ไม่ว่าชีวิตจะพาพวกเขาไปพบเจอกับอะไร ทั้งสองคู่ยังคงเป็นที่พึ่งให้กันและกันเสมอ ไม่ว่าใครจะสุข จะทุกข์ จะมีปัญหา หรือประสบความสำเร็จ พวกเขาก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจเสมอ มิตรภาพและความรักที่แน่นแฟ้นเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาก้าวผ่านทุกช่วงเวลาของชีวิตไปได้อย่างงดงาม และในที่สุด มิ้นท์กับปกรณ์ก็ได้พาลูกน้อยมาหาคีรินทร์ อลิสา และน้องธารา ซึ่งน้องธาราดูรักน้องมาก
กาลเวลาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความรักและมิตรภาพที่แท้จริงนั้นไม่เคยจางหายไปตามวันเวลา ชีวิตของอลิสาและคีรินทร์ รวมถึงมิ้นท์และปกรณ์ ยังคงดำเนินไปอย่างมั่นคงและมีความสุข แม้เส้นทางข้างหน้าจะนำพาพวกเขาไปพบเจอกับอะไรบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงคือ การที่พวกเขาทั้งสี่คนยังคงเป็นที่พึ่งให้กันและกันเสมอ ไม่ว่าใครจะสุข จะทุกข์ จะมีปัญหา หรือประสบความสำเร็จ พวกเขาก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจกันและกันอย่างไม่เคยห่างหาย
วันหนึ่ง มิ้นท์และปกรณ์มาเยี่ยมบ้านของอลิสาและคีรินทร์ พร้อมกับสมาชิกใหม่ของครอบครัว นั่นคือ น้องอิงดาว ลูกสาวตัวน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่กี่เดือน การมาถึงของน้องอิงดาวนำพาความสุขและความตื่นเต้นมาสู่ทุกคนในบ้าน โดยเฉพาะน้องธารา ลูกชายของอลิสาและคีรินทร์ ที่ดูจะตื่นเต้นกับน้องสาวคนใหม่เป็นพิเศษ
“ลิซดูสิน้องอิงดาวน่ารักมากเลย” มิ้นท์กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข ขณะที่อุ้มลูกน้อยเข้ามาในห้องนั่งเล่น
อลิสาเดินเข้าไปใกล้ เธอยื่นมือไปลูบศีรษะของน้องอิงดาวอย่างแผ่วเบา “น่ารักจริงๆ ด้วยค่ะมิ้นท์ ตัวเล็กจังเลย”
น้องธาราวิ่งเข้ามาดูน้องสาวคนใหม่ด้วยความสนใจ เขามองน้องอิงดาวด้วยดวงตาเป็นประกาย “คุณแม่ครับ น้องธาราอยากอุ้มน้องครับ”
อลิสาหัวเราะ “ใจเย็นๆ ครับลูก น้องธารายังตัวเล็กอยู่ อุ้มน้องไม่ได้นะครับ”
คีรินทร์เดินเข้ามาใกล้ เขาโอบไหล่อลิสาและน้องธาราเบาๆ พร้อมกับยิ้มให้มิ้นท์และปกรณ์ “ดีใจด้วยจริงๆ ปกรณ์ มิ้นท์”
ปกรณ์พยักหน้า “ขอบคุณมากนะคีรินทร์” เขาโอบไหล่มิ้นท์อย่างอบอุ่น แสดงถึงความรักและความผูกพันที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
การมาของน้องอิงดาวทำให้น้องธาราได้เรียนรู้บทบาทใหม่ของการเป็นพี่ชาย เขาดูรักน้องมาก คอยเข้ามามองดูน้องอยู่บ่อยๆ และพยายามช่วยเหลือคุณแม่ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่เด็กตัวเล็กๆ จะทำได้
วันหนึ่ง มิ้นท์กำลังป้อนนมให้น้องอิงดาวในห้องนั่งเล่น น้องธาราเดินเข้ามาหา เขาเอื้อมมือเล็กๆ ไปจับมือของน้องอิงดาวอย่างแผ่วเบา
“น้องน่ารักจังเลยครับคุณแม่” น้องธารากระซิบ
มิ้นท์ยิ้ม “ใช่แล้วจ้ะน้องธารา น้องอิงดาวรักพี่ธารามากเลยนะ”
อลิสาเดินเข้ามาเห็นฉากน่ารักๆ ของลูกชาย เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก การที่น้องธาราแสดงความรักต่อน้องสาวตั้งแต่ยังเล็ก ทำให้เธอภูมิใจในตัวลูกชายเป็นอย่างมาก
คีรินทร์ที่เห็นภาพนั้นเช่นกัน ก็เดินเข้ามาโอบกอดอลิสาจากด้านหลัง เขากดจูบที่ผมของเธอเบาๆ “ลิซครับ พี่มีความสุขจริงๆ นะครับที่ได้เห็นภาพแบบนี้”
อลิสาพยักหน้า เธอซบหน้าลงกับอกของคีรินทร์อย่างสบายใจ ความรักของพวกเขายังคงเบ่งบานและเป็นพลังสำคัญในการสร้างครอบครัวที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความผูกพัน
นอกเหนือจากความสุขที่แบ่งปันกันแล้ว เมื่อใดก็ตามที่ใครคนใดคนหนึ่งต้องเผชิญกับความทุกข์หรือปัญหา อีกสามคนก็พร้อมที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและให้กำลังใจเสมอ
ในช่วงหนึ่ง ปกรณ์ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในหน้าที่การงาน ทำให้เขารู้สึกเครียดและกังวลเป็นอย่างมาก มิ้นท์คอยอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจเขาเสมอ แต่บางครั้งเธอก็รู้สึกหนักใจไม่แพ้กัน
เมื่ออลิสาและคีรินทร์ทราบเรื่อง พวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ คีรินทร์ใช้ประสบการณ์ของเขาในการให้คำปรึกษาแก่ปกรณ์ ส่วนอลิสาก็คอยให้กำลังใจมิ้นท์ และช่วยดูแลน้องอิงดาว เพื่อให้มิ้นท์มีเวลาดูแลปกรณ์ได้อย่างเต็มที่
“คีฉันไม่รู้จะผ่านเรื่องนี้ไปได้ยังไงเลย” ปกรณ์กล่าวกับคีรินทร์ด้วยน้ำเสียงท้อแท้
คีรินทร์ตบไหล่ปกรณ์เบาๆ “ไม่ต้องห่วงนะปกรณ์ ฉันเชื่อว่าแกจะผ่านมันไปได้ ฉันจะอยู่ข้างๆ แกเสมอ”
ในขณะเดียวกัน มิ้นท์ก็ระบายความในใจกับอลิสา “ลิซมิ้นท์สงสารพี่ปกรณ์จังเลย”
อลิสากอดมิ้นท์เบาๆ “ไม่เป็นไรนะมิ้นท์ พี่ปกรณ์มีมิ้นท์อยู่ข้างๆ ก็พอแล้วค่ะ แล้วลิซกับพี่คีก็จะอยู่ข้างๆ มิ้นท์เสมอ”
การเป็นที่พึ่งให้กันและกัน ไม่ว่าในยามสุขหรือทุกข์ คือสิ่งที่ทำให้มิตรภาพและความรักของพวกเขายังคงแน่นแฟ้นและแข็งแกร่งตลอดไป
ชีวิตของอลิสาคีรินทร์มิ้นท์และปกรณ์ คือบทพิสูจน์ถึงพลังแห่งความผูกพันที่ไม่อาจขาดจากกัน ไม่ว่าเวลาจะพาพวกเขาไปพบเจอกับอะไร ความรัก ความเข้าใจ และการเป็นที่พึ่งให้กันและกัน คือสิ่งที่ทำให้พวกเขาก้าวผ่านทุกช่วงเวลาของชีวิตไปได้อย่างงดงาม
การมาถึงของน้องอิงดาวได้เติมเต็มความสุขให้กับชีวิตของพวกเขาให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และการได้เห็นน้องธาราแสดงความรักต่อน้องสาว ก็เป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง
มิตรภาพที่แน่นแฟ้นและความรักที่ยั่งยืนของพวกเขาทั้งสองคู่ จะยังคงเป็นแสงสว่างนำทางชีวิตให้ดำเนินไปอย่างมีความสุขตลอดไป นี่คือเรื่องราวของความสุขที่แท้จริง ซึ่งเกิดจากหัวใจที่ผูกพันกันอย่างไม่มีวันคลาย
สายลมยามบ่ายพัดโชยอ่อนเข้ามาในครัวที่กว้างขวางและทันสมัยของบ้านอลิสาและคีรินทร์ เสียงหัวเราะเจื้อยแจ้วของเด็กๆ ดังมาจากสนามหญ้าหน้าบ้าน ที่ซึ่งน้องธารากำลังเล่นอยู่กับน้องอิงดาวที่อยู่ในรถเข็น โดยมีปกรณ์คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ทั้งสองครอบครัวตัดสินใจมารวมตัวกันเพื่อทำอาหารทานด้วยกัน เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่พวกเขามักจะทำร่วมกันเสมอ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และแบ่งปันความสุขในชีวิตประจำวัน
ในครัว อลิสากำลังง่วนอยู่กับการเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำแกงเขียวหวานไก่ ซึ่งเป็นเมนูโปรดของคีรินทร์ ส่วนมิ้นท์ก็กำลังหั่นผักสำหรับสลัดผลไม้สดอย่างคล่องแคล่ว เสียงเพลงเบาๆ จากวิทยุคลอเคล้าไปกับเสียงมีดกระทบเขียง สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง
“ลิซมิ้นท์ช่วยอะไรเพิ่มอีกไหม” มิ้นท์ถามพลางเงยหน้าขึ้นจากชามสลัด
อลิสาหันมายิ้ม “ไม่เป็นไรมิ้นท์ แค่นี้ก็เยอะแล้วค่ะ มิ้นท์พักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวเหนื่อย”
“ไม่เป็นไรเลยมิ้นท์ชอบทำอาหารอยู่แล้ว” มิ้นท์ตอบกลับ
ขณะที่อลิสากำลังผัดเครื่องแกง กลิ่นหอมฉุยก็โชยไปทั่วครัว คีรินทร์เดินเข้ามาจากด้านหลัง เขาเดินเข้าไปโอบเอวอลิสาเบาๆ แล้วซบหน้าลงบนไหล่ของเธอ
“หอมจังเลยครับลิซ” คีรินทร์กระซิบข้างหูเธอ “พี่ว่าวันนี้ต้องอร่อยกว่าทุกครั้งแน่ๆ”
อลิสาหัวเราะคิกคัก เธอหันไปตีแขนคีรินทร์เบาๆ “พี่คีก็พูดเกินไปค่ะ”
คีรินทร์จูบที่แก้มของอลิสาอย่างอ่อนโยน เป็นการแสดงความรักที่ยังคงสดใสและอบอุ่นอยู่เสมอ แม้จะอยู่ในครัวและกำลังทำอาหารอยู่ก็ตาม มิ้นท์ที่เห็นภาพน่ารักๆ ของเพื่อนก็ยิ้มออกมา เธอรู้สึกดีใจที่เห็นอลิสาและคีรินทร์มีความสุขกันขนาดนี้
เมื่ออาหารพร้อม คีรินทร์ก็เรียกปกรณ์และเด็กๆ เข้ามาที่โต๊ะอาหาร โต๊ะไม้ขนาดใหญ่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างสวยงาม มีอาหารหลากหลายเมนูวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นแกงเขียวหวานไก่หอมๆ สลัดผลไม้สดชื่น หรือไก่ทอดกรอบที่ปกรณ์ลงมือทำเองเพื่อน้องธาราและน้องอิงดาว
น้องธารานั่งลงข้างๆ อลิสา เขามองไปที่น้องอิงดาวที่อยู่ในเก้าอี้เด็กแล้วยิ้มกว้าง “คุณแม่ครับ น้องธาราอยากป้อนน้องครับ”
อลิสายิ้ม “ใจเย็นๆ ครับลูก น้องอิงดาวยังทานอาหารแบบน้องธาราไม่ได้นะครับ”
ปกรณ์อุ้มน้องอิงดาวขึ้นมา เขายื่นมือไปหยิบไก่ทอดชิ้นเล็กๆ มาป้อนน้องธารา “พี่ธาราทานไก่ทอดของอาปกรณ์นะครับ”
ขณะที่พวกเขากำลังรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย บทสนทนาเรื่องราวชีวิตประจำวันก็เริ่มขึ้น มิ้นท์เล่าถึงพัฒนาการของน้องอิงดาวที่เริ่มส่งเสียงอ้อแอ้ และชอบมองหน้าคนรอบข้างด้วยความสนใจ อลิสาก็แบ่งปันประสบการณ์การเลี้ยงดูน้องธาราในช่วงแรกๆ ให้กับมิ้นท์ฟัง เพื่อเป็นแนวทางและกำลังใจ
“ตอนน้องธารายังเล็ก ลิซก็แทบไม่ได้นอนเลยมิ้นท์” อลิสาหัวเราะเบาๆ
มิ้นท์พยักหน้าเห็นด้วย “มิ้นท์เข้าใจเลยลิซ ตอนนี้มิ้นท์ก็รู้สึกเหมือนกันเลย”
คีรินทร์มองไปที่อลิสาแล้วยิ้ม “แต่ลิซก็ยังแข็งแรงและเก่งที่สุดในสายตาพี่เสมอครับ”
อลิสาเขินเล็กน้อย เธอยิ้มตอบคีรินทร์ การแสดงออกถึงความรักและความเข้าใจของทั้งคู่ยังคงมีอยู่เสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
ช่วงเวลาที่พวกเขาได้มาทำอาหารทานด้วยกัน ไม่ใช่เพียงแค่การแบ่งปันอาหาร แต่ยังเป็นการแบ่งปันความสุข ความรัก และเรื่องราวในชีวิตให้แก่กันและกัน ไม่ว่าใครจะสุข จะทุกข์ จะมีปัญหา หรือประสบความสำเร็จ พวกเขาก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจเสมอ
เมื่อปกรณ์พูดถึงโปรเจกต์งานที่กำลังจะต้องไปนำเสนอในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่สำคัญและมีความท้าทายสูง คีรินทร์ก็ให้คำแนะนำและเสนอตัวที่จะช่วยให้ข้อมูลเท่าที่สามารถทำได้
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกได้เลยนะปกรณ์” คีรินทร์กล่าวด้วยความจริงใจ
ปกรณ์พยักหน้า “ขอบคุณมากนะคี ฉันซึ้งใจจริงๆ”
ส่วนมิ้นท์เองก็ยังคงแบ่งปันความรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกน้อยเป็นครั้งคราว อลิสาก็พร้อมที่จะรับฟังและให้คำแนะนำด้วยประสบการณ์ที่เธอมี “ไม่ต้องกังวลไปนะมิ้นท์ ทุกอย่างจะดีขึ้นเองลิซอยู่ตรงนี้เสมอ”
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ น้องธาราก็เดินเข้าไปหาน้องอิงดาวที่กำลังเล่นอยู่บนเบาะรองนั่ง เขาเอื้อมมือไปหยิบของเล่นชิ้นโปรดของตัวเองมาวางไว้ข้างๆ น้องสาว แล้วลูบศีรษะของน้องอย่างแผ่วเบา
“น้องธารารักน้องอิงดาวนะครับ” น้องธารากระซิบเบาๆ
อลิสาและคีรินทร์มองภาพลูกชายด้วยความอบอุ่นใจ ปกรณ์และมิ้นท์เองก็รู้สึกซาบซึ้งใจกับความรักที่น้องธารามีให้น้องสาว
คีรินทร์เดินเข้าไปกอดอลิสาแน่น แล้วมองไปที่ปกรณ์และมิ้นท์ที่กำลังโอบกอดลูกน้อยของพวกเขา ความรักและความผูกพันที่แน่นแฟ้นนี้คือสิ่งที่ทำให้ชีวิตของพวกเขาก้าวผ่านทุกช่วงเวลาไปได้อย่างงดงาม มิตรภาพที่แข็งแกร่งและครอบครัวที่อบอุ่นเป็นสิ่งที่เติมเต็มความสุขในชีวิตของพวกเขาอย่างสมบูรณ์แบบ
เวลาที่ผ่านไปไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคู่จางหายไปเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม กลับยิ่งทำให้สายใยแห่งความรักและมิตรภาพของอลิสา คีรินทร์ มิ้นท์ และปกรณ์ รวมถึงลูกๆ ของพวกเขา แข็งแกร่งและลึกซึ้งยิ่งขึ้น
การได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร การแบ่งปันเรื่องราวชีวิต หรือการเป็นที่พึ่งให้กันและกันในยามทุกข์สุข ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่หล่อหลอมให้ชีวิตของพวกเขาสมบูรณ์แบบด้วยความรักที่แท้จริง
เมื่อแสงอาทิตย์ยามเย็นลาลับขอบฟ้าในวันใหม่ ก็เป็นเหมือนสัญญาณของความสุขที่ไม่มีวันสิ้นสุดในชีวิตของพวกเขา ความรักที่เบ่งบานและมิตรภาพที่ยั่งยืนจะยังคงเป็นแสงสว่างนำทางชีวิตให้ดำเนินไปอย่างมั่นคงและมีความสุขตลอดไป
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่