ห้องพักของอคิราห์ดูหรูหราในแบบที่ไทธัชไม่เคยเห็นมาก่อน เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นดูมีราคา ขนาดห้องกว้างกว่าบ้านเขาทั้งหลังเสียด้วยซ้ำ แต่เจ้าของห้องคงไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่เพราะห้องที่ดูหรูหรานั้นมันรกกว่าห้องนอนของเขาหลายเท่าเลยทีเดียว
“นั่งสิจะได้คุยกัน” เจ้าของห้องนั่งลงบนโซฟาสีดำตัวโตกลางห้องด้วยท่าทางสบาย ๆ
ไทธัชนั่งตามเขาลงไป แต่เว้นระยะห่างพอสมควร
“พี่บอกจะมีอะไรให้ผมดู”
อคิราห์หยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาจากนั้นเสิร์ซเพจของทางร้านก่อนจะส่งให้ไทธัชดู
สีหน้าของไทธัชดูประหลาดใจกับสิ่งที่ได้รับรู้อยู่ไม่น้อย พี่ชายของแทนคุณไม่ได้บอกว่าร้านที่เข้าจะไปทำงานนั้นเป็นบาร์เกย์และตอนนี้ก็กำลังเปิดรับสมัครเด็กหนุ่มเพื่อมาบริการลูกค้า
“แต่ผมไปสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟนะครับ”
“พอเข้าไปในร้านแล้วนายคิดว่าเลือกได้เหรอว่าจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร หน้าตาดีอย่างนายคงเรียกแขกได้มาก” เขาพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ
“พี่เขาคงไม่โกหกหรอกมั้ง ผมเป็นเพื่อนน้องชายเขาเลยนะ”
“นายมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้วนะ เขามีน้องชายแล้วเขาให้น้องชายไปทำงานกับนายด้วยไหมล่ะ”
เด็กหนุ่มนิ่ง มันน่าสงสัยอยู่เหมือนกันเพราะพี่ชายของแทนคุณไม่ยอมให้น้องชายไปทำงานกับเขาด้วย
“อยากหางานทำมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ครับ ผมมีความจำเป็นต้องใช้เงินไหนจะใช้หนี้พี่ไหนจะต้องหาไปจ่ายเจ๊จิต”
“ไม่ต้องใช้หนี้พี่หรอก”
“ผมไม่อยากได้เงินใครฟรี ผมไม่ใช่ขอทานนะ”
“ก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เงินที่ช่วยมันไม่ได้มากมายอะไร ถ้าอยากตอบแทนจริง ๆ ก็แค่ตั้งใจเรียนแล้วอย่าคิดสั้นอีกก็พอ”
“ผมรู้ว่าพี่รวย แต่ผมก็อยากใช้หนี้ หรือพี่มีงานให้ผมทำไหมล่ะ”
“เดี๋ยวจะลองถามร้านกาแฟหน้าโรงพยาบาลให้ไม่รู้ว่าเขารับพนักงานพาร์ทไทม์ไหม”
“พี่บอกชื่อร้านมาเดี๋ยวผมไปสมัครเองก็ได้” ไทธัชไม่อยากรบกวนเขามากจนเกินไป
“เดี๋ยวพรุ่งนี้จะโทรบอก ไม่ต้องรีบร้อนหรอกน่า”
“ถ้าได้งาน ได้เงินแล้วผมจะเอาคืนพี่”
“พี่ว่าเอาไปจ่ายเจ๊ในตลาดก่อนไหม ค้างเขาไว้เท่าไหร่ล่ะ”
“ค้างไว้ 9000 ครับ ผมยังไม่ได้คุยกับเจ๊เลยไม่รู้แกจะยอมให้ผ่อนจ่ายไหม” เด็กหนุ่มกังวลเรื่องนี้อยู่มากเพราะถ้าเจ๊แกไม่ยอมขึ้นมาแล้วไปทวงเงินกับแม่ความต้องแตกแน่ ๆ
“พี่จะใช้หนี้ให้นายทั้งหมด แต่นายต้องตั้งใจเรียนและห้ามไปทำงานที่บาร์นั้นอย่างเด็ดขาด”
“แค่นั้นเหรอครับ”
“อื้อ แค่นั้นถ้านายตกลงก็เอาเงินไปจ่ายเจ๊คนนั้นได้เลย ถ้าไม่ตกลงพี่ก็จะไปส่งนายที่บ้านและบอกเรื่องทั้งหมดกับแม่ของนาย”
“ผมว่าพี่กำลังบังคับผมอยู่นะครับ”
“มันเรียกว่าข้อแลกเปลี่ยนต่างหาก ง่าย ๆ เอง”
“เพราะอะไรถึงต้องมาเสียเงินให้ผมด้วยเราเพิ่งรู้จักกัน”
“เพราะนายทำให้พี่นึกถึงคิวยังไงล่ะ” ตอนที่น้องชายมีชีวิตอยู่อคิราห์ไม่ค่อยมีเวลาให้น้องชาย ตั้งแต่เรียนจบหมดเขาก็ย้ายมาอยู่ที่คอนโด ส่วนน้องชายยังอยู่ที่บ้านกับมารดาของเขาและพ่อเลี้ยง
“ผมรู้ว่าพี่เสียใจที่เสียน้องชายไป แต่ผมเป็นตัวแทนของใครไม่ได้หรอกนะครับ” เด็กหนุ่มรีบบอกเพราะกลัวว่าชายคนนี้จะคาดหวังให้เป็นตัวแทนของน้องชายที่เสียชีวิตไปแล้ว
“พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น ไม่ได้คิดว่านายเป็นตัวแทนของคิว เพียงแต่พี่คิดว่าการช่วยเหลือนายจะทำให้พี่รู้สึกดีขึ้นมาได้ พี่ไม่ใช่พี่ชายที่ดีหรอกนะ เราสองพี่น้องไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ พอเสียคิวไปแล้วถึงรู้สึกว่าที่ผ่านมาพี่ไม่ค่อยใส่ใจน้องเท่าไหร่ ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเขามีปัญหาอะไรถึงได้จบชีวิตของตัวเองลงแบบนั้น” น้ำเสียงของคนพูดสั่นเครือ
“ผมไม่เข้าใจที่พี่พูด คิวเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุไม่ใช่เหรอครับ”
“ครอบครัวเราบอกคนนอกแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย แต่อันที่จริงแล้วคิวกินยาเกินขนาด กว่าที่บ้านจะรู้ก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว เราช่วยเขาไว้ไม่ทัน”
เรื่องนี้อคิราห์ไม่เคยเล่าให้คนนอกฟังมาก่อน แต่ที่เขาตัดสินใจพูดออกไปเพราะไม่อยากให้ไทธัชคิดสั้นเหมือนกับอคินทร์ ขนาดเขาเป็นผู้ชายและไม่ได้สนิทกับน้องชายมากยังเสียใจและใช้เวลานานกว่าจะยอมรับได้ นับประสาอะไรกับมารดาและยายของเด็กหนุ่มที่อยู่ด้วยกันตลอด อคิราห์นึกภาพไม่ออกว่าทั้งสองคนนั้นจะเสียใจมากแค่ไหน และจะดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างไรในเมื่อต้องสูญเสียคนที่รักไปเหมือนกับที่เขาเสียน้องชาย
“ผมไม่รู้ไม่ก่อนเลย พี่กับครอบครัวคงเสียใจมาก”
“พวกเราเสียใจกันมาก พี่เลยไม่อยากให้นายทำเหมือนคิว เพราะรู้ดีว่าคนที่เหลืออยู่จะเจ็บเสียจากแค่ไหน”
พอได้ยินแบบนั้นไทธัชก็เข้าใจเขามากขึ้น ที่ชายคนนี้ช่วยเขาก็คงเพราะไม่อยากให้เขาเป็นเหมือนกับน้องชายของตัวเอง
“ตอนนั้นพี่ทำงานหนัก ไม่ค่อยได้กลับไปที่บ้านเลยไม่รู้ว่าคิวมีปัญหาอะไร”
“ผมก็ไม่ค่อยสนิทกับเขาเท่าไหร่ อยู่ห้องเดียวกันแท้ ๆ”
“ถ้าวันนั้นพี่ไม่ไปเก็บของก็คงไม่เจอกับนาย” เขานึกถึงวันแรกที่เจอกับเด็กหนุ่มซึ่งกำลังร้องไห้
“ผมขอบคุณพี่มาก ถ้าไม่มีพี่ผมก็ไม่รู้จะเป็นยังไง ตอนนั้นมันมืดแปดด้านไปหมด ผมรู้ว่าพี่ช่วยเพราะหวังดี แต่ยังไงก็ต้องหาเงินมาคืนอยู่ดี”
“ถ้านายลำบากใจมากรอให้เรียนจบแล้วค่อยเอาเงินมาใช้ก็ได้”
“พี่ไม่กลัวผมเบี้ยวเหรอ”
“ถ้านายคิดจะเบี้ยวคงไม่พยายามมาคุยด้วยหรอกใช่ไหม”
เด็กหนุ่มพยักหน้า จากนั้นก็ให้อคิราห์ทำสัญญากู้ยืมเงินเพราะมันไม่ยุติธรรมกับเจ้าหนี้ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย
“คิดหรือยังจบแล้วจะเรียนอะไรต่อ”
“ผมอยากเรียนคอมพิวเตอร์กราฟิก”
“ชอบเหรอ”
“ครับผมชอบ อีกอย่างผมไม่ค่อยชอบทำงานกับคนเท่าไหร่”
“ไม่ทำงานกับคนก็ดีนะ ไม่วุ่นวาย”
“พี่เป็นหมอเหรอ”
“อือ”
“เรียนยากไหมครับ”
“ไม่ยาก แต่ต้องขยัน สนใจจะเรียนไหมล่ะ”
“ไม่ดีกว่าครับไม่อยากเครียด”
อคิราห์ทำความรู้จักกับเด็กหนุ่มมากขึ้น พอได้คุยกันเรื่องอื่นนอกจากเรื่องเงินแล้วบรรยากาศก็ผ่อนคลาย เขาให้ไทธัชเรียกเขาว่าพี่ซัน ส่วนตัวเองก็เรียกเด็กหนุ่มว่าไทซึ่งเป็นชื่อเล่น ทั้งสองพูดคุยกันนานจนกระทั่งไทธัชได้ยินเสียงท้องของอีกคนร้อง
“ผมว่าพี่ควรไปหาอะไรกิน”
“พี่ก็ว่างั้น นายกินมาแล้วเหรอ”
“ผมกินมาแล้ว” ไทธัชหยิบเป้ขึ้นมาจากนั้นเขาก็หยิบถุงคุกกี้ส่งให้กับเจ้าหนี้ที่ดูท่าทางจะหิวมาก
“พี่กินนี่รองท้องก่อนสิ แม่ผมทำเอง”
“ตั้งใจเอามาฝากเหรอ หรือแค่ติดกระเป๋ามา”
“ก็ตั้งใจเอามานั่นแหละ ผมจะกลับแล้วพี่ก็อย่าลืมหาข้าวกินด้วยนะ เป็นหมอซะเปล่าแต่กินข้าวไม่ตรงเวลา”
“ก็มัวแต่คุยกับนายนั่นแหละ ไม่รู้ป่านนี้ร้านข้าวจะเปิดไหม” เขาพูดแล้วมองหน้าคนน้องเพราะคิดว่าเด็กหนุ่มน่าจะทำอาหารเป็นอยู่บ้าง
“พี่ไม่ต้องมองแบบนั้นเลย ผมทำกับข้าวไม่เป็น”
“ไหนว่าแม่กับยายทำอาหารขายไง”
“ครับ แม่กับยายทำผมอยู่แผนกหั่นและเก็บล้าง”
“งั้นรอพี่เดี๋ยว จะได้ลงไปพร้อมกัน”
ระหว่างลงลิฟต์อคิราห์ก็กินคุกกี้อย่างเอร็ดอร่อย พอลงมาถึงชั้นล่างก็เหลือแต่ไม่กี่ชิ้น
“อร่อยดี ทำขายด้วยไหม”
“ครับ”
“เอาแบบนี้มาส่งที่โรงพยาบาลหน่อยสิ เอา 10 ถุงนะ”
“เยอะไปไหมครับ ผมรู้พี่อยากอุดหนุนแต่ไม่ต้องเยอะขนาดนั้นหรอก”
“ก็เอาไปแบ่งคนอื่นกินไง ขนมอร่อยแบบนี้วางไว้ในห้องพักแพทย์มาเกินครึ่งวันพี่ว่า 10 ถุงแทบจะไม่พอด้วยซ้ำ” อคิราห์ไม่ได้พูดเกินจริงเพราะช่วงเวลาเร่งรีบอาหารง่าย ๆ อย่างคุกกี้นี่แหละที่ช่วยให้หายหิวไปได้
“ดึกแล้วจะกลับยังไง”
“รถเมล์ครับ”
“มันจะปลอดภัยเหรอ” เขารู้สึกเป็นห่วง
“ปลอดภัยสิครับ คนเยอะแยะ ผมนั่งประจำ”
“แล้วลงจากรถเมล์ต้องเดินเข้าบ้านอีกไกลไหม”
“ไม่ครับ ไม่ถึง 10 นาทีก็ถึง ไฟสว่างทั้งซอย”
“เอางี้เดี๋ยวนายไปนั่งเป็นเพื่อนพี่กินก๋วยเตี๋ยวหน่อยแล้วจะไปส่งที่บ้าน” อคิราห์ยื่นข้อเสนอ
“อย่าลำบากเลยครับ ใกล้นิดเดียวเองนั่งไม่กี่ป้ายก็ถึง” ไทธัชทำสีหน้าจริงจังเพราะไม่อยากรบกวนเขาไปมากกว่านี้
“ไท จำไว้นะไม่มีปัญหาไหนที่ไม่มีทางแก้หรอก เพียงแต่ต้องใช้สติให้มากเท่านั้นเอง อย่าลืมนะถ้ามีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดเข้าใจไหม”
“เข้าใจแล้วครับพี่ซัน”
ทานก๋วยเตี๋ยวเสร็จอคิราห์ก็มาส่งไทธัชที่ป้ายรถเมล์ เขารอจนกระทั่งเด็กหนุ่มขึ้นไปนั่งบนนั้นแล้วจึงกลับมาที่ห้อง
ชายหนุ่มรู้ว่าสิ่งที่ทำมันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ เขากับไทธัชไม่ได้รู้จักกันมาก่อน มันอาจฟังดูประหลาดแต่เขาเชื่อว่าสิ่งที่ทำนั้นมันถูกต้องแล้ว
อคิราห์ไปส่งไทธัชเสร็จแล้วก็กลับมาที่คอนโด ขณะกำลังเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นก็เห็นไอแพดที่อีกคนลืมไว้เขาถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู ก็เห็นข้อความที่เพื่อนของไทธัชส่งเข้ามาหลังจากอ่านแล้วก็รู้สึกกังวลเพราะดูเหมือนว่าตอนนี้ไทธัชกำลังถูกคนในคณะเข้าใจผิด เนื่องจากมีผู้หญิงคนหนึ่งออกมาพูดทำนองว่าไทธัชเป็นเกย์และตอนนี้กำลังมีเสี่ยใหญ่คนหนึ่งคอยช่วยเหลือเรื่องการเงินอยู่อคิราห์เปิดเข้าไปตามลิงค์ต้นเรื่องก็เห็นคนมาแสดงความคิดเห็นต่อจากเจ้าของโพสต์กันสนุกปาก บ้างก็ว่าเสี่ยที่ดูแลไทธัชอยู่นั้นภรรยาอยู่แล้ว บ้างก็ว่าไทธัชทำทุกอย่างเพื่อแลกกับเงินก้อนโต แต่ทำให้อคิราห์โมโหที่สุดก็คือคนที่บอกว่าเสี่ยของไทธัชนั้นทั้งแก่ทั้งอ้วนและยังหัวล้านอีกด้วยแต่ก็มีบางความคิดเห็นที่บอกว่าเป็นเกย์ไม่ผิด แต่ผิดที่ไม่รู้จักเลือกคนให้ดี ๆ หน่อยไม่ใช่เห็นแก่เงินจนลืมนึกถึงหน้าตาและอายุ แม้จะมีหลายคนบอกว่าไทธัชไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะเคยเห็นแฟนของไทธัชแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเท่าไหร่ เพราะน้อยคนนักที่จะได้เห็นไทธัชกับแฟนอยู่ด้วยกันอคิราห์ไม่รู้ว่าไทธัชเห็นโพสต์นี้แล้วจะเป็นยังไงบ้างชายหนุ่มรีบโทรไปถามเพราะกลัวว่าอีกคนจะรู
หลังเลิกเรียนอคิราห์ก็มารับไทธัชตามที่นัดไว้ พอชายหนุ่มเห็นรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาก็รีบเดินไปขึ้นรถทันที“รอพี่นานไหม” อคิราห์ถามพร้อมกับยื่นชาเขียวให้กับคนรัก“ขอบคุณครับ รอไม่นานเพิ่งลงมาไม่ถึงห้านาที”รถเคลื่อนออกมาได้สักระยะไทธัชก็ถามขึ้น“พี่ซันทำไมไม่บอกผมเรื่องเงิน 25 ล้าน”“พี่นึกว่าแม่บอกไทแล้วนะ เพราะตอนนั้นพี่ไม่ได้อยู่เมืองไทย”“อยู่ที่ไหนก็บอกได้เหมือนกันนะครับ ผมว่าพี่ตั้งใจปิดมากกว่า”“พี่จะปิดได้ยังไง นั่นมันบัญชีของไทนะ”“แต่ก็น่าจะบอกรู้ไหม ว่าเอาเงินนั้นไปฝากประจำจะได้ดอกเบี้ยเยอะเลย”“ที่ผ่านมาไม่เคยเอาสมุดบัญชีไปปรับเลยใช่ไหม”“ครับ บัญชีนี้ไม่มีในแอปธนาคารด้วยก็เลยไม่รู้ว่ามีเงินเข้า พอดีวันนี้คุณธีรธรเขาโอนเงินค่ามัดจำเขาก็เลยลองเอาไปปรับดู”“พี่อยากให้ไทเก็บไว้ใช้จ่าย”“ไม่หรอกครับ ผมว่าจะขออนุญาตเอาไปเปิดบัญชีฝากประจำได้ไหมครับ ถ้าได้ดอกเบี้ยค่อยเอามาใช้”“จะขอพี่ทำไท นั้นเงินของไท”“แต่แม่พี่บอกว่าให้พี่ แต่พี่ยกให้ผม”“นั้นไง ก็ยกให้แล้ว ไทจะเอาไปทำอะไรก็ได”“ขอบคุณนะครับ เงินมากขนาดนั้นทั้งชาติผมคงไม่มีโอกาสหาได้”“บอกแล้วไงไทเป็นเด็กดี มีอะไรที่พี่ให้ได้พี่
ไทธัชถูกประคองเดินมาที่เตียงในเวลาเกือบตีสอง ขาเขาสั่นจนแทบเดินไม่ไหว แต่ก็ไม่อยากให้อคิราห์อุ้ม เพราะดูแล้วอีกคนก็หมดแรงไม่ต่างจากตัวเองมากนักจากที่คิดจะไปอาบน้ำให้สดชื่น แต่คนพี่ก็อาสาเป็นคนทำความสะอาดช่องทางรักที่เต็มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่น แต่เพราะคนทำความสะอาดช่ำชองจนเกินไปไทธัชจึงตื่นตัวอีกครั้งและบทรักก็บรรเลงใต้ฝักบัวอยู่อีกเกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนทั้งสองจะปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองถึงจุดสุดยอดไปกี่ครั้ง รู้แต่ทุกครั้งมันเต็มไปด้วยความสุข อคิราห์ส่งผ่านความรักความคิดถึงผ่านทุกสัมผัสจนไทธัชลืมเรื่องน้อยใจไปจนหมดสิ้น“ไทครับ เรียนกี่โมงนะ”“สิบโมงครับ ตอนนี้กี่โมงแล้ว” ไทธัชยังไม่ยอมออกจากผ้าห่ม เขายังคงกอดอคิราห์ไว้อย่างนั้น กลัวเหลือเกินว่าที่ผ่านมาเมื่อคืนมันจะเป็นเพียงความฝัน“แปดโมงครับ นอนต่ออีกหน่อยก็ได้ เดี๋ยววันนี้พี่ขับรถไปส่ง”“ผมไปเองได้ครับ นั่งรถไฟฟ้าไปแป๊บเดียวก็ถึงหรือโหนรถเมล์ไปก็ได้”“อย่าดื้อครับ ลองลุกมาก่อนไหม แล้วลองเดินดูว่าตัวเองจะเดินขึ้นบันไดสถานีรถไฟฟ้าได้ไหมหรือจะยืนเบียดคนอื่นบนรถเมล์ไหวไหม” อคิราห์มองคนที่นอนจมอยู่บนเตียงนอนแล้วก็รู้สึกสงสา
ก่อนกลับคอนโดไทธัชไลน์ไปถามอคิราห์ว่าเย็นนี้เขาจะทานอะไรแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่อ่าน ชายหนุ่มเลยแวะซื้อข้าวสวยและกับข้าวที่อคิราห์ชอบกลับไปด้วยเขากลับมาถึงห้องก็ปิดไฟมืด เขาคิดว่าอคิราห์คงนอนอยู่ที่ห้องนอนเล็กเหมือนเดิม แต่เปิดเข้าไปห้องก็ว่างเปล่า ไทธัชเริ่มกังวลหรือว่าภาพเหตุการณ์เมื่อเช้าเป็นสิ่งที่เขาคิดไปเอง ชายหนุ่มรีบเดินมาดูที่ห้องนอนใหญ่แล้วก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นคืออคิราห์จริงไทธัชไม่อยากกวนเวลานอนจึงกลับมาอาบน้ำที่ห้องของตัวเอง คิดว่าให้อคิราห์นอนต่อ แต่ก็ทนใจแข็งได้ไม่นานเพราะอยากพูดคุยกับเขาให้หายคิดถึงชายหนุ่มเปิดเข้าไปในห้องอีกครั้งก็ไม่คนที่นอนอยู่เมื่อครู่ เขาได้ยินเสียงอาบน้ำ จึงรีบออกมาเตรียมอาหารไว้รอพอทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินไปตามอคิราห์อีกครั้งก๊อก ก๊อก ก๊อก“พี่ซันครับ ผมเข้าไปได้ไหม”เงียบ..“ผมเข้าไปแล้วนะ”ไทธัชถามอีกครั้งแต่คนในห้องก็ยังไม่ตอบ เขาจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาเมื่อเห็นว่าเขายังไม่ออกจากห้องน้ำก็เลยนั่งรออยู่บนเตียง“ผมมาตามไปกินข้าวครับ ผมไปรอข้างนอกนะครับ” ไทธัชรีบบอกเมื่อเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ“ทำไมต้องไปรอข้างนอก ไหนว่าคิดถึง
ไทธัชรู้สึกว่าเวลาของตัวเองจะเดินช้ากว่าของคนอื่น ตั้งแต่ปีใหม่ครั้งนั้นอคิราห์ก็ยังไม่กลับมาเมืองไทยเลยสักครั้ง เขารู้ว่าอีกคนยุ่งทั้งเรียนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ปีใหม่ครั้งที่ผ่านมาเขาต้องนอนร้องไห้อยู่คอนโดเพราะคิดถึงความทรงจำที่เคยมีด้วยกันกับคนรัก ไหนจะช่วงวาเลนไทน์ที่ผ่านมาถึงสองครั้งเขาก็เคยได้มีโอกาสฉลอง มีแต่ของขวัญที่ส่งมาทั้งปีใหม่ วาเลนไทน์รวมไปถึงวันเกิด แต่ใครบอกว่าเขาอยากได้ของขวัญมีราคาพวกนั้นแม้จะวิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บอกรักกันทุกวันแต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับอ้อมกอดที่อบอุ่นของผู้ที่ชื่ออคิราห์เลยสักนิด“ไท เหนื่อยเหรอท่าทางไม่ดีเลย”“นิดหน่อยครับ วันนี้มีกิจกรรมรับน้องผมเป็นพี่ปีสามก็เลยเหนื่อยหน่อย พี่ซันล่ะครับ ดูเหมือนช่วงนี้จะร่าเริงเป็นพิเศษนะครับ มีอะไรดีหรือเปล่า”“ก็แค่วันนี้อาจารย์ให้พี่ได้ลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างแล้วพี่ก็ทำออกมาได้ดี”“พี่ซันเก่งอยู่แล้ว ผมว่าถ้ากลับมาครั้งนี้คงยุ่งจนไม่มีเวลาให้ผมแน่ ๆ เลย”“ถ้ากลับไปพี่คงพักสักระยะแล้วค่อยเริ่มงาน พี่จะให้เวลาไทเต็มที่เลยดีไหม”“อือ ถ้าพี่กลับมาเราไปเที่ยวทะเลกันไหมครับ ผมอยากพาแม่กับยายไ
หลังจากที่ส่งหลักฐานให้กับทนายแล้วไทธัชก็หมดหน้าที่ แต่เขาก็คอยติดตามความเคลื่อนไหวที่ผ่านมาทางอคิราห์อยู่ทุกวันเรื่องหย่าจบไปตั้งแต่สัปดาห์แรก เพราะคุณตรีวุฒิกลัวว่าเรื่องที่เขาพาเด็กผู้ชายเข้ามานอนในบ้านจะรู้ถึงหูคนอื่น และจะทำให้เขาเสียชื่อเสียง เขาจ่ายค่าเลี้ยงดูคุณอรณีถึง 25 บาท แต่เขาไม่รู้เลยว่าหลังจากเซ็นใบหย่าแล้ว เรื่องราวมันจะรุนแรงขึ้นในแบบที่เขาแทบจะไม่มีที่ยืนในสังคมมารดาของอคิราห์ร้องไห้จนเป็นลมเมื่อทราบเรื่องที่ลูกชายโดนพ่อเลี้ยงกระทำชำเรา เธอโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ดูแลลูกไม่ดี และยังพาคนชั่วอย่างตรีวุฒิเข้ามาอยู่ในบ้าน แต่เธอก็ไม่ได้โดดเดี่ยวเพราะได้คุณอรรณพอดีตสามีคอยอยู่ข้าง ๆพอตั้งสติได้คุณอรณีก็เข้มแข็งขึ้น เธอและคุณอรรณพนำคลิปหลักฐานที่นายตรีวุฒิทำกับลูกชาย ภาพถ่าย และคำขู่ที่ฝ่ายนั้นส่งมาคุกคามลูกชายของเขาให้กับตำรวจ เธอก็บอกให้จัดการทุกอย่างตามกฎหมายโดยไม่ต้องห่วงว่าเธอจะรู้สึกยังไง จะเสียชื่อเสียงไหม เธออยากให้ผู้ชายคนนั้นรับโทษจากการกระทำของตัวเองโดยเร็วที่สุดพอมีข่าวว่าตรีวุฒิถูกจับ ก็มีเด็กหนุ่มอีกหลายคนซึ่งตกเป็นเหยื่อทางอารมร์ของตรีวุฒิเข้ามาแจ้