สถานการณ์ที่ตึงเครียดจากการแข่งขันของคู่แข่งไม่เพียงแต่บีบให้คีรินทร์แสดงความรู้สึกหึงหวงออกมาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอลิสาด้วย และเป็นช่วงเวลาที่เธอได้เผชิญหน้ากับความจริงในความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อคีรินทร์ โดยมีธามและนาราเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ สถานการณ์บีบให้ทั้งคู่เผลอแสดงความรู้สึกจริงออกมา และเผยให้เห็นถึงความซับซ้อนภายในใจของแต่ละคน
หลังจากอลิสาได้พูดคุยกับธามอย่างชัดเจนเรื่องความสัมพันธ์และเลือกคีรินทร์ ธามก็พยายามรักษาระยะห่างจากอลิสามากขึ้น เพื่อให้เกียรติการตัดสินใจของเธอ แต่ด้วยความเป็นเพื่อนสนิทที่คอยช่วยเหลือและให้กำลังใจกันมาตลอด เขาก็ยังคงส่งข้อความหรือโทรศัพท์มาให้กำลังใจอลิสาในฐานะเพื่อนอยู่บ้าง ทำให้คีรินทร์ยังคงรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่รับรู้ถึงการติดต่อระหว่างคนทั้งสอง เพราะความหึงหวงยังคงเป็นเงาตามตัวเขาอย่างใกล้ชิด
วันหนึ่งมีงานปาร์ตี้เฉลิมฉลองความสำเร็จของโปรเจกต์ใหม่ที่บริษัทจัดขึ้น คีรินทร์ อลิสา ธามและนารา ต่างมาร่วมงานในค่ำคืนนั้น บรรยากาศภายในงานคึกคักไปด้วยเสียงเพลงและผู้คน ธามยังคงเข้ามาพูดคุยกับอลิสาอย่างเป็นกันเอง แม้จะรักษาระยะห่างทางกายภาพ แต่ก็ยังคงแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยและรอยยิ้มที่อ่อนโยนเสมอต้นเสมอปลาย
คีรินทร์มองเห็นภาพนั้นจากอีกมุมหนึ่งของห้อง เขาเห็นธามกำลังพูดคุยกับอลิสาอย่างสบายๆ และมีรอยยิ้มบนใบหน้าของอลิสาที่ดูมีความสุขกับบทสนทนานั้น เขารู้สึกหึงหวงขึ้นมาทันที แต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์ไว้ เพื่อไม่ให้แสดงอาการออกมาต่อหน้าคนเยอะๆ ทว่าจังหวะหนึ่งที่อลิสากำลังเดินไปหยิบเครื่องดื่มที่บาร์ ธามก็เดินตามไปติดๆ และเสนอที่จะรินเครื่องดื่มให้อลิสา พร้อมกับพูดคุยอย่างใกล้ชิดและยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
ภาพที่เห็นตรงหน้าเกินกว่าที่คีรินทร์จะทนได้อีกต่อไปแล้ว ความอดทนของเขาหมดลงในพริบตา ความรู้สึกหึงหวงเข้าครอบงำอย่างรุนแรง เขาเดินตรงเข้าไปหาอลิสาและธามทันทีโดยไม่รีรอ สถานการณ์บีบให้คีรินทร์เผลอแสดงความรู้สึกจริงออกมา เขาไม่รอช้าที่จะ ดึงอลิสาเข้ามากอดเอวอย่างรวดเร็วและกระชับ เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเปิดเผย โดยไม่พูดอะไรต่อหน้าธามและสายตาของคนในงานที่เริ่มจับจ้องมา
ธามที่กำลังจะส่งแก้วเครื่องดื่มให้อลิสาถึงกับชะงักไป เขามองการกระทำของคีรินทร์ด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดและความผิดหวังอย่างชัดเจน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับความจริงที่อยู่ตรงหน้า
"พี่คี! ทำอะไรคะ" อลิสาอุทานด้วยความตกใจและเขินอายเล็กน้อยกับการกระทำที่กะทันหันของคีรินทร์ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอ้อมกอดของเขา เพราะลึกๆ แล้วเธอก็รู้สึกดีใจที่คีรินทร์แสดงออกถึงความรักและความเป็นเจ้าของมากขนาดนี้
คีรินทร์ก้มหน้าลงกระซิบข้างหูอลิสาด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดแต่แฝงไปด้วยความรัก "พี่ไม่อยากให้ลิซอยู่ใกล้ผู้ชายคนอื่นมากเกินไป" คำพูดนั้นเป็นการยืนยันความรู้สึกที่เขามีต่ออลิสา และแสดงจุดยืนของเขาอย่างชัดเจน
การแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งของคีรินทร์ทำให้ธามรู้ตัวว่าเขาไม่มีโอกาสแล้วจริงๆ ความหวังสุดท้ายที่เคยมีก็มลายหายไป ธามถอยออกมาจากตรงนั้นอย่างเงียบๆ ด้วยหัวใจที่เจ็บปวด เขาเข้าใจแล้วว่าความรักของคีรินทร์และอลิสาแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจะแทรกกลางได้
ในขณะที่เหตุการณ์ระหว่างคีรินทร์ อลิสา และธามกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น ก็เป็นจังหวะเดียวกันที่อลิสาเริ่มสังเกตเห็นท่าทีของนารา อลิสาจำได้ว่านารามักจะคอยให้กำลังใจและคำปรึกษาเธอเสมอมา แต่ก็มีบางครั้งที่อลิสารู้สึกถึงความห่างเหินเล็กน้อย และแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของนาราเมื่อมองมาที่เธอและคีรินทร์
ในระหว่างงาน นาราเฝ้ามองคีรินทร์กับอลิสาอยู่ห่างๆ ด้วยแววตาที่เจ็บปวดแต่ก็เต็มไปด้วยความยินดีผสมปนเปกันไป เธอพยายามยิ้มให้ทั้งคู่เมื่อคีรินทร์ดึงอลิสาไปกอด แต่ความเศร้าในดวงตาก็ไม่อาจปิดบังได้มิด
อลิสาเดินไปหานาราที่มุมหนึ่งของงาน ซึ่งเป็นมุมที่ค่อนข้างสงบและห่างไกลจากผู้คน "นาราไม่เป็นไรนะ" อลิสาถามด้วยความเป็นห่วง เธอเริ่มรู้สึกสงสารนาราขึ้นมาจับใจ เมื่อเห็นแววตาที่เปื้อนความเศร้าของเพื่อนสนิท
นาราส่ายหน้าช้าๆ "นาราไม่เป็นไรหรอกลิซ" เธอพยายามยิ้มให้เพื่อน แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูฝืนและเจ็บปวด
อลิสาสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับความจริง เธอรู้ดีว่าคำถามที่กำลังจะถามออกไปอาจทำร้ายจิตใจเพื่อน แต่เธอก็ต้องการความชัดเจนเพื่อจัดการกับความรู้สึกในใจของเธอเอง "นาราชอบพี่คีรินทร์ใช่ไหม" อลิสาถามอย่างตรงไปตรงมา เธอไม่ต้องการที่จะหลอกตัวเองอีกต่อไปแล้ว และไม่อยากให้นาราต้องทนเก็บความรู้สึกไว้คนเดียว
นารานิ่งไปเล็กน้อย ดวงตาของเธอแดงก่ำไปด้วยหยาดน้ำตาที่เริ่มเอ่อล้น ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "ใช่จ้ะลิซ นาราชอบคีรินทร์มานานแล้ว" น้ำตาที่เก็บกลั้นไว้มานานก็ไหลอาบแก้มของนารา
คำตอบของนาราทำให้ สถานการณ์บีบให้อลิสาเผลอแสดงความรู้สึกจริงออกมา เธอรู้สึกผิดต่อนารามากอย่างท่วมท้น และความรู้สึกผิดนี้ทำให้เธอเริ่มหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง ความรักที่เธอมั่นใจในคีรินทร์ไม่ได้จางหายไป แต่ความรู้สึกผิดต่อเพื่อนทำให้ใจของเธอสับสน เธอรักคีรินทร์ แต่เธอก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจเพื่อนสนิทที่แสนดีอย่างนาราเลยแม้แต่น้อย
อลิสาเดินเข้าไปกอดนาราแน่น ปล่อยให้น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ "นารา ลิซขอโทษนะ" เธอพูดด้วยเสียงสะอื้น
"ไม่เป็นไรหรอกลิซ" นาราพูดทั้งน้ำตา เธอกอดตอบเพื่อนแน่นเช่นกัน "นารายินดีด้วยนะที่ลิซกับคีรินทร์รักกัน" แม้จะเจ็บปวด แต่เธอก็เลือกที่จะยินดีกับความสุขของเพื่อน
การเปิดเผยความรู้สึกของนาราและท่าทีของคีรินทร์ที่แสดงออกถึงความหึงหวงอย่างชัดเจน ทำให้ความสัมพันธ์ของคีรินทร์และอลิสาถูกทดสอบอย่างหนักหน่วงมากขึ้น อลิสาต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกผิดต่อนารา และคีรินทร์ต้องจัดการกับความหึงหวงของตัวเองให้ได้ดีกว่าเดิม เพื่อให้ความรักของพวกเขายังคงแข็งแกร่งและก้าวต่อไปได้
สถานการณ์เหล่านี้ได้บีบคั้นให้ทั้งคู่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงในใจตัวเอง อลิสาต้องตัดสินใจว่าจะรับมือกับความรู้สึกผิดต่อนาราอย่างไร ในขณะที่คีรินทร์ต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมความหึงหวงของเขา และแสดงออกถึงความมั่นใจในความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างถูกวิธี เพื่อให้ความรักของพวกเขาไม่ใช่เพียงแค่ความหลงใหล แต่เป็นความผูกพันที่มั่นคงและเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่