เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ขวัญนภัสทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างหนัก เธอใช้เวลาทุกนาทีที่มีค่ากับการอ่านหนังสือ ทบทวนบทเรียน และการติวเข้มกับหมอคีรินทร์ทุกวัน
เขาไม่ได้สอนแค่เนื้อหาแต่ยังสอนเทคนิคการคิดวิเคราะห์ แม้จะเหนื่อยจากการทำงานบ้าน แต่แววตาของเธอกลับเต็มไปด้วยประกายแห่งความหวังและความตั้งใจ
เมื่อผลสอบออกมาแล้วขวัญนภัสก็รู้สึกได้เลยว่าสิ่งที่ทุ่มเทนั้นมันไม่เสียเปล่าเลยเธอสอบติดคณะเภสัชศาสตร์ หลักสูตรวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางส่วนชุติมณฑ์ก็ได้เข้าเรียนคณะพยาบาลศาสตร์อย่างที่ตั่งใจไว้
ทั้งสองนัดฉลองความสำเร็จกันที่บ้านของคุณยายศรีจันทร์ การฉลองครั้งนี้ไม่ได้มีแค่การแสดงความยินดีกับสองสาวเท่านั้น แต่ยังเป็นการเลี้ยงส่งหมอคีรินทร์ที่จะไปศึกษาต่อต่างประเทศด้วย
เย็นวันนั้นที่บ้านคุณยายศรีจันทร์อบอวลไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ คุณยายจัดเตรียมอาหารอีสานรสแซ่บไว้เต็มโต๊ะ ทั้งส้มตำ ไก่ย่าง ลาบน้ำตกและปลาเผาทั้งสี่คนนั่งล้อมวงกันทานอาหารด้วยบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง
“หมอดีใจด้วยนะบิวที่สอบได้” เขาพูดพร้อมกับส่งขอขวัญให้เพราะ
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ ถ้าเราสองไม่ได้หมอคอยช่วยติวให้ก็คงทำไม่ได้ขนาดนี้หรอกค่ะ”
“หนูก็ต้องขอบคุณหมอมากๆ ด้วยค่ะ ถ้าหมอไม่ช่วยก็คงแย่” ขวัญนภัสรู้สึกขอบคุณเขาจากใจจริง เธอรู้ว่าหมอคีรินทร์ไม่ได้ให้แค่ความรู้ แต่ยังให้กำลังใจและโอกาสที่ยิ่งใหญ่กับเธอ
“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอก ความตั้งใจของเธอต่างหากที่สำคัญ" หมอคีรินทร์มองเด็กสาวสองคนแล้วยิ้ม
“ยายก็ขอบคุณหมอคีรินทร์ด้วยนะคะ ยายแก่แล้วไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยยังดีที่มีหมอมาช่วย”
“ผมไม่ได้ช่วยอะไรมากเลยครับยาย บิวและเฟิร์นเขามีความตั้งใจทั้งคู่ แต่สอบได้แล้วทั้งสองคนก็ต้องตั้งใจเรียนด้วยนะ หมอเรียนกลับมาเราอาจจะได้เป็นเพื่อนร่วมงานกัน”
“จริงด้วยค่ะ ถ้าได้ทำงานที่เดียวกับหมอก็คงดีนะคะจะได้อุ่นใจด้วยค่ะ” ชุติมณฑ์ดีใจถ้าได้ทำงานร่วมกับคุณหมอที่เธอรู้จักมาตั้งแต่เด็ก
“นึกไม่ถึงเลยว่าจะโตเร็วขนาดนี้ หมอจำได้ว่าตอนย้ายมาอยู่ที่นี่บิวยังอยู่ม.ต้นอยู่เลยแต่นี่จะเข้ามหาลัยแล้ว”
“เด็กๆ โตไวค่ะหมอ ส่วนยายก็แก่ขึ้นทุกปี” คุณยายศรีจันทร์ชวนคุย
“แต่ผมว่ายายยังไม่แก่เลยนะครับ สงสัยจะดูแลตัวเองดี” คุณหมอหนุ่มกล่าวชม
“หมอคีรินทร์ก็ปากหวานเหมือนนะคะ แบบนี้ถ้าไม่อยู่ยายคงคิดถึงมากแล้วหมอจะเรียนกี่ปีล่ะคะ”
“ถ้าตามแผนก็สามถึงสี่ปีครับยาย คงจบพร้อมกับเฟิร์นและบิว”
“ครั้งหน้าเราฉลองเรียนจบพร้อมกันนะคะหมอ หนูกับเฟิร์นจะรอนะคะ” ชุติมณฑ์พูดไปด้วยทานไปด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข
“หมอไปเรียนหลายปีแล้วที่บ้านล่ะจะทำยังไง ฝากยายให้ช่วยดูแลไหม” ยายศรีจันทร์เพิ่งรู้ว่าหมอคีรินทร์จะไปเรียนต่อก็เลยสงสัยว่าเขาจะทำยังไงกับบ้าน
“ขอบคุณครับยาย ผมว่าจะให้เฟิร์นเป็นคนดูแลบ้านและก็ดูแลแมวด้วยครับ ที่นี่ใกล้มหาวิทยาลัยด้วยจะได้ไม่ต้องไปเสียเงินค่าเช่าหอ”
“ยายขอให้หมอเดินทางปลอดภัย เรียนจบกลับมาไวๆ” คุณยายอวยพร
“ขอบคุณครับยาย”
วันต่อมาการฉลองอีกครั้งถูกจัดขึ้นที่บ้านของหมอคีรินทร์ เป็นการรวมตัวกันของเพื่อนสนิทของหมอที่มาร่วมเลี้ยงส่งก่อนเขาจะเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ อาหารเย็นนี้มีทั้งที่ขวัญนภัสเป็นคนทำและที่คีรินทร์ซื้อมาเพิ่ม
คีรินทร์แนะนำให้ปริณดาและวงศธรรู้จักกับแม่บ้านคนใหม่ก่อนที่ทั้งสามคนจะนั่งคุยกันอย่างสนุกสนานโดยขวัญนภัสคอยเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
เฟิร์นยกมือไหว้ทั้งสองคนอย่างนอบน้อม "สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีจ้ะ" ปริณดายิ้มให้เฟิร์นเล็กน้อย แต่วงศธรยิ้มกว้างกว่าและพยักหน้าให้
“เฟิร์นทำอาหารอร่อยเหมือนกันนะถึงว่าหมอคีย์ไม่เคยไปกินอาหารที่โรงอาหารตอนเช้าเลย” ปริณดาแฟนของหมอคีรินทร์เอ่ยชม
“ผมก็ชวนน้ำแล้วว่าให้มากินข้าวที่บ้าน น้ำไม่ยอมมาเอง” ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่คีรินทร์ชวนแต่เธอก็ปฏิเสธตลอด
“ยังเหลืออีกหลายวันคีย์ถึงจะไปช่วงนี้น้ำมากินข้าวที่บ้านคีย์นะ”
“ได้สิ”
“หนูจะทำอาหารให้หมอน้ำทานสุดฝีมือเลยค่ะ”
“ขอบใจจะเฟิร์น ฉันเกรงใจเธอจัง”
“แฟนเจ้านายก็เหมือนเจ้านายของหนูเหมือนกันค่ะ หนูยินดีทำให้ค่ะ” ขวัญนภัสส่งยิ้มอย่างจริงใจ เธอชอบแฟนของเจ้านายมากเพราะเธอทั้งสวยทั้งก่งเหมาะสมกับหมอคีรินทร์มากๆ ด้วย
“ขอบใจมากนะเฟิร์น”
เมื่อแขกกลับกันไปหมดแล้ว ขวัญนภัสเก็บจานชามไปล้าง หมอคีรินทร์ส่งเพื่อนและคนรักกลับบ้านแล้วก็เดินเข้ามาในครัว
"เหนื่อยไหมเฟิร์น วันนี้ทำอาหารเยอะเลย"
"ไม่เหนื่อยค่ะหมอ”
“ขอบใจมากนะเฟิร์น ต่อไปฉันไม่อยู่ก็ฝากดูบ้านกับเจ้านุ่มนิ่มด้วยนะ บางทีหมอน้ำกับหมออาร์มอาจจะแวะมาที่นี่บ้างเพราะฉันบอกให้เขามาเอารถออกไปขับบ้าง ยังไงก็ฝากเธอต้อนรับด้วย”
“ได้ค่ะหมอคีย์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หนูจะดูแลบ้านและนุ่มนิ่มอย่างดีค่ะ หนูขอบคุณหมอด้วยนะคะ ถ้าไม่มีหมอ หนูคงไม่ได้เรียนต่อ ไม่มีที่อยู่ แล้วก็อาจจะไม่มีวันนี้ด้วยซ้ำ”
“ฉันไม่อยู่เธอก็ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะเฟิร์น ตั้งใจเรียนให้จบ ทำตามความฝันของตัวเองให้สำเร็จ ถ้ามีปัญหาอะไร ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน โทรหาฉันได้เสมอนะ”
“ค่ะหมอคีรินทร์ หนูจะตั้งใจเรียนค่ะ หมอไปอยู่ที่นั่นก็ต้องทานข้าวให้ตรงเวลาด้วยนะคะ” หญิงสาวบอกด้วยความเป็นห่วง
ขวัญนภัสรู้สึกใจหายมากที่หมอคีรินทร์จะจากไปเรียน ช่วงเวลาที่เธอมาทำงานงานที่นี่ไม่ถึงครึ่งปีแต่กลับรู้สึกถึงความผูกพันกับเขามากเพราะหมอคีรินทร์เป็นเจ้านายที่ใจดีมากเธอไม่คิดเลยว่าโลกนี้จะมีใครดีกับเธอเท่าเขาอีกแล้ว
“ฉันคงคิดถึงกับข้าวฝีมือเธอมากแน่ๆ เลย”
“หนูก็คงเหงามากแน่ๆ เลยค่ะ บิวก็คงไปอยู่พัก” ขวัญนภัสคุยกับชุติมณฑ์แล้วเพื่อนของเธอบอกว่าต้องไปอยู่ที่หอเพราะเดินทางสะดวกกว่าแต่ก็จะกลับบ้านให้บ่อยที่สุดเพราะคุณยายศรีจันทร์อยู่บ้านคนเดียว
“เธอก็ยังมีเจ้านุ่มนิ่มนะและก็ยังมียายศรีจันทร์ด้วย”
“จริงด้วยค่ะ บิวไม่อยู่หนูคงไปคุยกับคุณยายบ่อยขึ้น”
“ช่วงนี้เธอจะมีอิสระเต็มที่นะ อยากทำอะไรก็ทำใช้ชีวิตวัยรุ่นให้เต็มที่นะจะออกไปเที่ยวไหนก็ได้แต่อย่าลืมให้อาหารแมวก็แล้วกัน” คีรินทร์กำชับอีกครั้งเพราะ
“หนูไม่มีทางลืมเด็ดขาดเลยค่ะ”
“งั้นฉันไปขอไปเก็บของต่อก่อนนะ”
“ให้หนูช่วยไหมคะ”
“ไม่เป็นไรฉันเก็บเองดีกว่าเวลาไปอยู่ที่นู่นจะได้หาเจอ”
“ค่ะหมอคีย์”
“อ้อ...เฟิร์นพรุ่งนี้บ่ายเรามีนัดกันนะ”
“นัดไปไหนคะ”
“ก็ซื้อของใช้เข้าบ้านไงล่ะ ซื้อมาเยอะหน่อยก็ดีนะ เธอจะได้ไม่ต้องออกไปซื้อบ่อยๆ ถ้ามีเวลาก็ไปเรียนขับรถนะ จะได้เอารถฉันไปใช้เพราะที่ฉันสอนให้คงแค่ขับได้ในหมู่บ้าน” เขาบอกอย่างใจดีเพราะรถเขาคงจอดทิ้งไว้เฉยๆ ชายหนุ่มบอกกับแฟนสาวแล้วว่าให้เอารถเขาไปใช้แต่เธอก็มีรถของตัวเองและรถของมารดาที่ต้องคอยสลับกันใช้
“หนูว่านั่งแท็กซี่ดีกว่าค่ะ”
“แต่ถ้าหมอน้ำกับหมออาร์มไม่มาเอารถไปใช้เธอก็ต้องขับวนในหมู่บ้านให้ฉันสองอาทิตย์ครั้งนะ”
“รับทราบค่ะ”
คีรินทร์อุ้มคนรักเข้ามาในบ้านแต่ยังเดินไม่ถึงห้องนอนเขาก็ไปต่อไม่ไหว เพราะทุกจังหวะที่ก้าวขาท่อนเอ็นร้อนก็ครูดกับร่องสวาทจนหญิงสาวได้แต่ครางหวานเพราะเสียวซ่านเกินกว่าจะทนไหว“หมอคีย์ขา...เฟิร์นเสียว”ชายหนุ่มก็รู้สึกเสียวไม่ต่างจากขวัญนภัสเลย เขาหยุดเดินแล้วดันตัวเธอเข้าผนังเพราะเสียวจนก้าวขาไม่ออก“ผมก็เสียวนะเฟิร์น วันนี้เฟิร์นตอดแรงมากเลยรู้ไหม”“ก็เฟิร์นคิดถึงหมอคีย์”“ยั่วเก่งแบบนี้ผมเอาจนหมดแรงอย่ามาบ่นนะที่รัก”คีรินทร์จับสะโพกกลมกลึงไว้แน่น เขายกขึ้นสูงจนท่อนเอ็นเกือบจะหลุดออกจากร่องรักก่อนจะกดต่ำลงเข้าหาตัวในจังหวะที่สะโพกของเขากระแทกสวนเสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั้งห้องรับแขก เสียงหวานครางรับกับเสียงครางต่ำ“ชอบไหม เฟิร์น...ซี๊ดดด...”“ชะ..ชอบ..... เฟิร์นชอบคะหมอคีย์...มันเสียวมาก”คนถามครางต่ำเพราะมันทั้งลึกและคับแน่น ช่องทางรักของขวัญนภัสตอดรัดเขาอย่างรุนแรง นั่นยิ่งส่งให้ชายหนุ่มกระแทกเข้าแรงยิ่งขึ้นจนหญิงสาวครางลั่นห้องอีกครั้งเธอกระตุกถี่และหอบเหนื่อยจนตัวโยนคีรินทร์วางขาข้างหนึ่งของเธอลงบนพื้น ส่วนอีกข้างเอาพาดไว้ท่อนแขนของตน แล้วส่งตัวตนเข้าหาเธออย่างบ้าคลั่งก่อนจะ
ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่คีรินทร์ไม่สามารถติดต่อขวัญนภัสได้ เขาไปดักรอเธอที่หน้าบริษัทแต่ก็ไม่เจอ พอถามเพื่อนร่วมงานจึงรู้ว่าหญิงสาวแอบติดรถออกไปกับเพื่อนคนหนึ่งตอนนี้คีรินทร์ไม่รู้จะทำยังไงให้ขวัญนภัสยอมคุยกับตนเองเขาไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนเธอคนไหนเลยแม้กระทั่งเบอร์โทรของชุติมณฑ์เขาก็ไม่เคยขอไว้ชายหนุ่มได้แต่หวังเพียงว่าระหว่างนี้ขวัญนภัสจะรู้ใจตัวเองและติดต่อกลับมาหาเขาส่วนเรื่องที่มารดาอยากให้แต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งนั้นคีรินทร์ปฏิเสธไปอย่างเด็ดขาดและบอกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการอะไรแบบนั้นเลยเขาอยากมีชีวิตเรียบง่ายมีความสุขอยู่กับคนที่เขารักเขาออกไปทำงานตั้งแต่เช้าพอตกเย็นก็รีบกลับบ้านและหวังว่าเมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอคนรักอยู่ในบ้านแต่มันก็ไม่ใช่แบบนั้นคีรินทร์ทำความสะอาดบ้านจนสะอาดทุกซอกทุกมุม เขาทำหน้าที่แทนขวัญนภัสเพราะกลัวว่าถ้าหากเธอกลับมาแล้วเห็นบ้านสกปรกจะทำให้เธอต้องเหนื่อยไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่คิดถึงขวัญนภัสแต่แมวตัวอ้วนก็เหมือนจะเศร้าไปมากเมื่อไม่เจอกับเธอนานนับสัปดาห์“เจ้านุ่มนิ่มทำไมเฟิร์นเขาถึงใจร้ายกับเราจังเลยนะ เมื่อไหร่เธอจะยอมใจอ่อนกับฉันเสียที” คีริ
หมอคีรินทร์กลับมาถึงบ้านในเย็นวันจันทร์เขารู้สึกแปลกใจมากเมื่อเห็นรถยนต์ที่ไม่คุ้นตาจอดอยู่หน้าบ้านเมื่อชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปในบ้านก็ต้องตกใจเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในห้องรับแขก แต่พอเดินไปใกล้ๆ เขาก็คลายความสงสัยเพราะยังคงจำหน้ามารดาของตัวเองได้ แม้จะไม่ติดต่อกันมานานหลายปีก็ตาม“สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้ก่อนจะนั่งลงตรงข้าม“มาแล้วเหรอลูก” คุณสุวิมลยิ้มกว้างด้วยความดีใจเพราะเธอรอลูกชายมานานเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว“คุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง”“ก็นี่เป็นบ้านของลูกชายแม่ แล้วแม่จะเข้ามามันก็คงไม่แปลกเท่าไหร่”“คุณมีธุระอะไรกับผมเหรอ แล้วเฟิร์นไปไหน” เขาถามด้วยความแปลกใจเพราะปกติทุกครั้งที่กลับเข้ามาในบ้านขวัญนภัสจะต้องรอต้อนรับเขาพร้อมกับเจ้าแมวตัวอ้วน“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเธอไปไหน”“แล้วคุณเข้ามาที่นี่ได้ยังไง”“คีย์ ทำไมต้องเรียกแม่ห่างเหินแบบนั้นล่ะลูก ถึงเราจะไม่ได้ติดต่อกันแต่ความเป็นแม่เป็นลูกก็ยังเหมือนเดิมนะ”“ผมว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว คุณยังไม่บอกผมเลยว่าเข้ามาได้ยังไง” เขาถามย้ำด้วยสีหน้าไม่พอใจ“วันก่อนแม่บังเอิญผ่านมาแถวนี้เลยแวะเข้ามาหา ผู้หญิงคนนั้นก็เลยให้กุญแจบ้านแ
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นหลังจากนั้นไม่นานขวัญนภัสมองหน้าจอเมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามาคือคีรินทร์ก็รีบกดรับ“ว่าไงครับเฟิร์นออกจากบ้านหรือยังเดี๋ยวจะตกเครื่องเอานะ” คีรินทร์โทรมาเตือนคนรักและรอคอยที่จะเจอกับเธอในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า“หมอคีย์คะเฟิร์นขอโทษค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยเสียงที่สั่นเพราะตอนนี้ตัดสินใจได้แล้วว่าตนเองจะไม่ไปหาเขาที่เชียงใหม่“เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมน้ำเสียงฟังดูไม่ดีเลยหรือเครื่องมีปัญหา”“คือวันเสาร์ที่บริษัทมีงานด่วนค่ะหมอคีย์ เฟิร์นก็เลยไปหาหมอไม่ได้ขอโทษด้วยนะคะที่ผิดนัด”“งั้นให้ผมจะบินกลับคืนนี้เลยดีมั้ย”“แต่วันจันทร์หมอยังมีงานนี่คะ หมอคีย์อยู่ทำงานต่อนะคะ”“แต่ผมรู้สึกเป็นห่วงเฟิร์นยังไงก็ไม่ รู้น้ำเสียงของเฟิร์นฟังดูไม่ค่อยดีเลยนะ งานมีปัญหาหรือเปล่า”“ไม่หรอกค่ะ แค่มีงานด่วนเข้ามา เรื่องไปเจอแม่เอาไว้โอกาสหน้าเราค่อยไปหาท่านก็ได้นะคะ”“ไม่เป็นไร ยังเหลือเวลาอีกหลายเดือน เฟิร์นกินอะไรหรือยัง”“ยังเลยค่ะ เฟิร์นว่าจะทำข้าวผัดค่ะง่ายดีและไม่เสียเวลาด้วย”“สั่งเดลิเวอรี่ก็ได้นะ ถ้าไม่อยากทำจะได้ไม่เหนื่อยมาก”“เฟิร์นทำไหว หมอคีย์ก็อย่าลืมทานข้าวด้วยนะคะ”“ผมอย
หมอคีรินทร์เดินทางไปเชียงใหม่ได้สองวันแล้วส่วนขวัญนภัสก็เตรียมตั๋วเครื่องบินและจะเดินทางไปหาเขาในเที่ยวดึกของวันศุกร์ หลังจากเลิกงานเธอจึงรีบตรงกลับมาบ้านทันที แต่เมื่อมาถึงหน้าบ้านก็ต้องแปลกใจเมื่อมีรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน และเมื่อเธอกำลังจะเดินผ่านประตูรถก็เปิดออกมา“นี่ใช่บ้านหมอคีรินทร์ใช่ไหม” ผู้หญิงท่าทางภูมิฐานเปิดประตูออกมาแล้วถามกับขวัญนภัส“ใช่ค่ะ คุณน้ามีธุระอะไรกับหมอคีรินทร์หรือเปล่าคะ พอดีว่าตอนนี้หมอคีย์ไม่อยู่ที่บ้านค่ะ” ขวัญนภัสตอบอย่างสุภาพ เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครแต่ที่รู้คงไม่ใช่เพื่อนของหมอคีรินทร์อย่างแน่นอน“แล้วเธอเป็นอะไรกับลูกชายของฉัน”“ลูกชายของคุณน้าคือหมอคีรินทร์เหรอคะ”“ก็ใช่น่ะสิหมอคีรินทร์คือลูกชายของฉัน แล้วเธอล่ะเป็นใคร” ขวัญนภัสมองหน้าผู้หญิงคนนี้ด้วยแววตาสงสัย คิ้วสวยขมวดเข้าหากันเพราะหมอคีรินทร์บอกว่าไม่ได้ติดต่อกับมารดามานานแล้ว“สวัสดีค่ะ หนูชื่อเฟิร์นเป็นแฟนหมอคีรินทร์ค่ะ” ขวัญนภัสยกมือไหว้มารดาของคนรักอย่างอ่อนน้อม“แฟนเหรอ ถ้ายังงั้นก็ดีเลยฉันกำลังอยากจะคุยกับเธอพอดี ขอฉันเข้าไปข้างในได้ไหม”“ได้ค่ะคุณน้าเชิญค่ะ” ขวัญนภัสเปิดประต
คีรินทร์มองท่าทางของคนรักแล้วได้แต่ครางอยู่ในลำคอ หญิงสาวมองตาเขาอีกครั้งด้วยสายตาที่ยั่วยวนก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วก้มลงใช้ริมฝีปากสัมผัสส่วนปลายที่ปริ่มน้ำอย่างแผ่วเบา“ซี๊ดดด......เฟิร์น....”เมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่มขวัญนภัสก็มั่นใจมากขึ้นเธอใช้มือรูดท่อนเอ็นของเขาขึ้นลง ปลายลิ้นเล็กสัมผัสลากไล้ไปทั่วแท่งร้อน กดนวดรอยบุ๋มแล้วตวัดรอบรอยคอดหยักก่อนจะส่งเข้าไปในโพรงปากเล็กจนลึกสุดเท่าที่ตัวเองจะรับไหว“ดีมากเลยเฟิร์นของฉัน เธอเก่งมาก”เสียงเอ่ยชมทำให้หญิงสาวเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น จนชายหนุ่มเสียวซ่านไปทั่วกายแกร่งเขาเอามือมาประคองใบหน้าหวานของขวัญนภัสไว้แล้วยกสะโพกขึ้นสูงส่งแท่งร้อนเข้าออกโพรงปากรัวเร็วตามอารมณ์ดิบเถื่อนจนหญิงสาวแทบสำลัก ตอนนี้คีรินทร์กำลังคุมตัวเองไม่อยู่“ซี๊ด.....เฟิร์นจ๋า เสียวอะไรอย่างนี้ ดีมากมันดีมาก แต่พอก่อนนะผมยังไม่อยากแตกตอนนี้”คีรินทร์รีบดึงความเป็นชายออกจากโพรงปากนุ่ม แล้วรีบพลิกให้ขวัญนภัสนอนราบลงกับเตียง กางขาเธอออกแทรกตัวเข้าไปอยู่กึ่งกลางถูไถท่อนเอ็นร้อนไปบนกลีบกุหลาบและกดย้ำบนเกสรสวาท“อื้อ...หมอคีย์”“พร้อมนะเฟิร์นขอเข้าไปนะ”ชายหนุ่มกดจูบลงบ