ไทธัชลงจากรถเมล์แล้วเดินเข้าไปในซอยลึก แสงไฟจากเสาไฟฟ้าส่องสว่างตลอดทางเดิน ทำไม่ได้น่ากลัวแม้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะห้าทุ่มแล้วก็ตาม
ใช้เวลาเดินไม่ถึง 10 นาทีเขาก็มาถึงบ้านหลังเล็กที่ตอนนี้ทั้งบ้านผิดไฟมืดสนิท มารดากับยายจะเข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำเพราะต้องรีบตื่นมาทำกับข้าวกันตั้งแต่เช้ามืด
ไทธัชไขกุญแจที่ประตูรั้วด้านหน้าอย่างเงียบที่สุด จากนั้นก็เดินอ้อมไปทางด้านหลังของตัวบ้าน เพราะถ้าเข้าทางประตูหน้าเสียงเปิดของมันจะดังกว่าประตูทางด้านหลังเนื่องจากบานพับมันเก่าและขึ้นสนิม
เด็กหนุ่มรีบอาบน้ำและเข้านอน แต่ก็ยังคงนอนไม่หลับ เพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ได้ยินมาจากอคิราห์เมื่อตอนหัวค่ำ
เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าอคินทร์นั้นฆ่าตัวตาย แต่พอรู้แล้วก็รู้สึกหดหู่ ยิ่งเห็นสีหน้าของอคิราห์แล้วยิ่งรู้สึกเห็นใจเขามากขึ้น
ไทธัชหวนคิดถึงตัวเองถ้าวันนั้นไม่ได้เจอกับอคิราห์เขาเองก็คงจบชีวิตของตัวเองลงไปแล้ว และสิ่งที่จะตามมาจากนั้นก็คงจะเป็นความเศร้าโศกและเสียใจของมารดาและยาย นับว่าตัวเองยังโชคดีที่เจอเขา ได้เขาช่วยเตือนสติ และยังช่วยจ่ายเงินค่าเทอมรวมถึงให้เงินมาจ่ายแค่เชาแผงอีกด้วย
เรื่องงานที่จะไปทำกับพี่เขตแดนนั่นก็อีกเรื่อง เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะไปเจออะไรที่นั่นบ้าง แต่ยอมรับว่าเชื่อที่คุณหมอหนุ่มคนนั้นบอกอยู่ไม่น้อย เพราะลองคิดดูดี ๆ แล้วมันก็มีจุดที่แปลกอยู่บ้าง พี่เขตแดนให้เขาส่งรูปถ่ายแบบเต็มตัวไปให้ จากนั้นก็ตกลงจะให้ตามไปทำงานด้วย ทั้ง ๆ ที่เข้าไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน และยังไม่ให้น้องชายตัวเองไปทำงานกับเขาอีก
แต่ไทธัชก็ไม่อยากคิดหาคำตอบเรื่องนี้เพราะว่ามันผ่านไปแล้ว พรุ่งนี้เข้าจะลองไปสมัครงานที่ร้านกาแฟหน้าโรงพยาบาลหรือไม่ก็หางานอื่นที่มันไม่ต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแบบนั้นอีก
เด็กหนุ่มสัญญากับตัวเองแล้วว่าจากนี้จะใช่ชีวิตให้รอบคอบและระมัดระวังขึ้น เพราะไม่อยากให้มารดาและยายต้องมาเสียใจกับการกระทำของตนเอง
เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ได้ยินเสียงเสียงดังมาจากในครัว เขารีบดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนและล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะออกไปช่วยงานข้างนอกอย่างที่เป็นประจำมาตั้งแต่เด็ก
“ขอโทษทีครับแม่ ผมตื่นสายไปหน่อย” ไทธัชรีบเข้าไปช่วยมารดาหั่นหมูสำหรับทำแกงเทโพอย่างทะมัดทะแมง
“ไท ไหนว่าไปค้างกับเพื่อนไง แล้วกลับมาตอนไหนไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“กลับมาตอนห้าทุ่มครับแม่”
“คราวหน้าคราวหลังถ้ากลับดึกอย่างนั้นต้องโทรให้แม่ไปรับนะลูก ยายเป็นห่วง”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับยาย ผมโตแล้วอีกอย่างบ้านเราก็ไม่ได้เปลี่ยวสักหน่อย”
“โตแค่ไหนก็ยังเป็นเด็กสำหรับยายและแม่นั่นแหละ”
“ครับยาย ต่อไปผมว่าจะไม่กลับดึกอีกแล้วครับ”
“ไม่ต้องติวแล้วเหรอ” คนเป็นมารดาถาม
“ผมว่าจะอ่านเองดีกว่า บ้านไอ้แทนอยู่ไกลผมไม่อยากเสียเวลาเดินทาง”
“อ้อ อย่างนั้นเอง แล้วคณะที่ไทเรียนมันมีที่เรียนพิเศษไหมลูก”
“ไม่ต้องเรียนหรอกครับมา เสียดายตังอันไหนที่ผมไม่เข้าใจก็ไปถามครูที่โรงเรียนก็ได้” ไทธัชไม่อยากให้มารดาต้องเสียเงินไปกับการเรียนของตัวเองมากไปกว่านี้
“ถ้ามันไม่ไหวก็บอกแม่กับยายนะลูก”
“ครับยาย” ไทธัชตอบรับขณะที่มือก็หั่นหมูอย่างชำนาญ
กับข้าวเสร็จเรียบร้อยตอนเกือบจะหกโมงเช้า ไทธัชรีบช่วยมารดายกใส่หลังรถเพื่อไปให้ทันคนมาจ่ายตลาดในตอนเช้า
“แม่ครับ มีคนจะสั่งคุกกี้เหมือนเมื่อวานเพิ่ม ของที่จะเอามาทำยังพอมีไหมครับ”
“น่าจะหมดแล้ว เดี๋ยวพอขายเสร็จแม่จะแวะซื้อให้นะ”
“ครับแม่”
พอรถแล่นออกจากบริเวณบ้านไปแล้ว ไทธัชก็ปิดประตูรั้วก่อนจะกลับมาเก็บล้างทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ในห้องครัวจนสะอาดเรียบร้อยจากนั้นก็ไปอาบน้ำและอ่านหนังสือรอมารดาและยายกลับมาทานข้าวมื้อสายด้วยกัน
16.30 น.
“แม่ครับ ผมขอเอาคุกกี้ไปส่งนะครับ” เด็กหนุ่มเตรียมคุกกี้ที่เพิ่งจะอบเสร็จเมื่อตอนบ่ายลงในถุงหิ้วใบใหญ่
“ไปส่งที่ไหน ของเยอะอย่างนั้นแม่ว่าให้แม่เอารถไปส่งดีไหม”
“เยอะที่ไหนกันครับแม่ เอารถยนต์ไปส่งมันไม่คุ้มค่าน้ำมันนะครับ”
“แล้วไทจะเอาไปส่งที่ไหน”
“ที่โรงพยาบาลครับมา”
คำตอบของไทธัชทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองมองมาอย่างไม่เข้าใจ
“เมื่อวานที่ผมเอาคุกกี้แม่ไป พอดีว่าเจอพี่ชายของเพื่อนอีกคนเลยแบ่งให้เขาไปถุงหนึ่งครับ เขาติดใจก็เลยอยากสั่งไปกินกับเพื่อน ๆ ครับ” เขารีบบอกก่อนที่มารดาและยายจะงงมากไปกว่านี้
“แม่ไม่เคยรู้เลยว่าเพื่อนเรามีพี่ชายทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล”
“แม่จำได้ไหมครับที่เดือนก่อนที่ผมขอแม่ไปงานศพเพื่อน”
“จำได้สิลูก เขาเป็นพี่ชายของเพื่อนคนนั้นเหรอ”
“ครับแม่”
“น่าสงสารครอบครัวของเขาเหมือนกันนะ แล้วไทไปรู้จักได้ยังไงล่ะไหนว่าไม่สนิทกับเพื่อนคนนั้น”
“ผมบังเอิญเจอเขาที่โรงเรียนครับ เขามาเก็บของใช้ของน้องชาย”
“อ้อ ถ้าเป็นคนรู้จักไทก็ลดราคาให้เขาด้วยนะ”
“ครับแม่”
17.15 น.
ไทธัชมาถึงร้านกาแฟที่นัดกับอคิราห์ไว้ก่อนเวลานัดเล็ก
น้อย เขายืนมองป้ายรับสมัครพนักงานเสิร์ฟที่ติดอยู่หน้าร้าน เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินเข้าสมัครงานเองเพราะอยากลองสมัครด้วยตนเองเสียก่อน
ชายวัยกลางคนที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่เงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับรอยิ้มที่ดูใจดี
“สวัสดีครับ” ไทธัชยกมือไหว้
“สวัสดี มาสมัครงานเหรอ” เพราะดูจากเวลาแล้วคงไม่มีใครเข้ามาร้านกาแฟในเวลาที่กำลังจะปิดร้านอย่างนี้
“ครับ ผมมาสมัครงาน”
“นั่งก่อนสิ”
“ขอบคุณครับ”
ชายตรงหน้าแนะนำว่าเขาชื่อพีรพลหรือพี่พีท พี่พีทเป็นเจ้าของร้านกาแฟและเบเกอร์รี่แห่งนี้ ที่ร้านตอนนี้มีพนักงานทั้งหมด 3 รวมทั้งตัวเจ้าของร้านด้วย แต่เพราะอีกสองคนจะเข้ามาทำงานตอน 10 โมงเช้าพี่พีทเลยอยากหาคนมาช่วยเขาในช่วงเช้าเพราะในชั่วโมงเร่งด่วนบางครั้งเขาทำคนเดียวไม่ทัน
“เรื่องเวลาผมไม่มีปัญหาครับ แต่เรื่องชงกาแฟ ผมชงทำไม่เป็นเลย”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่สอนได้ ถ้าเราตกลงรับงานพี่จะได้ป้ายหน้าร้านออก”
“ผมตกลงครับ” ไทธัชรีบตกลงทันทีเพราะถ้าเจ้าของร้านออกปากว่าจะสอนเขาก็ไม่ต้องกังวลอะไร
พีรพลเดินไปหน้าร้านเขายังไม่ทันไปเอาป้ายรับสมัครพนักงานออก อคิราห์ก็เดินมาถึงหน้าร้านพอดี
“มาช้าไปนิดนะซัน พี่คงรับเด็กฝากของซันไม่ได้แล้วล่ะ พี่เพิ่งได้พนักงานคนใหม่เมื่อกี้เอง”
อคิราห์ผิดหวังที่เขาไม่สามารถฝากงานให้กับไทธัชได้ แต่ก็เคารพการตัดสินใจของเพื่อนรุ่นพี่
“ไม่เป็นไรครับ”
“ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันนะ ไหน ๆ มาแล้วก็มาช่วยพี่ชิมกาแฟหน่อยสิ พี่กำลังจะฝึกเด็กใหม่ชงกาแฟพอดี”
“ครับพี่”
พีรพลเปิดทางให้อคิราห์เข้ามาด้านในร้านขณะที่ตัวเองดึงป้ายที่หน้าร้านออกมาทิ้งขยะ
“ไท มาอยู่ที่นี่ยังไง”
“สวัสดีครับพี่ซัน ผมมาสมัครงานครับ”
“อ้าวสองคนนี้รู้จักกันเหรอ” เจ้าของร้านถามอย่างแปลกใจ
“ก็คนนี้แหละที่ผมจะฝากให้ทำงานกับพี่”
“อะ จริงเหรอ พี่ไม่รู้ เห็นเดินมาสมัครคุยถูกคอก็เลยรับไว้ แล้วน้องก็ไม่บอกนะว่าซันแนะนำมา”
“ผมไม่แน่ใจนี่ครับว่าใช่ร้านนี้หรือเปล่าที่พี่ซันบอกหรือเปล่า”
“ได้งานแล้วพี่ดีใจด้วยนะ เห็นไหมมีงานอีกมากที่เหมาะกับนาย”
“ครับ”
“เอาคุกกี้มาด้วยไหม” คนที่ยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เที่ยงถามขึ้น
“เอามาครับ” ไทธัชยื่นถุงคุกกี้ให้กับอคิราห์ที่พอรับไปก็แกะถุงออกมาทานทันที
“หอมจัง เอามาชิมหน่อย” เจ้าของร้านกาแฟดึงถุงในมือของหมอหนุ่มแล้วหยิบคุกกี้ชิ้นเล็กขึ้นมาทานอย่างเอร็ดอร่อย
“อร่อยไหมครับ” เจ้าของคุกกี้ถามแล้วก็รอฟังคำตอบด้วยความตื่นเต้น
“อร่อยมาก ทำเองเหรอ”
“แม่ทำครับ ผมแค่เป็นลูกมือ”
“สนใจเอามาวางขายที่นี่ไหม”
“ได้เหรอครับ” เด็กหนุ่มถามอย่างตื่นเต้น
“ได้สิ ปกติพี่ก็รับของคนอื่นมาวางขายเพราะทำไม่ไหว”
“แล้วเจ้าอื่นเขาจะมาว่าเอาเหรอครับ”
“ไม่หรอก เพราะพี่ไม่ได้ผูกขาดกับใคร เจอขนมร้านไหนถูกใจก็สั่งมาวางขาย” พีรพลเป็นคนง่ายๆ
“ขอบคุณครับ วันนี้ผมโชคดีมากได้ทั้งงานและยังได้ออเดอร์ขนมไปฝากแม่อีก” ไทธัชยิ้มหน้าบาน
เขาฝึกชงกาแฟอยู่อีกนับชั่วโมงก่อนจะขอตัวกลับเพราะวันนี้ไม่ได้บอกแม่ไว้จะกลับบ้านค่ำ
“พี่ซันต้องกลับไปทำงานอีกเหรอครับ” ไทธัชถามชายหนุ่มขณะที่เดินมาส่งเขาที่ป้ายรถเมล์
“อือ ตอนสองทุ่มมีผ่าตัด”
“อันที่จริงพี่ไม่น่าลำบากออกมาหาผมเลย” พอรู้ว่าอีกคนออกมาจากโรงพยาบาลทั้งที่ยังมีงานค้างอยู่ก็รู้สึกเกรงใจ
“ไม่ลำบากหรอก พี่อยากแน่ใจด้วยว่างานที่นายทำมันเหมาะกับนายจริง”
“ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง มีอะไรที่ผมจะทำให้พี่ได้บ้างไหม” ไทธัชถามด้วยสีหน้าจริงจัง ชายตรงหน้าเขานับว่าเป็นผู้มีพระคุณลำดับที่ 3 ของเขาเลยทีเดียว
“ก็อย่างที่บอกไง เป็นเด็กดีตั้งใจเรียน”
“ครับ”
“รถมาแล้วนายรีบกลับบ้านเถอะแล้วพรุ่งนี้อย่าลืมมาทำงานนะ”
“ครับ พี่ซันก็ตั้งใจทำงานนะครับ” เด็กหนุ่มบอกก่อนที่จะรีบวิ่งขึ้นไปยังรถเมล์ที่อัดแน่นเหมือนปลากระป๋อง
อคิราห์ไปส่งไทธัชเสร็จแล้วก็กลับมาที่คอนโด ขณะกำลังเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นก็เห็นไอแพดที่อีกคนลืมไว้เขาถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู ก็เห็นข้อความที่เพื่อนของไทธัชส่งเข้ามาหลังจากอ่านแล้วก็รู้สึกกังวลเพราะดูเหมือนว่าตอนนี้ไทธัชกำลังถูกคนในคณะเข้าใจผิด เนื่องจากมีผู้หญิงคนหนึ่งออกมาพูดทำนองว่าไทธัชเป็นเกย์และตอนนี้กำลังมีเสี่ยใหญ่คนหนึ่งคอยช่วยเหลือเรื่องการเงินอยู่อคิราห์เปิดเข้าไปตามลิงค์ต้นเรื่องก็เห็นคนมาแสดงความคิดเห็นต่อจากเจ้าของโพสต์กันสนุกปาก บ้างก็ว่าเสี่ยที่ดูแลไทธัชอยู่นั้นภรรยาอยู่แล้ว บ้างก็ว่าไทธัชทำทุกอย่างเพื่อแลกกับเงินก้อนโต แต่ทำให้อคิราห์โมโหที่สุดก็คือคนที่บอกว่าเสี่ยของไทธัชนั้นทั้งแก่ทั้งอ้วนและยังหัวล้านอีกด้วยแต่ก็มีบางความคิดเห็นที่บอกว่าเป็นเกย์ไม่ผิด แต่ผิดที่ไม่รู้จักเลือกคนให้ดี ๆ หน่อยไม่ใช่เห็นแก่เงินจนลืมนึกถึงหน้าตาและอายุ แม้จะมีหลายคนบอกว่าไทธัชไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะเคยเห็นแฟนของไทธัชแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเท่าไหร่ เพราะน้อยคนนักที่จะได้เห็นไทธัชกับแฟนอยู่ด้วยกันอคิราห์ไม่รู้ว่าไทธัชเห็นโพสต์นี้แล้วจะเป็นยังไงบ้างชายหนุ่มรีบโทรไปถามเพราะกลัวว่าอีกคนจะรู
หลังเลิกเรียนอคิราห์ก็มารับไทธัชตามที่นัดไว้ พอชายหนุ่มเห็นรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาก็รีบเดินไปขึ้นรถทันที“รอพี่นานไหม” อคิราห์ถามพร้อมกับยื่นชาเขียวให้กับคนรัก“ขอบคุณครับ รอไม่นานเพิ่งลงมาไม่ถึงห้านาที”รถเคลื่อนออกมาได้สักระยะไทธัชก็ถามขึ้น“พี่ซันทำไมไม่บอกผมเรื่องเงิน 25 ล้าน”“พี่นึกว่าแม่บอกไทแล้วนะ เพราะตอนนั้นพี่ไม่ได้อยู่เมืองไทย”“อยู่ที่ไหนก็บอกได้เหมือนกันนะครับ ผมว่าพี่ตั้งใจปิดมากกว่า”“พี่จะปิดได้ยังไง นั่นมันบัญชีของไทนะ”“แต่ก็น่าจะบอกรู้ไหม ว่าเอาเงินนั้นไปฝากประจำจะได้ดอกเบี้ยเยอะเลย”“ที่ผ่านมาไม่เคยเอาสมุดบัญชีไปปรับเลยใช่ไหม”“ครับ บัญชีนี้ไม่มีในแอปธนาคารด้วยก็เลยไม่รู้ว่ามีเงินเข้า พอดีวันนี้คุณธีรธรเขาโอนเงินค่ามัดจำเขาก็เลยลองเอาไปปรับดู”“พี่อยากให้ไทเก็บไว้ใช้จ่าย”“ไม่หรอกครับ ผมว่าจะขออนุญาตเอาไปเปิดบัญชีฝากประจำได้ไหมครับ ถ้าได้ดอกเบี้ยค่อยเอามาใช้”“จะขอพี่ทำไท นั้นเงินของไท”“แต่แม่พี่บอกว่าให้พี่ แต่พี่ยกให้ผม”“นั้นไง ก็ยกให้แล้ว ไทจะเอาไปทำอะไรก็ได”“ขอบคุณนะครับ เงินมากขนาดนั้นทั้งชาติผมคงไม่มีโอกาสหาได้”“บอกแล้วไงไทเป็นเด็กดี มีอะไรที่พี่ให้ได้พี่
ไทธัชถูกประคองเดินมาที่เตียงในเวลาเกือบตีสอง ขาเขาสั่นจนแทบเดินไม่ไหว แต่ก็ไม่อยากให้อคิราห์อุ้ม เพราะดูแล้วอีกคนก็หมดแรงไม่ต่างจากตัวเองมากนักจากที่คิดจะไปอาบน้ำให้สดชื่น แต่คนพี่ก็อาสาเป็นคนทำความสะอาดช่องทางรักที่เต็มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่น แต่เพราะคนทำความสะอาดช่ำชองจนเกินไปไทธัชจึงตื่นตัวอีกครั้งและบทรักก็บรรเลงใต้ฝักบัวอยู่อีกเกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนทั้งสองจะปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองถึงจุดสุดยอดไปกี่ครั้ง รู้แต่ทุกครั้งมันเต็มไปด้วยความสุข อคิราห์ส่งผ่านความรักความคิดถึงผ่านทุกสัมผัสจนไทธัชลืมเรื่องน้อยใจไปจนหมดสิ้น“ไทครับ เรียนกี่โมงนะ”“สิบโมงครับ ตอนนี้กี่โมงแล้ว” ไทธัชยังไม่ยอมออกจากผ้าห่ม เขายังคงกอดอคิราห์ไว้อย่างนั้น กลัวเหลือเกินว่าที่ผ่านมาเมื่อคืนมันจะเป็นเพียงความฝัน“แปดโมงครับ นอนต่ออีกหน่อยก็ได้ เดี๋ยววันนี้พี่ขับรถไปส่ง”“ผมไปเองได้ครับ นั่งรถไฟฟ้าไปแป๊บเดียวก็ถึงหรือโหนรถเมล์ไปก็ได้”“อย่าดื้อครับ ลองลุกมาก่อนไหม แล้วลองเดินดูว่าตัวเองจะเดินขึ้นบันไดสถานีรถไฟฟ้าได้ไหมหรือจะยืนเบียดคนอื่นบนรถเมล์ไหวไหม” อคิราห์มองคนที่นอนจมอยู่บนเตียงนอนแล้วก็รู้สึกสงสา
ก่อนกลับคอนโดไทธัชไลน์ไปถามอคิราห์ว่าเย็นนี้เขาจะทานอะไรแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่อ่าน ชายหนุ่มเลยแวะซื้อข้าวสวยและกับข้าวที่อคิราห์ชอบกลับไปด้วยเขากลับมาถึงห้องก็ปิดไฟมืด เขาคิดว่าอคิราห์คงนอนอยู่ที่ห้องนอนเล็กเหมือนเดิม แต่เปิดเข้าไปห้องก็ว่างเปล่า ไทธัชเริ่มกังวลหรือว่าภาพเหตุการณ์เมื่อเช้าเป็นสิ่งที่เขาคิดไปเอง ชายหนุ่มรีบเดินมาดูที่ห้องนอนใหญ่แล้วก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นคืออคิราห์จริงไทธัชไม่อยากกวนเวลานอนจึงกลับมาอาบน้ำที่ห้องของตัวเอง คิดว่าให้อคิราห์นอนต่อ แต่ก็ทนใจแข็งได้ไม่นานเพราะอยากพูดคุยกับเขาให้หายคิดถึงชายหนุ่มเปิดเข้าไปในห้องอีกครั้งก็ไม่คนที่นอนอยู่เมื่อครู่ เขาได้ยินเสียงอาบน้ำ จึงรีบออกมาเตรียมอาหารไว้รอพอทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินไปตามอคิราห์อีกครั้งก๊อก ก๊อก ก๊อก“พี่ซันครับ ผมเข้าไปได้ไหม”เงียบ..“ผมเข้าไปแล้วนะ”ไทธัชถามอีกครั้งแต่คนในห้องก็ยังไม่ตอบ เขาจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาเมื่อเห็นว่าเขายังไม่ออกจากห้องน้ำก็เลยนั่งรออยู่บนเตียง“ผมมาตามไปกินข้าวครับ ผมไปรอข้างนอกนะครับ” ไทธัชรีบบอกเมื่อเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ“ทำไมต้องไปรอข้างนอก ไหนว่าคิดถึง
ไทธัชรู้สึกว่าเวลาของตัวเองจะเดินช้ากว่าของคนอื่น ตั้งแต่ปีใหม่ครั้งนั้นอคิราห์ก็ยังไม่กลับมาเมืองไทยเลยสักครั้ง เขารู้ว่าอีกคนยุ่งทั้งเรียนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ปีใหม่ครั้งที่ผ่านมาเขาต้องนอนร้องไห้อยู่คอนโดเพราะคิดถึงความทรงจำที่เคยมีด้วยกันกับคนรัก ไหนจะช่วงวาเลนไทน์ที่ผ่านมาถึงสองครั้งเขาก็เคยได้มีโอกาสฉลอง มีแต่ของขวัญที่ส่งมาทั้งปีใหม่ วาเลนไทน์รวมไปถึงวันเกิด แต่ใครบอกว่าเขาอยากได้ของขวัญมีราคาพวกนั้นแม้จะวิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บอกรักกันทุกวันแต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับอ้อมกอดที่อบอุ่นของผู้ที่ชื่ออคิราห์เลยสักนิด“ไท เหนื่อยเหรอท่าทางไม่ดีเลย”“นิดหน่อยครับ วันนี้มีกิจกรรมรับน้องผมเป็นพี่ปีสามก็เลยเหนื่อยหน่อย พี่ซันล่ะครับ ดูเหมือนช่วงนี้จะร่าเริงเป็นพิเศษนะครับ มีอะไรดีหรือเปล่า”“ก็แค่วันนี้อาจารย์ให้พี่ได้ลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างแล้วพี่ก็ทำออกมาได้ดี”“พี่ซันเก่งอยู่แล้ว ผมว่าถ้ากลับมาครั้งนี้คงยุ่งจนไม่มีเวลาให้ผมแน่ ๆ เลย”“ถ้ากลับไปพี่คงพักสักระยะแล้วค่อยเริ่มงาน พี่จะให้เวลาไทเต็มที่เลยดีไหม”“อือ ถ้าพี่กลับมาเราไปเที่ยวทะเลกันไหมครับ ผมอยากพาแม่กับยายไ
หลังจากที่ส่งหลักฐานให้กับทนายแล้วไทธัชก็หมดหน้าที่ แต่เขาก็คอยติดตามความเคลื่อนไหวที่ผ่านมาทางอคิราห์อยู่ทุกวันเรื่องหย่าจบไปตั้งแต่สัปดาห์แรก เพราะคุณตรีวุฒิกลัวว่าเรื่องที่เขาพาเด็กผู้ชายเข้ามานอนในบ้านจะรู้ถึงหูคนอื่น และจะทำให้เขาเสียชื่อเสียง เขาจ่ายค่าเลี้ยงดูคุณอรณีถึง 25 บาท แต่เขาไม่รู้เลยว่าหลังจากเซ็นใบหย่าแล้ว เรื่องราวมันจะรุนแรงขึ้นในแบบที่เขาแทบจะไม่มีที่ยืนในสังคมมารดาของอคิราห์ร้องไห้จนเป็นลมเมื่อทราบเรื่องที่ลูกชายโดนพ่อเลี้ยงกระทำชำเรา เธอโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ดูแลลูกไม่ดี และยังพาคนชั่วอย่างตรีวุฒิเข้ามาอยู่ในบ้าน แต่เธอก็ไม่ได้โดดเดี่ยวเพราะได้คุณอรรณพอดีตสามีคอยอยู่ข้าง ๆพอตั้งสติได้คุณอรณีก็เข้มแข็งขึ้น เธอและคุณอรรณพนำคลิปหลักฐานที่นายตรีวุฒิทำกับลูกชาย ภาพถ่าย และคำขู่ที่ฝ่ายนั้นส่งมาคุกคามลูกชายของเขาให้กับตำรวจ เธอก็บอกให้จัดการทุกอย่างตามกฎหมายโดยไม่ต้องห่วงว่าเธอจะรู้สึกยังไง จะเสียชื่อเสียงไหม เธออยากให้ผู้ชายคนนั้นรับโทษจากการกระทำของตัวเองโดยเร็วที่สุดพอมีข่าวว่าตรีวุฒิถูกจับ ก็มีเด็กหนุ่มอีกหลายคนซึ่งตกเป็นเหยื่อทางอารมร์ของตรีวุฒิเข้ามาแจ้