หลังจากผ่านพ้นเรื่องราวต่างๆ มามากมาย และใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุขมาได้ระยะหนึ่ง อลิสาและคีรินทร์ก็เริ่มพูดคุยถึงการสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เป็นการตัดสินใจที่จะมีทายาทตัวน้อยเข้ามาเติมเต็มชีวิตคู่ของพวกเขาให้เต็มไปด้วยความอบอุ่นและเสียงหัวเราะ การตัดสินใจนี้มาจากความรักและความปรารถนาที่จะสร้างอนาคตร่วมกันอย่างแท้จริง
หลายปีแห่งความสุขได้ผ่านพ้นไป ความสัมพันธ์ของอลิสาและคีรินทร์เติบโตขึ้นทุกวันอย่างมั่นคงและลึกซึ้ง พวกเขาเป็นคู่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ทั้งในด้านการงานและความรัก การเห็นมิ้นท์และปกรณ์กำลังเตรียมตัวสร้างครอบครัวของตัวเอง ก็เป็นเหมือนแรงบันดาลใจที่ทำให้อลิสาและคีรินทร์เริ่มทบทวนถึงอนาคตของพวกเขาเอง
เย็นวันหนึ่ง ขณะที่ทั้งคู่กำลังทานอาหารค่ำกันที่บ้าน บรรยากาศดูอบอุ่นและผ่อนคลาย คีรินทร์มองไปที่อลิสาที่กำลังหัวเราะกับเรื่องเล่าตลกๆ ของเขา ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความรักและความคิดบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้น
“ลิซครับ” คีรินทร์เอ่ยขึ้น
อลิสาเงยหน้าขึ้นมองเขา “คะพี่คี”
คีรินทร์วางช้อนส้อมลง เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแต่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน “พี่คิดว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะมีลูกด้วยกัน”
อลิสาชะงักไปเล็กน้อย เธอไม่ได้คาดคิดว่าคีรินทร์จะเอ่ยปากถึงเรื่องนี้ขึ้นมาในวันนี้ แม้ว่าในใจลึกๆ เธอเองก็เคยคิดถึงเรื่องนี้อยู่บ้างแล้ว
เธอวางมือลงบนมือของคีรินทร์ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วบีบเบาๆ “พี่คีคิดจริงเหรอคะ”
“ครับลิซ พี่คิดจริงจัง” คีรินทร์ตอบกลับด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง “พี่อยากให้ครอบครัวของเราสมบูรณ์ยิ่งขึ้น พี่อยากมีลูกตัวน้อยๆ มาวิ่งเล่นในบ้านของเรา”
อลิสายิ้ม เธอมองเข้าไปในดวงตาของคีรินทร์ที่เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาที่จะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
“ลิซก็อยากมีค่ะพี่คี” อลิสาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ลิซแค่อาจจะยังไม่กล้าพูดออกมา”
รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของคีรินทร์ เขาเอื้อมมืออีกข้างไปกุมมืออลิสาไว้แน่น แล้วจูบที่หลังมือของเธอเบาๆ
“งั้นเรามาสร้างครอบครัวของเราให้สมบูรณ์แบบกันนะครับลิซ” คีรินทร์กล่าว
อลิสาพยักหน้า เธอซบหน้าลงกับอกของคีรินทร์อย่างอ่อนโยน ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมาจากร่างกายของเขา ทำให้เธอรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย เธอรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้มาจากความรักและความปรารถนาที่จะสร้างอนาคตร่วมกันอย่างแท้จริง
ในช่วงเวลาต่อมา ภาพของเด็กเล็กๆ มักจะปรากฏขึ้นในความคิดของอลิสาและคีรินทร์บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่เห็นเด็กๆ ในที่สาธารณะ หรือเวลาที่ไปเยี่ยมบ้านเพื่อนที่มีลูก
วันหนึ่ง อลิสาและคีรินทร์ไปเยี่ยมบ้านของมิ้นท์และปกรณ์ ซึ่งตอนนี้ทั้งคู่มีลูกชายตัวน้อยน่ารักวัยขวบเศษที่ชื่อว่าน้อง “ต้นกล้า”
คีรินทร์เดินเข้าไปอุ้มน้องต้นกล้าขึ้นมาเล่นด้วยความเอ็นดู ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เมื่อน้องต้นกล้าเอื้อมมือเล็กๆ มาจับนิ้วของเขาแน่น
“พี่คีคะ ดูท่าพี่คีจะชอบเด็กจริงๆ เลยนะคะ” อลิสาแซว พลางเดินเข้ามาใกล้
คีรินทร์หันมามองอลิสาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและปรารถนา ดวงตาของเขาฉายแววชัดเจนว่าเขาอยากมีลูกเป็นของตัวเองมากแค่ไหน
“ก็น่ารักขนาดนี้ ใครจะไม่หลงล่ะครับลิซ” คีรินทร์ตอบกลับ พลางโยกตัวน้องต้นกล้าเบาๆ “พี่อยากมีลูกแบบน้องต้นกล้าบ้างจัง”
อลิสายิ้มตอบด้วยความเข้าใจ เธอเอื้อมมือไปลูบศีรษะของน้องต้นกล้าอย่างอ่อนโยน ก่อนจะซบหน้าลงกับอกของคีรินทร์
มิ้นท์และปกรณ์ที่ยืนมองอยู่ห่างๆ ก็ยิ้มให้กัน มิ้นท์กระซิบข้างหูปกรณ์เบาๆ “ดูท่าพี่คีกับลิซคงจะมีข่าวดีในเร็วๆ นี้แล้วนะคะ”
ปกรณ์พยักหน้า “ฉันก็ว่างั้นแหละ”
ภาพของคีรินทร์ที่อุ้มเด็กเล็กๆ ด้วยความรัก เป็นเหมือนภาพสะท้อนของความปรารถนาอันแรงกล้าที่ทั้งคู่มีร่วมกันในการสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์
คืนนั้น หลังกลับจากบ้านของมิ้นท์และปกรณ์ อลิสาและคีรินทร์ก็นอนกอดกันอยู่บนเตียงในความมืดมิด มีเพียงแสงสลัวๆ จากโคมไฟข้างเตียงที่ส่องสว่าง
“พี่คีคะ ลิซรู้สึกว่าลิซพร้อมแล้วจริงๆ ค่ะ” อลิสาพูดขึ้นมาเบาๆ
คีรินทร์กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เขาจูบเรือนผมของอลิสาอย่างอ่อนโยน
“พี่ก็รู้สึกเหมือนกันครับลิซ” คีรินทร์ตอบกลับ “เราจะมาช่วยกันเลี้ยงลูกของเราให้เป็นคนดีนะครับ”
พวกเขาเริ่มพูดคุยถึงความฝันที่จะมีลูกด้วยกันอย่างมีความสุข อลิสาเล่าถึงสิ่งที่เธออยากสอนลูก ส่วนคีรินทร์ก็พูดถึงกิจกรรมที่เขาอยากทำกับลูก
“ลิซอยากให้ลูกเราเป็นเด็กที่มีความสุขค่ะ อยากให้เขาได้เรียนรู้ในสิ่งที่เขาสนใจ” อลิสากล่าว
“พี่อยากพาลูกไปเที่ยวธรรมชาติ ไปดูดาวด้วยกัน” คีรินทร์เสริม “พี่อยากให้ลูกเราได้สัมผัสกับสิ่งสวยงามรอบตัว”
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นในห้องนอนเมื่อพวกเขาวาดฝันถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึง ภาพของครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตากับลูกน้อยในอ้อมแขน เป็นเหมือนภาพที่สวยงามที่สุดในชีวิตของพวกเขา
“เราจะรักและดูแลลูกของเราให้ดีที่สุดเลยนะคะพี่คี” อลิสากระซิบ
“แน่นอนครับลิซ พี่จะอยู่เคียงข้างลิซและลูกของเราเสมอ” คีรินทร์ให้คำมั่นสัญญา
ความรักและความผูกพันของพวกเขาก้าวไปอีกขั้น ด้วยการตัดสินใจที่จะสร้างชีวิตใหม่ร่วมกัน การมีลูกไม่ใช่แค่การเติมเต็มครอบครัว แต่เป็นการเริ่มต้นบทบาทใหม่ในชีวิต ที่จะเต็มไปด้วยความรับผิดชอบ ความท้าทาย และความสุขที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยมีมา
หลังจากค่ำคืนนั้น อลิสาและคีรินทร์ก็เริ่มเตรียมตัวสู่บทบาทใหม่ในชีวิตอย่างจริงจัง พวกเขาเริ่มศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ การดูแลเด็กทารก และการเลี้ยงดูบุตร อลิสาเริ่มปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกาย ส่วนคีรินทร์ก็พยายามหาเวลาว่างเพื่ออยู่ดูแลอลิสาให้มากขึ้น
ทุกๆ การกระทำของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาที่จะมีลูกน้อยเข้ามาเติมเต็มชีวิต
วันหนึ่ง อลิสากำลังนั่งอ่านหนังสือนิทานสำหรับเด็กเล็กอยู่บนโซฟา คีรินทร์เดินเข้ามานั่งข้างๆ แล้ววางมือลงบนหน้าท้องของอลิสาอย่างแผ่วเบา
“พี่อดใจรอไม่ไหวแล้วครับลิซ” คีรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข
อลิสายิ้ม เธอวางหนังสือลงแล้วจับมือของคีรินทร์ไว้แน่น
“ลิซก็เหมือนกันค่ะพี่คี”
พวกเขาทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าการมีลูกคือการเริ่มต้นบทบาทใหม่ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต แต่ด้วยความรักที่พวกเขามีให้กัน และความปรารถนาที่จะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ พวกเขาก็พร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมั่นคง
แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาในห้องในเช้าวันใหม่ เป็นเหมือนแสงแห่งความหวังที่จะนำพาชีวิตใหม่เข้ามาเติมเต็มครอบครัวของอลิสาและคีรินทร์ให้สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง ความสุขคือปัจจุบัน และอนาคตที่กำลังจะมาถึงนั้นยิ่งใหญ่และสวยงามกว่าที่เคยเป็นมา
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่