกินด้วย แค่ให้กินหมั่นโถวกับน้ำแกงก็มากเกินพอแล้ว ดีเท่าไรที่เธอไม่ปล่อยให้สองแม่ลูกอดตาย "คุณย่าใจดีที่สุดเลย โตไปหลินหลินจะเลี้ยงดูคุณย่าเองนะคะ คุณย่าจะได้สบาย หลินหลินจะทำงานหาเงินให้ได้เยอะๆ เลย" หลี่หลินเอ่ยบอกอย่างเอาใจทำเอาเยว่ซื่อที่ได้ยินหลานรักบอกแบบนั้นถึงกับหุบยิ้มไม่ลงกันเลยทีเดียว "สามีดูสิคะ อาหลินกับอาชิงช่างเป็นเด็กรู้ความอะไรกันขนาดนี้" เยว่ซื่อเอ่ยหันไปเอ่ยบอกกับหลี่กุ้ยที่เพิ่งวางตะเกียบลงบนถ้วยเพราะกินอิ่มเรียบร้อยแล้ว "สะใภ้ใหญ่สอนลูกมาดีจริงๆ" หลี่กุ้ยเอ่ยชมลูกสะใภ้คนโต ทำเอาหนิงเหมยได้หน้าจนยิ้มไม่หุบ โจวลี่อินละอย่างจะอาเจียนให้กับการแสดงของคนในบ้านนี่เสียจริงๆ ทุกคนในบ้านทำราวกับว่าเธอกับลูกไร้ตัวตนเป็นธาตุอากาศอย่างนั้นแหละ แต่ก็ดีเหมือนกันเธอเองก็ไม่อยากไปสุงสิงกับพวกคนหลายหน้าแบบครอบครัวนี้นัก "ต้องยกความดีนี้ให้กับแม่เลยค่ะที่สอนลูกๆ ทั้งสอนคนให้เป็นคนกตัญญู" หนิงเหมยเองก็รีบเอ่ยชมแม่สามีทันที "อย่าชมกันไปมาเลย เอาละในเมื่ออิ่มกันแล้วก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ โจวลี่อินเก็บถ้วยไปล้างด้วยนะ" เยว่ซื่อเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปบอกสะใภ้เล็กเสียงแข็ง "ต้องขอโทษด้วยนะคะแม่ที่วันนี้ฉันคงอยู่ล้างถ้วยไม่ได้ เพราะฉันรู้สึกไม่สบายเลยต้องไปกินยาพักผ่อนน่ะค่ะ" โจวลี่อินเอ่ยบอกจบก็ไอออกมาทันที ทำเอาคนอื่นๆ ขยับตัวหนีด้วยความกลัวว่าจะติดไข้ไปด้วย "ไม่สบายแล้วออกมานั่งกินข้าวรวมกับคนอื่นทำไมกัน กลัวคนอื่นจะไม่ติดไข้จากแกหรือไง" เยว่ซื่อต่อว่าโจวลี่อินด้วยความรังเกียจ ช่างเป็นคนไม่รู้ความจริงๆ ไม่สบายแทนที่จะอยู่ในห้อง ดันเสนอหน้าออกมากินข้าวรวมกับคนอื่น "ฉันจะรีบกลับเข้าห้องเดี๋ยวนี้แหละค่ะ ไปลูกเข้าห้องกัน" โจวลี่อินเอ่ยบอกพร้อมกับหันไปพูดกับลูก หลี่อิงอิงได้ยินแม่ชวนก็รีบลงจากเก้าอี้เดินตามคนเป็นแม่เข้าห้องไปทันที "หนิงเหมย วันนี้ลูกคงต้องทำหน้าที่ล้างถ้วยแล้วล่ะ" เยว่ซื่อหันไปเอ่ยบอกกับสะใภ้คนโตของตนเอง หนิงเหมยได้ยินก็อยากจะปฏิเสธออกมา แต่ก็ทำไม่ได้อย่างที่คิด ทำไมแกไม่ทำเองละนังแก่ ทำไมจะต้องมาใช้ฉันด้วย หญิงสาวได้แต่ต่อว่าแม่สามีในใจ "ค่ะ ฉันจะล้างให้เอง ทุกคนไปพักผ่อนเถอะค่ะ" หนิงเหมยทำได้เพียงเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจกับร้อนเป็นไฟด้วยความโมโห ฝากกดเข้าชั้นคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะเวลาผ่านไปโจวลี่อินได้ทำการเช่าร้านหน้าโรงเรียนเพื่อเปิดขายบะหมี่ แรกๆ ยังไม่ค่อยมีลูกค้าสักเท่าไร แต่หญิงสาวก็ไม่ท้อจนปัจจุบันมีลูกค้ามากมายจนหญิงสาวทำไม่ทันจึงต้องจ้างคนงานมาช่วย ร้านบะหมี่ของโจวลี่อินเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อยๆ วัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารหญิงสาวก็เอาออกมาจากมิติ ทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำหญิงสาวจึงตัดสินใจให้สามีเป็นคนทำเรื่องซื้อบ้านก่อนจะย้ายออกจากบ้านเช่า หลี่อิงอิงดีใจมากที่ได้อยู่บ้านหลังใหญ่แล้วมีห้องนอนส่วนตัวตอนนี้ขาของหลี่เหว่ยหายดีแล้ว ชายหนุ่มช่วยงานหญิงสาวในร้าน ถึงแม้ทางกองทัพจะอยากให้ชายหนุ่มกลับไปทำงานให้ แต่หลี่เหว่ยก็ปฏิเสธเพราะอยากอยู่ใกล้ชิดกับภรรยาและลูกสาวมากกว่าเมื่อปิดร้านบะหมี่เรียบร้อยแล้วโจวลี่อินกับหลี่เหว่ยก็ไปรับลูกสาวที่โรงเรียน ตอนนี้หลี่อิงอิงโตขึ้นมากแล้ว เมื่อเห็นพ่อกับแม่มารอรับก็รีบวิ่งมาหาทันที ทั้งสามเดินไปรอรถประจำทาง ระหว่างรอหลี่อิงอิงก็เล่าเรื่องในโรงเรียนไม่หยุดจนกระทั่งรถมาจอดตรงหน้าหลี่อิงอิงถึงได้หยุดพูด ทั้งสามคนขึ้นไปหาที่นั่ง ก่อนที่โจวลี่อินจะเอ่ยบอกกับลูกสาวว่าวันนี้จะพาไปกินข้าวข้างนอกบ้าน หลี่อิงอิงได้ยินก็ดีใจเป็นอ
หลี่เหว่ยขึ้นไปบนเตียงแล้วจับเขาเรียวแยกออกจากกันเผยให้เห็นดอกไม้งามที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำหวาน มือหนาจับแก่นกายขนาดใหญ่ไปจ่อกลางร่องก่อนจะลากขึ้นลงทำเอาโจวลี่อินส่งเสียงครางออกมา ปลายหยักชุ่มไปด้วยน้ำหวานชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะดันแก่นกายเข้าไปในโพรงสวาท ด้วยความคับแน่นทำเอาโจวลี่อินรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกหลี่เหว่ยครางอยู่ในลำคอด้วยความทรมานเมื่อแก่นกายโดนตอดรัดอย่างหนัก ชายหนุ่มจึงตัดสินใจยกสะโพกขึ้นก่อนจะกระแทกกลับลงไปอย่างแรงทำให้แก่นกายจมหายเข้าไปในกายสาวจนมิดลำนิ้วร้อนสัมผัสกับเกสรดอกไม้ที่กำลังบวมเป่ง หลี่เหว่ยออกแรงเขี่ยไปมาเบาๆ ก่อนจะขยี้ ทำเอาโจวลี่อินดิ้นพล่านไปมาด้วยความเสียวซ่าน สะโพกสอบขยับขึ้นลงจากช้าเป็นเร็วขึ้นแก่นกายผลุบเข้าออกกลางกายสาวจนกลีบสวาทยับยู่ยี่ไปตามแรงกระแทกชายหนุ่มก้มใบหน้าลงไปแลบลิ้นออกมาไล้เลียที่ปลายถันก่อนจะอ้าปากดูดดึงเข้าไปในอุ้งปากส่วนสะโพกสอบก็ขยับขึ้นลงทำเอาหญิงสาวเสียวสะท้านไปทั้งตัวโจวลี่อินแอ่นสะโพกขึ้นสู้แรงกระแทกของชายหนุ่มด้วยความรัญจวน มันช่างดีเหลือเกิน แขนเรียวยื่นไปกอดรัดร่างหนาเอาไว้แน่น ยิ่งชายหนุ่มสร้างความเสียวให้มากเท่าไรเล็บคมก
ผ่านไปหลายเดือน เช้าวันนี้โจวลี่อินตื่นขึ้นมาแต่เช้าปลุกลูกสาวให้ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน วันนี้เป็นเปิดเรียนวันแรก หลี่อิงอิงที่ตื่นเต้นจะได้ไปโรงเรียนก็รีบลุกขึ้นอาบน้ำ โจวลี่อินช่วยลูกสาวแต่งตังเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปทำอาหารเช้าหลังจากทำอาหารเสร็จก็ยกไปวางบนโต๊ะก่อนจะเรียกสามีกับลูกสาวมากินข้าว สองพ่อลูกพากันเดินมานั่งที่เก้าอี้ โจวลี่อินจึงตักข้าวใส่ถ้วยให้กับทั้งสองคนก่อนจะตักให้ตัวเองหลังจากกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็เก็บถ้วยบนโต๊ะไปล้างก่อนจะเปลี่ยนชุดเตรียมพาลูกสาวไปส่งโรงเรียนทั้งสามคนเดินออกจากบ้านไปรอรถประจำทาง ไม่นานรถก็มาจอดตรงหน้า ทั้งสามคนจึงเดินขึ้นรถก่อนจะหาที่นั่ง รถแล่นเข้าสู่ท้องถนน หลี่อิงอิงที่ตื่นเต้นเป็นพิเศษพูดกับพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วไม่นานก็มาถึงโรงเรียนที่ก่อนหน้านี้หลี่เหว่ยกับโจวลี่อินพาลูกสาวมาสมัครเรียน ลงจากรถเรียบร้อยแล้วโจวลี่อินก็จูงมือลูกสาวไปหน้าโรงเรียนที่มีครูผู้หญิงมายืนต้อนรับเด็กนักเรียนหลี่อิงอิงทำความเคารพคุณครูก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนด้วยความตื่นเต้น โจวอินจึงฝากฝังให้ครูช่วยดูแลลูกสาว คุณครูก็รับปากว่าจะดูและหลี่อิงอ
หลังจากส่งของถึงมือของเพื่อนหลี่เหว่ย ฝ่ายนั้นก็พอใจกับสินค้ามาก จึงทำการส่งเงินมาจ่ายค่าของ ครั้งนี้โจวลี่อินได้เงินมาเยอะพอสมควรจึงชวนสามีกับลูกสาวไปกินข้าวข้างนอกบ้าน ทั้งสามคนกำลังเตรียมตัวก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากหน้าบ้านพร้อมกับเสียงเคาะประตูตอนแรกโจวลี่อินจะไปดู แต่หลี่เหว่ยอาสาจะไปดูแทน พอเปิดประตูออกไปก็เห็นเยว่ซื่อยืนร้องไห้ดวงตาแดงก่ำอยู่หน้าบ้าน"อาเหว่ย ต้องช่วยพี่ชายของลูกนะ" เยว่ซื่อเอ่ยบอกหลี่เหว่ยด้วยน้ำเสียงสะอื้น"คุณจะมาที่นี่อีกทำไม ผมบอกแล้วว่าห้ามมาข้องเกี่ยวกันอีก" หลี่เหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เตรียมจะปิดประตูห้องแต่เยว่ซื่อก็รีบเอามือดันประตูไว้ไม่ยอมให้ชายหนุ่มปิด"อย่าใจร้ายกับแม่กับพี่ชายของลูกมากนักเลย ตอนนี้อาหยวนกำลังลำบาก โดนนังตัวดีอย่างหนิงเหมยแจ้งทางการว่าอาหยวนมีชู้ แถมนังนั่นยังจ้างนักสืบหาหลักฐานมาด้วย ทางการเลยให้อาหยวนหย่ากับนังนั่นพร้อมจ่ายค่าเลี้ยงดู แต่ตอนนี้อาหยวนไม่มีเงินเลย ลูกต้องมีเงินเก็บอยู่แล้วใช่ไหม เอามาให้อาหยวนจ่ายค่าเสียหายก่อนได้ไหม" เยว่ซื่อพูดเสียยืดยาว สรุปก็คืออยากจะได้เงินของหลี่เหว่ยเพื่อไปให้หลี่หยวน โจวลี่อินที
หลังจากกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้วโจวลี่อินก็ออกไปข้างนอก หญิงสาวไปในที่ลับตาคนก่อนจะหยิบของออกมาจากมิติมากมายตามรายการที่เพื่อนของหลี่เหว่ยสั่งเอาไว้ พอเอาออกมาเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ว่าจ้างคนให้แบกของไปส่งที่สถานีรถไฟ รออีกฝ่ายได้รับของหลังจากนั้นก็จะส่งเงินมาจ่ายค่าของโจวลี่อินทำธุระเสร็จแล้วก็ขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน ไม่นานรถก็มาถึง หญิงสาวเดินลงจากรถก็ต้องชะงักเมื่อเจอเข้ากลับหนิงเหมย โจวลี่อินทำเป็นมองไม่เห็น กำลังจะเดินผ่านหนิงเหมยไป แต่อีกฝ่ายก็ร้องเรียกพร้อมกับเข้าไปจับแขนเรียวเอาไว้"เธอมาที่นี่ทำไม" โจวลี่อินเอ่ยถามเสียงแข็งก่อนจะสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของหนิงเหมย"คือว่าฉันอยากจะมาขอยืมเงินน่ะ" หนิงเหมยเอ่ยบอกถึงความต้องการของตนเองออกไปทันที ความจริงแล้วเธอก็ไม่อยากจะทำแบบนี้ แต่เพราะไม่มีทางออกจริงๆ ก็เลยต้องบากหน้ามาขอยืมเงินจากโจวลี่อิน"ฉันไม่มีเงินมากถึงขนาดให้ใครยืมหรอก กลับไปซะเถอะ" โจวลี่อินบอกปัดอย่างไร้เยื่อใย เรื่องอะไรเธอจะต้องให้คนที่เกลียดเธอยืมเงินด้วย"แต่ว่าฉันจำเป็นจริงๆ นะ ถ้าหากว่าไม่ได้เงินกลับไปฉันต้องตายแน่ๆ" ก่อนหน้านี้เธอโดนไล่ออกจากงานเพราะทำงานผ
หลี่เหว่ยเห็นภรรยาต้องไปขายของที่ตลาดมืดทุกวันก็รู้สึกสงสาร วันนี้ชายหนุ่มจึงออกจากบ้านเพื่อไปใช้โทรศัพท์ที่ศูนย์บริการ ชายหนุ่มโทรหาเพื่อนสนิทที่กองทัพ ตอนแรกว่าจะขอความช่วยเหลือแต่พอได้ยินว่ากองทัพกำลังขาดแคลนอาหาร ชายหนุ่มจึงคิดว่าเป็นโอกาสดีที่เขาจะหาเงินได้จากเรื่องนี้ หลี่เหว่ยจึงลองเสนอความคิดของตนเองให้เพื่อนฟังว่าเขานั้นจะหาทางส่งเสบียงอาหารไปให้แต่ของที่หายากอาจจะมีราคาแพงนิดหน่อย เพื่อนชายหนุ่มได้ฟังก็ดีใจมากบอกเพียงว่าถ้ามีอาหารส่งมาให้เขาก็พร้อมที่จะจ่ายหลี่เหว่ยจึงบอกกับเพื่อนว่าจะโทรไปแจ้งความคืบหน้าอีกทีเมื่อหาเสบียงอาหารได้ หลังวางสายจากเพื่อนชายหนุ่มก็เดินไปรอรถประจำทาง ระหว่างยืนรอรถอยู่นั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหา"ใช่พี่เหว่ยไหมคะ" หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจว่าจะใช่คนที่ตนเองรู้จักหรือไม่ เพราะเธอก็ไม่ได้เจออีกฝ่ายมานานแล้วหลี่เหว่ยมองคนตรงหน้าก่อนจะพยายามนึกว่าเคยรู้จักหญิงสาวมาก่อนไหม แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ชายหนุ่มจึงตอบรับว่าตนเองนั้นคือหลี่เหว่ยก่อนจะเอ่ยถามกลับว่าหญิงสาวเป็นใคร"ฉันถิงถิงไงคะ เคยเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนของพี่เหว่ย" หญิงสาวเอ่ยแนะ