น้ำฟ้ากลับมาที่ห้องของตัวเองในค่ายมวย วางของที่ซื้อมาแล้วเปิดกระป๋องเบียร์ หยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมาทำงานต่อ
เธอจมอยู่กับการออกแบบชุดกีฬา ปรับดีไซน์ เพิ่มรายละเอียด ลบแล้วแก้ใหม่ซ้ำไปซ้ำมา เบียร์กระป๋องแรกหมดไป จากนั้นก็กระป๋องที่สอง
เธอไม่ได้ตั้งใจจะดื่มเยอะ แต่ยิ่งดึก สมองเธอยิ่งแล่น ความคิดพุ่งพล่านจนไม่อยากหยุดทำงาน แม้ว่าเปลือกตาจะเริ่มหนักขึ้น
กระทั่งเสียงไก่ขันดังขึ้นแว่วๆ จากด้านนอก
น้ำฟ้าหยุดมือ เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา—หกโมงเช้า
เธอเบิกตากว้าง รู้ตัวว่าไม่ได้หลับเลยทั้งคืน
มือข้างหนึ่งยกขึ้นนวดขมับเล็กน้อย ก่อนจะพ่นลมหายใจ หันไปมองโต๊ะที่เต็มไปด้วยร่างแบบกับกระป๋องเบียร์ที่ว่างเปล่า
“ตายแล้ว...” เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้า หวังให้ความง่วงหายไปบ้าง
วันนี้เธอต้องลงไปค่าย เจอธาราและเด็กๆ …แค่หวังว่าเขาจะไม่จับได้ว่าเธออดนอนทั้งคืนก็พอ
น้ำฟ้าล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเป็นเสื้อยืดกับกางเกงสบายๆ แล้วพยายามทำตัวให้สดชื่นที่สุด แม้ในหัวจะเริ่มหนักอึ้งจากการอดนอนและแอลกอฮอล์เมื่อคืน
เธอลงมาที่ค่ายมวย เด็กๆ กำลังวอร์มร่างกาย บรรยากาศเช้าในค่ายเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย เสียงรองเท้ากระทบพื้น และเสียงนวมกระแทกกระสอบ
เธอกำลังจะเดินไปหามุมสงบๆ เพื่อจดบันทึก แต่แล้ว—
“เมื่อคืนไม่นอนเหรอ?”
เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นจากข้างหลัง
น้ำฟ้าสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปเจอธารายืนกอดอกมองเธออยู่ แววตาของเขาดูจับผิดเล็กน้อย
“ฉันนอนค่ะ” เธอตอบทันที แต่เสียงแหบเล็กน้อย ทำให้ธาราเลิกคิ้ว
“แน่ใจ?”
“ก็... นิดหน่อย” เธอหลบตา ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
ธารามองเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “มากินข้าวก่อนเถอะ เดี๋ยวเป็นลมไปจะยุ่ง”
น้ำฟ้าทำท่าจะปฏิเสธ แต่ท้องของเธอดันร้องขึ้นมาก่อน
ธาราหัวเราะเบาๆ “เห็นมั้ย ไปเถอะ”
สุดท้ายเธอก็ต้องเดินตามเขาไปที่โรงอาหารของค่ายอย่างเสียไม่ได้…
น้ำฟ้านั่งลงที่โต๊ะอาหารของค่าย ธาราตักข้าวใส่จานแล้วยื่นให้เธอ
“กินซะ เดี๋ยวจะไม่มีแรงทำงาน”
เธอรับจานมา แม้ว่าจะยังรู้สึกมึนๆ จากการอดนอน แต่กลิ่นอาหารร้อนๆ ก็ช่วยให้เธอเริ่มหิวขึ้นมา
ขณะที่เธอกำลังจะตักข้าว ธาราก็พูดขึ้นมาเหมือนนึกอะไรได้
“อ้อ แล้วก็...” เขาหันมามองเธอด้วยสายตานิ่งๆ “ของในตู้เย็นที่บ้านคุณ พวกอาหารแช่แข็ง ผมแจกเด็กๆ หมดแล้วนะ”
น้ำฟ้าชะงัก มือที่ถือช้อนค้างกลางอากาศ “หา?!”
“ผมบอกแล้วให้มากินที่โรงอาหาร ถ้ามาไม่ทัน แม่ครัวก็ทำใหม่ให้” เขาพูดเสียงเรียบ
น้ำฟ้ากะพริบตาปริบๆ ก่อนจะร้องออกมา “แล้วใครให้คุณยุ่งกับของในตู้เย็นฉันล่ะ?!”
ธาราไม่สะทกสะท้านกับเสียงโวยของเธอ “คุณกินแต่อาหารแช่แข็งแบบนั้นไม่ดีหรอก แถมยังไม่ค่อยมาโรงอาหารอีก”
“ฉันสะดวกแบบนี้” เธอเถียงกลับทันที “อีกอย่าง ฉันซื้อเองนะคะ!”
ธารายักไหล่ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมเลี้ยงข้าวคุณแทน”
“มันไม่เหมือนกัน!”
ธาราหัวเราะเบาๆ มองเธออย่างเอ็นดู “ก็ลองกินข้าวแบบนี้ทุกวันดูสิ แล้วคุณอาจจะติดใจก็ได้”
น้ำฟ้ามองเขาอย่างขุ่นๆ ก่อนจะถอนหายใจแรงๆ แล้วตักข้าวเข้าปากอย่างจำใจ.....น้ำฟ้านั่งมองจานข้าวตรงหน้าด้วยสีหน้าหนักใจ
ในจานมีข้าวกล้อง ไก่ต้ม ผักลวก แล้วก็น้ำซุปใส ทุกอย่างดูคลีนและเฮลตี้มาก... แต่สำหรับเธอที่ชอบกินของมันๆ เค็มๆ นี่มันทรมานสุดๆ
เธอตักไก่ต้มเข้าปากเคี้ยวช้าๆ ก่อนจะเบ้หน้าเล็กน้อย "จืดชะมัด..."
ธาราที่นั่งกินข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามเงยหน้ามองเธอแล้วยิ้มนิดๆ "อาหารนักกีฬาก็ต้องเน้นสุขภาพแบบนี้แหละ"
น้ำฟ้าวางช้อนลง ถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ฉันกินแบบนี้ทุกวันไม่ไหวแน่ๆ"
"ก็ดีกว่าอาหารแช่แข็งล่ะน่า" ธาราพูดเรียบๆ ก่อนจะตักข้าวกินต่อ
น้ำฟ้าทำหน้ามุ่ย มองซ้ายมองขวาหาอะไรที่พอจะทำให้รสชาติอาหารดีขึ้นได้ สุดท้ายเธอก็เห็นขวดน้ำปลาอยู่ไม่ไกล
เธอรีบเอื้อมมือไปหยิบ แต่ยังไม่ทันจะได้เทลงจาน ธาราก็พูดขึ้นมา
"อย่าคิดแม้แต่จะเติมน้ำปลา"
เธอชะงักแล้วหันไปมองเขาอย่างเหลือเชื่อ "คุณเป็นตำรวจโภชนาการรึไง?!"
ธาราหัวเราะเบาๆ "ก็ถ้าคุณอยากกินอาหารอร่อยกว่านี้ ก็มากินให้ทันตอนแม่ครัวทำใหม่ๆ ไง"
น้ำฟ้ากลอกตา ก่อนจะจำใจตักข้าวเข้าปากอีกคำ
ให้ตายเถอะ... อยู่ที่นี่สองเดือน ฉันจะรอดมั้ยเนี่ย?!
หลังจากมื้อเช้าที่ไม่ค่อยถูกปาก น้ำฟ้าก็กลับไปนั่งทำงานที่มุมหนึ่งของค่าย ส่วนธาราก็เดินตรวจความเรียบร้อยของเด็กๆ ที่กำลังฝึกซ้อม
ในขณะที่เขากำลังยืนดูเด็กคนหนึ่งซ้อมปล่อยหมัด โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น
"ว่าไง?" ธารารับสายโดยไม่ต้องดูชื่อ เพราะจำเสียงเรียกเข้าของเพื่อนได้ดี
"น้ำฟ้าเป็นไงบ้าง ปรับตัวได้รึยัง?" เสียงของภูวินดังมาจากปลายสาย
ธาราหันไปมองหญิงสาวที่นั่งขมวดคิ้วจ้องจอคอมพิวเตอร์ สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าเธอยังไม่ค่อยโอเคกับบรรยากาศของค่ายเท่าไหร่
เขายิ้มนิดๆ ก่อนตอบเสียงเรียบ "ก็... พอได้อยู่"
"แปลว่าไง?"
"ก็ยังมีบ่นนิดหน่อย โดยเฉพาะเรื่องอาหาร" ธาราหัวเราะเบาๆ "เธอไม่ชอบอาหารคลีนของนักกีฬา แต่ฉันก็ทำให้เธอกินจนได้"
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนภูวินจะหัวเราะ "ก็แน่ล่ะ น้ำฟ้าน่ะเป็นพวกกินของอร่อยไว้ก่อน ไม่แปลกที่จะบ่น"
"ฉันก็พอจะดูแลเธอได้น่า" ธาราตอบเสียงสบายๆ
"ก็ดี ฝากดูแลหน่อยละกัน อย่าให้เธอหนีกลับก่อนกำหนดล่ะ"
"อืม" ธาราพูดสั้นๆ ก่อนจะกดวางสาย
เขามองไปทางน้ำฟ้าอีกครั้ง หญิงสาวกำลังถอนหายใจแล้วบ่นพึมพำอะไรสักอย่างกับตัวเอง
สองเดือนที่ต้องอยู่ด้วยกัน... คงจะสนุกไม่น้อยเลยแฮะ
窗体顶端
窗体底端
หลังจากวางสายไปได้ไม่นาน โทรศัพท์ของธาราก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้พอเห็นชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอ เขาถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะกดรับ
“ว่าไง?”
เสียงของภูวินดังมาแทบจะทันที “ทำไมนายดูเป็นห่วงจังวะ?”
ธาราขมวดคิ้ว “หมายถึงอะไร?”
“ก็ตอนนี้แหละ น้ำเสียงนายดูใส่ใจผิดปกติ” ภูวินหัวเราะเบาๆ “หรือว่าสนใจน้ำฟ้าจริงๆ?”
“เลอะเทอะ” ธาราตอบเสียงเรียบ “ฉันแค่ทำตามที่นายขอ ฝากให้ดูแล ฉันก็ดูแล”
“แน่ใจ?”
“แน่”
ภูวินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม “ก็ดี เพราะกูไม่อยากให้น้ำฟ้าต้องลาออกเพราะมึง”
ธาราชะงักไปเล็กน้อย “พูดเหมือนฉันเป็นตัวปัญหา”
“ก็นิดหน่อย” ภูวินหัวเราะ “แต่น้ำฟ้าน่ะเป็นดีไซเนอร์ที่เก่งมาก ฉันไม่อยากเสียเธอไปเพราะนายทำให้เธออยู่ที่นั่นไม่ได้”
ธารายกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองเบาๆ “เธอไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอก”
“ก็ใช่ แต่เธอก็ไม่ใช่พวกที่อยู่กับชีวิตนักกีฬาได้ง่ายๆ เหมือนกัน”
ธาราหันไปมองน้ำฟ้าที่กำลังนั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์ด้วยสีหน้าหงุดหงิดเล็กๆ เหมือนกำลังพยายามทำความเข้าใจอะไรสักอย่าง
เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย “เดี๋ยวฉันก็ทำให้เธออยู่ได้เอง”
ภูวินหัวเราะ “เออ ก็ดี ถ้าเธออยู่ครบสองเดือนโดยไม่หนีกลับไปก่อน ถือว่านายสอบผ่าน”
“หึ ไว้คอยดู” ธาราพูดก่อนจะกดวางสาย
เขาเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วเดินตรงไปหาน้ำฟ้าที่กำลังพ่นลมหายใจแรงๆ กับหน้าจอ
“ติดปัญหาอะไรหรือไง?” เขาถามพลางยืนกอดอกมองเธอ
น้ำฟ้าสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองเขา “ชุดพวกนี้ ฉันออกแบบให้ดูสวย แต่พอเอามาคิดเรื่องการใช้งานจริง มันกลับไม่เวิร์ค”
ธารายิ้มมุมปาก “ก็ต้องเรียนรู้กันไป”
น้ำฟ้าทำหน้ายุ่ง “มันไม่ง่ายนะ!”
ธาราหัวเราะเบาๆ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ “ฉันก็ไม่ได้บอกว่าง่าย”
เธอเหล่มองเขา “จะช่วยฉันเหรอ?”
“ก็ไม่แน่” เขายักไหล่ “แต่อย่างน้อย ถ้าทำให้น้ำฟ้าของเพื่อนฉันไม่หนีกลับไปก่อนกำหนดได้ ฉันก็ถือว่าภารกิจสำเร็จ”
น้ำฟ้าขมวดคิ้ว “ฉันไม่หนีกลับหรอก!”
ธาราหัวเราะในลำคอ “เดี๋ยวก็รู้”
น้ำฟ้ากลับมาที่ห้องของตัวเองในค่ายมวย วางของที่ซื้อมาแล้วเปิดกระป๋องเบียร์ หยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมาทำงานต่อเธอจมอยู่กับการออกแบบชุดกีฬา ปรับดีไซน์ เพิ่มรายละเอียด ลบแล้วแก้ใหม่ซ้ำไปซ้ำมา เบียร์กระป๋องแรกหมดไป จากนั้นก็กระป๋องที่สองเธอไม่ได้ตั้งใจจะดื่มเยอะ แต่ยิ่งดึก สมองเธอยิ่งแล่น ความคิดพุ่งพล่านจนไม่อยากหยุดทำงาน แม้ว่าเปลือกตาจะเริ่มหนักขึ้นกระทั่งเสียงไก่ขันดังขึ้นแว่วๆ จากด้านนอกน้ำฟ้าหยุดมือ เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา—หกโมงเช้าเธอเบิกตากว้าง รู้ตัวว่าไม่ได้หลับเลยทั้งคืนมือข้างหนึ่งยกขึ้นนวดขมับเล็กน้อย ก่อนจะพ่นลมหายใจ หันไปมองโต๊ะที่เต็มไปด้วยร่างแบบกับกระป๋องเบียร์ที่ว่างเปล่า“ตายแล้ว...” เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้า หวังให้ความง่วงหายไปบ้างวันนี้เธอต้องลงไปค่าย เจอธาราและเด็กๆ …แค่หวังว่าเขาจะไม่จับได้ว่าเธออดนอนทั้งคืนก็พอน้ำฟ้าล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเป็นเสื้อยืดกับกางเกงสบายๆ แล้วพยายามทำตัวให้สดชื่นที่สุด แม้ในหัวจะเริ่มหนักอึ้งจากการอดนอนและแอลกอฮอล์เมื่อคืนเธอลงมาที่ค่ายมวย เด็กๆ กำลังวอร์มร่างกาย บรรยากาศเช้าในค่ายเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย เสียงรองเท้ากระทบพื้น
เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น น้ำฟ้าหันไปมองนาฬิกาแล้วขมวดคิ้ว "ใครมาเคาะประตูดึกขนาดนี้?"เธอเดินไปเปิดประตูทั้งที่ยังมีแผ่นมาสก์หน้าสีขาวแนบอยู่บนผิว พอประตูเปิดออก เธอเจอชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในเสื้อยืดสีเข้มกับกางเกงวอร์มยืนพิงกรอบประตู แขนสองข้างกอดอก สายตาคมกริบมองเธอแบบสำรวจน้ำฟ้ากะพริบตาปริบ ๆ "คุณ…?" น้ำฟ้าชะงักไปเล็กน้อย "อ้อ…คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?""งานเลี้ยงที่ค่าย ผมอยากให้คุณไปด้วย"น้ำฟ้าเลิกคิ้วสูง "หือ? ฉันเนี่ยนะ? ทำไมต้องไปด้วย?"ธารายกไหล่เล็กน้อย "แค่อยากให้ไป"น้ำฟ้าหัวเราะเบา ๆ "เหตุผลดูไม่มีน้ำหนักเลยนะคะ ฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับค่ายมวยของคุณสักหน่อย"ธารามองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนพูด " พวกเขาอยากรู้จัก""ให้ฉันไปแนะนำตัว?" น้ำฟ้าทำหน้าคิดหนัก "แต่ฉันไม่รู้จักใครเลยนะ แล้วอีกอย่าง…" เธอชี้ที่ใบหน้าตัวเอง "ฉันกำลังมาสก์หน้าอยู่ด้วย"ธารามองมาสก์หน้าของเธอเงียบ ๆ ก่อนจะพยักหน้า "แปลกดี""นี่คุณไม่เคยมาสก์หน้าหรือไง?""ไม่เคย" เขาตอบสั้น ๆน้ำฟ้ากลอกตา "คุณนี่จริง ๆ เลย…แต่ฉันว่าจะไม่ไปดีกว่า""ฐานะแขกก็ได้" ธาราพูดเสียงเรียบก่อนจะหันไปพิงกรอบประตูเหมือนไม่คิดจะไปไห
ธาราและน้ำฟ้าเดินกลับมาที่ห้องพักของเธอหลังจากที่สำรวจพื้นที่ทั้งหมด น้ำฟ้ายังคงรู้สึกประหม่ากับสถานที่ใหม่ แต่ก็พยายามบังคับตัวเองให้ดูสงบ"พรุ่งนี้ตี 4 พร้อมกันที่หน้าค่ายนะครับ ไปวิ่ง" ธาราพูดพร้อมกับมองน้ำฟ้าด้วยสายตาจริงจังน้ำฟ้าหันขวับไปมองเขาด้วยความตกใจ "อะไรนะคะ! ตี 4!? ไปวิ่งเหรอคะ?"ธาราไม่แสดงท่าทีว่าจะหยุดพูดไปง่ายๆ "ใช่ครับ ไปวิ่ง ฝึกซ้อมเบาๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด" เขาหันมาพูดอย่างเป็นธรรมชาติ "มันจะช่วยให้คุณปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่นี่ได้ดีขึ้น""ไม่เอาค่ะ!" น้ำฟ้าปฏิเสธทันที "ตี 4 มันยังมืดอยู่นะคะ แล้วจะให้ไปวิ่งอีกเหรอคะ!""ถ้าคุณต้องการเรียนรู้จากที่นี่ และเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในค่ายนี้ การวิ่งตอนเช้ามืดจะช่วยให้คุณเห็นความมุ่งมั่นของนักมวยที่นี่" เขาตอบกลับอย่างมั่นใจ "พวกเขามีวินัยสูงมาก"น้ำฟ้ากอดอกและทำหน้าบึ้ง "แต่ฉันไม่ใช่นักมวยนะคะ ฉันแค่ดีไซเนอร์ชุดกีฬา"ธาราหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้กับความขัดแย้งในตัวเธอ "เข้าใจครับ แต่ถ้าคุณอยู่ที่นี่ ก็ต้องลองสังเกตวิถีชีวิตของนักมวยบ้าง"น้ำฟ้าเงียบไปสักพัก ขบคิดในใจ "ก็ได้ค่ะ" เธอตัดสินใจใจแข็ง "พรุ่งนี้ตี 4 ฉัน
สองวันต่อมา น้ำฟ้ายืนกอดกระเป๋าเดินทางของตัวเองอยู่หน้าค่ายมวย พยัคฆ์ทอง ด้วยสีหน้าห่อเหี่ยวสุดขีด"ฉันไม่น่ารับงานนี้เลยให้ตายสิ!"เธอมองไปที่ตัวค่ายมวยขนาดใหญ่ที่มีเสียงตะโกนของโค้ช เสียงหมัดกระทบเป้า และเสียงเชือกกระโดดเป็นจังหวะ"ฉันกำลังจะต้องอยู่ที่นี่จริง ๆ เหรอเนี่ย…""คุณน้ำฟ้า?"เสียงทุ้มเรียบนุ่มดังขึ้นข้างหลัง ทำให้เธอสะดุ้งแล้วหันกลับไปมองแล้วเธอก็ต้องชะงัก…ชายหนุ่มร่างสูง ผิวสีแทน ดวงตาคมเข้มใต้คิ้วหนา มองเธอด้วยแววตานิ่งสงบแต่แฝงรอยยิ้มบาง ๆ ผมสีดำถูกเซ็ตเรียบง่าย เขาสวมเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงวอร์มลำลอง แต่ถึงแม้จะแต่งตัวธรรมดา กลิ่นอายของ "ผู้นำ" ก็ชัดเจนจนเธอรู้สึกได้"คุณธารา…?"น้ำฟ้ากะพริบตาปริบ ๆ"ครับ""เชิญเข้ามาข้างในก่อนครับ"เสียงทุ้มของ ธารา เจ้าของค่ายมวยดังขึ้นอย่างใจเย็น ขณะที่ น้ำฟ้า ยังยืนตัวแข็ง กอดกระเป๋าเดินทางแน่นพลางกวาดตามองไปรอบ ๆ ค่ายมวย พยัคฆ์ทอง ที่เต็มไปด้วยเสียงตะโกนของนักมวยที่กำลังฝึกซ้อม“ที่นี่…เสียงดังไปหน่อยนะคะ” เธอพึมพำเบา ๆ แล้วทำหน้าเหมือนอยากกลับบ้าน“เป็นเรื่องปกติครับ ที่นี่คือค่ายมวย” ธาราตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ แต่แฝงค
เสียงเอกสารถูกพลิกไปมาในห้องประชุมขนาดใหญ่ บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดัน พนักงานทุกคนกำลังตั้งใจฟังภูวิน เขาเป็นประธานบริษัท รวมถึงมีฐานะเป็นพี่ชายไม่แท้ของน้ำฟ้าด้วย ภูวินกำลังกล่าวถึงโครงการใหม่ของปีนี้"บริษัทของเรากำลังขยายตลาดไปสู่กลุ่มนักกีฬาเฉพาะทางมากขึ้น และหนึ่งในนั้นคือ ‘ชุดมวยไทย’"น้ำฟ้า ดีไซเนอร์สาวตัวเล็กที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ย่นคิ้วเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบท้าทายตัวเองหรอกนะ แต่… ชุดมวยไทย? แค่คิดถึงภาพเวทีมวย เหงื่อไคล และเสียงหมัดกระแทก เธอก็รู้สึกอยากเบือนหน้าหนีแล้วเธอเป็นนักออกแบบที่หลงใหลในแฟชั่น รักความสวยงามของเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ดูดี และอินเทรนด์ แต่ให้เธอมาดีไซน์อะไรที่ต้อง "สมบุกสมบัน" แบบนั้น… มันใช่เหรอ?"ผมจะให้คุณไปดูงานที่ค่ายมวย ‘พยัคฆ์ทอง’"น้ำฟ้าสะดุ้ง เงยหน้ามองประธานอย่างตกใจ"อะไรนะคะ?""คุณต้องไปศึกษารูปแบบการเคลื่อนไหวของนักมวย ดูว่าพวกเขาต้องการชุดแบบไหน และออกแบบให้เหมาะสม"น้ำฟ้าอ้าปากค้าง ไม่ใช่ว่าเธอจะปฏิเสธงานนะ แต่…"ฉันต้องไปดูนักมวยต่อยกันจริง ๆ เหรอคะ?"เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นจากปลายโต๊ะภูวินพยักหน้า "ใช่ และโชคดีที่เจ้าของค่ายมวยเป็นเพ
"เมื่อดีไซเนอร์สาวต้องมาศึกษางานที่ค่ายมวย แต่กลับถูกเจ้าของค่ายล็อกหัวใจไว้เต็มหมัด!""ฉันแค่มาออกแบบชุดกีฬา ไม่ได้จะมาต่อยกับใครนะ!""แต่ถ้าคุณอยากออกแบบให้ดี คุณต้องเข้าใจมันจริง ๆ ลองซ้อมดูหน่อยไหม?"น้ำฟ้า ดีไซเนอร์สาวสุดมั่น ที่รักแฟชั่นแต่ไม่รักเหงื่อ ต้องยอมทนร้อน ทนกล้าม (และทนใจตัวเอง) เพื่อศึกษาการออกแบบชุดมวยไทยในค่ายของ ธารา เจ้าของค่ายมวยสุดหล่อ ใจเย็น และอบอุ่นเธอคิดว่าแค่แวะมาดูงาน แล้วก็กลับไปออกแบบสวย ๆ ในห้องแอร์แต่ทำไมเขาถึงพยายามลากเธอไปเรียนรู้ "ของจริง" อยู่เรื่อยเลยนะ?เมื่อดีไซเนอร์ตัวเล็กต้องมาอยู่ท่ามกลางเวทีมวยสุดโหดแล้วจะรอดพ้นจากแรงหมัด... และแรงใจกระแทกได้หรือไม่!?เสียงหมัดกระแทกเป้าซ้อมดังเป็นจังหวะ ผู้ชายตัวโตเหงื่อท่วมร่างกำลังออกแรงซ้อมกันอย่างหนัก ท่ามกลางบรรยากาศที่ร้อนอบอ้าว และกลิ่นเหงื่อที่อบอวล"ที่นี่เหรอ... ค่ายมวยพยัคฆ์ทอง?"หญิงสาวร่างบางตัวเล็ก ก้มมองรองเท้าส้นสูงของตัวเองแล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้ บ้าจริง... เธอไม่น่าคิดว่าการมาดูงานที่นี่มันจะ "สบายๆ" เหมือนเดินแฟชั่นโชว์เลย!น้ำฟ้า ดีไซเนอร์ผู้หลงใหลในแฟชั่น ไม่ใช่คนที่ชอบกีฬา และแน่นอน