ทุกประสบการณ์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นความยากลำบากหรือความสำเร็จ ได้หล่อหลอมให้อลิสาและคีรินทร์เป็นคนที่ดีขึ้น พวกเขามีวุฒิภาวะทางอารมณ์มากขึ้น เข้าใจชีวิตมากขึ้น และรู้จักที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยสติปัญญา ความรักของพวกเขาไม่ใช่แค่ความหลงใหล แต่คือความผูกพันที่ลึกซึ้งที่เติบโตไปพร้อมกับพวกเขา นอกจากนี้ยังมีฉากที่ธาราไปโรงเรียนวันแรก คนเป็นพ่อและแม่ตื่นเต้นมากๆ
กาลเวลาหมุนไปอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมกับประสบการณ์มากมายที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตของอลิสาและคีรินทร์ ไม่ว่าจะเป็นความยากลำบากที่เคยเผชิญ หรือความสำเร็จที่ได้รับ ทุกสิ่งล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น พวกเขามีวุฒิภาวะทางอารมณ์มากขึ้น เข้าใจชีวิตในมุมที่ลึกซึ้งกว่าเดิม และรู้จักที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ ด้วยสติปัญญาและความใจเย็น ความรักของพวกเขาไม่ใช่แค่ความหลงใหลที่ฉาบฉวย แต่คือความผูกพันที่ลึกซึ้งและเติบโตไปพร้อมกับพวกเขาในทุกช่วงชีวิต
ในคืนหนึ่ง หลังจากที่น้องธาราเข้านอนแล้ว อลิสาและคีรินทร์ก็นั่งอยู่ด้วยกันที่ห้องนั่งเล่น แสงไฟสลัวๆ สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง พวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องราวในอดีต ตั้งแต่ช่วงเวลาที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรคใหญ่ๆ ในชีวิตไปจนถึงความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้แบ่งปันกัน
“พี่คีคะ ลิซจำได้ว่าตอนนั้นเราเจอปัญหาเยอะมากเลยนะคะ” อลิสาเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มจางๆ “บางทีก็รู้สึกท้อเหมือนกัน”
คีรินทร์ยื่นมือไปกุมมืออลิสาไว้แน่น เขาลูบไล้ใบหน้าของอลิสาอย่างอ่อนโยนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก “ใช่ครับลิซ แต่พี่ก็เชื่อเสมอว่าเราจะผ่านมันไปได้ เพราะเรามีกันและกัน”
อลิสาซบหน้าลงกับอกของคีรินทร์อย่างสบายใจ “ทุกอย่างที่ผ่านมามันสอนให้ลิซแข็งแกร่งขึ้นเยอะเลยค่ะ และทำให้ลิซรู้ว่าพี่คีคือคนที่ลิซขาดไม่ได้จริงๆ”
คีรินทร์กอดอลิสาไว้แน่น เขากดจูบที่ผมของเธอเบาๆ ความเงียบเข้ามาแทนที่บทสนทนา แต่ความผูกพันทางกายและใจที่ลึกซึ้งกลับชัดเจนยิ่งขึ้น การได้หวนรำลึกถึงบทเรียนในอดีตทำให้พวกเขายิ่งตระหนักถึงคุณค่าของกันและกัน
วันหนึ่งที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นก็มาถึง นั่นคือวันที่น้องธาราจะได้ไปโรงเรียนวันแรก อลิสาและคีรินทร์ตื่นเต้นกันมากเป็นพิเศษ พวกเขาเตรียมชุดนักเรียนใหม่ รองเท้า และกระเป๋านักเรียนให้น้องธาราตั้งแต่เมื่อคืนก่อน
เช้าวันนั้น อลิสาตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมอาหารเช้าที่น้องธาราชอบเป็นพิเศษ ส่วนคีรินทร์ก็ช่วยแต่งตัวให้ลูกชายอย่างทะมัดทะแมง
“น้องธาราพร้อมไปโรงเรียนแล้วใช่ไหมครับ” คีรินทร์ถามลูกชายด้วยรอยยิ้ม
น้องธาราพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น “พร้อมแล้วครับพ่อ! น้องธาราอยากไปเจอเพื่อนใหม่แล้ว”
อลิสามองดูภาพสามีและลูกชายด้วยความสุข เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเมื่อเห็นความตื่นเต้นบนใบหน้าของทั้งสอง
เมื่อถึงโรงเรียน อลิสาและคีรินทร์เดินจูงมือน้องธาราเข้าไปในอาคารเรียน หัวใจของคนเป็นพ่อแม่เต้นรัวด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งตื่นเต้น ดีใจ และแอบกังวลเล็กน้อยว่าลูกชายจะปรับตัวได้ไหม
“ตั้งใจเรียนนะครับลูก” อลิสาบอกน้องธาราพลางกอดเขาแน่น
คีรินทร์ก้มลงหอมแก้มลูกชาย “ถ้ามีอะไรก็บอกคุณครูนะครับ พ่อกับแม่จะมารับ”
น้องธาราพยักหน้า เขาโบกมือลาพ่อแม่แล้วเดินเข้าไปในห้องเรียน อลิสาและคีรินทร์ยืนมองจนกระทั่งลูกชายเดินลับสายตาไป
“พี่คีคะ ลิซรู้สึกใจหายยังไงไม่รู้ค่ะ” อลิสากล่าวกับคีรินทร์ด้วยน้ำเสียงที่เจือความกังวลเล็กน้อย
คีรินทร์โอบไหล่อลิสาเบาๆ “ไม่เป็นไรหรอกครับลิซ น้องธาราเก่งอยู่แล้ว เดี๋ยวก็ปรับตัวได้ครับ”
การได้เห็นลูกเติบโตและก้าวเข้าสู่โลกกว้างใบใหม่ เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่หล่อหลอมให้อลิสาและคีรินทร์เติบโตทางจิตใจมากขึ้น พวกเขาเรียนรู้ที่จะปล่อยวางและเชื่อมั่นในศักยภาพของลูกชาย
ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนจากอดีต หรือประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิตประจำวัน ทุกสิ่งล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ความรักของอลิสาและคีรินทร์ไม่หยุดนิ่ง พวกเขายังคงเรียนรู้ที่จะเข้าใจกันและกันมากขึ้นในทุกๆ วัน
ในบางครั้งที่ความกดดันจากการทำงานเข้ามาถาโถม หรือความเหนื่อยล้าจากการเลี้ยงลูกเข้ามารุมเร้า อลิสาและคีรินทร์ก็ยังคงเป็นที่พึ่งให้แก่กันและกันเสมอ พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าชีวิตจะต้องสมบูรณ์แบบโดยปราศจากปัญหาใดๆ แต่สิ่งที่สำคัญคือการมีสติปัญญาในการเผชิญหน้ากับปัญหาเหล่านั้น
วันหนึ่ง อลิสากลับจากทำงานด้วยความเหนื่อยล้า เธอเห็นคีรินทร์กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงาน เธอเดินเข้าไปหาเขาอย่างเงียบๆ
“พี่คีคะ ดึกแล้วนะคะ พักผ่อนบ้างนะคะ” อลิสากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
คีรินทร์เงยหน้าขึ้นมามองอลิสา เขายิ้มให้เธอ “อีกนิดเดียวครับลิซ พี่ใกล้จะเสร็จแล้ว”
อลิสาเดินเข้าไปใกล้ เธอยื่นมือไปนวดไหล่ของคีรินทร์เบาๆ คีรินทร์เงยหน้าขึ้นสบตาอลิสา เขาดึงเธอเข้ามานั่งบนตัก แล้วจูบหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณนะครับลิซ ที่เข้าใจพี่เสมอ” คีรินทร์กระซิบ
อลิสาซบหน้าลงกับอกของคีรินทร์อย่างสบายใจ “ลิซก็ขอบคุณพี่คีเหมือนกันค่ะ ที่คอยอยู่เคียงข้างลิซมาตลอด”
ความผูกพันที่ลึกซึ้งทางกายและใจที่เกิดขึ้นจากการเข้าใจซึ่งกันและกัน คือสิ่งที่ทำให้ความรักของพวกเขาแข็งแกร่งและยั่งยืน พวกเขาไม่ได้เพียงแค่รักกัน แต่ยังเข้าใจกันอย่างลึกซึ้งในทุกมิติของชีวิต
ประสบการณ์ทุกอย่างที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ ความยากลำบากที่ต้องฟันฝ่า หรือความตื่นเต้นในวันแรกของโรงเรียนลูก ล้วนเป็นสิ่งที่หล่อหลอมให้อลิสาและคีรินทร์เป็นคนที่ดีขึ้น พวกเขามีวุฒิภาวะทางอารมณ์มากขึ้น เข้าใจชีวิตมากขึ้น และรู้จักที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยสติปัญญา
ความรักของพวกเขาไม่ใช่แค่ความหลงใหลชั่วครู่ แต่คือความผูกพันที่ลึกซึ้งที่เติบโตไปพร้อมกับพวกเขาในทุกๆ วัน เป็นความรักที่ผ่านการทดสอบมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และยังคงเบ่งบานอย่างงดงามเสมอมา
เมื่อแสงตะวันในยามเช้าสาดส่องเข้ามาในบ้านของอลิสาและคีรินทร์ ก็เป็นเหมือนการเริ่มต้นวันใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก และการเติบโตที่ไม่สิ้นสุดของพวกเขา
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่