เข้าสู่ระบบศาลต้าหลี่
ภายในห้องทำงานของผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ บุรุษวัยกลางคนใบหน้าดุดันนั่งพูดคุยกับบุรุษใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่น บุรุษผู้นี้โครงหน้าสมส่วน ดวงตาหงส์ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากอวบอิ่ม ผิวขาวเนียนดุจหยกตัดกับอาภรณ์สีดำราวกับน้ำหมึก
พวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นบนเขาเทพประทาน
“อวิ๋นอวี้ กลางวันนี้ฝ่าบาทมีรับสั่งให้พวกเราจัดการเรื่องของเขาเทพประทานให้เรียบร้อยภายในหนึ่งเดือน ตอนนี้ไห่เฉียงก็ไปสืบคดีที่ซีโจว หน้าที่นี้คงต้องมอบให้เจ้าจัดการแล้วล่ะ”
เฉินเล่อจิ้นผู้บัญชาการศาลต้าหลี่พูดกับจางอวิ๋นอวี้ที่มีศักดิ์เป็นหลานชายและเป็นลูกน้องภายใต้บังคับบัญชา
“ท่านลุงโปรดวางใจ เรื่องนี้ข้าจะรีบจัดการให้เรียบร้อย รับรองว่าไม่ถึงหนึ่งเดือนต้องปิดคดีนี้ได้แน่นอน”
จางอวิ๋นอวี้ตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เขาเป็นรองผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นโจรศัตรูต่างแคว้น กระทั่งภูตผีปีศาจ
“เจ้าต้องรักษาตัวให้ดีล่ะ เรื่องนี้ค่อนข้างเหนือธรรมชาติ จัดการยากกว่าคดีทั่วไป” บุรุษวัยกลางคนเตือนด้วยความเป็นห่วง
“ท่านลุง ก็แค่ผีสตรีเท่านั้น สำหรับข้าศัตรูต่างแคว้นอันตรายกว่าเยอะ” จางอวิ๋นอวี้พูดพลางหัวเราะ “ไม่แน่ นางอาจจะหลงข้าหัวปักหัวปำก็ได้”
“เฮ้อ อย่างไรเสียก็ต้องรักษาตัวเองให้ดี มิเช่นนั้นแม่เจ้าคงมาโวยวายใส่ข้าจนหูชา”
“เข้าใจแล้วๆ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะขอรับ” จางอวิ๋นอวี้รีบตัดบท ร่างสูงใหญ่ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกนอกห้องอย่างรวดเร็ว
....................
เมืองไผ่สวรรค์
ที่ว่าการเมืองไผ่สวรรค์
จางอวิ๋นอวี้นำเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่ที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชามาด้วยกันสิบนาย พวกเขาวางแผนทำงานก่อนที่จะขึ้นเขาเทพประทาน
“ใต้เท้า งานนี้น่าสนใจยิ่งนัก ข้าขออาสาจัดการปีศาจสาวตนนี้เอง” เมิ่งหลู่ บุรุษรูปร่างกำยำ นิสัยมุทะลุดุดันเอ่ยเสียงดัง
“ไม่ได้ ด้วยนิสัยอย่างเจ้าควรออกปฏิบัติการพร้อมกับข้า” จางอวิ๋นอวี้ส่ายหน้าปฏิเสธ เขารู้นิสัยใจคอลูกน้องคนนี้ดี ขืนให้เข้าไปคนแรก แผนการล้มเหลวแน่นอน
“เช่นนั้นข้าขออาสา ได้หรือไม่” เกาถง บุรุษใบหน้าหวานละมุน ลักษณะท่าทางคล้ายกับบุรุษที่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่มพูดขึ้น ดวงตาเหลือบมองจางอวิ๋นอวี้อย่างกล้าๆ กลัวๆ
จางอวิ๋นอวี้จ้องตาเกาถง บุรุษผู้นี้เพิ่งเข้ามาทำงานในศาลต้าหลี่ได้ไม่นานนัก คงอยากมีผลงานเพื่อที่จะได้ขึ้นตำแหน่งและค่าตอบแทนเร็วๆ
เขาถอนหายใจเล็กน้อย “ก็ได้ หน้าที่เข้าไปหลอกล่อให้ผีสาวตนนั้นปรากฏกายมอบให้เกาถง พวกเราจะตามหลังเจ้าอย่างใกล้ชิด อืม หากพบอันตรายให้หลบหนี ต้องเอาชีวิตรอดให้ได้ เข้าใจหรือไม่” จางอวิ๋นอวี้กำชับเกาถงน้ำเสียงจริงจัง
“ขอรับ ข้าจะไม่ทำให้ใต้เท้าผิดหวัง” เกาถงพยักหน้าพลางตอบสีหน้ามุ่งมั่น
เมื่อวางแผนการทุกขั้นตอนพร้อมมอบหน้าที่ให้กับทุกคนแล้ว จางอวิ๋นอวี้ก็ให้แต่ละคนแยกย้ายไปพักผ่อน เพื่อเตรียมพร้อมจะดำเนินการในค่ำคืนนี้
....................
ตะวันลับขอบฟ้า เวลาล่วงสู่ยามราตรีอันมืดมิด
เกาถงเปลี่ยนเสื้อผ้า รูปร่างที่สูงโปร่งสวมชุดบัณฑิต โดยรวมแล้วดูคล้ายบัณฑิตที่รู้แต่เรื่องราวในตำรา ทว่าไร้เดียงสาในการดำเนินชีวิต
ซึ่งก็คล้ายกับตัวตนที่แท้จริงของเขา
เตรียมตัวเตรียมใจเรียบร้อยแล้ว เกาถงก็ถือโคมไฟขึ้นเขาเทพประทานคนเดียว มีจางอวิ๋นอวี้นำลูกน้องคนอื่นตามหลังอยู่ห่าง ๆ
“หืม มีคนขึ้นเขาหรือ”
ตู้ชิงชิงที่นั่งเล่นริมบึงในป่าไผ่หันหน้ามองไปทางเดินขึ้นเขา นางสังเกตได้สักพักก็พบว่า ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งตามหลังชายหนุ่มคนนั้นไม่ไกล
“เหอะ จะมาจับข้าหรือ ฝันไปเถอะ” ตู้ชิงชิงลุกขึ้น ร่างบางหันหลังหมายจะหลบเร้นกลุ่มคนเหล่านี้
การเคลื่อนไหวของนางทำให้เกาถงสังเกตเห็นได้อย่างรวดเร็ว เขาตระหนักได้ว่าสตรีที่เงาร่างลางเลือนนั้นกำลังจะจากไป จึงร้อนรนหมายจะติดตามนางให้ทัน
บุรุษส่งสัญญาณลับไม่ให้พวกจางอวิ๋นอวี้ตามมา เขารีบเดินอย่างรวดเร็วจนเกือบจะวิ่งไปยังทิศทางที่เห็นตู้ชิงชิง
รู้สึกตัวอีกที เขาก็เหมือนอยู่ในอีกโลกหนึ่ง บรรยากาศโดยรอบวังเวง ทำให้รู้สึกหนาวยะเยือกทั่วทั้งร่าง
“พี่ชาย ท่านหนาวหรือ” เสียงใสดุจกระดิ่งยามต้องลมดังขึ้นข้างหลังของเขา
ยังไม่ทันที่เกาถงจะหันกายกลับมามอง ก็รู้สึกว่าแผ่นหลังของเขาสัมผัสกับเนื้อนุ่ม แขนเรียวเล็กโอบกอดเขาทางด้านหลัง ทำให้ร่างอวบอัดแนบชิดจนชายหนุ่มหายใจติดขัด
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับสตรี แม้ว่าสตรีนางนี้จะไม่ใช่คนก็ตาม
“ปะ ปล่อยข้า แม่นางไม่ควรทำเช่นนี้” เขาพูดออกมา แต่ยืนตัวแข็งไม่มีท่าทีขัดขืน
ตู้ชิงชิงประหลาดใจเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่นางใกล้ชิดบุรุษมากขนาดนี้ ส่วนใหญ่แล้วนางแค่ใช้จริตมารยาหลอกล่อ ไม่มีการถึงเนื้อถึงตัว นอกจากครั้งนี้
เพราะว่าบุรุษผู้นี้ดูไร้เดียงสา น่าสนใจดีกระมัง
นางที่อยู่ตัวคนเดียวมานานจึงเปลี่ยนใจ จากเดิมที่จะเดินหนี จึงเปลี่ยนเป็นเข้าหาเกาถง อยากให้มาอยู่เป็นเพื่อนพูดคุยแก้เหงา
“พี่ชาย ถ้าท่านไม่ดื้อดึงดัน ข้าจะไว้ชีวิตท่าน แต่หากท่านคิดจะทำร้ายข้าหรือจากไปแล้วล่ะก็ ท่านก็มอบชีวิตมาให้ข้าเสียเถอะ” ตู้ชิงชิงพูดเสียงหวาน ทว่าออกแนวข่มขู่ชัดเจน
เกาถงพลิกกายหันมองหน้าตู้ชิงชิงโดยที่นางไม่ทันตั้งตัว เมื่อเห็นใบหน้าที่งดงามล่มเมือง รวมถึงก้อนเนื้อนูนสองก้อนนุ่มๆ ที่แม้มีเสื้อผ้าปกปิดไว้แต่ก็ยังพอเห็นเนินเนื้อที่ขาวเนียนสะกดสายตา
เห็นดังนั้นเขากลืนน้ำลายโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ลืมสิ่งที่ตนเองต้องทำอย่างสิ้นเชิง
ป่าไผ่สวรรค์ เขาเทพประทานหย่วนเฉินพาเชวี่ยชิงเอ๋อร์มายังอีกมิติที่อยู่อีกฝั่งของสระน้ำในป่าไผ่ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เขาและเชวี่ยชิงเอ๋อร์ร่วมรักกันครั้งแรกเมื่อคนหนึ่งลงมาจุติบนโลกมนุษย์ ส่วนอีกคนเป็นผีสาวที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิดเชวี่ยชิงเอ๋อร์ถึงจะมาเป็นครั้งแรก แต่นางก็เคยเห็นสถานที่นี้และเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นผ่านความทรงจำของจางอวิ๋นอวี้ช่างน่าอายยิ่งนัก“ท่านพาข้ามาที่นี่ทำไมหรือ” นางถามพลางหลบสายตาหวานเยิ้มของบุรุษ“ทบทวนความทรงจำ” หยวนเฉินอมยิ้มกรุ้มกริ่ม เขาสะบัดแขนเสื้อครั้งแรกก็ปรากฎเตียงนอนหลังใหญ่ขึ้นด้านข้าง สะบัดแขนเสื้อครั้งที่สอง บนท้องฟ้าสว่างไสวด้วยแสงของดวงดารานับแสนนับล้านดวงสะบัดแขนเสื้อครั้งที่สาม เสื้อผ้าบนร่างกายของเขากับเชวี่ยชิงเอ๋อร์ก็หายไปทันที“เรามารื้อฟื้นความทรงจำกันเถอะ” หย่วนเฉินเอ่ยเสียงหวาน ฝ่ามือหนาประคองร่างอรชรขึ้นนอนบนเตียงอย่างทะนุถนอม“ตะ แต่ว่าข้ากลัว” “เจ้าชอบบอกว่าข้าเฒ่า เจ้ามองข้าสิ ทุกส่วนยังดูหนุ่มและแข็งแรง ที่เฒ่าคือมากประสบการณ์ต่างหาก” เขาพูดพร้อมกับยกฝ่ามือลูบไล้ไปทุกส่วนของร่างกายหญิงสาว เมื่อถึงภูเขาสองลูกและเนินเนื้อที่มีไรข
“ไม่นะ ข้าจะไปหาประมุขเผ่ากระทิง” หนิวอันนั่วพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากการจับกุม “เปิ่นหวางนี่แหละที่จะเป็นประมุขเผ่ากระทิงตนถัดไป” อ๋องเจี้ยนยกยิ้มมุมปาก หนิวอันนั่วได้ยินดังนั้นก็มีท่าทีอ่อนลง นางเคยได้ยินมาว่าปีศาจกระทิงตนนี้มีพละกำลังมหาศาลทั้งยังมีบริวารพอๆ กับประมุขเผ่ากระทิงตนปัจจุบัน คิดทบทวนไปมาก็ยอมขึ้นรถโดยไม่ขัดขืน …….จวนอ๋องเจี้ยน ปีศาจกระทิง หนิวอันนั่วเดินตามหลังขบวนของอ๋องเจี้ยนเข้าจวน สายตาของนางสอดส่องไปทั่ว เห็นปีศาจสตรีโฉมงามหลายเผ่าเดินอ้อนแอ้นออกมาต้อนรับจำนวนมาก ‘เจ้าชู้จริงด้วย ไม่เหมือนเทพหย่วนเฉินของข้าสักนิด’ หนิวอันนั่วคิดในใจพลางเบ้ปากกลอกตาไปมา “พาสตรีด้านหลังเปิ่นหวางไปอาบน้ำแต่งตัวดีๆ เห็นนางใส่เสื้อผ้าเนื้อหยาบช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก” อ๋องเจี้ยนสั่งบรรดาสตรีที่กรูเข้ามาต้อนรับตน“เจ้าค่ะท่านอ๋อง” เจี่ยวซี สตรีที่ยืนอยู่หน้าสุดรับคำ นางยกมือเรียวขึ้นโบกเล็กน้อย เหล่าสาวใช้ก็ดึงแขนของหนิวอันนั่วไปยังเรือนด้านหลัง …….หลังจากอาบน้ำจนผิวพรรณสะอาดผุดผ่อง หนิวอันนั่วก็สวมอาภรณ์เนื้อผ้าชั้นดี จากนั้นนางจึงตัดสินใจไปหาอ๋องเจี้ยนเพื่อพูดคุยธุระของตนเมื่อถ
“ท่านปล่อยข้านะ ฮือๆ ข้ายังอายุน้อย ไม่อยากมีสามีแก่แบบท่าน ฮือ” เชวี่ยชิงเอ๋อร์ร้องไห้ฟูมฟายร้องขอความเห็นใจตอนนี้ร่างกายเปลือยเปล่าของนางกำลังถูกหย่วนเฉินสำรวจอย่างเอาแต่ใจเมื่อบุรุษหยอกล้อเต้าอวบทั้งสองและกลีบเนื้อนุ่มด้านล่างจนอิ่มหนำแล้ว เขาก็ปล่อยให้นางนอนในอ้อมกอดของตน“รอเราแต่งงานกันก่อน ข้าถึงจะรังแกเจ้ามากกว่านี้” หย่วนเฉินพูดพร้อมกับก้มหน้าจุมพิตหน้าผากหญิงสาวอย่างอ่อนโยน“ท่านไม่ได้ฟังข้าพูดเลยหรือ ข้าบอกแล้วว่าจะไม่แต่งกับท่าน” เชวี่ยชิงเอ๋อร์นอนตะแคงหันตัวหนี“ข้าไม่ดีตรงไหนหรือ ข้าเป็นเทพ สามารถให้เจ้าได้ทุกอย่าง” หย่วนเฉินยกแขนพาดร่างบางกอดนางแน่นเชวี่ยชิงเอ๋อร์เงียบ คิ้วโก่งขมวดคิ้วสายตาครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนตอบ“แก่” สตรีตอบสั้นๆ จะบอกว่าขี้เหร่ก็ไม่ใช่ เพราะหย่วนเฉินนับว่ารูปงามยากที่จะหาคนเปรียบ จะบอกว่าไม่มีความสามารถก็ไม่ได้ แค่เขาสะบัดแขนเสื้อเบาๆ เพียงครั้งเดียวก็ล้มหุ่นไม้ได้หลายสิบตัวมีเพียงเหตุผลนี้ที่เข้าท่าที่สุด“เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ว่ายิ่งแก่ยิ่งมีประสบการณ์” หย่วนเฉินที่อยู่ในท่ากอดเชวี่ยชิงเอ๋อร์ทางด้านหลังยกบริเวณช่วงตัวขึ้นสูงเล็กน้อยเพื่อกระซิบข
วันถัดมาลานจัดงานเลือกคู่ดูตัว เชวี่ยหงหลันและเชวี่ยหงอี้เดินนำเชวี่ยชิงเอ๋อร์ขึ้นบนศาลาข้างลานคัดเลือก เมื่อพวกเขาทั้งสามคนเดินบนศาลา ทุกสายตาก็หันมองเป็นตาเดียว เกิดเสียงเงียบขึ้นทั่วบริเวณ จากนั้นไม่นานจึงเปลี่ยนเป็นเสียงซุบซิบรอบลาน“นั่นเทพธิดาเผ่าวิหคอัคคีใช่หรือไม่ งดงามตามคำล่ำลือ มิน่าล่ะที่เทพบุตรเผ่าวิหคเร้นกับวิหคสายฟ้าต่างแข่งขันกันมัดใจนาง”“เทพบุตรเผ่าวิหคสายฟ้าของข้าสง่างามยิ่งนัก เป็นที่หลงใหลของสตรีทั่วทั้งแคว้น หากเทพธิดาเผ่าวิหคอัคคีเล่นตัว นางก็ไม่คู่ควร”“นางอาจจะชอบผู้ชายบ้านๆ แบบข้าก็เป็นได้ เทพบุตรเผ่าวิหคอัคคีล้วนรูปงาม นางคงมองคนหล่อจนเบื่อแล้ว”…“ชิงเอ๋อร์ เจ้ามาแล้ว” ท่ามกลางเสียงพูดคุยก็มีเสียงดังขึ้น เป็นเสียงของเหลยเว่ยซิง เทพบุตรเผ่าวิหคสายฟ้า“ชิงเอ๋อร์ ท่านพี่ทั้งสอง เชิญพวกท่านนั่งลงตรงนี้ได้เลย” อ้าวอวี๋เซิง เทพบุตรเผ่าวิหคเร้นลุกขึ้นพร้อมผายมือเชิญพวกเชวี่ยชิงเอ๋อร์ดั่งคนกันเองเชวี่ยชิงเอ๋อร์พยักหน้ายิ้มรับน้อยๆ ทว่ากลับเดินเลยไปนั่งตรงอื่น“ตามสบายกันนะ พวกข้ามาร่วมงานเพื่อชมความครื้นเครงเท่านั้น” เชวี่ยหงหลันโบกมือให้บุรุษทั้งสองก่อนเดินผ่าน
แดนวิหคอัคคีเมืองวิหคอัคคี“ชิงเอ๋อร์ ลูกควรไปงานหาคู่ที่แดนวิหคสายฟ้านะ งานนี้เป็นงานใหญ่ ลูกหลานของหัวหน้าเผ่าแต่ละดินแดนล้วนไปกันทั้งนั้น” หัวหน้าเผ่าวิหคอัคคีพูดกับบุตรสาวของตนอย่างอ่อนโยน“แต่ข้าไม่อยากไปนี่นา งานหาคู่ดูตัวช่างไร้สาระ เอาเวลาไปฝึกบำเพ็ญเพียรดีกว่า” เชวี่ยชิงเอ๋อร์ถอนหายใจ ร่างบางเดินไปนั่งเก้าอี้หน้าตาเหนื่อยหน่าย “ไปเถอะ แม้จะไม่ได้คู่บำเพ็ญเพียร แต่ก็อาจจะได้สหายรู้ใจกลับมา จะเป็นสหายหญิงหรือชายต่างก็ดีทั้งนั้น” ฮูหยินหัวหน้าเผ่าวิหคอัคคีกล่าวพร้อมกับให้ลี่ลี่ยกขนมส่งให้บุตรสาวตนเชวี่ยชิงเอ๋อร์หยิบขนมขึ้นมากัดเข้าปากเคี้ยวไม่กี่คำก่อนพูดต่อ “ข้าเพิ่งอายุสิบแปดปีก็แปลงร่างเป็นมนุษย์ได้แล้ว นกพวกนั้นใช้เวลากันตั้งร้อยกว่าสองร้อยปีถึงจะแปลงร่างได้ ขนาดเกิดมาบนทรัพยากรอันมหาศาล แสดงว่าไร้ความสามารถ หรือไม่ก็มัวแต่สนใจเรื่องไร้สาระ”“ชิงเอ๋อร์น้องสาวข้านอกจากมีทรัพยากรแล้ว ยังมีวาสนามากกว่าผู้อื่น อายุห้าขวบก็แปลงร่างได้แล้ว พวกตัวเล็กจ้อยนั่นไม่คู่ควรกับนาง” เชวี่ยหงหลัว บุตรชายคนโตของหัวหน้าเผ่าเข้ามาภายในห้องโถงเอ่ยเสียงดัง “แต่ว่า งานหาคู่นี้เจ้าควรไปเสียหน่
“นำตัวนางไป”เทียนจวินออกคำสั่งน้ำเสียงทรงพลัง ทหารเซียนสองคนจึงไม่รีรอนำตัวตู้ชิงชิงออกนอกตำหนักไห่ถังอย่างไร้เมตตาหลังจากที่เทียนจวินพูดคุยกับฮองเฮาสักพักก็กลับตำหนักของตน ตงฟางอันนั่วที่ยืนหลบอยู่ด้านข้างก็เดินมาพูดคุยประจบเอาใจ“ฮองเฮาเพคะ จดหมายของผี เอ่อ แม่นางตู้ผู้นั้น หม่อมฉันจะเอาไปส่งให้ท่านเทพหย่วนเฉินเองเพคะ จะได้ไม่ต้องลำบากท่านเทพ”ฮองเฮาครุ่นคิดเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นใบหน้าไร้เดียงสาของตงฟางอันนั่วจึงพยักหน้าตกลง “ได้สิ รบกวนเจ้าแล้ว”“ไม่รบกวนเลยเพคะ ถึงอย่างไรหม่อมฉันก็ต้องกลับไปที่ตำหนักอยู่แล้ว” ตงฟางอันนั่วตอบ ริมฝีปากถูกกัดแน่นไม่ให้เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาแกล้งทำเป็นลืมมอบสักหนึ่งอาทิตย์ หรือไม่ก็แกล้งทำหาย แค่นี้หย่วนเฉินก็จะพลาดกับตู้ชิงชิงอีกครั้ง........ลานด้านหน้าบ่อจุติตู้ชิงชิงถูกพาตัวมายืนด้านหน้าบ่อ เทพที่เฝ้าบ่อจุติก็กระวีกระวาดหยิบถ้วยน้ำลืมเลือนมาส่งให้นาง“ดื่มลงไปเถอะ การลืมดีต่อการจุติใหม่ของเจ้า” เทพผู้เฝ้าบ่อบอกกับตู้ชิงชิง“ไม่ต้องกังวลไป แม้เทียนจวินจะให้เจ้าไปเกิดเป็นเดรัจฉาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับวาสนาของเจ้า หากเจ้าวาสนาดีก็อาจจะ







