การหวนระลึกถึงอดีตเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้พวกเขายิ่งเห็นคุณค่าของปัจจุบัน ทุกครั้งที่พวกเขานั่งรวมตัวกัน บทสนทนามักจะวนเวียนไปถึงเรื่องราวในวันวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ อดีตเหล่านั้นเป็นเหมือนบทเรียนที่หล่อหลอมให้พวกเขาก้าวข้ามอุปสรรคมาได้ และสร้างความเข้มแข็งให้ชีวิตในปัจจุบัน
หลังจากดินเนอร์ฉลองวันครบรอบแต่งงานเสร็จ ทั้งสี่คนกลับมานั่งคุยกันต่อที่บ้านของอลิสาและคีรินทร์ เสียงหัวเราะและบทสนทนาที่อบอุ่นดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธาราและน้องอิงดาวกำลังนั่งเล่นเกมกระดานอยู่ใกล้ๆ
“ลิซจำได้ไหม ตอนที่เราต้องเผชิญหน้ากับเรื่องแพรไหมกับภูริช” มิ้นท์เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เจือด้วยความรู้สึกหลากหลาย “ตอนนั้นมิ้นท์รู้สึกว่าทุกอย่างมันแย่ไปหมดเลย”
อลิสาพยักหน้า “จำได้สิมิ้นท์ ลิซก็รู้สึกเหมือนกัน แต่ก็ต้องพยายามทำตัวเข้มแข็งไว้” เธอหันไปมองคีรินทร์ “ตอนนั้นพี่คีก็หนักเหมือนกันนะคะ”
คีรินทร์ยิ้มบางๆ เขาเอื้อมมือไปจับมืออลิสาแน่น “ใช่ครับลิซ แต่พี่ก็เชื่อเสมอว่าเราจะผ่านมันไปได้”
ปกรณ์เสริมขึ้นมา “ตอนนั้นพี่เองก็คิดว่าคีรินทร์กับลิซคงจะไปไม่รอดแล้ว แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าความรักของแกแข็งแกร่งกว่าอะไรทั้งหมด”
อลิสาซบหน้าลงกับไหล่ของคีรินทร์อย่างสบายใจ “ทุกอย่างที่ผ่านมามันสอนให้ลิซเข้มแข็งขึ้นเยอะเลยค่ะ และทำให้ลิซรู้ว่าความเข้าใจกันสำคัญที่สุด”
คีรินทร์กอดอลิสาแน่น เขากดจูบที่ผมของเธอเบาๆ “ความรักของเราไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ครับ ลิซ เราผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะมาก”
มิตรภาพและความรักที่แน่นแฟ้นของพวกเขาทั้งสองคู่เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาก้าวผ่านทุกช่วงเวลาของชีวิตไปได้อย่างงดงาม อดีตที่เต็มไปด้วยความท้าทายได้หล่อหลอมให้พวกเขาเป็นคนที่มีความสุขและเข้าใจชีวิตมากขึ้นในปัจจุบัน
การหวนรำลึกถึงอดีต ไม่ใช่เพียงแค่การย้อนไปหาความสุข แต่ยังเป็นการทบทวนบทเรียนจากความยากลำบากที่เคยเผชิญ ทั้งสองคู่ต่างผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องงาน ความเข้าใจผิด หรือแม้กระทั่งเรื่องส่วนตัวที่ถาโถมเข้ามา แต่ทุกครั้งที่ล้ม พวกเขาก็จะลุกขึ้นยืนได้อย่างเข้มแข็งเสมอ
คีรินทร์ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบช้าๆ แววตาของเขาดูเหมือนกำลังย้อนไปในอดีตอันแสนไกล “พี่จำได้ว่าตอนที่บริษัทของเราเพิ่งเริ่มต้นใหม่ๆ เราต้องทำงานหนักกันแทบไม่ได้หลับได้นอนเลยนะครับลิซ”
อลิสาพยักหน้า “ใช่ค่ะพี่คี ตอนนั้นเราต้องพิสูจน์ตัวเองเยอะมาก กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้”
ปกรณ์เสริมขึ้นมา “ฉันก็ยังจำได้ว่าคีรินทร์เคยเล่าให้ฟังว่าช่วงนั้นแกเครียดมากจนเกือบจะยอมแพ้”
คีรินทร์ยิ้ม “ใช่แต่ก็เพราะมีลิซอยู่ข้างๆ เสมอถึงมีแรงสู้ต่อ” เขากุมมืออลิสาไว้แน่น
มิ้นท์เองก็หันไปมองปกรณ์ “มิ้นท์ก็เหมือนกันค่ะพี่ปกรณ์ ตอนที่เราต้องย้ายไปทำงานต่างประเทศ มิ้นท์กลัวมากเลยค่ะว่าจะปรับตัวไม่ได้”
ปกรณ์โอบไหล่มิ้นท์ “แต่มิ้นท์ก็ทำได้นะครับ พี่ภูมิใจในตัวมิ้นท์นะ”
การที่พวกเขาได้ร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มาด้วยกัน ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขายิ่งแข็งแกร่งและแน่นแฟ้น อดีตเหล่านั้นเป็นเหมือนบทเรียนที่สอนให้พวกเขารู้จักความอดทน ความพยายาม และการเป็นที่พึ่งให้กันและกันเสมอ
ทุกประสบการณ์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จหรือความล้มเหลว ล้วนหล่อหลอมให้อลิสาและคีรินทร์ รวมถึงมิ้นท์และปกรณ์ เป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์มากขึ้น พวกเขาเรียนรู้ที่จะเข้าใจชีวิตในมุมที่ลึกซึ้งกว่าเดิม และรู้จักการแก้ปัญหาด้วยสติปัญญามากกว่าอารมณ์
“ตอนนั้นลิซอารมณ์ร้อนมากเลยนะคะพี่คี” อลิสาเอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ “เวลามีปัญหาอะไร ลิซก็จะชอบใช้อารมณ์ตัดสิน”
คีรินทร์ลูบผมอลิสาเบาๆ “แต่ตอนนี้ลิซใจเย็นขึ้นเยอะเลยนะครับ ลิซเติบโตขึ้นมากจริงๆ”
มิ้นท์พยักหน้า “มิ้นท์ก็เหมือนกันค่ะ ตอนเด็กๆ มิ้นท์ขี้โมโหมากเลยค่ะ”
ปกรณ์หัวเราะ “ตอนนี้มิ้นท์ก็ยังขี้โมโหอยู่นะครับ” เขาหยอกล้อมิ้นท์เบาๆ ทำให้ทุกคนหัวเราะตามไปด้วย
การได้เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต ทำให้พวกเขาทั้งสี่เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเข้าใจในชีวิตและอารมณ์ของตนเองมากขึ้น พวกเขาสามารถจัดการกับความรู้สึกต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม และสามารถเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยความใจเย็นและมีสติ
บทเรียนที่ได้รับจากอดีต ไม่ได้หยุดอยู่แค่เพียงพวกเขาเท่านั้น แต่ยังถูกถ่ายทอดส่งต่อไปยังธาราและน้องอิงดาว ลูกๆ ของพวกเขาได้รับฟังเรื่องราวเหล่านี้ และได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของความเข้มแข็ง ความอดทน และการเป็นที่พึ่งให้กันและกัน
ธาราที่นั่งฟังบทสนทนาของผู้ใหญ่อย่างเงียบๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “พ่อครับ แม่ครับ ธาราเข้าใจแล้วครับว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงเข้มแข็งขนาดนี้”
อลิสายิ้ม เธอดึงธาราเข้ามากอดเบาๆ “ดีใจที่ลูกเข้าใจนะครับ”
น้องอิงดาวเองก็พยักหน้าหงึกๆ “หนูก็อยากเข้มแข็งเหมือนคุณอาลิซกับคุณอาคีรินทร์ค่ะ”
มิ้นท์หัวเราะ เธอเอื้อมมือไปลูบศีรษะน้องอิงดาว “อิงดาวก็เข้มแข็งอยู่แล้วครับลูก”
การที่ลูกๆ ได้รับฟังเรื่องราวการฟันฝ่าอุปสรรคของพ่อแม่และอาๆ ทำให้พวกเขาได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของความเข้มแข็งทางจิตใจ และการไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา สิ่งเหล่านี้จะเป็นมรดกอันล้ำค่าที่พวกเขาจะนำติดตัวไปใช้ในการดำเนินชีวิตในอนาคต
ค่ำคืนแห่งการหวนรำลึกถึงอดีตได้สิ้นสุดลงไปพร้อมกับความรู้สึกหลากหลายที่อบอวลอยู่ในหัวใจของพวกเขาทั้งสี่คน อดีตที่เต็มไปด้วยความท้าทายได้หล่อหลอมให้อลิสาและคีรินทร์ รวมถึงมิ้นท์และปกรณ์ เป็นคนที่มีความสุขและเข้าใจชีวิตมากขึ้นในปัจจุบัน
ความรักที่มั่นคง มิตรภาพที่แน่นแฟ้น และการเป็นที่พึ่งให้กันและกันเสมอ คือสิ่งที่ทำให้พวกเขาก้าวผ่านทุกช่วงเวลาของชีวิตไปได้อย่างงดงาม บทเรียนที่ได้รับจากอดีตได้สร้างความเข้มแข็งให้กับพวกเขา และเป็นรากฐานที่สำคัญในการสร้างครอบครัวที่อบอุ่นและเปี่ยมด้วยคุณค่า
เมื่อแสงจันทร์ลับหายไป และแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาในวันใหม่ ก็เป็นเหมือนสัญญาณของความหวังและอนาคตที่สดใสที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า ความสุขที่พวกเขามีในวันนี้ คือผลผลิตจากบทเรียนที่ได้รับจากอดีต และเป็นสิ่งที่พวกเขาจะยังคงภาคภูมิใจตลอดไป
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่