ตอนที่ 72 การขอแต่งงานที่โรแมนติก
หลังจากงานเฉลิมฉลองความสำเร็จของโปรเจกต์ผ่านไปไม่นานนัก ชีวิตของอลิสาและคีรินทร์กลับมาเต็มไปด้วยความสงบสุขและความสุขที่แท้จริง พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น แบ่งปันเรื่องราวประจำวัน และวางแผนอนาคตที่สดใส
ในค่ำคืนหนึ่งที่แสงจันทร์ส่องสว่างนวลตา คีรินทร์ตัดสินใจที่จะก้าวไปอีกขั้น เขาพาอลิสาไปยังสถานที่ที่มีความหมายต่อความรักของพวกเขา นั่นคือ ดาดฟ้าของอาคารสำนักงานใหญ่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะที่พวกเขาสร้างมาด้วยกัน
บนดาดฟ้าถูกประดับประดาด้วยไฟระยิบระยับ และมีโต๊ะเล็กๆ จัดวางพร้อมแชมเปญและดอกไม้หอมกรุ่น บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมพัดเบาๆ และแสงไฟจากเมืองใหญ่ที่ส่องสว่างอยู่เบื้องล่าง
“พี่คีพาลิซมาที่นี่ทำไมคะ” อลิสาถามด้วยความแปลกใจเล็กน้อย เธอรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่พิเศษบางอย่าง
คีรินทร์ยิ้มอบอุ่น เขากุมมืออลิสาไว้แน่น “พี่มีเรื่องสำคัญจะบอกลิซครับ”
เขาจ้องเข้าไปในดวงตาของเธออย่างลึกซึ้ง และเริ่มเล่าเรื่องราวที่เก็บงำไว้ตั้งแต่ต้น “ลิซจำได้ไหมครับ ตอนที่เราเจอกันครั้งแรก” เขาหยุดเล็กน้อย “ตอนนั้น...พี่กับปกรณ์มีเรื่องสนุกๆ แข่งกัน”
อลิสาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เธอนึกถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยลงรอยกันในช่วงแรกๆ ของเธอกับคีรินทร์ “เรื่องอะไรคะ”
คีรินทร์หัวเราะเบาๆ ด้วยความเขินอาย “คือ...ปกรณ์มันท้าพี่ว่า พี่จะไม่มีทางตกหลุมรักผู้หญิงที่เข้มแข็งและเก่งอย่างลิซได้ง่ายๆ หรอก” เขาเว้นจังหวะไปชั่วขณะ “แต่พี่กลับแพ้มันตั้งแต่ยังไม่เริ่ม”
อลิสานิ่งฟังด้วยความประหลาดใจ แววตาของเธอฉายแววฉงนเล็กน้อย
“พี่ตกหลุมรักลิซตั้งแต่แรกเห็นครับ” คีรินทร์สารภาพออกมาจากใจจริง “ตั้งแต่วันแรกที่ลิซก้าวเข้ามาในชีวิตพี่ โลกของพี่ก็เปลี่ยนไปเลย” เขายิ้มอย่างอ่อนโยน “ยอมรับเลยว่าพี่น่ะ...ถูกลิซจีบให้ตกหลุมรักก่อนโดยไม่รู้ตัว”
อลิสาถึงกับเบิกตากว้าง เธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย! ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเล็กน้อยด้วยความเขินอายปนความเอ็นดู “จริงเหรอคะพี่คี ลิซไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย”
“จริงสิครับ” คีรินทร์ยืนยัน “พี่แพ้เดิมพันให้กับปกรณ์อย่างราบคาบเลยครับ เพราะลิซทำให้พี่รักลิซจนหมดหัวใจ” เขามองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสุขและปิติยินดี “แต่พี่ก็มีความสุขกับการพ่ายแพ้ครั้งนี้อย่างที่สุดครับ เพราะมันทำให้พี่ได้เจอลิซ ได้รักลิซ และได้ใช้ชีวิตอยู่กับลิซ”
น้ำตาของอลิสาเริ่มเอ่อคลอ เธอรู้สึกซึ้งใจในความจริงใจของคีรินทร์เหลือเกิน ทุกคำพูดของเขามาจากใจจริง และทำให้เธอรับรู้ได้ถึงความรักที่เขามีให้เธออย่างท่วมท้น
“ลิซครับ...” คีรินทร์ค่อยๆ ขยับตัวลงจากเก้าอี้ แล้วคุกเข่าลงต่อหน้าอลิสาช้าๆ แสงไฟระยิบระยับจากเมืองใหญ่เป็นฉากหลัง แสงจันทร์ส่องลงมาต้องร่างของเขา ทำให้บรรยากาศยิ่งดูโรแมนติกและราวกับอยู่ในความฝัน
เขายื่นกล่องกำมะหยี่สีแดงเข้มออกมาจากกระเป๋าเสื้อ สูงออกไปข้างหน้า เปิดออกเผยให้เห็นแหวนเพชรเม็ดงามที่เปล่งประกายระยิบระยับภายใต้แสงไฟ มันเป็นแหวนที่เรียบหรู แต่สง่างามและบริสุทธิ์ดุจความรักของพวกเขา
“อลิสา...แต่งงานกับพี่นะครับ” คีรินทร์เอ่ยปากขอแต่งงานอย่างซาบซึ้งและจริงใจ น้ำเสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อยด้วยความตื้นตันใจ “พี่อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับลิซ อยากดูแลลิซ อยากอยู่ข้างลิซไปตลอดชีวิต พี่สัญญาว่าพี่จะรักและดูแลลิซให้ดีที่สุด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่จะไม่มีวันปล่อยมือลิซเลยครับ”
น้ำตาของอลิสาไหลรินอาบแก้มด้วยความตื้นตันใจ เธอไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้ หัวใจของเธอพองโตด้วยความสุขที่เปี่ยมล้น เธอพยักหน้าตอบรับทันทีด้วยความเต็มใจ
“ค่ะ...ลิซตกลงค่ะพี่คี” เสียงของเธอสั่นเครือด้วยความสุข
คีรินทร์ยิ้มกว้างอย่างดีใจ เขารีบสวมแหวนเพชรที่เปล่งประกายลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของอลิสาอย่างทะนุถนอม แหวนนั้นพอดีกับนิ้วของเธอราวกับถูกสร้างมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ มันเป็นสัญลักษณ์ของความผูกพันที่ไม่มีวันสิ้นสุด สัญลักษณ์ของความรักที่มั่นคงและจะคงอยู่ตลอดไป
อลิสาไม่รอช้า เธอลุกขึ้นยืน แล้วสวมกอดคีรินทร์ไว้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขากอดตอบเธออย่างอบอุ่นและมั่นคง ทั้งคู่กอดกันอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์และแสงไฟของเมืองใหญ่
ทันใดนั้น เสียงเพลงบรรเลงโรแมนติกก็ค่อยๆ ดังขึ้นมาเบาๆ จากลำโพงที่คีรินทร์แอบเตรียมไว้ มันเป็นเพลงที่พวกเขาเคยเต้นรำด้วยกันในงานเลี้ยงครั้งก่อน คีรินทร์ผละจากอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะจับมืออลิสาแล้วค่อยๆ เคลื่อนไหวไปตามจังหวะเพลงอย่างช้าๆ
ทั้งคู่เต้นรำด้วยกันอย่างมีความสุขใต้แสงจันทร์และแสงไฟระยิบระยับของเมืองใหญ่ที่พวกเขาช่วยกันสร้างสรรค์ขึ้นมา สายตาของพวกเขาจับจ้องอยู่ที่กันและกัน ราวกับมีเพียงแค่พวกเขาในโลกนี้ คีรินทร์หมุนตัวอลิสาอย่างนุ่มนวล เธอหัวเราะเบาๆ ด้วยความสุขที่เอ่อล้น
ในมุมหนึ่งของดาดฟ้า มิ้นท์และปกรณ์แอบซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่ พวกเขาได้รับคำเชิญจากคีรินทร์ให้มาร่วมเป็นพยานในโมเมนต์สำคัญนี้อย่างลับๆ ทั้งคู่ต่างยิ้มกว้างด้วยความยินดีที่เห็นเพื่อนรักทั้งสองมีความสุขกันขนาดนี้
“เห็นไหมล่ะปกรณ์” มิ้นท์กระซิบเบาๆ “ฉันบอกแล้วว่าคู่นี้มันต้องลงเอยกันแบบนี้แหละ”
ปกรณ์ส่ายหน้ายิ้มๆ “เออ ยอมรับเลยว่าแกชนะเรื่องการเดิมพันจริงๆ ฉันแพ้ราบคาบ” เขามองไปยังคีรินทร์ที่กำลังเต้นรำกับอลิสาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสุข “แต่แกก็มีความสุขที่สุดเลยนะคีรินทร์”
บนฟลอร์เต้นรำส่วนตัว คีรินทร์ค่อยๆ ดึงอลิสาเข้ามาชิดอก เขาประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเธออย่างดูดดื่ม เป็นการจูบที่ยาวนาน หวานล้ำ และเต็มไปด้วยความสุข ความผ่อนคลาย และการยืนยันถึงความรักที่หอมหวานและสมบูรณ์แบบ มันคือจูบที่บอกว่าทุกอย่างที่ผ่านพ้นไปคือบทเรียน และความรักของพวกเขาคือชัยชนะที่แท้จริง
“พี่รักลิซนะครับ” คีรินทร์กระซิบเมื่อผละจูบออกเล็กน้อย “รักจนหมดใจ”
“ลิซก็รักพี่คีค่ะ” อลิสาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรักไม่แพ้กัน
ทั้งคู่กอดกันแน่นอีกครั้ง ปล่อยให้ความสุขและความรักโอบล้อมพวกเขาไว้ใต้แสงจันทร์และแสงไฟระยิบระยับของเมืองใหญ่ ดาดฟ้าแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ของความสำเร็จทางธุรกิจ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่มั่นคงและจะเติบโตขึ้นไปพร้อมกับอนาคตที่สดใสที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่