ธาราเดินผ่านสนามหญ้าหน้าบ้าน ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นน้ำฟ้านั่งยอง ๆ อยู่ข้างกะละมังใบใหญ่ มือเล็กกำลังขยี้เสื้อผ้าอย่างตั้งใจ ฟองสบู่ลอยฟูฟ่องเต็มมือ
เขาขมวดคิ้วก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ "ทำอะไร?"
น้ำฟ้าเงยหน้าขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง "ซักผ้า"
"เห็นแล้ว แล้วทำไมไม่ส่งห้องซักรีด?" เขาถามเสียงเรียบ
น้ำฟ้าหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันไปขยี้เสื้อผ้าต่อ "ก็แค่เสื้อผ้าไม่กี่ตัว ฉันทำเองได้ ไม่เห็นต้องวุ่นวายให้ใครทำให้เลย"
ธารายืนกอดอกมองเธอ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ "แล้วเธอคิดว่าค่ายมวยมีห้องซักรีดไว้ทำไม?"
น้ำฟ้าชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะไหวไหล่ "ก็รู้ แต่ฉันถนัดทำเองมากกว่า"
ธารามองเธอเงียบ ๆ สักพัก ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ แล้วคว้าเสื้อในกะละมังมาถือไว้ น้ำฟ้าตกใจรีบแย่งคืน
"เฮ้ นี่! นายจะทำอะไร?"
"ช่วยไง" เขาตอบสั้น ๆ แต่กลับลงมือขยี้เสื้อต่อหน้าตาเฉย
น้ำฟ้าถอนหายใจหนัก ๆ "นายเป็นเจ้าของค่ายนะ จะมานั่งซักผ้ากับฉันทำไม?"
"แล้วเธอเป็นดีไซเนอร์ ทำไมต้องมานั่งซักผ้าเอง?"
น้ำฟ้าหลุดหัวเราะออกมา "โอเค ๆ ฉันเถียงไม่ชนะเลยสินะ"
ธารายิ้มมุมปาก ก่อนจะมองเธอที่ยังอมยิ้มแล้วส่ายหัวเบา ๆ แม้จะบ่นแต่ก็ดูไม่จริงจัง เขาก้มหน้าขยี้ผ้าในมือช้า ๆ
"แค่เสื้อผ้าไม่กี่ตัวเอง เรื่องแค่นี้ฉันทำเองได้" น้ำฟ้าพึมพำกับตัวเอง
ธาราเหลือบมองเธอแล้วพยักหน้าเบา ๆ "งั้นก็ดี เรามาซักด้วยกัน"
น้ำฟ้าอ้าปากจะเถียง แต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยให้เขาทำไป ในใจแอบขำปนเอ็นดู คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าของค่ายมวยจะมานั่งซักผ้ากับเธอแบบนี้…
"นี่คุณ! จะวุ่นวายกับฉันทุกเรื่องหรือไง?" น้ำฟ้าวางเสื้อลงในกะละมัง ก่อนจะหันมาจ้องธาราที่นั่งข้าง ๆ ด้วยสายตากึ่งหงุดหงิด กึ่งขำ
ธารายกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "ใช่" เขาตอบหน้าตาย
น้ำฟ้าหรี่ตา "จริงจังไปไหมคุณ?"
ธาราไหวไหล่ ก่อนจะเอนตัวพิงกำแพง "ภูวินมันสั่งผมไว้"
"หืม?" น้ำฟ้าขมวดคิ้ว "สั่งอะไร?"
"ให้ดูแลคุณดี ๆ" เขาตอบเรียบ ๆ ก่อนจะหันไปขยี้เสื้อต่อ
น้ำฟ้ามองเขาอย่างไม่ไว้ใจ "ฉันดูแลตัวเองได้ ไม่เห็นต้องให้ใครสั่งเลย"
ธาราหัวเราะในลำคอ "งั้นเหรอ? แต่ถ้าผมไม่ดูแลดี ๆ เดี๋ยวคุณร้องไห้กลับบ้านไป ไอ้ภูวินเอาผมตายเลยนะ"
น้ำฟ้ากะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเข้าใจว่า ’ ที่เขาพูดถึงคือภูวิน ประธานบริษัทที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทของธาราและเจ้านายของเธอ รวมถึงพี่ชายไม่แท้ของเธอ
เธอถอนหายใจเฮือก "ให้ตายสิ... แค่ฉันซักผ้าเอง ทำไมต้องโยงไปถึงภูวินด้วยเนี่ย"
ธารายักไหล่ "ก็คุณดื้อเอง ผมไม่ไว้ใจ"
น้ำฟ้ามองหน้าเขา ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ "ฉันว่า... นายต่างหากที่วุ่นวาย"
ธารายิ้มมุมปาก ไม่ตอบอะไร แค่หยิบเสื้ออีกตัวขึ้นมาซักต่อหน้าตาเฉย
"คุณไปดูแลนักมวยเถอะ ฉันจัดการเองได้" น้ำฟ้าเงยหน้าขึ้นจากกะละมังซักผ้า มองธาราที่ยังนั่งข้าง ๆ ไม่ไปไหน
ธาราเหลือบตามองเธอ ก่อนจะตอบเรียบ ๆ "ไม่เป็นไร วันนี้คีนอยู่ ผมว่าง"
น้ำฟ้าถอนหายใจ "แต่นายเป็นเจ้าของค่ายนะ นายจะมานั่งซักผ้ากับฉันทำไม?"
"แล้วคุณเป็นดีไซเนอร์ จะมานั่งซักผ้าทำไม?" เขาย้อนกลับหน้าตาย
น้ำฟ้าหลุดหัวเราะ "โอเค ๆ ฉันเถียงไม่ชนะนายอีกแล้ว ยอกย้อนชะมัด"
ธารายิ้มมุมปาก ก่อนจะยื่นมือไปหยิบเสื้อจากกะละมัง น้ำฟ้าตีมือเขาเบา ๆ "นี่! ฉันทำเองได้ นายจะวุ่นวายกับฉันทุกเรื่องจริง ๆ ใช่ไหม?"
ธาราชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า "ใช่"
น้ำฟ้ากะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะส่ายหัวพลางหัวเราะ "ให้ตายสิ…" เธอพึมพำเบา ๆ แต่แก้มกลับขึ้นสีจาง ๆ อย่างห้ามไม่อยู่
น้ำฟ้านั่งพักหลังจากซักผ้าเสร็จ มองธาราที่ยังคงนั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างไม่รีบร้อน เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม
"เอ่อ...คุณ ช่วยเล่าหน่อยสิ คุณเปิดค่ายมวยได้ยังไง?"
ธาราเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ มองเธอสักพักก่อนจะวางมันลง "ทำไมจู่ ๆ ถึงอยากรู้?"
"ก็...แค่อยากรู้" น้ำฟ้ายักไหล่ "เห็นคุณดูจริงจังกับมันมาก ก็เลยสงสัยว่ามันเริ่มต้นมายังไง"
ธาราเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ สายตาทอดมองออกไปยังโรงฝึกมวยที่อยู่ไม่ไกล
"ตอนเด็ก ๆ ผมโตมากับพ่อที่เป็นนักมวยเก่า" เขาเริ่มเล่า "พ่อเคยมีความฝันว่าอยากเปิดค่ายมวยของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ทำจริงจัง เพราะตอนนั้นครอบครัวเราไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น"
น้ำฟ้าพยักหน้าช้า ๆ ตั้งใจฟัง
"พอพ่อเลิกชก ก็หันไปทำงานอื่นแทน ส่วนผม...ก็โตมากับสนามมวย รู้จักมันมาตลอด แต่ไม่ได้คิดว่าจะมาทำจริง ๆ จนกระทั่ง..." ธาราหยุดไปเล็กน้อย คล้ายกับคิดอะไรบางอย่าง
"จนกระทั่งอะไร?" น้ำฟ้าถามต่อ
"จนกระทั่งผมเจอเด็กคนหนึ่ง" ธารายิ้มจาง ๆ "ตอนนั้นผมเริ่มทำธุรกิจอื่นไปแล้ว แต่มีเด็กแถวบ้านคนหนึ่งที่อยากชกมวย เขามาหาผม ขอให้ช่วยสอน ผมเลยลองฝึกให้เล่น ๆ แต่สุดท้าย...มันก็ทำให้ผมนึกถึงความฝันของพ่อ ผมเลยตัดสินใจเปิดค่ายนี้ขึ้นมา"
น้ำฟ้าฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม "ฟังดูอบอุ่นดีนะ"
ธาราหัวเราะเบา ๆ "ก็คงงั้นมั้ง"
น้ำฟ้าพยักหน้า ก่อนจะหยิบผ้ามาเช็ดมือ เล่นมือถือต่อ "แล้วตอนนี้...คุณพอใจกับค่ายมวยของตัวเองหรือยัง?"
ธารามองไปยังโรงฝึกอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ "พอใจ แต่ก็อยากพัฒนาให้ดีกว่านี้"
น้ำฟ้ายิ้ม "ฉันว่าที่นี่ดีมากเลยนะ"
ธาราหันมามองเธอ ดวงตาคมมีประกายบางอย่างที่อ่อนลง "ขอบคุณนะ"
น้ำฟ้าไม่พูดอะไรต่อ แค่ยิ้มให้เขาเบา ๆ บรรยากาศระหว่างพวกเขาเงียบไปชั่วขณะ แต่กลับรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหลัง ทำให้น้ำฟ้าชะงัก หันไปมองธาราที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ สายตาของเขามีแววบางอย่างที่อ่านไม่ออก"พูดเรื่องอะไรคะ?" เธอถามกลับ รู้ดีว่าเขาน่าจะได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วธาราไม่ตอบ แต่กลับเดินเข้ามาใกล้จนเธอต้องเงยหน้าขึ้นมอง"เธอรู้ไหมว่าเด็กในค่ายเชียร์เธอกันขนาดไหน?" เขาพูดเสียงต่ำ จ้องเธอราวกับจะจับผิดน้ำฟ้ายักไหล่ "พวกเขาไม่ชอบโมนาของคุณไงคะ"ธาราหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาแตะปลายคางเธออย่างถือสิทธิ์ "แล้วเธอล่ะ?""อะไรคะ?""หงุดหงิดที่ผู้หญิงคนนั้นมายุ่งกับฉันเหรอ?"น้ำฟ้าชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าหนี "เปล่าค่ะ ฉันแค่รำคาญ"ธารายิ้มมุมปาก เขารู้จักผู้หญิงตรงหน้าดีกว่าที่เธอคิด"งั้นเหรอ?" เขาโน้มหน้าเข้าใกล้เธอมากขึ้น เสียงของเขาแผ่วต่ำจนน้ำฟ้ารู้สึกเหมือนมันสะกิดเข้าไปในหัวใจ"ไม่หึงเลย?"น้ำฟ้ากำมือแน่น พยายามคุมสีหน้าให้เป็นปกติ "คุณไม่ใช่ของฉัน ฉันไม่มีสิทธิ์หึงหรอกค่ะ"ธาราหัวเราะในลำคอ ก่อนจะกระซิบใกล้หูเธอ "งั้นคืนนี้ฉันจะทำให้เธอรู้เองว่าเธอมีสิทธิ์แค่ไหน"หัวใจของน้ำฟ้าเต้นกระหน่ำทันที แต่เธอก็ยังคงเชิดหน้าไม่ยอมแพ้"มั่นใจเกินไปแล้วค่ะ""ลองด
ธารายืนมองเธอที่กอดอกแน่น สายตาแข็งกร้าวราวกับปิดกั้นทุกความรู้สึกที่เขาพยายามค้นหา"สองวันนี้เป็นวันหยุดของฉัน ฉันแค่กลับมาจัดการธุระ งานฉันยังไม่เสร็จ อีกอย่าง..." น้ำฟ้าสูดหายใจเข้า ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "คุณยังไม่ตกลงเรื่องชุดที่ฉันเสนอ"ธารายังคงนิ่ง จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอที่ดูจะตั้งใจพูดให้ชัดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่มีผลอะไรกับงาน"เรื่องแค่นี้ ฉันไม่เอามาทำให้เสียงานหรอกนะ"คำพูดนั้นทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างประหลาดเธอคิดว่าเรื่องระหว่างพวกเขาเป็นแค่ "เรื่องเล็กๆ" งั้นเหรอ?ธาราหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ขึ้น น้ำฟ้าถอยหลังไปเพียงก้าวเดียว ก่อนจะหยุด ราวกับไม่อยากแสดงให้เห็นว่าเธอหวั่นไหว"งั้นเหรอ?" เขาถามเสียงต่ำ ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปใกล้เธอ"ใช่ค่ะ" น้ำฟ้ายืนยัน ดวงตาไหววูบไปวินาทีหนึ่ง แต่เธอยังคงเชิดหน้าขึ้นธาราเลื่อนมือไปแตะปลายคางเธอเบาๆ สัมผัสนั้นทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนี"ถ้างั้น..." เขาหรี่ตาลง "ฉันควรถือว่าเธอไม่ได้หนีฉันใช่ไหม?"น้ำฟ้ากำมือแน่น ก่อนจะตวัดสายตามองเขา "ฉันไม่ได้หนี ฉันแค่กลับมาอยู่ในที่ของฉัน"ธารายิ้มมุ
น้ำฟ้ายืนนิ่งอยู่หน้าประตู มือที่ถือแฟ้มเริ่มกำแน่นขึ้น เธอไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไร—หรือจริงๆ แล้วเธอรู้… แต่เธอแค่ไม่อยากยอมรับมันธาราไม่ได้ดึงมือกลับ ไม่ได้ผละออกจากโมนาทันที นั่นอาจเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจของเธอกระตุกแรงที่สุดเธอสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะก้าวเข้าไปวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะเบาๆ"นี่ค่ะ ตัวอย่างงาน ฉันเอามาให้คุณตรวจสอบ" น้ำเสียงของเธอราบเรียบจนน่าตกใจธาราหันขวับมาทันทีเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าเธออยู่ที่นี่ ดวงตาของเขามีแววผิดแปลกไปเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร น้ำฟ้าก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน"ถ้ายังไงฉันขอตัวก่อนนะคะ"เธอไม่แม้แต่จะรอให้เขาตอบกลับ เดินออกไปโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย…เพราะเธอกลัวว่าถ้ามอง เธออาจจะไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้อีกต่อไปน้ำฟ้าขับรถ กลับไปคอนโดเธอช่วงดึกคืนนั้น โดยเอารถที่เขาให้เธอไว้ใช้ไป แค่ไปสงบสติตัวเอง ระยะทางเกือบเจ็ดสิบกิโล (บนถนน – เวลาห้าทุ่มกว่า)เสียงเครื่องยนต์ดังแผ่วเบา ขับเคลื่อนไปตามถนนที่ทอดยาวไร้รถสวน น้ำฟ้านั่งหลังพวงมาลัย สายตาจดจ่ออยู่กับเส้นทางข้างหน้า แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยภาพเหตุกา
ปลายนิ้วร้อนลากไล้ผ่านแนวกรอบหน้าลงมายังลำคอ น้ำฟ้าสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสัมผัสแผ่วเบานั้นไล่ต่ำลงไปถึงแผ่นหลังเปลือยที่โชว์ผ่านลูกไม้บางบอดี้สูทสีดำที่เธอใส่ เป็นเหมือนคำท้าทายสำหรับเขาน้ำฟ้าเม้มปาก พยายามเก็บเสียงหายใจที่เริ่มติดขัด“คุณ... เดี๋ยว...”แต่ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้ ริมฝีปากร้อนแตะลงที่ซอกคอ ไล้ไปตามผิวเนียนที่เขาอดใจไม่แตะต้องมาทั้งคืนน้ำฟ้าหลับตาแน่น ฝ่ามืออุ่นสอดเข้าที่ช่วงเอว ลูบไล้ผ่านเนื้อผ้า ราวกับต้องการให้แน่ใจว่าสิ่งที่อยู่ใต้ชุดนั้นจะเป็นของเขาเพียงคนเดียวเธอรู้ดีว่าเขากำลังพยายามอดทน แต่สัมผัสที่ร้อนจัดและลมหายใจที่แผ่วกระทบผิวบอกชัดว่า... ความอดทนนั้นคงเหลือไม่มากแล้วค่ำคืนนี้... คงไม่มีใครได้นอนง่าย ๆ แสงแดดยามบ่ายส่องลงมาเต็มที่ อากาศร้อนอบอ้าวจนทำให้พื้นปูนหน้าค่ายมวยแผ่ไอร้อน แต่สิ่งที่ร้อนยิ่งกว่านั้นคือสายตาของทุกคนที่จ้องมองไปยังประตูบ้านพักของธาราเมื่อคืนนี้ไม่มีใครเห็นน้ำฟ้ากลับเข้าห้องของตัวเอง และจนถึงตอนนี้... บ่ายแล้ว คนทั้งค่ายก็ยังไม่เห็นเธอออกมาจนกระทั่งเสียงประตูเปิดออกทุกสายตาหันขวับไปทางเดียวกันน้ำฟ้าเดินนำออกมาก
หลังจากคืนนั้น ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ น้ำฟ้ายังคงทำหน้าที่ของเธอ ศึกษาการออกแบบชุดกีฬาตามที่ได้รับมอบหมายจากภูวิน ส่วนธาราก็ยังคงเป็นเจ้าของค่ายมวยที่จริงจังกับงานของตัวเองไม่มีใครพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ไม่มีคำว่ารัก ไม่มีคำสัญญา ทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบงันที่ทั้งสองต่างก็ยินยอมรับมันโดยไม่ต้องเอ่ยปากแต่กระนั้น… ก็ไม่เคยมีครั้งเดียวทุกครั้งที่สายตาสบกัน ทุกครั้งที่มือสัมผัสกันโดยบังเอิญ มีบางอย่างซ่อนอยู่ภายใต้ความเงียบงันนั้น บางครั้งระหว่างที่น้ำฟ้ายืนร่างแบบเงียบๆ ธาราก็จะเดินเข้ามาใกล้ มองเธอด้วยสายตาที่เธอรู้ดีว่าหมายถึงอะไรบางคืน หลังจากที่ทั้งสองต่างแยกย้ายกันไปทำงานมาทั้งวัน น้ำฟ้าก็จะพบว่าตัวเองถูกตรึงอยู่กับผนังห้อง ซุกอยู่ในอ้อมแขนของธารา ลมหายใจร้อนกระซิบอยู่ข้างใบหู ริมฝีปากคุ้นเคยแนบลงมาโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความและเมื่อความต้องการถูกเติมเต็ม เขาก็จะถอยออกไปอย่างเงียบๆไม่มีการถามหาความหมาย ไม่มีข้อผูกมัด มีเพียงแรงดึงดูดที่รุนแรงเกินกว่าที่ทั้งคู่จะต้านทานได้กลางวันพวกเขาคือคนรู้จักที่ร่วมงานกัน กลางคืนพวกเขาคือสิ่งที่ไม่มีชื่อเรียก...น้ำฟ้ารู้ด
ธารากำหมัดแน่นแนบข้างตัว พยายามสะกดอารมณ์ที่เริ่มปั่นป่วนเพราะท่าทีของเธอ หญิงสาวไม่ได้รู้ตัวเลยว่าการยืนอยู่ตรงหน้าเขาในชุดนี้ ทำให้เขารู้สึกอยากฉีกทึ้งการควบคุมตัวเองแค่ไหน"กลับขึ้นไปเปลี่ยนชุดซะ" เขาสั่งเสียงแข็ง พยายามทำให้ตัวเองดูดุเข้าไว้แต่แทนที่น้ำฟ้าจะเชื่อฟัง เธอกลับหัวเราะเบาๆ พลางเอนตัวพิงตู้เย็น "ฉันใส่ชุดนอนของฉันในที่ของฉัน ฉันไม่เห็นว่ามันจะผิดตรงไหน"ธาราขบกรามแน่น จ้องเธออย่างไม่พอใจ "มันผิดตรงที่เธอทำให้ฉันอดใจไม่ไหว"คำพูดนั้นทำให้น้ำฟ้าชะงัก หัวใจเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดตรงขนาดนี้ ดวงตาคู่นั้นของเขามีบางอย่างที่ทำให้เธอต้องเม้มปากแน่น สับสนไปชั่วขณะบรรยากาศรอบตัวเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่เริ่มไม่เป็นจังหวะ...มีเพียงเสียงลมหายใจและเสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่เบาๆ ธารายืนจ้องน้ำฟ้า ดวงตาคมเข้มของเขามืดลงด้วยอารมณ์บางอย่างที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ห้ามไม่อยู่ร่างของเธออยู่ตรงหน้า ชุดนอนบางเบานั้นแทบจะไม่ได้ช่วยปิดบังอะไรเลย ยิ่งแสงไฟสลัวสะท้อนผิวเนียนละเอียดของเธอ เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังทดสอบความอดทนของตัวเอง"กลับขึ้นไปเปลี่